dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 433 แรงกดดันที่น่าสยดสยอง
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 433 แรงกดดันที่น่าสยดสยอง
บทที่ 433 แรงกดดันที่น่าสยดสยอง
“ท-ท่านเทพธิดา ผู้ต่ำต้อยคนนี้ขอคารวะท่านเทพธิดา”
จอมยุทธเขตราชันวิญญาณคุกเข่าลงบนพื้นทันทีที่เห็นชิวเยว่
เมื่อพันปีก่อนเมื่อเขายังเป็นเด็กหนุ่ม เขาได้มีโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ได้
เห็นชิวเยว่สังหารสัตว์อสูรที่เป็นที่รู้จักกันในภายหลังว่า “มหาวิบัติ”
ด้วยตนเอง และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่สามารถที่จะลืมความ
แข็งแกร่งประดุจพระเจ้าและความสวยอันสูงส่งของชิวเยว่ได้ แม้กระทั่ง
เวลาผ่านไปหลายร้อยปีเขาก็ยังสามารถจดจำชิวเยว่ในฐานะเทพธิดา
ที่ได้ล่ามหาวิบัติและช่วยเหลือทวีปใต้ได้อย่างง่ายดาย
“ข-ข้ามิอยากเชื่อ… หลังจากผ่านมาหนึ่งพันปี ข้าจักได้มีโอกาสได้
เห็นเป็นบุญตาข้าเป็นครั้งที่สองกับตัวตนอันสง่างามของท่าน ท่าน
เทพธิดา”
“ว้าว เขาพูดสิ่งที่น่าอายในเรื่องของเจ้าโดยปราศจากความละอาย
ออกมาได้จริง ๆ ชิวเยว่” ถังหลิงชีหัวเราะคิกคัก
“น่าอายรึ มิมีอะไรที่น่าอายในเรื่องแสดงความจงรักต่อท่านเทพธิดา
และเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงอ้างท่านเทพธิดาในลักษณะเช่นนั้น เพียง
แค่เจ้าพวกผู้เยาว์ในเขตอัมพรวิญญาณ” ชายชราจ้องไปยังถังหลิงชี
พร้อมหรี่ตา
“โห เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นพี่ใหญ่เพียงเพราะว่าเจ้าอยู่ในเขตราชันวิญญาณ
อย่างงั้นรึ ถ้าข้าอยู่ในร่างเดิมของข้า ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้โดยมิต้อง
ยกนิ้วแม้แต่นิ้วเดียว” ถังหลินชีก็หรี่ตาเธอลงเช่นกัน จนทำให้
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป
“น-นี่”
ชินเหลียงหยูและนักรบชายสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจนแทบ
หายใจไม่ออกจากถังหลินชี มันเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
และชวนสิ้นหวัง พวกเขาไม่เคยรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่น
เช่นนี้มาก่อนซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้า
เทพแห่งความตาย
กระทั่งจอมยุทธเขตราชันวิญญาณก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าประหลาด
ใจหลังจากที่รู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าสยดสยองจากถังหลิงชี
“ใจเย็นหลิงชี” ซูหยางวางมือของเขาลงบนไหล่เธอและกระซิบด้วย
เสียงนุ่มนวล
“ขอโทษ ที่รัก วิธีที่เจ้านี่มองดูข้ามีแต่ความไม่เคารพและมิน่าพอใจ
ดังนั้นข้าจึงโกรธขึ้นมาบ้างเล็กน้อย” ถังหลินชีถอนจิตสังหารใน
ดวงตาออกไปและกระแอมอย่างไม่ใส่ใจ สร้างความงงงันให้กับคน
ที่นั่น
“…”
ชิวเยว่กลืนน้ำลายอย่างเงียบ ๆ และกล่าวกับตัวเองในใจว่า “เธอมา
จากสายเลือดเทพอาชูร่าจริงแท้แน่นอน…”
“เจ้าต้องการที่จะพูดกับข้ารึ รีบพูดออกมาในสิ่งที่เจ้าต้องการ อย่างไร
ก็ตามถ้าเจ้าทำให้พี่สาวใหญ่ของข้าโกรธอีกครั้ง ข้าจักเป็นคนที่ต้อง
พูดกับเจ้าเอง” ชิวเยว่กล่าวกับเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“พ-พ-พี่สาวใหญ่รึ ให้ข้าผู้ต่ำต้อยคนนี้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง”
ชายชราดวงตาเปิดกว้างด้วยความตระหนกและเขาเริ่มโขกหัวกับ
พื้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ เมื่อเขาไม่คาดคิดว่าคนที่อ่อนด้อย
กว่าชิวเยว่จะเป็นพี่สาวใหญ่ของเธอ
“พี่สาวใหญ่รึ” ในเวลาเดียวกันถังหลิงชีก็มองดูชิวเยว่ด้วยรอยยิ้มบน
ใบหน้า
“พอแล้ว รีบพูดออกมา” รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากกับการที่ชายชรา
เคารพเธออย่างมาก ชิวเยว่จึงพูดเสียงดังขึ้น
“ข-ขอรับ” ชายชรารีบยืนขึ้นพูด “ข้าผู้ต่ำต้อยนี้มาที่นี่ในฐานะทูตจาก
ชนเผ่ามังกรด้วยเจตนาที่จะเชื้อเชิญท่านเทพธิดาไปยังชนเผ่ามังกร
ในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ”
“เจ้าต้องการข้าไปยังชนเผ่ามังกรรึ ทำไมกัน” ชิวเยว่ถาม
“หัวหน้าของข้า หัวหน้าหลงประสงค์ที่จะพูดกับท่าน ท่านเทพธิดา”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ชิวเยว่ก็พูดขึ้นว่า “ถ้าหัวหน้าของเจ้า
ต้องการที่จะพูดกับข้าจริง ๆ ทำไมเขาจึงมิมาที่นี่กับเจ้า แต่ว่าเจ้า
ต้องการให้ข้าเสียเวลาโดยการให้ข้าไปหาเขางั้นรึ เจ้าดูถูกข้างั้นรึ”
ชายชราเริ่มสั่นสะท้านหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอและรีบตอบ
กลับอย่างรวดเร็ว “น-นี่เป็นความเข้าใจผิด ท่านเทพธิดา ห-หัวหน้า
ในตอนนี้ยุ่งอยู่กับธุระอื่นและมิสามารถออกมาจากหมู่บ้านได้ใน
เวลานี้ และพวกเรามิมั่นใจว่าท่านเทพธิดาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม
มิเช่นนั้นเขาก็คงอยู่ที่นี่แล้ว อย่างไรก็ตามท่านมิต้องกังวล ท่าน
เทพธิดา ข้าผู้ต่ำต้อยจักกลับไปในทันทีและถ่ายทอดข้อความของ
ท่านให้กับหัวหน้าของเรา”
“รอสักครู่” ซูหยางพลันส่งเสียง
คนในห้องหันไปดูเขาพร้อมเลิกคิ้ว
“ชิวเยว่ เจ้าควรจะไปยังชนเผ่ามังกรและดูว่าพวกนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับ
กระจกนิลกาฬหรือไม่”
“กระจกนิลกาฬรึ ท่านเทพธิดาต้องการความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกระจก
นั่นรึ” ชายชราถาม
“ใช่ เจ้ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์บ้างหรือไม่”
“ม-มีขอรับ แม้ว่าข้ามิอาจจะรับประกันว่าเราจะมีคำตอบต่อคำถาม
ของท่าน แต่ชนเผ่ามังกรมีม้วนคัมภีร์โบราณมากมายเกี่ยวกับกระจก
นิลกาฬ”
ชิวเยว่พยักหน้าอึดใจหลังจากนั้นและกล่าวว่า “ซูหยาง ท่านต้องการ
จะมากับข้าไปยังชนเผ่ามังกรหรือไม่”
เขาส่ายหน้า “ข้าจักมุ่งหน้าไปยังชนเผ่าอื่นกับหัวหน้าชินและหลินชี
หลังจากที่พวกเราเสร็จกิจที่นี่แล้ว”
“ยังงั้นรึ…” ชิวเยว่พึมพำ ฟังดูค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย
“หากท่านปรารถนา เราสามารถจากไปได้ในตอนนี้เลย ท่านเทพธิดา”
ชายชรากล่าวกับเธอ
ชิวเยว่พยักหน้า
ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ชายชราก็พูดกับชินเหลียงหยูว่า “หัวหน้า
ชิน อย่าลืมเรื่องของพวกเรา พวกเราจักกลับมาในวันหลังเพื่อฟังคำ
ตัดสินใจของเจ้า”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ตอบ นักรบที่ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่
ตรงนั้นพลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้อง
ปฏิเสธ สมบัตินั้นได้อยู่กับชนเผ่าหมูป่ ามานับพันปี มิมีทางแน่นอน
ที่พวกเราจักให้มันกับใคร ไม่แม้แต่จะเป็นชนเผ่ามังกร”
“ข้ามิรู้ว่าข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้า มิใช่หัวหน้าชิน นักรบหนุ่ม” ชายชรา
เยาะเย้ยและกล่าวต่อว่า “และก็ใช่ว่าข้ากำลังถามเจ้าให้ส่งมันมาให้
กับพวกเราโดยมิมีสิ่งของตอบแทน ตราบเท่าที่มันอยู่ในราคาที่สม
เหตุผล พวกเราจักซื้อมันจากเจ้า มิว่าอย่างไรเจ้าก็มีเวลาถึงอาทิตย์
หน้าสำหรับการตัดสินใจ หัวหน้าชิน ตอนนี้ข้าจักขอตัวก่อน”
ชายชราออกไปจากกระท่อมและชิวเยว่ก็ติดตามเขาไปในไม่กี่วินาที
หลังจากนั้น
“จ-เจ้าแก่เลวนั่น” นักรบชนพื้นเมืองคำรามเสียงต่ำ ดวงตาของเขา
เต็มไปด้วยความเหยียดหยามและโกรธแค้น
“ใจเย็น เลอเป่า” หัวหน้าชินกล่าวกับเขา
“แต่หัวหน้า พวกเราย่อมมิสามารถมอบสมบัติให้ได้”
“เฮ้อ…” ชินเหลียงหยูถอนใจและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความขุ่นใจของ
เจ้า แต่ถึงแม้ว่าข้าต้องการเก็บสมบัตินั้นไว้มากเท่าไหร่ก็ตาม พวกเรา
ก็ยังมิอยู่ในสถานะที่จะปฏิเสธได้เมื่อชนเผ่าของพวกเราได้ตกต่ำลง
มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วในตอนนี้ ถ้าพวกเรามิทำการตัดสินใจ
เด็ดขาดอะไรบางอย่างในตอนนี้ ทั้งชนเผ่าหมูห่าจักต้องทนทุกข์
ทรมานในอนาคตภายหน้าแน่”
“สมบัตินี้…” ซูหยางพลันพูดขึ้น “พวกเจ้าสามารถบอกข้าเกี่ยวกับ
มันได้บ้างไหม บางทีข้าอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“ผู้อาวุโสซู…ข้าคิดว่านั่นคงเป็นการง่ายในการอธิบายถ้าข้าได้แสดง
ให้ท่านเห็นสมบัติก่อนเป็นอันดับแรก” ชินเหลียงหยูกล่าว