dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 437 เซียนเร่ร่อนและกระจกที่สูญหาย
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 437 เซียนเร่ร่อนและกระจกที่สูญหาย
บทที่ 437 เซียนเร่ร่อนและกระจกที่สูญหาย
ทั้งหัวหน้าหลงและผู้อาวุโสจั่นจ้องมองชิวเยว่ด้วยสายตางุนงง พูด
ไม่ออกกับคำพูดของเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสจั่นซึ่งเห็นทั้ง
สอง “ผู้เยาว์” มาด้วยตาของตนเอง
“พวกนั้นแก่กว่าพวกเราทั้งหมดรวมกันรึ นี่เป็นเรื่องไร้สาระประเภท
ไหนกัน พวกเขาอยู่เพียงแค่ระดับต้นของเขตอัมพรวิญญาณเท่านั้น
จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเช่นนั้นจะมีอำนาจมากกว่าเทพธิดาซึ่งมี
ความแข็งแกร่งสุดหยั่งคาด” ผู้อาวุโสจั่นคิดในใจ ไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะในเมื่อตอนนี้ข้าได้ฟังคำขอของเจ้าแล้วก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้อง
ฟังข้าบ้าง” ชิวเยว่พลันกล่าวกับพวกเขา
“ตราบเท่าที่ชนเผ่ามังกรมีความสามารถ พวกเราย่อมยินดีที่จะเติม
เต็มความต้องการของท่านเทพธิดา” หัวหน้าหลงกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ดี เช่นนั้นจงให้ข้าทุกอย่างที่เจ้ามีเกี่ยวกับกระจกนิลกาฬ” เธอกล่าว
“กระจกนิลกาฬรึ”
“ข้าต้องการข้อมูลทุกอย่างที่เจ้ามีเกี่ยวกับมัน”
“ท-ทุกอย่างเลยรึ” หัวหน้าหลงดูลังเล
“เจ้ามิยอมรึ” ชิวเยว่หรี่ตา
“ม-มิใช่เช่นนั้น ท่านเทพธิดา เพียงแต่ว่าพวกเรามีมาก.. ให้ชัดเจนก็
คือกระท่อมทั้งหลังที่มีแต่ม้วนคัมภีร์”
“ยิ่งมากยิ่งดี บอกทางให้ข้า”
“โปรดมาทางนี้”
สองสามนาทีให้หลัง หัวหน้าหลงก็นำชิวเยว่เข้าไปในกระท่อมที่เต็ม
ไปด้วยม้วนคัมภีร์และหนังสือ
“ท่านเทพธิดาต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับกระจกนิลกาฬ แม้ว่าข้ามิรู้ทุก
อย่าง แต่ชนเผ่ามังกรก็ได้ใช้เวลามากที่สุดในบรรดาชนเผ่าทั้งหมด
ในการศึกษาและพยายามที่จะค้นหาต้นกำเนิดของมัน”
“เจ้ารู้ว่ามันมาจากไหนหรือมันจะนำพาไปแห่งไหนหรือไม่” ชิวเยว่
ถาม
“โชคร้าย นี่เป็นคำถามที่ทุกชนเผ่าพยายามค้นหามาตลอดจวบจนทุก
วันนี้ เพราะว่ามิมีใครได้เคยกลับมาหลังจากที่พวกเขาได้ก้าวเข้าไป
ในกระจกนิลกาฬ พวกเรามิสามารถรู้ได้ว่ามันจักนำไปสู่แห่งใด
ส่วนสำหรับต้นกำเนิดนั้น… มีคำร่ำลือว่ากระจกนิลกาฬครั้งหนึ่งเคย
เป็นของเซียนคนหนึ่ง”
“หือ” ชิวเยว่พลันเกิดความสนใจขึ้นมาในทันที เธอถามว่า “บอกข้า
เกี่ยวกับเซียนคนนี้ให้มากขึ้น”
หัวหน้าหลงพยักหน้าและเริ่มอธิบาย “มิมีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่กระจก
นิลกาฬปรากฏขึ้นในโลกนี้ แต่มีเรื่องราวของเซียนคนนี้ที่เร่ร่อนไป
ทั่วทวีปใต้ตามหา “กระจกเงิน”
“ตามคำบอกของผู้เห็นเหตุการณ์บางคนซึ่งได้พบกับเซียนผู้นี้ เขา
สวมชุดเกราะที่ยับเยินเหมือนกับว่าเขาเพิ่งกลับมาจากสงครามที่
ยาวนานและเสี่ยงต่อชีวิต”
“เซียน… เกราะยับเยิน… คงมิใช่…”
ภาพหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในใจของชิวเยว่ขณะที่หัวหน้าหลงกล่าว
เกี่ยวกับเซียน
“เซียนคนนี้… เขาจะถามทุกคนที่เขาพบเจอว่าพวกเขาได้เคยเห็น
กระจกเงินที่ไหนบ้างหรือไม่ และเขาก็ถูกพบเห็นทั่วทั้งทวีปใต้ แต่
อย่างไรก็ตามในหลายปีให้หลัง เซียนผู้นี้ก็ดูเหมือนว่าจะหายไปจาก
โลกนี้และมิมีใครพบเห็นอีกเลย”
“ซ-เซียนคนนี้… เขาต้องเป็นโครงกระดูกที่อยู่ภายในคลังเซียนนั่น
แน่ สมุนของจักรพรรดิสวรรค์” ชิวเยว่เชื่อว่าตัวตนที่แท้จริงของ
เซียนคนนี้เป็นเซียนหานซิ่นคนที่ทำงานภายใต้จักรพรรดิสวรรค์
โดยตรง
“เช่นนี้เป็นว่ากระจกนิลกาฬนี้มิใช่สมบัติที่สร้างขึ้นจากธรรมชาติแต่
เป็นสิ่งที่เขานำมาที่นี่จากสวรรค์ศักด์ิสิทธ์ิทั้งสี่ หือ…” ชิวเยว่พึมพำ
กับตนเอง
หลังจากนั้นเธอก็กล่าวกับหัวหน้าหลงว่า “ข้าต้องการที่จะดูม้วน
คัมภีร์ทั้งหมดนี้”
“โปรดใช้เวลาตามสบายท่านเทพธิดา ข้าจักทำให้มั่นใจว่ามิมีใครจัก
รบกวนท่านในขณะที่ท่านอยู่ภายในกระท่อมนี้” หัวหน้าหลงโค้ง
คำนับเธอก่อนที่จะจากกระท่อมไป
ครั้นเมื่อเขาปล่อยให้ชิวเยว่อยู่ตามลำพังแล้ว หัวหน้าหลงก็ไปหาผู้
อาวุโสจั่นและกล่าวด้วยรอยยิ้มน่าหวาดหวั่น “เทพธิดาได้ให้คำยืนยัน
ว่าเธอจักมิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุระของพวกเรา ข้าต้องการให้ท่านนำ
ข่าวนี้ไปให้ชนเผ่าสิงโตและบอกพวกนั้นให้ถือโอกาสของ
สถานการณ์นี้จัดการกับชนเผ่าหมูป่ า”
“แล้วเรื่องการต่อรองของพวกเรา พวกเรามิรอคำตอบจากพวกนั้นรึ”
ผู้อาวุโสจั่นถาม
“ข้ารู้คำตอบอยู่แล้ว นอกจากว่าหมู่บ้านของพวกนั้นกำลังจะอดตาย
พวกนั้นมิส่งมอบลูกตามหาวิบัติแน่ ดังนั้นแทนที่จะรอคำตอบเหมือน
คนโง่ พวกเราควรจักบีบพวกนั้นให้ยื่นส่งลูกตาให้เรา ยิ่งไปกว่านั้น
เทพธิดาตอนนี้อยู่ที่นี่ที่เผ่ามังกรนี้ นี่ย่อมทำให้ชนเผ่าสิงโตสามารถ
เคลื่อนไหวโดยมิต้องกังวลเรื่องเธอ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสจั่นพยักหน้า “อย่างไรก็ตามเรื่องของพรรค
พวกของท่านเทพธิดาล่ะ พวกเขามีสองคน พวกเราควรจะทำอะไร
ถ้าพวกเขาเข้ามายุ่ง มิว่าอย่างไรเทพธิดาก็ได้พูดว่าเธอมิได้พูดแทน
พวกเขา”
“ถ้าพวกเขาเข้ามายุ่งเช่นนั้นก็ปล่อยพวกเขาไป ให้ชนเผ่าสิงโต
จัดการกับพวกเขาตามที่เห็นสมควร ถ้านั่นทำให้เทพธิดาโกรธ พวก
เราก็เพียงแค่กล่าวโทษชนเผ่าสิงโต”
“ในช่วงเวลานี้ ข้าจักคอยเฝ้าดูเทพธิดาและพยายามเก็บเธอไว้ที่นี่ให้
นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เวลาถัดไปเมื่อผู้อาวุโสจั่นไปถึงที่ชนเผ่าสิงโต เขาก็สั่งพวกนั้นว่า
“หัวหน้าหลงได้พูดกับท่านเทพธิดาและพวกเราได้รับคำรับรองจาก
เธอว่าเธอจักมิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุระของพวกเราแต่อย่างใด”
“อะไรนะ จริงรึ” ดังที่คาด ชนพื้นเมืองเผ่าสิงโตได้แสดงความ
ประหลาดใจกับข่าวนี้ในเมื่อพวกเขาถูกเธอไล่กลับมาครั้งหนึ่งแล้ว
ผู้อาวุโสจั่นพยักหน้า “ตามจริงตอนนี้ท่านเทพธิดาได้พักอยู่ที่เผ่า
มังกร ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าเริ่มเคลื่อนไหวในตอนนี้ก่อนที่เธอจะ
จากไป ถึงแม้ว่าเธอมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่ข้าก็ยังสงสัยว่าพวกเจ้า
ต้องการที่จะสู้ต่อหน้าเธอผู้สง่างามหรือไม่”
หัวหน้าเผ่าสิงโตพยักหน้าและสั่งการคนของตนเอง “พวกเราจักกลับ
ไปยังชนเผ่าหมูป่ าเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เริ่มเตรียมตัวในทันที
แม้ว่าพวกนั้นสามารถรอดไปได้ครั้งที่แล้ว พวกนั้นย่อมมิอาจหนีพ้น
จากพวกเราเป็นครั้งที่สอง”
คนของชนเผ่าสิงโตพากันคำรามอย่างดุร้ายทำให้เกิดความรู้สึกของ
บรรยากาศสงคราม
“…”
หลังจากที่ปลุกปั่นทั่วทั้งชนเผ่าสิงโตแล้ว ผู้อาวุโสจั่นก็หายตัวไป
จากที่นั่นอย่างเงียบ ๆ โดยมิได้เตือนพวกนั้นในเรื่องซูหยางและถัง
หลินชี ไม่ว่าอย่างไรเป้าหมายของเขาก็คือการทำให้พวกเขาต้องการ
ที่จะสู้กับชนเผ่าหมูป่า ถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเขาอาจจะต้องสู้กับพรรค
พวกของเทพธิดาแน่นอนว่าพวกเขาต้องลังเลที่จะโจมตีพวกนั้น
“ตอนนี้เมื่อทุกสิ่งได้ตระเตรียมแล้ว พวกเราก็เพียงแค่นั่งลงและรอ
ให้เกิดการดำเนินการ” ผู้อาวุโสจั่นหัวเราะหึ ๆ กับตนเองขณะที่เขา
เดินทางกลับไปยังเผ่ามังกร