dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 465 แม่ยก*
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 465 แม่ยก*
บทที่ 465 แม่ยก*
(ผู้แปล – *ศัพท์คือ fangirls แฟนเกิร์ล เหล่าผู้ติดตามที่เป็นหญิงใน
ด้านการ์ตูน ดนตรี หนัง หรือฟิกชั่น เพื่อที่จะให้ดูเข้ากับยุคสมัยของ
ซูหยาง จึงใช้คำว่า แม่ยก ซึ่งมีความหมายเดียวกัน)
“ทุกคนที่นี่กำลังรอที่จะเข้าเยี่ยมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ” โหลวหลาน
จีตื่นตะลึงกับการได้รับความนิยมเพิ่มอย่างกะทันหัน แม้ว่ามันจะ
เป็นไปตามคาด เธอก็ไม่ได้คิดว่ามันจะบานปลายรวดเร็วขนาดนี้
สองสามอึดใจถัดไป เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ข้าคือโหลว
หลานจีผู้นำนิกายของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและข้ารู้สึกเจียมตนกับ
ความศรัทธาในการเยี่ยมเยือนของพวกท่าน ดังนั้นครั้นเมื่อข้ากลับไป
ยังนิกายแล้ว ข้าก็จักเริ่มรับแขกทันที ในเมื่อดูเหมือนจะมีผู้คนจำนวน
มาก ซึ่งคงจักต้องใช้เวลาสักพัก ดังนั้นขอได้โปรดอดทน”
“โอ ผู้นำนิกาย”
ผู้คนที่นั่นต่างพากันก้มหัวให้ด้วยความเคารพหลังจากที่รู้ฐานะของ
เธอแล้ว
“เชิญตามสบาย ท่านผู้นำนิกาย พวกเราจักอยู่ที่นี่ถึงแม้ว่ามันจักต้อง
ใช้เวลาถึงเดือนหน้า”
โหลวหลานจีพยักหน้าก่อนที่จะกลับคืนไปในรถม้าพร้อมกับเหล่าผู้
อาวุโสนิกาย
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง
หลังจากนั้น ครั้นเมื่อพวกเขาได้กลับคืนไปยังนิกายแล้ว พวกเขาก็
ได้รับการต้อนรับจากผู้อาวุโสจ้าว ซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ คอยดู
คนนับร้อยที่รอคอยอยู่ด้านนอกอย่างเงียบ ๆ เหมือนกับพวกยามเฝ้า
ประตู
“ท่านผู้นำนิกาย สุดท้ายท่านก็กลับมา”
ผู้อาวุโสจ้าวยืดตัวขึ้นทันทีเมื่อเห็นรถมาของพวกเขาตรงเข้ามาที่
ประตูใหญ่
“ขอทางหน่อย ท่านผู้นำนิกายกลับมาแล้ว”
ผู้เยี่ยมชมที่นั่นต่างเว้นทางให้รถม้าของพวกเขาผ่านโดยไม่จำเป็น
ต้องบอก
ครั้นเมื่อรถม้าหยุดลงแล้ว ศิษย์ทั้งหมดและผู้อาวุโสนิกายก็พากัน
ออกจากรถม้า
“ดูสิ นั่นนางฟ้าฟาง เธอช่างสวยเหมือนกับที่คำร่ำลือกล่าวไว้”
“นั่นก็นางฟ้าซุนกับศิษย์คนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน”
เหล่าผู้คนที่นั่นต่างพากันมองด้วยความชื่นชมยามเมื่อเหล่าศิษย์
ออกมาจากรถม้า
เมื่อสุดท้ายซูหยางได้ปรากฏตัวขึ้น ผู้คนที่นั่นต่างก็พากันระเบิดเสียง
โห่ร้องออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้หญิงที่นั่นซึ่งพากันส่งเสียง
ตื่นเต้นหลงใหล
“ตรงนั้นนั่นเป็นซูหยาง อัจฉริยะอันดับหนึ่งในทวีปตะวันออก เข้าถึง
เขตอัมพรวิญญาณเมื่ออายุสิบเจ็ดปี เขาดูเหมือนจะหล่อเหลากว่าที่
ได้รับคำอธิบาย”
“สวรรค์ช่วย เขาช่างชวนฝัน ผู้ชายสามารถทำให้ดูสวยเช่นนั้นได้
อย่างไรกัน เขายังกระทั่งสวยกว่าหญิงสาวเกือบทั้งหมดตรงนั้น”
“โปรดมองมาทางนี้ พี่ชายซู”
“ข้าขอรูปท่านได้ไหม”
“…”
เมื่อได้ยินชื่อของเขาเรียกขานหลาย ๆ ครั้ง ซูหยางก็ตัดสินใจหันไป
มองเหล่าหญิงสาวเหล่านั้นและเผยรอยยิ้มหล่อเหลาให้แก่พวกเธอ
จนทำให้พวกเธอทุกคนกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
“โอพระเจ้า เขาเพิ่งยิ้มให้แก่ข้า”
“ไม่ใช่ เขายิ้มให้แก่ข้าต่างหาก”
“พวกเจ้าตาบอดหรือเปล่า สายตาของเขาเห็นได้ชัดว่ามองมาที่ข้า”
บรรดาศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่างพากันมองไปยังเหล่าแม่ยก
เหล่านี้ด้วยสีหน้างงงัน พวกเขามีความรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องพบเจอ
คนประเภทนี้บ่อยขึ้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ครั้นเมื่อสุดท้ายเหล่าศิษย์ได้เข้าไปในนิกายแล้ว ผู้อาวุโสจ้าวก็กล่าว
กับผู้คนที่รออยู่ด้านนอกก่อนที่จะปิดประตูใหญ่ว่า “ผู้นำนิกายของ
เราเพิ่งกลับมา ดังนั้นให้เวลาพวกเราหน่อยก่อนที่พวกเราจะเริ่ม
รับแขกอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประตูจะปิด เหล่าศิษย์ก็ยังคงได้ยินเสียงจาก
ข้างนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ยกที่ส่งเสียงดังที่สุด
“พวกเราไปหาที่เงียบ ๆ กว่านี้กันเถอะ” โหลวหลานจีกล่าว
“ศิษย์คนอื่นตอนนี้รออยู่ภายในห้องประชุม” ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว
โหลวหลานจีพยักหน้าและพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางไปยังห้องประชุม
เวลาผ่านไปเมื่อพวกเขาเข้าไปในอาคารแล้ว เหล่าศิษย์ที่ต่างรออยู่
ภายในนั้นก็พากันยืนขึ้นและวิ่งเข้ามาหาพวกเขาในทันใด
“ศิษย์พี่หญิง”
“ศิษย์พี่ชาย”
เหล่าศิษย์ที่ไม่ได้เดินทางไปยังเมืองหิมะโปรยรุมล้อมคนที่เพิ่งกลับ
มาถึงอย่างรวดเร็ว
“เซี่ยวไป่”
ลูกบอลขนยาวสีขาวลูกใหญ่พลันโถมเข้าไปยังฟางซีหลานยามเมื่อ
มันเห็นเธอ
“เจ้าโตขนาดนี้เชียวในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว” ฟางซีหลานมีท่าทาง
ประหลาดใจหลังจากที่เห็นว่าเซียวไป่มีขนาดเกือบเป็นสองเท่า
“ซูหยาง…”
หญิงสาวสวยพลันตรงเข้าไปหาซูหยางด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลบนใบหน้า
“ลี่ชิง” ซูหยางส่งรอยยิ้มของตนเองตอบรับสายตาของเธอ
“ยินดีต้อนรับกลับ” หลานลี่ชิงกล่าวกับเขา
“ข้ากลับมาแล้ว” เขาพยักหน้า
หลังจากที่ใช้เวลาหลายนาทีกับการพบกันอีกครั้ง โหลวหลานจีก็
รวมตัวทุกคนและพูดขึ้นว่า “ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าคงได้ยินเรื่องนี้
เรียบร้อยแล้ว และพวกเราทำได้ นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้เป็นแชมป์
ของการแข่งขันระดับภูมิภาค ในเวลานี้พวกเราเป็นสำนักอันดับหนึ่ง
ในทวีปตะวันออก”
เหล่าศิษย์ที่นั่นต่างพากันโห่ร้องยินดีด้วยความตื่นเต้น บางคนถึงกับ
ร้องไห้ออกมา
“แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมมิเกิดขึ้นหากปราศจากความช่วยเหลือของ
พวกเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูหยาง ซึ่งรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวใน
การฝึกฝนเหล่าศิษย์ที่ได้รับชัยชนะการแข่งขันครั้งนี้”
“แม้ว่าข้าจะได้กล่าวเช่นนี้ไปเรียบร้อยแล้วในเมือง ข้าก็จักพูดซ้ำอีก
ครั้งที่นี่สำหรับพวกเจ้าที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ข้าได้แต่งตั้งซูหยางให้เป็น
ผู้นำนิกายอีกคนหนึ่ง ดังนั้นพวกเจ้าต้องถือว่าเขาเป็นเช่นนั้นนับตั้งแต่
วันนี้เป็นต้นไป”
“ผ-ผู้นำนิกาย” ผู้อาวุโสจ้าวดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก แม้ว่า
เขาจะได้ทำนายไว้แล้วว่าซูหยางจะได้เป็นผู้นำนิกายในสักวันหนึ่ง
เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเร็วมากปานนี้
“ซูหยาง… หรือข้าควรเรียกเจ้าว่าผู้นำนิกายดีในตอนนี้ ขอแสดงความ
ยินดี” หลานลี่ชิงกล่าวกับเขา
อย่างไรก็ตามซูหยางส่ายหน้าและกล่าวกับเหล่าศิษย์ที่นั่นว่า “ข้ามิ
ชอบพิธีรีตอง ดังนั้นข้าจักขอให้ทุกคนยังคงเรียกข้าว่าซูหยางเช่นเดิม”
จากนั้นโหลวหลานจีได้ดำเนินการสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่
พวกเขายังอยู่ที่เมืองหิมะโปรย ย้อนถึงการแข่งขันของพวกเขา คู่
ต่อสู้ สำนักเมฆม่วงและหงอวี้เอ๋อร์ พันธมิตรกับนิกายดอกบัวเพลิง
และสำนักหงส์สวรรค์และสิ่งอื่น ๆ จนกระทั่งเดินทางกลับ
“เขตอัมพรวิญญาณ… ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่กันที่ข้าได้ยินคำนี้ แต่ปรากฏ
ว่ามันความจริง…” ผู้อาวุโสจ้าวถอนหายใจเมื่อโหลวหลานจียืนยัน
ความสงสัยของเขา แม้ว่าเขาจะยังยอมรับมันไม่ได้ แต่เขาก็อดที่จะ
ชื่นชมซูหยางและพรสวรรค์ของอีกฝ่ายไม่ได้
หลังจากนั้น โหลวหลานจีก็ทำการแนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกับชิน
เหลียงหยู ชนพื้นเมืองจากทวีปใต้ แน่นอนว่าปูมหลังของเธอนั้นได้
จะทำให้เกิดคำถามและความสนใจมากมาย แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่
จะถามเธอหลังจากการประชุม
“มิว่าอย่างไร พวกเราก็ได้รับรางวัลสิบล้านหินวิญญาณและสิ่งอื่น ๆ
อีกหลายอย่าง ดังนั้นพวกเราจักใช้ทรัพยากรเหล่านี้ในการก่อสร้าง
และขยายนิกายของเรา ทำให้ใหญ่ขึ้น อย่าลืมว่าพวกเราจักต้องรับ
ศิษย์จำนวนมากในเร็ว ๆ นี้” โหลวหลานจีกล่าวต่อ “ข้าเองก็ได้รับ
บริจาคจำนวนมากจากซูหยางแล้วเช่นกัน และข้าก็จักแจกจ่ายสิ่ง
เหล่านี้ให้กับพวกเจ้าทั้งหมดในภายหลัง”
“สิ่งสุดท้าย ข้าได้พูดเรื่องนี้ไปแล้วกับผู้อาวุโสนิกายบางคน แต่เพื่อ
ที่จะขยายออกไปอีกในอนาคตและรับศิษย์มากขึ้น นิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสัยจักมิเป็นเพียงแค่สำนักที่เน้นเฉพาะการฝึกวิชาคู่แต่อย่างเดียว
อีกต่อไป พวกเราตอนนี้จักต้องแยกออกเป็นสองส่วน หนึ่งสำหรับผู้
ที่ประสงค์ในการฝึกวิชาคู่และอีกหนึ่งที่ประสงค์ในการฝึกฝนแบบ
ปกติ พวกเจ้าคนไหนมีข้อกังขาสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่”
เหล่าศิษย์ที่นั่นต่างสบสายตากันก่อนที่จะส่ายหน้า ตราบเท่าที่พวกเธอ
ยังคงได้รับการร่วมฝึกวิชาคู่ สิ่งอื่นก็ไม่มีความหมายสำหรับพวกเธอ
“นี่คือทุกสิ่งที่ข้าต้องพูดในตอนนี้ ข้าจักปล่อยให้ซูหยางเป็นคนพูด
ต่อไป” โหลวหลานจีกล่าว
สองสามอึดใจถัดไป ซูหยางก็เดินออกมาข้างหน้าและจ้องมองเหล่า
ศิษย์ด้วยสีหน้าเยือกเย็น