dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 469 ความฝันอันชัดแจ้ง
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 469 ความฝันอันชัดแจ้ง
บทที่ 469 ความฝันอันชัดแจ้ง
ในเวลาที่ซูลี่ชิงหลับอยู่นั้น ความฝันของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ
และความฝันก็ค่อยเปลี่ยนเป็นสมจริงมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าพวกมัน
เป็นความทรงจำที่แท้จริงและไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน
“เจ้าชื่ออะไรรึ หนุ่มน้อย”
“ซูหยาง”
“เช่นนั้นตามสัญญา ในเมื่อเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าก็จักกลายเป็นภรรยา
ของเจ้า ซูหยาง”
ภายในความฝันของเธอ ซูลี่ชิงเห็นตัวเธอเองคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วย
ท่าทางอ่อนล้าและที่ยืนอยู่อย่างภาคภูมิใจตรงหน้าของเธอพร้อมกับ
กระบี่ในมือของเขานั้นก็คือซูหยาง และดูเหมือนว่าเขาเอาชนะเธอ
ในการประลองบางอย่าง
สองสามอึดใจจากนั้นความฝันของเธอก็เปลี่ยนไปสู่อีกฉากที่ซึ่ง
พวกเขาพากันเปลือยกายบนเตียงและซูหยางพยายามอย่างหนักที่จะ
สร้างความพึงพอใจให้กับเธอ แต่ผู้คนสามารถบอกได้ว่ากลเม็ดของ
เขานั้นแย่มากจากเพียงแค่เหลือบมองเท่านั้น
“ข้าออกแล้วเม่ยชี” ซูหยางอุทานออกมาขณะที่ร่างของเขาสั่นสะท้าน
ด้วยความสุข หลั่งของเหลวรุ่มร้อนเข้าไปในร่างของเธอ
หลังจากที่เขาหลั่งออกมาแล้ว ซูหยางก็สลบไสลไปบนอกเธอก่อนที่
จะหลับลงไปเหมือนกับเด็ก
ภาพฉากนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง และปรากฏว่าเป็นหลังจากที่พวกเขา
ร่วมรัก
“สุดท้ายเจ้าก็ตื่นขึ้นมาแล้วสินะ เม่ยชี” ซูหยางถามเธอ
จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยเสียงอับอายว่า “ข้าขอโทษถ้าเมื่อคืนนี้แย่ไป
หน่อย มันเป็นครั้งแรกของข้า”
“ข้าก็มิรู้ในเมื่อนั่นก็เป็นครั้งแรกของข้าเช่นกัน” ซูลี่ชิงตอบกลับไป
“ข้าจักทำให้ดีขึ้นในคราวหน้าเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้า ข้า
สัญญา” ซูหยางยิ้มอย่างไร้เดียงสา
ภาพฉากนั้นพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“เจ้าก้าวข้ามผ่านระดับอีกแล้วรึ นั่นเป็นเพียงแค่เดือนเดียวนับตั้งแต่
ครั้งสุดท้ายนั่น ซูหยาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าก็จักเหนือล้ำกว่าข้า
ในเวลาเพียงแค่อีกไม่กี่เดือน” ซูลี่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดสวยบน
ใบหน้า
และอีกครั้ง
“ซูหยาง เจ้าคิดว่าข้าจักสามารถให้กำเนิดลูกเจ้าได้หรือไม่ นี่ก็นับเป็น
เวลาสิบปีแล้วนับตั้งแต่พวกเราแต่งงานกัน และพวกเราก็ทำเช่นนี้
ทุกวัน แต่ข้าก็ยังมิสามารถ…”
“ไม่เป็นไรหรอก เม่ยชี ข้ามิสนใจว่าเจ้าสามารถที่จะตั้งครรภ์ได้
หรือไม่ ข้าพอใจเพียงแค่มีเจ้าในชีวิต”
ฉากเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ข้าขอโทษซูหยางที่เป็นภรรยาที่ไร้ค่าเช่นนี้ ข้าจักมิโทษเจ้าถึงแม้ว่า
เจ้าจะตัดสินใจที่จะหาหญิงอื่นมาให้กำเนิดลูกเจ้า มิว่าอย่างไรคนที่มี
พรสวรรค์เช่นเจ้าสมควรที่มีคนที่ดีกว่าข้า” ซูลี่ชิงกล่าวด้วยน้ำตา
คลอเบ้า
“เมื่อไหร่กันที่เจ้าจักหยุดพูดไร้สาระเช่นนั้น เม่ยชี กี่ครั้งแล้วที่ข้าได้
บอกกับเจ้าว่าถึงแม้ว่าเจ้ามิสามารถที่จะให้กำเนิดลูกข้าได้ ข้าก็จักมิ
ทอดทิ้งเจ้าไว้เพียงลำพัง” ซูหยางเช็ดน้ำตาของเธอออกด้วยรอยยิ้ม
อ่อนโยน
“แต่ข้าแก่ตัวลงไปแล้ว และพลังการฝึกปรือของข้าก็ถึงขีดจำกัดมา
นานแล้ว ถ้าข้ามิสามารถที่จะตั้งครรภ์ได้ภายในห้าปีข้างหน้า ความหวัง
ทั้งหมดก็ต้องสูญสลาย” ซูลี่ชิงร้องไห้หนักขึ้น
อย่างไรก็ตามซูหยางเพียงแค่โอบกอดเธอและกระซิบเสียงเบาว่า
“ข้ามิได้แต่งงานกับเจ้าเพื่อที่ว่าเจ้าจะได้ให้กำเนิดลูกให้กับข้า เม่ยชี
ข้าแต่งงานกับเจ้าเพราะว่าข้ารักเจ้า”
“ข้าขอโทษ ซูหยาง… ข้าเสียใจจริง ๆ …”
และในเวลานั้นนั่นเอง ซูลี่ชิงก็ลืมตาโพลง
เธอพลันลุกขึ้นนั่งบนเตียงและมองดูมือของตัวเองที่ยังสั่นสะท้าน
ไม่อาจควบคุมได้
“น-นั่นเป็นความฝันที่สมจริงอะไรเช่นนั้น” เธอพึมพำกับตนเองด้วย
ร่างกายที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเธอฝันร้าย
แต่ทว่ายิ่งนานเท่าไหร่ที่เธอตื่นขึ้นมา ความฝันนั้นก็เริ่มลบเลือนไป
จากใจเธอเท่านั้นราวกับว่ามันถูกลบทิ้ง
หลังจากที่นั่งอยู่บนเตียงต่อไปอีกหลายนาทีด้วยหน้าตาสับสน เธอก็
ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อล้างเอาเหงื่อออกไปจากร่างของเธอ
“เห็นชัดว่านั้นเป็นซูหยาง แต่ก็ยังมีบางอย่างที่แตกต่างไปอย่างมาก
ในตัวเขา แต่ว่านั่นเป็นความฝันอะไรกัน” ซูลี่ชิงครุ่นคิดในใจขณะที่
เธอสัมผัสตราตระกูลบนร่างของเธอเบา ๆ
แม้ว่ามันจะแจ่มชัดว่าเป็นเพียงแค่ความฝันของเธอ มันก็ยังคงแจ่ม
ชัดและสมจริงเกินไปที่จะเป็นเพียงแค่ความฝัน
ในเวลานั้นหลังจากที่เขาออกมาจากตำหนักโอสถ ซูหยางก็กลับคืน
ไปยังที่พักของตนเองที่ซึ่งชิวเยว่และเซียวลี่รอคอยเขาอยู่
“สุดท้ายท่านก็กลับมา นายท่าน”
เซียวลี่กระโดดเข้าใส่เขาด้วยแขนที่อ้ากว้าง ทำท่าทางเหมือนกับเด็ก
ที่ไม่เห็นหน้าตาพ่อแม่มาเป็นเวลานาน
แม้ว่าเวลาเพียงเดือนเดียวก็เหมือนกับไม่มีความหมายใดสำหรับ
ตัวตนในเขตตำนานอย่างเซียวลี่ แต่เธอก็พบว่าเวลาได้ผ่านไปอย่าง
เชื่องช้าเป็นอันมากโดยปราศจากซูหยางอยู่ใกล้กับเธอ และก็เป็น
ความรู้สึกไม่สบายใจที่เธอก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง
“มีอะไรเกิดขึ้นบางไหมในขณะที่ข้าจากไป” ซูหยางถามเธอขณะที่
เขาอุ้มเธอไว้ในวงแขน
“คนที่น่าสงสัยสองสามคนพยายามที่จะเข้ามาในนิกาย ดังนั้นข้าจึง
ฆ่าพวกนั้นทั้งหมด” เซียวลี่ตอบด้วยท่าทางเรียบเฉย ราวกับว่าเธอ
กำลังพูดถึงเรื่องฆ่าแมลง
“คนพวกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร” ซูหยางเลิกคิ้ว
“พวกนั้นแต่งตัวด้วยชุดดำล้วนดังนั้นข้าจึงมิได้เห็นรูปร่างหน้าตา
พวกนั้น แต่พวกนั้นมีกลิ่นคล้ายกับคนที่ข้าเคยฆ่าไปก่อนหน้านั้น”
“ก่อนหน้านั้นรึ” ซูหยางเพียงได้แต่นึกถึงตอนที่เซียวลี่ฆ่าคนจาก
นิกายล้านอสรพิษ
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่”
“เมื่อสองอาทิตย์ก่อน”
“ตอนที่การแข่งขันระดับภูมิภาคยังคงดำเนินอยู่อย่างงั้นสินะ หึ”
“ข้าควรไปฆ่าพวกนั้นทิ้งทั้งหมดไหม” เซียวลี่พลันถามเขาด้วยใบหน้า
ไร้เดียงสา สีหน้าที่ไม่ควรจะเข้ากับคำพูดที่เพิ่งออกมาจากปากของ
เธอ
“เจ้ามิต้องทำให้มือของเจ้าแปดเปื้อนด้วยการฆ่าพวกนั้นหรอก ข้าเอง
ก็สนใจว่าพวกนั้นจักทำอะไรต่อไปเช่นกันในตอนนี้เมื่อแผนของ
พวกนั้นล้มเหลว มิว่าอย่างไรพวกนั้นก็มิสามารถที่จะทำอันตราย
พวกเราได้มิว่าพวกนั้นจะทำอะไรก็ตาม”
เหตุผลอื่นที่ทำไมเขาจึงไม่ให้เซียวลี่ไปกำจัดนิกายล้านอสรพิษก็
เพราะว่าเขาต้องการที่จะเป็นคนจัดการพวกนั้นด้วยตนเอง
“อย่างไรก็ตามข้าจักเดินทางไปยังนิกายดอกบัวเพลิงในตอนนี้ ดังนั้น
ข้าต้องการให้เจ้าปกป้องสถานที่แห่งนี้ต่อไป”
“ข้าต้องการไปพร้อมกับท่านครั้งนี้ นายท่าน” เซียวลี่กล่าวกับเขา
ด้วยดวงตาอ้อนวอน
“เมื่อไหร่กันที่เธอเรียนรู้ที่จะทำสีหน้าเช่นนั้น” ซูหยางครุ่นคิดในใจ
“ชิวเยว่ เจ้าพอจะปกป้องที่แห่งนี้แทนเธอสักหน่อยหรือไม่” เขาหัน
ไปดูเธอ
“ข้ามิมีปัญหาแต่ถ้ามีคนมาหาท่านล่ะ”
“เพียงแค่บอกพวกเขาว่าข้าไปไหน”
“ท่านมั่นใจรึ” ชิวเยว่มองดูเขาพร้อมกับเลิกคิ้ว
“พวกเขาล้วนรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเราอยู่แล้ว และก็มิมีเหตุผล
อะไรอีกสำหรับข้าที่จะปกปิดเจ้าไว้อีกต่อไป ในเมื่อข้าเองก็มิได้เป็น
เพียงแค่ศิษย์ในโลกที่ไม่รู้จักอีกต่อไป”
ชิวเยว่พยักหน้า
เวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็ออกจากนิกายไปโดยมีเซียวลี่ข้างกาย