dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 504 การทดสอบศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย 5
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 504 การทดสอบศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย 5
“หือ เจ้าคือ…”
เมื่อชายหนุ่มซึ่งเคยเป็นศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก้าวเข้าไปบนเวทีที่สอง ซุนจิงจิงก็หรี่ตาไปยังเขา ดูราวกับว่าเธอจำเขาได้
“เจ้ามิใช่ จินยูโบ หรอกรึ เจ้ามาทำบ้าอะไรที่นี่” ซุนจิงจิงกล่าวกับอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้เริ่มตื่นตระหนก
“ศ-ศิษย์พี่หญิง ซุน… ข้าปลื้มใจที่ท่านสามารถจำคนที่มิมีความสำคัญอย่างข้าได้…” เขากล่าวกับเธอด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“อย่าเรียกข้าเป็นศิษย์พี่หญิง ในเมื่อเรามิได้มีความเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนศิษย์กันอีกต่อไป และถ้ามีใครสักคนคอยรบกวนเจ้าทุกวันทุกคืน ขอร้องให้เจ้าเป็นคู่ร่วมฝึก แน่นอนว่าเจ้าจักต้องจำคนแบบนั้นได้” ซุนจิงจิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว เห็นชัดว่าเธอไม่พอใจกับการปรากฏตัวของอีกฝ่าย
“มิว่าอย่างไรก็ตามเจ้ากล้าที่จะมาเข้าร่วมการทดสอบนี้และพยายามที่จะกลับมาเป็นศิษย์อีกครั้งได้อย่างไรหลังจากที่เจ้าทอดทิ้งพวกเราไปแล้วในวันนั้น เจ้ามีความละอายใจหรือเปล่า ข้าจักทำให้เจ้าล้มเหลวที่นี่โดยมิเปิดโอกาสให้เจ้าแม้แต่น้อย”
“ด-ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้น ศิษย์พี่… ผู้อาวุโสซุน ข้ารู้ถึงความผิดพลาดข้าแล้ว และข้าก็เสียใจอย่างลึกซึ้งที่จากนิกายไปในวันนั้น ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อที่จะชดใช้ให้กับนิกาย ถึงแม้ว่าจะใช้ข้าเหมือนกับเป็นทาสหลังจากนี้ ข้าก็มิกล้าบ่น” จินยูโบกล่าวกับเธอด้วยหน้าตาสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตามซุนจิงจิงไม่แม้จะชายตามองไปยังตัวตนของเขา เพียงแต่พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคิดจริงๆรึว่าข้ามิได้คิดว่าเจ้าเป็นคนประเภทไหนกัน จินยูโบ ถ้าปู่ของข้ามิใช่ผู้อาวุโสนิกายและเป็นผู้นำหน่วยพิทักษ์กฏ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจักต้องใช้กำลังกับข้าเหมือนดังเช่นกับที่เจ้าทำกับศิษย์คนอื่นๆ”
“และข้าก็มั่นใจเช่นกันว่าคำพูดของเจ้าเมื่อกี้นี้มิมีอะไรไปกว่าคำแก้ตัวลมๆแล้งๆ เหตุผลเดียวที่เจ้าตัดสินใจกลับมานิกายก็เพราะว่าชื่อเสียงใหม่ของพวกเรา”
“น-นี่… ข้า…” จินยูโบกัดฟัน ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของซุนจิงจิงนั้นถูกต้องยิ่งกว่าถูกต้อง
เพราะว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยตอนนี้เป็นหนึ่งในสำนักที่เป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในทวีปตะวันออก ศิษย์แทบจะทุกคนที่ได้ละทิ้งที่แห่งนี้ไปไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองที่ละทิ้งนิกายไปมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
ความจริงแล้วจินยูโบไม่ใช่ศิษย์ทิ้งสำนักเพียงคนเดียวที่นี่ ยังมีคนอื่นๆอีกมากในหมู่ผู้คน แต่ทว่าไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่กล้าที่จะเข้ามาทดสอบและได้เพียงแต่เฝ้ามองจากที่ไกล บางทีพวกเขาอาจจะกำลังรอใครสักคน ศิษย์ร่วมสำนักที่ทิ้งนิกายไปในวันนั้นปรากฏตัวและเข้าร่วมการทดสอบ เพื่อที่พวกเขาจะได้ตัดสินใจที่จะทำตามหรือไม่
ถ้าจินยูโบผ่านการทดสอบและได้รับการยอมรับให้กลับไปเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอีกครั้ง เช่นนั้นพวกเขาก็จะถือโอกาสทำอย่างเดียวกันเช่นกัน
“ข้ามีหลายเหตุผลที่จะไล่เจ้าไปในตอนนี้ และข้ามั่นใจว่าท่านผู้นำนิกายจะต้องมิกล่าวโทษข้าในเรื่องนี้ แต่ข้าก็จักยอมให้เจ้าเข้ารับการทดสอบนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็มีความมั่นใจอย่างมากว่าคนที่ฟอนเฟะอย่างเช่นเจ้าจักมิสามารถที่จะต่อต้านเม็ดยาจิตมารนี้ได้” ซุนจิงจิงพลันกล่าวกับอีกฝ่าย
“ข-ขอบคุณ ผู้อาวุโสซุน” จินยูโบคำนับเธอก่อนที่จะหาที่นั่งบนเวที
ในเวลานั้นผู้เข้าร่วมคนอื่นอีกยี่สิบเก้าคนที่นั่นที่ได้ดูสถานการณ์ต่างก็พากันหัวเราะเยาะเคราะห์ร้ายของจินยูโบอยู่อย่างเงียบๆ
“ตอนนี้ข้าจักเริ่มการทดสอบ” ซุนจิงจิงกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะทำลายเม็ดยาจิตมารทำให้หมอกสีแดงแพร่กระจายออกไป
หมอกสีแดงปกคลุมไปทั่วเวทีและปิดบังสายตาของทุกคนที่นั่น
สองสามวินาทีให้หลัง เวทีก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน ราวกับว่ามีการฆ่าฟันกัน
ในเวลานั้น ซุนจิงจิงก็ได้มองไปยังจินยูโบที่เกลือกกลิ้งไปทั่วพื้นในขณะที่ดึงผมของตนเอง
“เพราะว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจ้นนับตั้งแต่เจ้าทิ้งพวกเราไป ข้ามั่นใจว่าใจของเจ้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ทำให้การทดสอบนี้ยากกว่าเดิมสำหรับเจ้า” ซุนจิงจิงส่ายหน้าให้กับเขา “สำหรับหัวใจเน่าเฟะของเจ้า… นั่นคงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าเจ้าสามารถผ่านการทดสอบนี้”
สิบห้าวินาทีภายในการทดสอบ เลือดก็เริ่มไหลออกมาจากจมูกของจินยูโบ
“โอ” ซุนจิงจิงเลิกคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น ในเมื่อจินยูโบได้กลายเป็นคนแรกที่ได้รับผลเป็นความเสียหายจริงๆจากเม็ดยาจิตมาร
ใช่แล้ว ในบรรดาคนหลายพันคนที่เข้ารับการทดสอบที่สอง ไม่มีใครเลยที่ต้องหลั่งเลือดเพราะเม็ดยา
อย่างไรก็ตามในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกของเธอที่เห็นเช่นนั้น เธอจึงไม่มั่นใจว่าเธอควรจะปล่อยเขาไว้ตามลำพังหรือว่าย้ายเขาออกไปจากเวทีก่อนที่จะเกิดอันตรายต่อเขามากไปกว่านี้
“อาาาาาา”
ยี่สิบวินาทีภายในการทดสอบ เลือดก็เริ่มไหลออกจากตาและหูของจินยูโบเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ซุนจิงจิงหันกายไปเพื่อที่จะขอคำชี้แนะ เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเธอและเตะจินยูโบออกไปจากเวที
เมื่อซุนจิงจิงเห็นว่านั่นเป็นซูหยางที่ปรากฏตัวขึ้น เธอก็จ้องมองเขาด้วยตากลมโต
สองสามอึดใจให้หลัง ครั้นเมื่อจินยูโบเยือกเย็นลงเล็กน้อย ซูหยางก็พูดขึ้นว่า “แม้ว่าข้าจะยอมรับเจ้าสำหรับการที่สามารถต่อต้านเม็ดยาจิตมารได้ถึงระดับนี้ ถึงกับยอมเสี่ยงชีวิต แต่เจ้าจักตายในอีกสามวินาทีให้หลังถ้าข้ามินำเจ้าออกไปจากเวที”
“น-น-นั่นหมายความว่า… ว่าข้าได้… ล้มเหลว…ใช่ไหม” จินยูโบถามเขา
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ต่อให้เจ้าสามารถทำการอยู่บนเวทีได้นานถึงสามสิบวินาที พวกเราก็ย่อมมิยอมรับคนตายเป็นศิษย์อยู่ดี”
จากนั้นเขาก็หันไปมองดูฝูงชนและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่ามีพวกเจ้าบางคนในหมู่ผู้คนที่เคยเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาก่อน และสงสัยว่าเจ้ามีโอกาสที่จะกลับมาหรือไม่”
“ผู้นำนิกายโหลวหลานจีมีความปรารถนาที่จะมิให้อภัยกับพวกเจ้าที่ทอดทิ้งนิกาย แต่ข้าจักให้โอกาสที่สองต่อพวกเจ้า แต่ทว่านี่มิได้ง่ายดายนักเพราะว่าพวกเจ้าได้ทอดทิ้งนิกายไปครั้งหนึ่งมาก่อนแล้ว ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการที่จะกลับมา เจ้าต้องต้านเม็ดยาจิตมารให้ได้ถึง 90 วินาที แทนที่จะเป็น 30 วินาที”