dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 528 สาขาวิชาคู่
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 528 สาขาวิชาคู่
บทที่ 528 สาขาวิชาคู่
“ท่านผู้นำนิกาย” หนึ่งในหมู่ศิษย์พลันยกมือขึ้นและกล่าวว่า “พวก
เราสามารถเลือกวิชาการต่อสู้ได้มากกว่าสามจากหอคัมภีร์พ้นพิสัย
หรือไม่”
“แน่นอนว่าได้ แต่ข้าขอเตือนว่า อย่ากัดคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยว*
วิชาทั้งหมดในนั้นไม่ใช่วิชาทั่วไปที่เจ้ารู้จัก ในเมื่อวิชาระดับต่ำสุดก็
ยังลึกล้ำกว่าปกติ”
หลังจากนั้นชั่วขณะ ศิษย์อีกคนก็ยกมือขึ้นและกล่าวว่า “ท่านผู้นำ
นิกาย เมื่อไหร่ที่พวกเราสามารถที่จะเลือกอาจารย์จากภายในนิกาย”
ซูหยางตอบว่า “บอกพวกเจ้าตามจริง ผู้อาวุโสนิกายผู้มีประสบการณ์
ส่วนใหญ่ได้จากนิกายไปนานแล้ว ดังนั้นจึงมีเหลือไม่กี่คนและผู้ที่
เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งซึ่งยังมิมีประสบการณ์ในการสอนผู้อื่นมากนัก
ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการคำแนะนำ เจ้าสามารถไปหาข้าได้เมื่อข้าว่าง
และครั้นเมื่อผู้อาวุโสนิกายเตรียมตัวที่จะรับศิษย์ของตนเอง เจ้าจึง
สามารถหาอาจารย์อย่างเป็นทางการได้”
“อย่างไรก็ตามเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าเกือบทั้งหมดที่นี่
คงจักแข็งแกร่งพอที่จะฝึกฝนด้วยตนเองได้โดยมิต้องมีอาจารย์ไป
เรียบร้อยแล้ว”
ซูหยางทำการตอบคำถามของเหล่าศิษย์ และหลังจากนั้นอีกหนึ่ง
ชั่วโมง หลังจากที่ปล่อยศิษย์ทุกคนไปแล้ว ซูหยางก็กลับคืนสู่ที่พัก
ของตนเองเพื่อสร้างวิชาใหม่ให้กับจางซิวยิงจนกว่าจะถึงอีกหนึ่ง
สัปดาห์ข้างหน้า เมื่อเหล่าศิษย์ที่ต้องการฝึกคู่จะพร้อมเริ่มการฝึก
ร่วมกับเขา
ระหว่างเวลานั้นซูหยางก็ได้ช่วยเหลือเหล่าศิษย์ใหม่ผู้ต้องการความ
ช่วยเหลือและเขาเองก็ได้ย้ายเข้าสู่ศาลาหยินหยาง ที่ซึ่งปราณไร้ลักษณ์
มีความเข้มข้นกว่า แน่นอนว่าความแตกต่างนั้นไม่ได้ส่งผลต่อเขาอีก
ต่อไป ผู้ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับห้าเขตอัมพรวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อที่เขาจะสามารถเพิ่มพลังการฝึกปรือได้ เขาจำเป็นจะต้องดูดกลืน
ทรัพยากรล้ำค่า หรือใช้เวลาหลายปีเพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นไปอีกหนึ่ง
ระดับ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปราวกับกระพริบตา และสุดท้ายก็ถึงเวลาสำหรับ
สาขาวิชาคู่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าซูหยางอีกครั้ง
ที่พื้นที่ชุมนุม ซูหยางจ้องมองไปยังศิษย์ 110 คนด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“มีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้นรึที่สามารถหาคู่ได้” ซูหยางกล่าว
หลังจากเหลือบมอง
“ท-ท่านรู้ได้อย่างไร ท่านผู้นำนิกาย” เหล่าศิษย์ต่างพากันงงงัน ใน
เมื่อพวกเขาต่างมั่นใจว่าเขาไม่ได้แม้จะเฉียดใกล้พวกเขาตลอดทั้ง
สัปดาห์
“ถ้าเจ้ากอดใครสักคนที่มีน้ำหอมเข้มข้น ก็เป็นเรื่องปกติที่น้ำหอม
นั้นจักติดตัวเจ้า แม้ว่าจะมิมีศิษย์คนไหนในนี้ที่ใช้น้ำหอม แต่มันก็
เหมือนกันในด้านของกลิ่นอาย”
จากนั้นเขาก็หันไปมองดูศิษย์ชายเจ็ดคนที่ยังไม่สามารถหาคู่ได้และ
กล่าวกับพวกเขาว่า “อย่าท้อแท้กับเหตุการณ์นี้ แม้ว่าเจ้าอาจจะอยู่ใน
นิกายที่ฝึกฝนวิชาคู่ และเต็มไปด้วยเหล่าผู้หญิง มันมิได้ทำให้ง่าย
สำหรับเจ้าในทันใดในการหาคู่สักคน ในขณะที่มันมิได้เป็นความ
ผิดพลาดของเจ้าทั้งหมดแต่อย่างใดที่มิได้มีเสน่ห์มากพอ สิ่งที่ง่าย
ที่สุดที่จำเป็นสำหรับเจ้าก็คือกลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ แน่นอนว่ามีคน
มากมายนอกเหนือจากนั้นที่ยังมิสามารถทำตัวให้มีเสน่ห์มากขึ้นได้
แม้กระทั่งพวกเขาจะได้พยายามแล้วก็ตาม แต่โชคยังดีพวกเจ้าทุก
คนมิได้ถึงกับไร้ความหวังด้วยการมีใบหน้าอัปลักษณ์”
“เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นเพียงศิษย์นอก เหล่าหญิงยังมิกระทั่งมองมายัง
ตัวข้า มีเพียงแต่ตอนที่ข้าพิสูจน์ความสามารถของข้าเท่านั้นที่สุดท้าย
พวกเธอก็เริ่มให้ความสนใจต่อข้า” ซูหยางรำลึกถึงความทรงจำก่อน
หน้านั้นในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“ตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าอาจจะยังมิมีคู่ฝึก สำหรับชั่วระยะเวลานี้ เจ้า
สามารถฝึกวิชาของเจ้าได้ตลอดเวลาเพื่อเตรียมตัวสำหรับเมื่อเจ้าได้
มีคู่ฝึกที่แท้จริงเพื่อที่ว่าเจ้าจักมิได้ดูเหมือนลาโง่ที่ไร้ความสามารถ
เมื่อถึงยามที่เจ้าต้องสร้างความพึงพอใจให้กับคู่ของเจ้า”
“มิว่าอย่างไรก็ตามก็จักเป็นเรื่องน่าอายอย่างมากที่ขาดความสามารถ
ในการสร้างความพึงพอใจให้กับคู่ของเจ้ามากกว่าการมิมีคู่ฝึกแม้สัก
คน ถึงแม้ว่าเจ้ายังมิได้มีประสบการณ์อะไร ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนวิชา
ที่ข้าจักให้กับเจ้า เจ้าจักสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับคู่ของเจ้า
ได้ถึงแม้ว่าเจ้าจักขาดประสบการณ์อันใดก็ตาม”
“พวกเราจักมิลืมคำพูดของท่านผู้นำนิกายในวันนี้” เหล่าศิษย์ชายต่าง
พากันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังบนใบหน้า
เมื่อพวกเขาไม่สามารถที่จะหาคู่ฝึกได้แม้ว่าจะมีหลายตัวเลือกหลังจาก
ผ่านพ้นไปทั้งสัปดาห์ พวกเขาต่างพากันอับอายจนไม่อยากจะแสดง
ตัวที่พื้นที่ชุมนุม แต่หลังจากที่ฟังคำพูดของซูหยาง พวกเขาก็ไม่ได้
รู้สึกอับอายอีกต่อไปแต่กลับรู้สึกมีแรงผลักดันในการหาคู่ฝึกอีก
ต่อไป
จากนั้นซูหยางก็ทำการพูดต่อไปอีกว่า “แน่นอนพวกเจ้ายังสามารถที่
จะเดินทางออกไปนอกสำนักและหาคู่ฝึกด้านนอกได้ตลอดเวลา
เพียงเพราะว่าเจ้าเป็นศิษย์ของนิกายนี้มิได้หมายความว่าคู่ของเจ้าจัก
ต้องเป็นเพื่อนศิษย์เท่านั้น ตามความเป็นจริงมีศิษย์จำนวนมากในอดีต
ที่ต่างพากันหาคู่ฝึกภายนอกนิกาย ในขณะที่อาจจะมิได้มีประสิทธิภาพ
มากเท่ากับการฝึกฝนกับเพื่อนศิษย์และผู้ฝึกวิชา จำนวนคนที่ยินดีที่
จะเป็นคู่ฝึกภายนอกนั้นจักเติมเต็มให้เป็นการทดแทน”
“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้ายังคงใหม่เกินไปที่จะออกไปจากนิกาย ดังนั้น
ฝึกฝนวิชาของเจ้าสักสองสามเดือนก่อนที่พวกเจ้าจักค่อยคิดเกี่ยวกับ
การออกไปยังด้านนอก”
“ขอรับท่านผู้นำนิกาย”
หลังจากนั้น ซูหยางก็เริ่มยื่นวิชาฝีมือให้กับเหล่าศิษย์ แต่ก่อนที่เขา
จะยื่นส่งพวกมันออกไป เขาก็อธิบายให้พวกเขาฟังถึงความแตกต่าง
ระหว่างการฝึกวิชาธรรมดากับการฝึกวิชาคู่
“วิชาฝีมือสำหรับพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่นั้นค่อนข้างแตกต่างจากพวกอื่น
มิเหมือนกับผู้ฝึกวิชาโดยปกติ วิชาหลักใหญ่ของพวกเรามิได้ต้องการ
พรสวรรค์อะไรมากนัก มีเพียงแต่พวกเจ้าต้องมีคุณสมบัติตรงตาม
ข้อกำหนดทางเพศเท่านั้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่
นั้นฝึกวิชาค่อนข้างจะแตกต่างไปเล็กน้อย แต่พวกเราก็ยังต้องการดูด
ซับปราณไร้ลักษณ์เช่นเดียวกับผู้ฝึกวิชาอื่น ๆ”
“พวกเราสามารถดูดซับปราณไร้ลักษณ์โดยตรงเช่นเดียวกับผู้ฝึกวิชา
ทั่วไป แต่ในฐานะผู้ฝึกวิชาคู่ หลักใหญ่ของพวกเราก็คือดูดซับปราณ
ของคู่ฝึกของพวกเราก่อนที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นปราณไร้ลักษณ์
มันเหมือนกับว่าพวกเรามีขั้นตอนพิเศษเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ฝึกวิชา
ทั่วไป แต่นั่นมิได้เป็นข้อสำคัญ”
“เมื่อผู้คนดูดซับปราณไร้ลักษณ์โดยตรง พวกเขาต้องกำจัดความไม่
บริสุทธ์ิที่พวกเขาได้ดูดซับมาพร้อมกับปราณไร้ลักษณ์หลังจากนั้น
แต่สำหรับพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่ซึ่งดูดซับปราณโดยตรงจากคนอื่น
นอกจากว่าร่างของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธ์ิ พวกเรา
ย่อมมิได้ดูดซับความไม่บริสุทธ์ิมามากนักหากจะมีอยู่บ้าง นั่นเป็น
เหตุที่ว่าทำไมผู้ฝึกวิชาคู่โดยปกติแล้วจึงสามารถฝึกฝนได้รวดเร็ว
กว่าการฝึกวิชาตามปกติ ในเมื่อพวกเรามิจำเป็นต้องใช้เวลาในการ
ชำระล้างความไม่บริสุทธ์ิภายในร่างกายเรามากนัก”