dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน - Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 532 โปรยหินวิญญาณ
- Home
- dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน
- Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 532 โปรยหินวิญญาณ
บทที่ 532 โปรยหินวิญญาณ
หลังจากครุ่นคิดไปอีกชั่วขณะ โหลวหลานจีก็นวดขมับและถอน
หายใจอย่างแรง “ถ้าเจ้าเชื่อจริง ๆ ว่าเราต้องการที่จะใช้หินวิญญาณ
มากมายขนาดนั้น เช่นนั้นข้าก็มิโต้แย้ง ตั้งแต่แรกหินวิญญาณทั้งหมด
นี้ก็ล้วนเป็นของเจ้า ดังนั้นเจ้าก็ควรสามารถใช้มันได้ตามที่เจ้าต้องการ”
ซูหยางพยักหน้าและยื่นส่งแผนที่ของทั้งนิกายที่แสดงถึงพื้นที่ทั้งหมด
ที่ต้องการวางหินวิญญาณ
หลังจากนั้น โหลวหลานจีก็เรียกผู้อาวุโสนิกายและศิษย์ทั้งหมด แม้
กระทั่งศิษย์รุ่นเยาว์ภายในสำนัก
“เกิดอะไรขึ้น ท่านผู้นำนิกาย” ผู้อาวุโสซุนถามเธอหลังจากที่ทุกคน
มารวมตัวกันแล้ว
เธอพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเกือบทั้งหมดยุ่งอยู่กับการ
ฝึกฝนตนเอง แต่ว่าข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งหมดช่วยอะไรบางอย่าง
ในเมื่อมันไม่ได้เป็นอะไรที่คนสองสามคนจะสามารถทำได้ และนี่
เป็นคำขอร้องส่วนตัวจากผู้นำนิกายซู”
“อะไรที่ท่านผู้นำนิกายต้องการ แน่นอนว่าพวกเรายินดีที่จะช่วยเขา
อย่างดีที่สุดที่ความสามารถของเราจะทำได้” เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์กล่าว
“ซูหยางต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรางั้นรึ นี่มิได้เป็นอะไรที่
สามารถเห็นได้บ่อยนัก…” ผู้อาวุโสซุนพึมพำ ในเมื่อเขาคุ้นเคยกับ
การที่ซูหยางทำทุกสิ่งด้วยตัวเขาเอง
จากนั้นเขาก็พูดว่า “อะไรที่ผู้นำนิกายต้องการให้พวกเราทำ”
“ข้าดีใจที่ท่านถาม” รอยยิ้มพิกลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโหลว
หลานจี ก่อนที่เธอจะยื่นส่งถุงมิติหลายร้อยถุงให้กับพวกเขา
“…”
เหล่าศิษย์จ้องมองกองถุงมิติด้วยสีหน้างุนงง จะให้พวกเขาไปซื้อ
ของหรืออย่างไร
“ถุงมิติทั้งหมดนี้มีไว้ทำอะไร ท่านต้องการให้พวกเราไปซื้ออะไรรึ
ท่านผู้นำนิกาย” ซุนจิงจิงถาม
“มิได้เป็นเช่นนั้น” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ทั้งหมดนี้มีทั้งหมด สามร้อยล้านก้อนหินวิญญาณ ในถุงมิติเหล่านี้”
“อะไรนะ หินวิญญาณสามร้อยล้านก้อนรึ”
เมื่อโหลวหลานจีเปิดเผยให้พวกเขารู้ถึงความร่ำรวยที่เก็บซ่อนไว้ ผู้
อาวุโสนิกายและเหล่าศิษย์ทั้งหมดต่างพากันกระโดดถอยหลังด้วย
ท่าทางตกใจ
“ท-ท่านล้อพวกเราเล่นรึ ท่านผู้นำนิกาย ที่ไหนในโลกนี้กันที่พวก
เราอยู่ดี ๆ ก็พลันร่ำรวยมหาศาลเช่นนั้น ต่อให้พวกเราขายนิกายนี้
ทั้งหมด มันก็ยังมิมีความร่ำรวยได้ครึ่งหนึ่งของเท่านี้ อย่าว่าแต่สาม
ร้อยล้านก้อนหินวิญญาณ” ผู้อาวุโสซุนกล่าวกับเธอด้วยสีหน้าสับสน
เห็นชัดว่าไม่อยากเชื่อ
“ท่านสามารถตรวจสอบถุงมิติพวกนี้ได้ด้วยตนเอง ท่านผู้อาวุโสซุน
ข้ามิมีเหตุผลที่จะโกหกท่าน ตามจริงหินวิญญาณเหล่านี้มิได้ขึ้นกับ
ข้า เป็นซูหยางที่นำมันมา”
“ซูหยาง…”
ผู้อาวุโสซุนยังคงงงงันแม้ว่ามันจะสมเหตุผลมากหากว่าเป็นซูหยาง
ที่อยู่เบื้องหลังความร่ำรวยนี้ มันก็ยังไม่ได้อธิบายอยู่ดีว่าเขาได้มันมา
อย่างไร
“เปรียบเทียบกับความร่ำรวยของเขา กระทั่งตระกูลซุน หนึ่งในตระกูล
ที่ร่ำรวยที่สุดในทวีปตะวันออกก็ยังมิมีค่าให้กล่าวถึง” ผู้อาวุโสซุน
ร่ำร้องในใจ
โหลวหลานจียิ้ม หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของเหล่าศิษย์
“พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าพวกเขารู้ว่าหินวิญญาณสามร้อย
ล้านก้อนนี้เป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของที่พวกเรามีในตอนนี้ ข้าสงสัย
เหลือเกิน” เธอถามตนเอง
สองสามอึดใจให้หลัง ยามเมื่อความตกใจของพวกเขาเจือจางลงไป
แล้ว ฟางซีหลานก็ถามว่า “พวกเราจะต้องไปทำอะไรกับหินวิญญาณ
มากมายปานนี้ ท่านผู้นำนิกาย”
“อย่าตกใจตายเมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ แต่ด้วยหินวิญญาณสามร้อย
ล้านก้อนนี้ พวกเรามีหน้าที่นำพวกมันไปโปรยรอบ ๆ นิกาย” โหลว
หลานจีพูด
“ป-โปรยพวกมันรอบนิกายรึ…. ข้าตามมิทัน…” ฟางซีหลานเลิกคิ้ว
ด้วยใบหน้าสับสน
ไม่เพียงแค่ฟางซีหลาน ในเมื่อทุกคนที่นั่นต่างพากันงงงันว่าทำไม
พวกเขาจะต้องทำอะไรแบบนั้น
“ซูหยางกำลังจะสร้างค่ายกลรอบนิกาย และต้องการหินวิญญาณ
จำนวนมาก แต่ข้าก็มิมีประสบการณ์ด้านค่ายกล ดังนั้นนี่จึงเกิน
ขอบเขตความรู้ของข้า” โหลวหลานจีกล่าว
“แม้ว่าจะเพื่อความปลอดภัยของนิกาย แต่การใช้หินวิญญาณสาม
ร้อยล้านก้อนเพื่อค่ายกล… ข้ามิสามารถพูดได้ว่าข้าเห็นด้วยกับการ
ถลุงหินวิญญาณมากมายปานนี้…” ผู้อาวุโสซุนถอนใจ รู้สึกเหมือนกับ
ว่าตนเองแก่ไปหลายปีภายในไม่กี่อึดใจ
“ข้าพอจะพยายามหว่านล้อมเขาให้เปลี่ยนใจได้หรือไม่” เขาถาม
“ข้าได้พยายามแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ตัดสินใจไปแล้วที่จะสร้าง
ค่ายกลนี้”
“เก็บลมปากของท่านไว้ ท่านปู่ หากว่าซูหยางได้ตัดสินใจไปในเรื่อง
ใดแล้ว เขาก็จักมิยอมเลิกล้ม และถ้าเขาเชื่อว่าค่ายกลนี้มีค่าถึงสาม
ร้อยล้านก้อนหินวิญญาณ เช่นนั้นข้าก็จักเชื่อตามเขาด้วยเช่นกัน”
“ฮ้าาาาาา…” ผู้อาวุโสซุนถอนใจอีกครั้ง แต่เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธ
คำพูดของซุนจิงจิงได้ ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนใจเลย
หลังจากที่ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ
หลังจากนั้นผู้อาวุโสซุนก็พูดขึ้นว่า “ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว แต่ว่า
พวกเราจะโปรยพวกมันไปรอบ ๆ นิกายอย่างไร”
เมื่อได้ยินคำถามของเขา โหลวหลานจีก็หยิบถุงมิติขึ้นมาและหยิบ
หินวิญญาณขึ้นมาหนึ่งกำก่อนที่จะโปรยมันลงไปบนพื้นราวกับว่า
มันเป็นอาหารนก
“…”
เหล่าศิษย์ที่นั่นต่างพากันมองพร้อมกับทำตาโต ราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่
ไร้สาระที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมา คำว่า “สูญเปล่า” ยังไม่สามารถที่
จะอธิบายสถานการณ์นี้ได้อย่างเต็มที่
“เพียงแค่โยนมันไปรอบ ๆ นิกายราวกับว่าพวกเจ้าป้อนอาหารนกใน
สวน แต่เน้นในบริเวณเหล่านี้มากเป็นพิเศษ” โหลวหลานจีแสดงให้
พวกเขาเห็นแผนที่แสดงตำแหน่งที่มีเครื่องหมายเอาไว้
“มันต้องทำให้เสร็จภายในสองสัปดาห์ก่อนที่ซูหยางจะเสร็จสิ้นการ
เตรียมการสำหรับค่ายกลนี้”
เวลาหลังจากนั้น ศิษย์แต่ละคนก็หยิบถุงมิติและเริ่มโปรยหินวิญญาณ
ไปทั่วทุกแห่งหน
แม้ว่าเหล่าศิษย์จะรู้สึกลังเลที่จะโปรยหินวิญญาณไปรอบนิกายราว
กับว่ามันเป็นขยะ พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะไม่เชื่อฟังคำขอร้องของ
ผู้นำนิกายได้ ส่วนสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานยากจนมาก่อนที่จะเข้านิกาย
พวกเขาต่างก็พากันร้องไห้กันอย่างหนักขณะที่หินวิญญาณหลุดไป
จากมือและทิ้งอยู่เกลื่อนพื้น
อย่างไรก็ตามก็มีศิษย์อีกสองสามคนที่มีความสุขอย่างแท้จริง ในเมื่อ
นี่ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขานั้นกำลังโอ้อวดความมั่งคั่ง
ของตนเอง
หินวิญญาณถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งนิกายอย่างรวดเร็ว จนเหมือน
กับว่าเป็นขุมทรัพย์ และมันเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปนิกาย
โดยไม่เหยียบไปบนหินวิญญาณบ้าง
สองสัปดาห์ให้หลัง หินวิญญาณสามร้อยล้านก้อนก็ถูกทิ้งกระจัด
กระจายไปทั่วทั้งนิกาย จนทำให้ที่แห่งนั้นปลดปล่อยพลังปราณไร้
ลักษณ์ออกมาจำนวนมาก