dungeon defense - ตอนที่ 40 ราตรีวัลเพอกีส(5)
เหล่าจอมมารต่างกระซิบคุย เสียงผู้คนพูดคุยกันหึ่งพลางพูดพ่นถ้อยคำแสดงความไม่พอใจออกมา
300ปี เป็นช่วงเวลาที่นานไร้สาระจนเกินไป
ไพมอนหลับตาลงท่ามกลางความวุ่นวายราวกับเธอหมดเรื่องที่ต้องการจะพูดแล้ว
ผมบอกได้เลยว่าการที่เธอใช้ความมีชื่อเสียงระดับนั้นกับจอมมารระดับล่างแบบผม มันเป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญกับคุณธรรม สมบัติผู้ดีเป็นอย่างมาก เธออาจจะคิดก็ได้ว่า การกระทำแบบนั้นมันเท่ แต่ในความเห็นของผม เธอก็แค่ดูเย่อหยิ่งจองหอง
“ทุกคนอยู่ในความสงบนิ่ง”
จอมมารอันดับ 5 มาร์บาสนั้นทำให้เสียงจอแจสงบลงด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว ทั้งห้องบอลรูมกลับมาเงียบเช่นที่ควรเป็น
“ไพมอน เจ้าพูดจบหรือยัง?”
“ค่ะ เลดี้ผู้นี้ไม่มีสิ่งใดให้เพิ่มเติมอีก”
“หากเป็นอย่างนั้น ต่อไปให้พวกเรามาฟัง ข้อโต้แย้งของดันทาเลี่ยน
ดันทาเลี่ยนมีสิทธิ์ตั้งคำถามถามไพมอนและไพมอนมีสิทธิ์ตอบคำถามดันทาเลี่ยน”
เอาล่ะ ผมพูดกับตัวเองในหัวแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด
ถึงคราวของผมบ้างแล้ว พวกเขามักจะพูดกันว่า จงรู้จักศัตรูของท่านแล้วจะชนะทุกการศึก ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเช็คสเตตัสตัวเองก่อนที่จะเข้าสู่การป้องกัน มีแพสซีสสกิล(passive skill)ที่ไม่รู้ที่มาของจอมมารบางตนที่อยู่ที่นี่ ค่าสเตตัสของผมจึงตกลงอย่างมาก
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
นามแท้: ดันทาเลี่ยน
เผ่า: จอมมาร ฝ่าย: กองกำลังจอมมารดันทาเลี่ยน
สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-10)
เลเวล: 4 ชื่อเสียงทางลบ: 253
อาชีพ: ผู้จัดการดันเจี้ยน(F), จอมมาร(F)
ความเป็นผู้นำ: 15/15 อำนาจ: 2/5 สติปัญญา: 20(-5)/25
ไหวพริบ: 13/15 เสน่ห์: 5(-5)/10 เทคนิค: 4/10
*ฉายา: คุณไม่มีฉายา
*อบิลิตี้: กลยุทธ(F), พลธนู(F), ขุดเหมือง(F)
*สกิล: การแสดง
[ความสำเร็จ: 0]
[ผู้ใต้บังคับบัญชา: 42 /50 ยูนิต]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ช่างเป็นสแตทที่น่าสงสารชะมัด แต่ช่างมันเถอะ ผมอยู่ในความสงบได้ ต้องขอบคุณการให้กำลังใจอย่างเงียบๆของลาพิส แม้จะมีอารมณ์มากมายไหลผ่านมาหาผม
แต่ผมก็ยังคงจัดการความวิตกกังวลในตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้น—ช่วงที่นักผจญภัยหมู่บ้านเจลเซ่นบุกเข้ามาดันเจี้ยนผมนี่ ยังเลวร้ายกว่านี้อีก!
ถึงแม้ค่าสแตทตอนนี้ผมจะต่ำ แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นมันน้อยกว่านี้เสียอีก ผมที่พึ่งมาถึงโลกนี้ใหม่ๆ ก็ยังสามารถหาข้อมูลด้วยตัวเอง ตั้งแต่เริ่มจนจบมาได้ ผมเพียงแต่ต้องทำการแสดง โดยที่ไม่ต้องใช้สกิล การแสดง เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้
แล้วถ้าเปรียบเทียบสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง?
ผมรู้เป็นอย่างดีว่า สถานการณ์ที่ผมอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างไร และรู้จักดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ไพมอนเป็นหนึ่งในบอสที่ผมจะต้องโค่นแล้วโค่นอีก เช่นเดียวกับที่ผมเล่นเกมนับหมื่นรอบ
มันทำให้ผมรู้ชัดเลยว่า เธอจะตอบคำถามผมอย่างไร
“ดันทาเลี่ยน ท่านเริ่มการไต่สวนได้”
มาร์บาสพูดขึ้น
ผมโค้งหัวให้เขาก่อนจะมองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ก่อนที่ข้าจะเริ่ม ข้าปรารถนาจะแสดงความจริงใจเสียก่อน ข้อแรก เนื่องเพราะฝ่าบาทไพมอนนั้นช่างมีความสูงสุดและมีพลังอำนาจส่วนตัวยิ่งกว่าคนเช่นข้า”
ผมได้ยินเสียงใครบางคนพ่นลมจากจมูก นั่นคงเป็น อันดับ 8 บาร์บาทอส เธอยังคงเป็นศัตรูกับไพมอนตั้งแต่เริ่ม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจจึงเริ่มพูดต่อ
“ข้อที่สอง ข้านั้นไม่รู้เลยว่า อันโดรมาลิอุสนั้นเป็นบุคคลสำคัญล้ำค่าที่คู่ควรกับความภาคภูมิใจในระดับที่ฝ่าบาทไพมอนควรเป็นห่วงเขา
จนกระทั่งตอนนี้ ข้าเชื่อว่า ยังคงมีช่องว่างที่ห่างไกลทางบุคลิกภาพจนไม่อาจข้ามได้ระหว่าง ฝ่าบาทไพมอน กับ อันโดรมาลิอุส
แต่ถึงอย่างนั้นฝ่าบาทไพมอนก็ยังกระโดดข้างช่องว่างนั้นเพื่อให้การอนุเคราะห์อันโดรมาลิอุสต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย บุคคลที่ห่วยแตกที่สุดในบรรดา 72 จอมมาร แถมยังเป็นตัวตนที่น่าอับอาย ฝ่าบาทก็ยังคงเรียก เขาว่า ญาติของพวกเรา
……ข้าต้องขอประทานอภัย ตัวข้านั้นไม่อาจเข้าใจจุดประสงค์ของฝ่าบาทเลย”
สีหน้าของไพมอนนั้นเย็นชา มุมปากของเธอนั้นยกเชิดขึ้นเล็กน้อยแต่แววตานั้นชาชืด สำหรับคนที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กสาวที่เฉยชาที่สุดในโลกปีศาจ การแสดงออกแบบนี้ไม่นับว่าเป็นเฉยชาเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่เห็นได้ชัดสำหรับเธอว่า ผมกำลังเยาะเย้ยถากถางชื่อเสียงเธอโดยตรง แต่คนอื่นก็รับรู้ได้เช่นเดียวกัน
“……เลดี้ผู้นี้ให้เหตุผลชัดเจนแล้วในเรื่องนั้น ว่าจอมมารนั้นมีค่าเพราะพวกเขาเป็นจอมมาร”
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือครับ?”
ผมจงใจเปิดตาให้กว้างราวกับว่าผมรู้สึกตกใจ
“ไม่สิ ไม่ใช่ว่าเป็นเช่นนั้นจริงไหม? ท่านไพมอนครับ นี่ท่านเชื่อเช่นนั้นจริงๆหรือ?”
“ใช่ ตัวฉันนั้นจริงใจ ไม่อย่างนั้นคิดว่า เลดี้ผู้นี้จะกล้าประกาศออกมาทั้งที่ไม่แน่ใจหรือ?”
“ขออภัยด้วยครับ ข้าไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ท่าน แต่ท่านไพมอน ข้าออกจะแปลกใจเพราะข้าเชื่อว่า ท่านนั้นไม่มีทางที่จะพูดอะไรผิดไป”
จากนั้นผมก็โค้งให้ได้มุม 60 องศาพอดี
“ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ ข้าจะขอใช้อำนาจก้าวข้ามสถานะของข้าและถามท่านไพมอนบางคำถาม
ท่านไพมอนครับ จอมมารคืออะไร?
คำถามนี้อาจฟังดูคลุมเครือไปหน่อย ขอให้ข้าเรียบเรียงคำถามใหม่ อะไรคือ ความหมายของการมีตัวตนอยู่ของจอมมารในโลกปีศาจครับ?”
“นี่เจ้ากำลังดูถูกเลดี้ผู้นี้หรือ? แน่นอนว่า มันต้องเป็นการชี้นำ และรวมกำลังเผ่าปีศาจทั้งหลาย แล้วนำพาพวกเขาไปสู่โลกเบื้องบน”
“เป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยมมากครับ ดูถูกหรือ? อย่าได้คิดเช่นนั้นเลยครับ ข้าเพียงแต่รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ฝ่าบาทได้ตอบคำถามข้อสองข้อนั่นของข้า”
ผมยกมือโชว์ฝ่ามือขึ้นและยิ้มอย่างเสน่หา
“ท่านไพมอนครับ ถ้าหากจอมมารต้องเป็นผู้นำทาง รวบรวมและเป็นผู้นำเหล่าปีศาจไปสู่โลกเบื้องบน ถ้าอย่างนั้นแล้วจอมมารที่ไม่เป็นผู้นำทาง ไม่รวบรวม และไม่พยายามเป็นผู้นำเหล่าปีศาจไปสู่โลกเบื้องบนล่ะ หมายความว่า พวกเขานั้นขาดคุณสมบัติจอมมารใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
“โอ้ ให้พูดตามจริง ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
นั่นโกหกทั้งเพ ใครจะสนใจกันว่า จอมมารมีพันธกิจมีหน้าที่อะไร ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย แต่ถึงอย่างนั้นการโกหกนี้ก็ไม่ต้องจ่ายสักแดง
“นี่จึงเป็นความหมายของการมีอยู่ของจอมมารในโลกปีศาจ ขออภัยนะครับ แต่ถ้าหากจะเปรียบเทียบกับอาร์คดยุคที่เป็นผู้ปกครองนรกในโลกปีศาจ
มีจอมมารทั้งที่มีอำนาจเหนือและต่ำกว่าพวกเขาด้วยเช่นกัน ข้าก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การที่พวกเราได้รับการปฏิบัติดั่งจักรพรรดิ และจักรพรรดินีเหนือเหล่าพวกอาร์คดยุค และดยุคเหล่านั้น
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นกันล่ะ? ทุกคนครับ นี่คือสิ่งที่ท่านไพมอนได้กล่าว”
ผมมองไปรอบๆห้อง
“ในการเอาชีวิตรอด กฏและความโลภนั้นเป็นความจริงของโลกปีศาจ มีเพียงจอมมารเท่านั้นที่ทำงานเพื่อผู้อื่นและนำทางให้พวกเขา พวกเราเป็นผู้เดียวที่ปีศาจยินดีก้มหัวให้
แม้อาร์คดยุคในนรกจะนำกองกำลังนับหมื่น แต่คิดว่าจะมีสักกี่คนที่จะสาบานจงรักภักดีต่อพวกเขา?
แม้ในถ้ำมืดที่ทุกคนคิดถึงแต่ตัวเอง รวมถึงปีศาจ จอมมารจึงเป็นตัวตนเดียวที่ส่องสว่างเป็นดั่งแสงแห่งความหวัง”
เป็นเหมือนสัญลักษณ์โดยสมบูรณ์อย่างแท้จริง
ในความเป็นจริงแล้ว ปีศาจได้ต่อสู้กันหลั่งเลือดมากมายหลายพันปี แต่ ‘พวกเขา’เป็นข้อพิสูจน์ว่า สักวันหนึ่งพวกเขาจะกลับมารวมเป็นหนึ่งได้ นั่นคือ สิ่งที่จอมมารใน เป็น
“แต่หากมีจอมมารตนหนึ่ง ไม่ทั้งรวมหมู่และเป็นผู้นำเหล่าปีศาจ เขากลับเอาเปรียบก็อบลินนับร้อยตัวเพื่อหาเงิน แถมยังเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่เขาไม่แม้แต่จะอยู่อาศัยในโลกมนุษย์!
เขาเอาแต่ใช้เวลาไปอย่างเปล่าเปลืองอยู่ในโลกปีศาจเพียงเพื่อความสนุกสนานและความพอใจของตน เงินทั้งหลายที่ได้มาอย่างหรูหราจากเลือดและเหงื่อของก็อบลิน เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าขอถามทุกท่าน ณ ที่นี้”
เจ้าบุคคลนั้นที่ทรยศความคาดหวังและความหวัง
“บุคคลนั้นยังสมควรเป็นจอมมารหรือไม่?”
ไม่มีใครตอบกลับมา ผมหยุดคำพูดไว้ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปาก
“พวกเราควรจะเรียก เขาคนนั้นว่าเป็นญาติของเราได้หรือ?”
ทั้งบอลรูมตกอยู่ในความเงียบ ผมไปเดินไปรอบๆด้วยท่าทางที่รอบคอบและเชื่องช้าอย่างยิ่ง
“ทุกคน หากเป็นไปได้ ข้าอยากจะตำหนิพวกเรา เหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงถูกปฏิบัติเยี่ยงชนชั้นสูง แต่กลับกระทำเรื่องแย่ยิ่งกว่าอาร์คดยุค
นี่เป็นเพราะพวกเราเป็นจอมมาร แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่พวกเราจะใส่ใจ และให้อภัยเจ้านั่นเล่า?”
“นั่นก็เพราะ”
ไพมอนพูดแทรกผม
นี่เธอคิดจริงๆหรือว่าจะตัวเองเสียโมเมนตัมไปเพียงเพราะเธอยอมให้ผมพูดต่อ
“นั่นก็เพราะไม่ว่า พวกเขาจะต่ำช้าเพียงไร แต่ก็มีกันเพียง 72 ตนในโลกนี้…….”
“โอ้ ฝ่าบาทไพมอน ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกเหล่าตัวตนทั้ง 72 จอมมารนั้นมีไว้เพื่ออะไรกันล่ะ?”
ผมมองกลับไปที่เธอ
“เมื่อไหร่กันที่จอมมาร มีอยู่เพื่อจอมมารตนอื่นๆกันล่ะ? เมื่อไหร่กันที่จอมมารหยุดทำเพื่อเหล่าปีศาจและสร้างระดับท่ามกลางหมู่พวกเรากัน?”
“…….”
“พวกเรานั้นโดดเดี่ยว ท่านกล่าวถูก มันยากที่จะแยกแยะเราจากผู้อื่น ดังนั้นจึงยากที่เราจะมีความรู้สึก ‘สัมพันธ์’กัน
สำหรับพวกเรา พวกเราและคนอื่นๆต่างเป็นเหมือนหยดสีที่เปื้อนจางของจิตสำนึก
ก็ไม่เป็นไรที่พวกเรานั้นโดดเดี่ยว แต่ถึงอย่างนั้น นี่มันหมายความว่า เราควรจะใช้ชีวิตทั้งหมดของพวกเราเหล่าจอมมาร ในการคลายความเหงาใจให้แก่กันและกันหรืออย่างไร?”
เธอไม่อาจตอบคำถามนี้ได้
ไพมอน
การโต้เถียงนี้จบลงตั้งแต่ตอนที่เธอตอบคำถามแรกของผมแล้ว เธอไม่ควรให้คำตอบเหมือนยกตำรามาตอบด้วยการพูดว่า พันธกิจของจอมมาร คือ การนำเหล่าปีศาจ เธอควรที่จะยืนกรานหนักแน่นว่า จอมมารไม่มีสิ่งที่เรียกว่า หน้าที่
“นั่นมันเป็นความละโมบ!
ฝ่าบาทไพมอนแสดงความขัดแย้งเห็นเด่นชัดเกินไป ฝ่าบาทพูดด้วยน้ำเสียงราวกับว่าพูดเพื่ออันโดรมาลิอุสและพวกเราทั้งหมด แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากเกินไปกว่าความละโมบของฝ่าบาทที่ปรารถนาที่จะมิได้อยู่คนเดียว!?”
การที่ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ นั่นคือเหตุผลที่เธอพ่ายแพ้
“อันโดรมาลิอุสกระทำความผิดถึงตายสองข้อ”
ผมขึ้นเสียง ตะโกนออกมาราวกับกำลังระบายความโกรธ
“ข้อแรก เขาละเมิดหน้าที่แห่งจอมมาร จอมมารจะต้องเสียเกียรติ เสียสิทธิ์ในการบังคับบัญชาเหล่าปีศาจ ยิ่งไปกว่านั้น หมอนั่นมันไม่ใช่จอมมารอีกต่อไปแล้ว
ข้อสอง เขาได้ทำร้ายทำลายความหวังและความคาดหวังที่ฝังรากต่อผู้คนที่มีให้กับจอมมาร
เมื่อพวกเราแสดงตัวต่อหน้าเหล่าปีศาจเพื่อจะวางแผนการณ์อันยิ่งใหญ่ ปีศาจส่วนหนึ่งก็จะเกิดข้อสงสัยในตัวเราเพราะพวกเขานึกถึงอันโดรมาลิอุสเป็นตัวอย่าง ถ้านี่ไม่ใช่การทำลายภาพลักษณ์ของจอมมารทุกตน ข้าก็ไม่รู้แล้วว่า อะไรถึงเป็น”
“ใครสักคนควรจะหยุดอันโดรมาลิอุส ; แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครลงมือทำอะไรมานานนับร้อยปี นี่มันไม่น่าละอายพออีกหรือ? จอมมารกลับเป็นผู้ทำให้ชื่อเสียงจอมมารตกต่ำลงด้วยตนเอง!
ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่อยู่ลำดับ 9 ของจอมมารกลับเป็นฝ่ายให้การสนับสนุนค่านิยมดังกล่าวที่ต่อต้านแนวคิดจอมมารเอง
ช่างละโมบเหลือเกิน!”
“…….อึก”
“ข้ามีคำขอเช่นกัน ในฐานะที่ จอมมารอันโดรมาลิอุสนั้นไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงจอมมาร หากแต่ยังสร้างความด่างพร้อยด้วยการกระทำอีกด้วย ความตายจึงเป็นการลงโทษเดียวที่เหมาะสมกับเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็มีคำขออีกข้อ ในฐานะจอมมารชั้นสูงผู้ที่จะต้องมีหน้าที่รักษาความสูงศักดิ์ แต่กลับใช้คำพูดทำลายสิ่งนั้นเสียเอง
เราจะต้องให้ฝ่าบาทไพมอนเป็นตัวแทนแสดงความขอโทษต่อผู้คนของเนฟเฮม”
ไพมอนไม่เพียงแต่จะพยายามรักษารอยยิ้มที่ริมฝีปาก แต่เธอกลับซ่อนปากหลังพัดและจ้องด้วยแววตาคมกริบใส่ผม
ผมทั้งสองต่างจ้องด้วยแววตาที่ดุร้ายใส่กัน ทุกคนต่างยังคงนิ่ง มันไม่ใช่การเงียบด้วยความสงบนิ่ง หากแต่เป็นความเงียบด้วยความตื่นเต้นที่ทั้งสองฝ่ายต่างเตรียมพุ่งเข้าใส่กัน มีอะไรจะน่าสนใจไปมากกว่าการชมสิ่งนี้อีก
ขณะนั้นเองที่ อันดับ 8 บาร์บาทอสหัวเราะและปรบมือดัง
“เกี๊ยกฮ่าฮ่า! เขาพูดถูกว่ะ ไอ้หนูนี่มันถูก อีห่านั่นมันเอาแต่พล่ามอยู่เสมอว่า จอมมารต้องชั้นสูงอย่างนั้น อะไรสักอย่าง”
ผมหันหน้าตอนนี้ผมมองเห็นบาร์บาทอสแล้ว บุคคลที่ผมได้ยินแต่เสียง
เหมือนในเกมไม่มีผิด บาร์บาทอสนั้นเป็นเด็กสาวตัวเล็ก สวมชุดที่ประดับประดาด้วยสีแดง เธอยังดูเหมือนคุณหนูตัวน้อยๆที่มักจะเห็นว่าเล่นกับตุ๊กตา
“ถ้าจะให้แม่นั่นไปค้านคำพูดที่ชอบพูดมาตลอดชีวิต มันก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้น นางก็ควรจะขอโทษปีศาจขยะพวกนั้นแทน เคี๊ยกฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันสุดยอดไปเลยนี่!”
“บาร์บาทอส”
มาร์บาส หนึ่งในคนคอยคุมการพิจาณาคดีมองค้อนบาร์บาทอส
“คนนอกไม่อนุญาตให้พูดแทรกโดยไม่ขอก่อน”
“ฮ่าห์ แต่การถามจบไปแล้วนี่ ไม่มีอะไรจะพูดแล้วไม่ใช่เหรอ? นังกะหรี่นี่ แกควรจะรีบวิ่งแจ้นไปทั่วเมืองและหาที่ที่เพียงพอกับตูดบะเฮิ่มของแก แล้วขอโทษซะ
ใครจะไปรู้? บางทีอาจมีคนจรขี้เงี่ยนยอมรับคำขอโทษด้วยการจัดแกงามๆซักดอกก็ได้?”
“บาร์บาทอส!”
น้ำเสียงมาร์บาสหนักขึ้น บาร์บาทอสจึงฮึดฮัดและยอมปิดปากเงียบ บาร์บาทอสนั้นเหน็บแหนมแรงมาก แต่ไพมอนกลับไม่หันไปหาบาร์บาทอสเลยสักครั้ง เธอยังคงจ้องมองผม
“…….”
ผมจะไม่ถอยหนี จึงมองจ้องเธอกลับไป ผมจะไม่ยอมโดนขังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ 300 ปี
เธอจะยอมเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนเองแล้วขอโทษผู้คนก็ได้ มันมีแค่สองทางเลือกเท่านั้น ผมไม่ต้องการแพ้ในเกมแห่งอำนาจ
เธอเป็นฝ่ายโจมตีผมก่อนเองนะ เธอมาหาเรื่องผมทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไร ถ้าเธอไม่มาก่อกวนด้วยการส่งเรื่องพิจารณาคดีในที่สาธารณะแล้วหาทางไล่ต้อนผมแบบนี้ ผมก็ไม่เสี่ยงที่จะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างคุณหรอก
‘ดังนั้นจงหลบตาซะ’
ผมน่ะชนะเธอมานับครั้งไม่ถ้วนในเกม
ผมคือ ผู้เล่นที่ไม่เพียงแต่ฆ่าเธอได้เท่านั้น แต่ยังจอมมารทุกตัวที่อยู่ในห้องนี้ด้วย
คุณจอมมารผู้คลั่งไคล้หลงไหลมนุษย์เอ๋ย