CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

dungeon defense - ตอนที่ 14 ปูทาง 10 สายเพื่อรับเงินมากมาย(4)

  1. Home
  2. dungeon defense
  3. ตอนที่ 14 ปูทาง 10 สายเพื่อรับเงินมากมาย(4)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

‘ธรรมชาติของสรรพสิ่งนั้นเหมือนกัน หากไม่หายใจชั่วขณะหายนะก็บังเกิดทันที ในชั่วขณะที่ธรรมชาติหยุดหายใจชั่วครู่ ลมหายใจของโรคระบาดก็แพร่กระจายขยายทั่วทวีป ผมเรียกสิ่งนั้นว่า กาฬเมฆา (เมฆดำ)’

การพยากรณ์

เป็นที่รู้กันมาตั้งแต่โบราณว่า จอมมารคือ พวกเดียวที่มีความสามารถแบบนั้น

พวกเขาเคยถูกเรียกว่า เป็นนักทำนายแห่งพระเจ้า ตั้งแต่สมัยก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นไปได้ว่า อาจเพราะเวทย์มนตร์ทั้งหลายเริ่มเสื่อมไปจากโลก ผู้คนก็เลิกเชื่อในคำทำนายของจอมมาร

จำนวนจอมมารที่สาทารถใช้การทำนายได้ก็ลดจำนวนลงก่อนที่จะหมดไป นักวิชาการฝ่ายปีศาจได้มีความเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ว่า ‘จอมมารนั้นมีค่าสติปัญญาที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป ดังนั้นผู้คนจึงหลงเข้าใจผิดว่า การคาดเดาของพวกเขานั้นคือ คำทำนาย’

ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนก็มีความสามารถในการพยากรณ์ด้วยหรือ?

ไม่มีทางเป็นไปได้ ตรรกะและเหตุผลของลาพิสนั้นได้โต้แย้งทันใด ไม่ว่าจะพยายามทำนายอนาคตแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้

…….ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อนความสามารถนี้มาโดยตลอดก็ตาม?

ลาพิสพบว่า มันยากเหลือเกินที่จะกลืนน้ำลายเข้าไปในลำคอ เสียงของจอมมารดันทาเลี่ยนกระแทกเธอราวกับฟ้าผ่า

‘เร็วๆนี้ เมฆจำนวนมากจะไหลเข้ามาปกคลุมโลก ถึงอย่างนั้นก็จะมีเมฆเพียงก้อนเดียวที่ปกคลุมทั้งผืนทวีป เมฆก้อนมหึมานั่น หายนะอันยิ่งใหญ่จะหัวร่อใส่ประวัติศาสตร์แห่งการล่มสลาย’

‘ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง’

ลาพิสพูดขึ้นมา วิธีการพูดของเธอนั้นเปลี่ยนไปเองโดยไม่ทันรู้ตัว จากการให้เกียรติตามมารยาทกลายเป็นการให้เกียรติอย่างสูง บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นมิใช่ลูกค้าธรรมดา พวกเขาคือ ราชา

‘แล้วท่านคาดการณ์ไว้ว่า จะเกิดความเสียหายกับทวีป……มากเท่าไหร่?’

ดันทาเลี้ยนกรุ้มกริ่ม

‘ใจร้อนเหลือเกิน หรือเธอกำลังคิดว่า ผมใช้วิธีการอุปมาอุปมัยเพื่อสร้างความสับสนอยู่หรือ?

การทำนายนั้นเป็นการยืมพลังงานจากสปิริทที่เรียกเอาบางอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน

หากมีผู้หนึ่งที่คิดจะผลิตอนาคตใหม่ที่แน่นอนแม่นยำ โชคชะตาของโลกก็จะบิดเบี้ยวไปและนำมาซึ่งภัยพิบัติร้ายแรง’

‘ขอประทานอภัยให้แกดิฉันที่ไม่รู้ ทั้งยังไร้มารยาทอีกด้วย’

ลาพิสก้มหัวในทันที

‘ผมให้อภัยเธอ ในยุคนี้สมัยนี้ไม่มีจอมมารตนใดที่สามารถเฝ้าสังเกตห้วงเวลาได้อีกแล้ว แล้วจะมีใครรู้ถึง ข้อบังคับของการทำนายได้ล่ะ?

แม่สาวน้อย สลักคำพูดของผมไว้ในใจนะ

ถ้ามีลูกธนูสามดอกในทวีป กาฬเมฆาจะหักทิ้งหนึ่ง

ถ้ามีลูกธนูเก้าดอกในทวีป สามดอกนั้นจะเน่าเปื่อย

‘……!’

นั่นหมายความว่า หนึ่งในสามของทวีปจะถูกกำจัดออก

ความเย็นเยียบวาบเข้ากระดูกสันหลังของลาพิส คำพูดของเขาที่หมายถึงหนึ่งในสาม หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ สิบล้านคน ไม่สิ ถ้ารวมเผ่าอื่นเข้าไปด้วย อาจจะร้อยล้านคนเลยที่ต้องตาย แม้จะเป็นเรื่องตลก แต่ระดับการตายนั้นมันมากเกินไป

ลาพิสตั้งคำถามว่า ถ้าหากดันทาเลี่ยนนั้นมีความสามารถในการทำนายโรคระบาดได้จริง ต่อให้เป็นอย่างนั้น ต่อให้เขาล่วงรู้คำทำนาย เป็นไปได้ไหมว่า เขาจะหมายถึง โรคระบาดที่ไม่ใหญ่มากนัก

โรคระบาดนั้นเกิดขึ้นเป็นปรกติอยู่ทุกที่ แม้แต่ตอนนี้การติดโรคก็ยังเป็นเหตุหลักที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในบางส่วนของทวีป

ถ้าเขาระบุการทำนายอย่างนั้น เขาคงโกหกไม่ได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะในเมื่อประชากรหายไปถึงหนึ่งในสาม? ภายในสองเดือนด้วย

ความเสี่ยงมันมากเกินกว่าที่จะอ้างว่าโกหก

เพราะหากสองเดือนข้างหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดันทาเลี่ยนก็จะสูญเสียความเชื่อถือจากเธอ ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว การสูญเสียความเชื่อจากเจ้าหน้าที่ของบริษัท หมายถึงว่า คุณเสียความเชื่อใจจากทั้งบริษัทเคียนคุสก้า

แต่ถ้าหากเขาพูดความจริงล่ะ?

‘ไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้น ทุกสิ่งในโลกนี้มีศัตรูทางธรรมชาติด้วยกันทั้งนั้น กาฬเมฆาก็เช่นกัน มันอาจเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากแต่มันก็มีศัตรแก้ทางด้วยเช่นกัน มันเป็นสิ่งตัวน้อยที่ไร้ความสำคัญ สมุนไพรเล็กๆที่โตในเขตภูเขาแต่กลับมีความสามารถในการระงับยับยั้งโรคกาฬเมฆา ผมตั้งใจจะรวบรวมสมุนไพรพวกนั้นไว้ก่อน’

ลาพิสเข้าใจเจตนาของจอมมารในทันที การผูกขาดนั่นเอง จอมมารผู้นี้ต้องการที่จะกระโดดเข้าไปทำในสิ่งที่พ่อค้าทุกคนถวิลหา เขาตั้งใจที่จะกู้ยืมเงินจากบริษัทเพื่อจะสร้างการผูกขาด

‘สองเดือนต่อจากนี้ ราชสกุลของพวกมนุษย์จะกรีดร้องกับการที่ได้หญ้าดาดๆมา ผมตั้งใจจะขายสมุนไพรพวกนั้นในเวลานั้น และสร้างกำไรได้มากมาย

ลาพิส ลาซูลิ พิจารณาข้อเสนอของผมให้ดี’

ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งถ้ำ

‘…….’

สัญชาติญาณของลาพิส ร้องเตือนบอกเธอว่า จอมมารไม่ได้โกหก

ภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กำลังจะเกิด คุณสามารถเปลี่ยนวิกฤตินั้นให้กลายเป็นโอกาสได้ โอกาสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจะถือกำเนิดเกิดได้จากวิกฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั่นเอง

เหตุผลของลาพิสนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง สัญชาตญาณหรือเหตุผล ลาพิสยืนเงียบราวกับกำลังเผชิญอยู่บนทางแยก

เธอต้องให้คำตอบบางอย่าง

“ดิฉันต้องขอประทานอภัยค่ะ แต่ดิฉันไม่สามารถทำได้ค่ะ”

‘อย่างนั้นเองหรือ?’

เขาไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ ไม่เลย เขาเพียงแต่รู้สึกสนอกสนใจ

‘บอกทีว่า ทำไมล่ะ?’

ลาพิสรู้สึกเหมือนตัวเองเดินเข้าไปในปากอสูรบัลร็อก จริงอยู่ที่การปฏิเสธของเธออาจได้รับการยกโทษให้ แต่ถึงอย่างนั้น การที่เธอกล้าปฏิเสธคำขอของจอมมารด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เธออาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต

นั่นคือ สิ่งที่ดวงตาจอมมารกล่าวกับเธอ

ลาพิสครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเชื่อก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงฟังชัด โดยไม่ถูกกดดันด้วยออร่าของจอมมาร

‘ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า โรคระบาดจะเกิดขึ้นค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน ท่านประกาศว่าโรคระบาดจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้และจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปทำให้ผู้คนล้มตายไปเกือบหนึ่งในสาม’

‘ถึงอย่างนั้น’

ลาพิสพูดต่อ

มันก็ไม่ใช่ข้อตกลง ไม่ใช่หลักการพื้นฐาน บริษัทไม่ลงทุนกับคำทำนายหรอกค่ะ’

พ่อค้านั้นต้องใช้เหตุผลเสมอ นั่นเป็นสิ่งที่ลาพิสเชื่อ

แม้ความเชื่อที่ว่าจะทำให้ดันทาเลี่ยนฆ่าเธอ มันก็ช่วยไม่ได้ แต่สำหรับปีศาจแล้ว ความตายไม่ใช่อนาคตอันห่างไกล มันเป็นเพียงเงาที่คุกคามพวกเขาจากด้านหลัง ลาพิสเตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว

แต่กระนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ออร่าจริงจังของจอมมารก็ได้หายไปในทันที ดันทาเลี่ยนกลับกลายเป็นคนปกติอีกครั้ง

เขายิ้มกรุ่มกริ่ม

“แล้วถ้าเป็นแบบนี้แทนล่ะ? ก็แค่ไปบอกบริษัทว่า ผมจะทำสัญญากู้ยืม แล้วเธอก็บอก แผนธุรกิจของผมไป โดยไม่ต้องสนใจว่า จะกู้มาได้หรือไม่ก็ตาม”

คำพูดที่ตามมาเป้นสิ่งที่คาดไม่ถึง ดูเหมือนดันทาเลี่ยนรู้แต่แรกแล้วว่า เธอจะปฏิเสธเขา เขาเข้าใจจุดยืนของบริษัทดี เขาพยายามที่จะหาโอกาสเก็บเกี่ยวความเชื่อใจจากบริษัท ลาพิสรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทุบด้วยค้อนปอน

นั่นสมเหตุสมผลดี หากเขามีพลังในการทำนายจริงๆ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปยึดติดกับเรื่อง โรคระบาดตอนนี้

ช่างเป็นความสามารถที่น่ากลัวจริงๆ

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความสามารถนั่นคือ ตัวจอมมารเองนั่นแหละ

แม้จะมีความสามารถในการทำนายแต่เขาก็ไม่ได้โอ่อวด เขาใช้มันเพื่อปลูกฝังความกลัวและสร้างความเชื่อใจให้เกิดกับเธอ

ยิ่งไปกว่านั้นพอเขาทำตามเป้าได้สำเร็จเขาก็กลับเป็นตัวตนเดิมในทันที ไม่สิ หรือความจริงแล้วตัวตนนั้นคือ ตัวตนแท้ของเขากันแน่ สิ่งที่แสดงให้เธอเห็นมาจนถึงบัดนี้ อะไรคือ ความเป็นปกติของเขา⎯⎯⎯หรือการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมานั้น เป็นไปเพื่อ ณ เวลานี้เท่านั้น

ลาพิสประณามตนเอง เธอถูกกระหน่ำตีด้วยความผิดหวังเสียใจ

นี่เธอประมาทเพียงเพราะเขาเป็นจอมมารลำดับ 71 ได้อย่างไรกัน?! จอมมารนั้นคือ จอมมารแม้จะเป็นวาระสุดท้าย

จอมมารท่านนี้เป็นคนจริงจัง เขาลับคมดาบตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อมาจัดการกับเธอ ดาบที่จะฟาดฟันในครั้งเดียว

ลาพิสรู้สึกอับอาย เธอกังวลมากว่าจอมมารจะประเมินเธอสูงเกินไป อำนาจที่เธอมีในบริษัทเคียนคุสก้านั้นช่างน่าสังเวช เธอไม่มั่นใจแม้แต่จะตอบรับความคาดหวังของจอมมาร เธอจึงพบว่าตัวเองกำลังหลบสายตาจอมมาร

‘……มีบางสิ่งที่ดิฉันยังไม่ได้บอกท่านค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน’

ลาพิสอธิบายถึงชาติกำเนิดอันต่ำต้อย

จอมมารอาจจะดูถูกเธอ แต่มันช่วยไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะบอกเขาเรื่องนี้หรือไม่ วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้จนได้อยู่ดี อีกทั้งหากจอมมารคาดหวังกับเธอ มันก็จะดีกว่าที่จะบอกให้เขารู้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ดีกว่าไปถูกดูถูกทีหลัง……มันดีกว่าที่ต้องเริ่มต้นด้วยการอดตอนนี้แทนที่ความสัมพันธ์พัฒนาไปมากกว่านี้

แต่ถึงอย่างนั้น

‘แล้วมัน ยังไงล่ะ?’

⎯⎯ดันทาเลี่ยนนั้นต่างออกไป

‘การที่เธอเป็นเลือดผสมแล้วมันยังไงเหรอ?’

แม้ตัวเขานั้นจะเป็นปีศาจชั้นสูงและจอมมารเลือดบริสุทธิ์ ที่ควรจะขยะแขยงกับการที่สายเลือดปนเปื้อนมากที่สุด

‘อย่าห่วงเรื่องพรรค์นั้นเลยน่า’

เขาประกาศว่า เรื่องพวกนั้นมันไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรเลย

ลาพิสมองจอมมารอย่างเหม่อลอย

มีใครเคยพูดอย่างนี้กับเธอมาก่อนหรือเปล่า? นี่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ

แม้แต่คนที่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อเธอ ยามที่ต้องอยู่ใกล้เธอก็ยังคงทำหน้าบูดบึ้งและพยายามถอยห่าง โดยไม่มีข้อยกเว้น

นับร้อยกว่าปีแล้วที่สิ่งนี้เกิดขึ้นเสมอ เธอมีชีวิตที่ต้องระลึกถึงการถูกทอดทิ้งก่อนที่จะได้พบเจอใครในครั้งแรก

เธอได้ทิ้งสิ่งที่เธออยากได้ยินได้ฟังไปแล้ว ก่อนที่จะปล่อยให้จิตใต้สำนึกจมอยู่กับความบิดเบี้ยว และคำพูดพวกนั้นก็ได้มอบให้แก่เธอ จากตัวตนที่สูงสุดในโลกปีศาจ

อ่า⎯⎯⎯.

อารมณ์ของลาพิสนั้นแปรปรวนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เธอไม่ปรารถนาให้อีกฝ่ายได้สังเกตเห็นว่า เธออยู่ในอารมณ์นี้ มันเป็นจุดจบหากใครสักคนหนึ่งเจอจุดอ่อนของพ่อค้า นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมเธอจึงรีบออกจากดันเจี้ยนโดยเร็ว

เธอแทบจำไม้ได้ด้วยซ้ำว่า เธอได้ขอโทษขอโพยท่าไหน ก่อนจะจากออกมา

หลังกลับมาอยู๋ในออฟฟิศ เธอยังคงจดจ้องไปที่เพดาน เธอไม่สามารถสะกดข่มอารมณ์ได้เหมือนทุกที

มันเป็นสิ่งที่ยอดมาก หากจอมมารดันทาเลี่ยนมีพรสวรรค์เช่นนั้นจริง มันจะเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เธอเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว นั่นคือ สิ่งที่เธอพยายามบอกกับตัวเอง แต่ทว่า……ไม่มีอะไรสามารถดับอารมณ์ตอนนี้ของเธอได้

สุดท้าย ลาพิสจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากพึมพัมกับตัวเอง

“ช่างเป็นจอมมารที่แปลกเสียจริง”

ถึงอย่างนั้น อารมณ์ของเธอก็ไม่ยอมสงบลงอยู๋ดี

ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ลาพิสนั้นเอียงหัวราวกับจะยืนยันว่า วันนี้เป็นวันประหลาด

จากนั้นเธอก็เตรียมรายงานที่เธอจะส่งไปให้กับหัวหน้า เอกสารเริ่มต้นด้วยข้อความที่บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่จอมมารดันทาเลี่ยนจะมีความสามารถในการพยากรณ์

「คุณได้สกัดแร่เหล็ก 2 ก้อน 」

“เยี่ยมเลย สองก้อนในครั้งเดียว!”

ขณะเดียวกันนั้นเอง จอมมารยังคงเหวี่ยงอีเต้ออย่างสนุกสนาน โดยไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกถ้ำ

* * *

เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ผมแอบขู่ลาพิส

พวกนักผจญภัยบุกเข้ามาในดันเจี้ยนสัปดาห์ละครั้ง

อาจเป็นเพราะช่วงต้นของเกมนั่นแหละ ปาร์ตี้ที่บุกเข้ามาจึงมีเพียง 15 คน พวกเขาต่างเป็น F แร๊งด้วยทุกคน หากเป็นดันเจี้ยนปกติที่ควรจะเป็น ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊งFพวกนี้จะถูกกวาดล้างทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในดันเจี้ยน

แน่นอนที่นี่คือ ปราสาทของจอมมาร ผมไม่อาจพูดได้อย่างภูมิใจว่าดันเจี้ยนของผมเป็นดันเจี้ยนปกติอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นพวกนักผจญภัยแร๊งFทั้งหลายจึงเป็นภัยคุกคามในชีวิตผม

ตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนพื้น

“เฮ้ย? มีคนล้มอยู่ตรงนั้น”

“เออว่ะ เฮ้ย ตื่นๆ!”

นักผจญภัยเข้ามาใกล้แล้วตบที่แก้มผม

ผมครางออกมา

“หนะ หนะ น้ำ…… ขอ ……น้ำ”

“แย่ละ หมอนี่มีอาการขาดน้ำว่ะ”

น้ำรินใส่หน้าผม ดูเหมือนจะมีหนึ่งในพวกเขาเทน้ำจากถุงน้ำให้ผม น้ำที่ไหลผ่านช่องว่างระหว่างหมวกเหล็กราคาถูกที่ผมสวม ผมกลืนน้ำอย่างกระหายเหมือนหมาในหน้าร้อน

“อึก อ่าาาา ขะ ขอบคุณ”

“คนเราควรที่จะช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ แล้วว่าแต่ นายมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย?”

“เอ่อ”

ผมสั่งใช้สกิลในหัว

「สกิล การแสดง เปิดใช้งาน」

「โชคดีจังไม่หลุดมือไป! โอกาสที่ผู้อื่นจะสงสัยในคำพูดของคุณลดลง’เล็กน้อย’」

“ผ่านมาสามวันแล้วนับตั้งแต่ที่ผมเข้ามาในดันเจี้ยนนี้”

แล้วผมก็เริ่มเล่าเรื่องนี่สงสารของผมให้พวกเขาฟัง

ผมชื่อ ฮานเซ่น มาจากหมู่บ้านเจลเซ่น ผมเดินทางไปสำรวจดันเจี้ยนกับคนในหมู่บ้านของผม แต่พวกเราถูกมอนสเตอร์จู่โจม แล้วก็ต้องแยกย้ายไปคนละทางกัน คนนำทางของพวกเราตายไปก่อน ดังนั้นพวกเราจึงหลงอยู่ในดันเจี้ยน

ผมเดินสำรวจอยู่สามวัน แล้วร่างกายก็ทนไม่ไหวล้มลงไป……แม้แต่ตัวผมยังรู้สึกเลยว่า ทักษะการแสดงของผมนี่มันยอดจริงๆ

เจ้าคนพวกนี้ก็ไร้เดียงสาเกินกว่าที่ผมคาดไว้เสียอีก

“ฮึก นายต้องลำบากมากแน่ๆ!”

“นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ข้าได้ยินเรื่องโชคร้ายขนาดนั้น”

“อ่า เจ้าหนุ่มเอ๋ย อย่าได้สิ้นหวังไปเลย จงมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าโลกนี้จะเลวร้ายบแค่ไหน ดวงดาวจะอยู่ข้างเจ้าในวันหนึ่ง จงเชื่อในอนาคตเถอะ เราต้องเชื่อในอนาคต”

ในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตา

ใบหน้าของนักผจญภัยที่หยาบกร้านเพราะใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการสู้แดด น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาจากใบหน้าที่ถูกแดดเผา พวกเขาแตะบ่าให้กำลังใจทั้งที่พึ่งใช้มือเช็ดตาเช็ดจมูก

อี๋ ขยะแขยงชะมัด

‘พวกเขาหลงกลบทบาทการแสดงง่ายๆจริงแฮะ’

พวกปาร์ตี้จากหมู่บ้านเจลเซ่นยังไม่อ่อนเท่านี้เลย

การที่ผมสวมหมวกเหล็กอยู่ เขาของผมที่เป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่ระบุว่า ผมเป็นจอมมาร ถูกปิดไว้ ความ

การปฏิบัติต่อจอมมารกับมนุษย์ธรรมดานั้นต่างกันมากโข เมื่อผมรู้อย่างนั้นจึงสังเกตหน้าต่างที่เด้งขึ้นมาและบอกว่า ผมสามารถเพิ่มแต้มค่าความชอบของพวกเขาได้

“เจ้าหนุ่ม ไม่สิ สหายวัยเยาว์ ขอถามสักคำถามเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้หน่อยได้ไหม?”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 14 ปูทาง 10 สายเพื่อรับเงินมากมาย(4)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์