dungeon defense - ตอนที่ 26 การล่ามนุษย์(7)
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?
เด็กสาวบอกไม่ได้ หลังจากชายคนหนึ่งไป แล้วทหารรับจ้างก็เข้ามาเหมือนพวกเขาสลับที่กัน เธอมองผาดๆไปบนเพดานของรถม้า คำพูดที่แม่ของเธอเคยบอก ยังคงวนซ้ำอยู่ในหัว
‘จงรักษาความทรนง’
ในเขตของฟาร์เนเซ่ มีภาพคนแขวนไว้มากมายหลายภาพในห้องโถง เมื่อแม่ของเธอได้ช่วยให้เธอได้คุ้นชินกับบ้านใหม่ เธอได้ชี้ไปที่ภาพเหล่านั้น
คนแรก เปโตร คนที่สอง พรูเดนชิโอ้ คนที่สาม⎯⎯⎯ลอร่าไม่ได้อ่านอะไรเลยนอกจากสายตาที่มาจากภาพที่ดูมืดมัว ในหัวของเธอ ภาพคนเหล่านั้นผสมและหมุนวนราวกับเป็นน้ำสกปรก
ตอนนั้นเองที่เธอคิดได้ถึงสิ่งที่เธอไม่เคยใคร่ครวญมาก่อน
‘พอมาคิดๆดูแล้ว……แววตาฉันเป็นยังไงกันนะ?’
ลอร่าเป็นเด็กสาวที่น่านับถือแห่งตระกูลชนชั้้นสูง นั่นมันเป็นการพูดเกินจริง แต่เธอก็ยังคงมองในกระจกอยู่บ่อยครั้งพลางทอดถอนใจ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยได้ดูแววตาตัวเองเลย เธอพยายามค้นหามันจากความทรงจำตัวเองอย่างมาก ตัวเธอดูเป็นยังไงในกระจกพวกนั้นนะ? แล้วเธอก็นึกออกได้ในทันทีจากความทรงจำอันยอดเยี่ยม
ในภาพความทรงจำพวกนั้น ดวงตาของเธอเหมือนคนตาย
‘พวกชั้นต่ำ’
‘หา? เธอพูดก่อนนี่ หายากนะเนี่ย’
ทหารรับจ้างตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขากำลังจัดสภาพร่างกายของลอร่าให้เหมาะสม พึงพอใจกับความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้ดี
โดยปกติแล้ว สตรีชั้นสูงมักจะจิตใจแตกสลายระหว่างขั้นตอนนี้เพราะพวกเธอไม่อาจแบกรับความจริงได้ว่า ร่างกายนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุม
ทหารรับจ้างสนุกไปกับการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาที่บิดเบี้ยวและมีด้านใหม่ๆตื่นขึ้นมา ด้านที่พวกเธอไม่รู้และไม่อยากรับรู้
พูดได้ว่า ลอร่านั้นเป็นตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุด เธอไม่ได้แสดงสัญญาณอะไรแบบนั้นออกมาเลยด้วยซ้ำ
‘ตาของฉันเป็นยังไง?’
‘หา? ตาเธอ? อะไรน่ะ ตาเธอเจ็บ หรือยังไง?’
‘ไม่ใช่ คำถามของฉันตรงไปตรงมา รู็สึกยังไงเมื่อมองตาฉัน?’
ทหารรับจ้างพ่นลมออกจมูก ก่อนจะจัดก้นของลอร่า
‘ถามว่ารู้สึกไงเหรอ? ก็ไม่มีอะไรนอกจากตาคนตายนั่นแหละ โคตรจะอึดอัดที่ทั้งวันต้องมานั่งจ้องตาเธอเลย ดังนั้นถือว่าขอล่ะ หันไปทางอื่นเถอะ’
‘……อย่างนั้นเองเหรอ?’
‘เอาจริงๆนะ ก็สักพักแล้วที่ไม่ได้อยากทำงานนี้ โดยเฉพาะตอนที่สินค้าเป็นเด็กสาวที่น่ารักแบบเธอเนี่ย ไม่อยากจินตนาการเลย หุหุ
ขอให้ไอ้ระยำที่เป็นเจ้านายคนใหม่เธอเป็นคนใจดีก็แล้วกัน ถ้าเป็นข้านี่ ข้าคงห้ามตัวเองไม่ไหวตั้งแต่ 2 วันแล้ว ที่จะฟาดแกให้ตายๆไป’
ทหารยังคงบ่นต่อ เด็กสาวไม่ได้ยินคำพูดของเขา เด็กสาวยังคงถูกห่อหุ้มด้วยความตกตะลึงอย่างเงียบๆ
แม้เธอจะสามารถอ่านสายตาผู้คนได้และยังอ่อนไหวต่อการมองของพวกเขา แต่เธอไม่เคยมองเข้าไปในดวงตาตัวเองเลย
แล้วนี่ ดวงตาของเธอมันต่างจากดวงตาของคนในภาพที่แขวนในห้องโถงยังไงกัน? นี่เธอต่างจากภาพไร้ความหมายที่ทำได้เพียงเติมเต็มพื้นที่ว่างยังไง?
ชีวิตที่เธออุตสาหะพยายาามอย่างมากเพื่อที่จะกลายเป็นอย่างภาพพวกนั้น?
‘ขอบคุณทุกท่านสำหรับความร่วมมือครับ!
ณ บัดนี้ ขออนุญาตให้กระผมได้กล่าวทักทายแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มายัง โรงประมูล โอเปร่า เดอ พาเวีย!’
ลอร่ายังคงตกอยู่ในห้วงความคิดระหว่างที่การประมูลเริ่มขึ้น เธอไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องให้ชัดเรื่องหัวข้อและตรรกะ คำพูดที่คลุมเครือได้ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำแห่งจิตสำนึกราวกับจุกไม้คอร์กที่ลอยไปลอยมาก่อนจะจมสู่ก้นทะเล ลอร่าเหนื่อยแล้วที่จะหาคำตอบ
เธอสังเกตสิ่งรอบตัว ทาสจำนวนมากกำลังรออยู่หลังเวที หนึ่งในทาสเหล่านั้นวิตกกังวลมาก และพวกเขายังแอบลอบมองผ่านม่านไปยังฮอล
มีคนหนึ่งคลานไปคลานมาบนพื้นแล้วกอดเข่าตัวเอง คนคุมทาสต่างหากออกมาดูเหมือนเขาต้องเห็นภาพเหตุการณ์เดิมๆแบบนี้ทุกสัปดาห์ พวกเขาคงยอมแพ้ให้กับชีวิตที่มีหนทางไม่ซ้ำใคร
ลาร่า ตระหนักได้ว่า เธอเองก็เป็นอย่างเดียวกัน ยกเว้นในกรณีของเธอ ปรัชญาของเธอ
“ทาสลำดับต่อไปที่จะแนะนำให้ทุกท่านในวันนี้ ช่างน่าสนใจอย่างมาก ผู้สืบทอดลำดับสองของตระกูลฟาร์เนเซ่ที่โอ่อวดว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่ในราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย!”
คนคุมทาสผลักหลังเด็กสาวโดยไม่พูดจา ลอร่าเดินออกมาที่เวที เมื่อก้าวเท้าเข้ามา เธอก็ได้รับการมองอย่างท่วมท้น สายตานับพันคู่จ้องมองตรงมายังเด็กสาวเท่านั้น
ความสามารถที่มีมาแต่กำเนิดของเธอเริ่มอ่านความหมายเบื้องหลังดวงตานับร้อย นับพันนั้น
ความยินดี ความเย้ยหยัน ความโกรธ ความวิตก ความเป็นคู่แข่ง ความหื่นกระหาย⎯⎯⎯คลื่นแห่งความวิงเวียนถาโถมใส่เธอ มันให้ความรู้สึกเหมือนความปรารถนาดั้งเดิมได้ห่อหุ้มตัวเธอหลังจากนั้นก็กลายเป็นลมอุ่นๆ
“จากสงครามเบญจมาศครั้งก่อน…….”
“อย่างที่ฉันคิดจริงๆ, การขับไล่ออกจากศาสนาของวิหารนี่ช่างน่ากลัว พวกเก่งกาจอย่างตระกูลฟาร์เนเซ่ยัง…….”
“ดูเธอน่ารักยิ่งกว่าที่ได้ยินมาอีกนะเนี่ย”
เหยื่อไหลยกมาที่แผ่นหลังของลอร่า แต่เด็กสาวยังคงพึมพัมกับตัวเองก่อนจะกำมือแน่น เธอเชิดหัวขึ้น และเดินขึ้นเวทีในท่าเดินของชนชั้นสูง ที่เธอได้รับการสอนมาตั้งแต่ 4 ขวบ
มันเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่กับเธอ การศึกษานั้นทำให้เธอคุ้นชินกับมันนับสิบปี แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถหยุดหวาดกลัวต่อแววตาที่จับจ้อง จนหัวของเธอเริ่มก้มต่ำลง
เจ้าภาพประมูลดูพอใจกับลอร่าเขาจะประกาศออกมาเสียงดัง
“ท่านหญิง ดัชเชส ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่!”
ผู้คนต่างปรบมือกระหึ่ม มีผู้คนที่ยังคงเกลียดชิงชังตระกูลฟาร์เนเซ่ นั่นทำให้ลอร่ารู้สึกขายหน้า เธอเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วอะไรกันอีก? นี่หรือคือชีวิตของเธอ? เธอจะต้องอดทนกับคนพวกนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรือ?
‘
“ขอประทานอภัย แต่สินค้าชิ้นนี้จะเริ่มต้นด้วยราคาที่สูง แทบจะไม่ต้องสงสัยเลยว่า สินค้าชิ้นนี้จะเป็นราคาที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประมูล
500 โกลด์!
เราจะเริ่มการเสนอราคาประมูลที่ 500 โกลด์!’
นี่เธอกำลังจะมองดูตัวเองอย่างเงียบงัน โดยไม่ทำอะไรนอกจากปล่อยให้ตัวเองเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
‘โอ้ แหม!
มี6ท่านที่ยกมือในทันทีที่เริ่มเสนอราคา ต้องขอประทานอภัยนะขอรับ แต่การเสนอราคาจะเริ่มตอนแขกหมายเลข 213 ที่ได้ยกมือก่อน 550โกลด์!’
ลอร่ารู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? พ่อของเธอที่ปิดบังความจริงว่า ตัวเธอนั้นเป็นลูกนอกสมรส, คนรับใช้ที่บ้านต่างรู้เรื่องนี้ แล้วยังเฉยเมยต่อเธออีก
มันไม่มีที่ไหนให้เธอกัน ที่ไหนในโลกนี้ที่เธอจะได้รับอนุญาตให้อยู่? เธอจะต้องทนกับทุกอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน และเมื่อไหร่เธอจะลาออกจากพวกเขาได้เสียที?
ลอร่าพึมพัม
‘……ดันทาเลี่ยน’
แต่ไม่มีการตอบรับ มีเพียงเสียงผู้ดำเนินการประมูลที่ยังคงดังขึ้น
‘ดีมากครับ หมายเลข 567 , 600 โกลด์!
หมายเลข 12 , 650 โกลด์!’
ลอร่าขยับริมฝีปากอีกครั้ง
ดันทาเลี่ยน
เธอบ่นออกมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หมายเลข 64, 1650 โกลด์! ท่านลอร์ด! โอ้พระเจ้า! นี่พวกเรามาถึงราคาเสนอที่สูงที่สุดแล้ว!”
เด็กสาวเงยหัวขึ้น เธอต้องการจะมอบความหวังของเธอให้กับชายคนหนึ่งที่มีดวงตาที่เธอไม่อาจแปลความหมายได้
เธอไม่สนใจด้วยซ้ำแล้วว่าจะต้องทำสัญญากับปีศาจ ตราบที่เธอสามารถหนีออกไปจากชีวิตที่เป็นเหมือนภาพวาดคนพวกนั้นที่มีไว้เพียงเพื่อประดับห้องโถง
ตราบใดที่เธอสามารถหนีจากสถานที่น่าเวทนานี่ได้ เธอตะโกนออกมาดังที่สุดเท่าที่จะดังได้
‘⎯⎯⎯ดันทาเลี่ยน!’
และตอนนั้นเอง ที่แสงก็ฉายเต็มฮอล
* * *
แผนลอบจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวสำเร็จด้วยดี แสงมัวในโรงละครทำให้เงาร่างของมอนสเตอร์มากมายที่ปรากฏตัวขึ้นดูน่ากลัวอย่างมาก โกเลมตัวหนึ่งที่สูงเป็นสามเท่าของมนุษย์เริ่มออกอาละวาด ชนชั้นสูงที่ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์มาก่อนในชีวิต เริ่มกรีดร้อง ตกอยู่ในความแตกตื่นและพยายามหนีออกจากโรงละคร
ผู้คนนับร้อยชนและเหยียบกันเองตอนที่ต่างคนต่างจะหนี จำนวนคนที่เหยียบกันตายยังมากกว่าจำนวนคนที่ตายคามือโกเลมด้วยซ้ำ
นี่ถ้าพวกเขาจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ การจัดการโกเลมแค่10 ตัว มันเป็นงานง่ายมากด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมไม่ปล่อยให้มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก มันจะเป็นปัญหาใหญ่เกินแก้สำหรับผม หากพวกเขาตั้งสติได้ หรือไม่ก็ยามประจำเมืองมาถึง ดังนั้นโอกาสนี้เป็นโอกาสเดียวที่ผมจะสามารถจู่โจมเพื่อสร้างความโกลาหลได้
“แจ็ค! นายอยู่ไหน,แจ็ค?!”
“โลลิต้า!”
ผมเจอแจ็คอยู่ใกล้เวที สีหน้าเขาเหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว เขาต้อนรับผมอย่างดีราวกับผมเป็นเทวดาที่เคลื่อนลงมาจากสวรรค์
ผมรีบพูดทันที
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราต้องหนีไปให้เร็วที่สุด!”
“ตะ-แต่ …… ผมจะไปโดยทิ้ง ท่านหญิง เดอ ฟาร์นาเซ่…… อนาคตของบริษัทผม…….”
แจ็คมองไปที่เวทีด้วยแววตาที่สิ้นหวัง
“ไม่ใช่แค่บริษัท ผมแต่บริษัทพ่อผมจะได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ด้วย!”
การขายลอร่านั้นเป็นงานที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับบริษัทค้าทาส จะต้องใช้เครือข่ายและการระดมทุนขนาดไหนนะ เพื่อให้ได้รับตัวลูกสาวของดยุคมา
ผมแตะแก้มของเขาแผ่วเบา
“ตั้งสติได้แล้ว! ไม่จำเป็นต้องแตกตื่น ตั้งใจฟังให้ดีนะ พวกเราไปรับ ท่านหญิงฟาร์เนเซ่แล้วออกจากที่นี่ด้วยกันนะ โอเคไหม? ใจเย็นก่อนนะ”
“ช-ใช่ เราไปกันเถอะ”
ผมจับมือเขาไว้ แต่ความจริงผมแทบจะลากเขาขึ้นเวทีด้วยซ้ำ โฮสของงานพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้แขกทั้งหลายนั้นสงบลงจากบนเวที
ค่อยๆอพยพกันไปนะครับ เขายังคงตะโกนออกมา
ความจริงที่ว่า เขาไม่ได้ทิ้งแขกแล้วหนีไปแต่แรก ทำให้เขาดูเป็นมืออาชีพผู้ยอดเยี่ยม แม้จะชวนตั้งคำถามกับการใช้คำว่า มืออาชีพผู้ยอดเยี่ยมกับ เจ้าของโรงประมูลค้าทาสก็ตาม
เขามองพวกเราด้วยความตกตะลึง
“สุภาพบุรุษครับ! ท่านไม่ควรมาที่เวที”
“พวกเราเป็นกลุ่มพ่อค้าที่เป็นเจ้าของเลดี้ ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่!”
ผมตะโกนกลับไป
“บริษัทเมโดรันม์อยู่ใต้การดูแลของบริษัทลอมบาร์ด พวกเราจะรับทาสของเราย้ายพาตัวไปเอง!”
“โปรดแสดงตราทาสด้วย!”
ตามที่คาดไว้ เขาตัดสินใจได้ในทันที เขาไม่ได้บอกว่า ใช่หรือไม่ แต่กลับขอสิ่งยืนยันตัวตนแทน ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์นี้ดี
ผมล่ะอยากดูจริงๆว่า เจ้าของประมูลคนนี้เนี่ย มีค่าสแตทสูงแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้น โชคไม่ดี ผมไม่มีเวลามานั่งเช็คหรอก
“อยู่นี่!”
แจ็คก้าวออกมาข้างหน้า พับแขนเสื้อแขนยาวขึ้น มีรอยสักเป็นสัญลักษณ์รูปร่างประหลาดอยู่ที่แขนของเขา ผู้ประมูลตรวจสอบมันกับกองกระดาษ ก่อนจะมองไปมาที่แขนของแจ็คกับกระดาษ ก่อนจะพยักหน้าให้เรา
“คุณรับเธอกลับไปได้! เราต้องขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์น่าอายที่เกิดขึ้นด้วย!”
เขาแตะคอตัวเองสองครั้ง เวทย์ขยายเสียงได้ปิดลง เช่นเดียวกับการที่เสียงของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม
“มีทางหนีลับอยู่หลังเวที ขอให้เทพเออเมสอวยพรพวกท่าน”
“ขอบคุณมาก!ขอให้เทพเออเมสอวยพรท่าน!”
ฮ่าช์ ผมล่ะนับถือเขาจริงๆ เขาสามารถจัดการกับคู่ค้าได้แม้ในยามโกลาหล เขาเบาเสียงลงตอนที่บอกเราเรื่องทางลับใต้ดิน
ในตอนนี้ ทางเข้าหน้าโรงโอเปร่านั้นแออัดด้วยฝูงชนจนไม่มีทางที่จะออกไปได้ ถ้าหากแขกเหรื่อรู้เรื่องทางลับเข้า คงไม่วายแห่กรูกันเข้าไปจนเจอจุดจบแบบเดียวกัน
ถ้าเป็นอย่างนั้น หายนะก็คงจะรุนแรงยิ่งกว่านี้ แต่เจ้าภาพเองก็ทำให้แน่ใจแล้วว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
บุคคลนั้นจะแสดงคุณค่าแท้จริง ยามเกิดวิกฤติ ออกจะเสียของไปหน่อยที่ชายผู้เก่งกาจคนนี้มาทำงานเป็นพิธีกรโรงประมูล
‘ช่างน่าเสียดายที่ ผมไม่มีเวลาที่จะไว้ชีวิต’
ผู้คนเริ่มออกไปจากฮอลกันเกือบหมด มีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักการต่อสู้ยืนค้ำอยู่ด้านหลัง พวกเขาจัดตำแหน่งเพื่อจะโต้กลับโกเลม อาจจะไม่ใช่การตอบโต้ที่เหมาะสมเท่าไหร่
แม้ความแตกตื่นยังคงมีอยู่ แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งกว่านักผจญภัยแร๊ง F ถ้าหากผมเสียเวลาไปมากกว่านี้ หน่วยโกเลมของผมอาจถูกกำจัดหมด ผมพาตัวลอร่าและวิ่งมาที่หลังเวที
“คุณจะทำ….”
“ตอนนี้เงียบก่อน”
ลอร่าพยายามจะพูดบางอย่างแต่ผมตัดบท สิ่งสำคัญตอนนี้คือ การอพยพ พอเราไปถึงหลังเวที ซึ่งแน่นอนว่า มันมีประตูเล็ก พอผมเปิดประตูและก้าวเข้าไป ผมจึงพูด
“ลาพิส ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
พอผมให้สัญญาณ ลาพิสก็พึมพัมเสียงเบา มันคือ การร่ายเวทย์ถอนการอัญเชิญ
แจ็คถามผม ขณะที่หอบอยู่ข้างๆ
“คน คนนี้,ฮ่า…… ใครเหรอ?”
“เธอเป็นนักเวทย์และเป็นสหายของผม เธอร่ายเวทย์คุ้มกันให้พวกเราน่ะ”
“อ้า!”
ดูเหมือนแจ็คจะอึ้งกับความจริงที่ว่า ผมมีสหายเป็นนักเวทย์ เขาได้โค้งหัวให้กับลาพิสและขอบคุณเธอ
“ตอนนี้,เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สถานการณ์จะแย่ลงเมื่อไหร่ เราวิ่งต่อเถอะ”
“นายพูดถูก ฮ่าชชช ทำไมจู่ๆมาเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นนะ”
ลาพิส แจ็ค ลอร่า และผม พวกเราหลบหนีออกมาจากโรงละครได้สำเร็จ ด้านนอกของโรงละครไม่ต่างจากด้านในเลย ชนชั้นสูงลืมเรื่อง มารยาทอันงดงามและตามหารถม้าของตัวเอง
คนขับรถม้าขยับรถม้าอย่างเงอะงะตามคำสั่งของเจ้านาย พวกเขาเร่งรถม้าให้เร็วจนไปชนเข้ากับรถม้าคันอื่น ถึงอย่างนั้นนี่มันก็แค่เริ่มต้น
“โอ้, พระเจ้า!”
กรามของแจ็คค้างเมื่อได้เห็นภาพเมือง ควันกำลังพวยพุ่งออกมาจากฝั่งตรงข้ามโรงประมูลทาส มันเป็นเมฆควันที่แน่นหนา เส้นขอบฟ้าของเมืองปกคลุมไปด้วยเมฆดำ ใครบางคนได้ทำการลอบวางเพลิงอย่างเป็นระบบรอบเมืองนี้
ผมแอบหัวเราะในใจ คำขอที่ผมให้กับลาพิสสำเร็จตามที่ต้องการ ควันที่เกิดขึ้นจากกองฟางที่ลุกไหม้ แต่ไม่มีทางที่แจ็คจะรู้เรื่องนั้น
เช่นเดียวกับยาม ยามพวกนั้นอยู่ๆก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบจุดที่เกิดควันไฟ ผมใช้โอกาสนั้นเองในการอัญเชิญมอนสเตอร์ขึ้นในโรงประมูลทาส กว่าจะรับรู้ข่าวและยกหน่วยกลับมาคงต้องใช้เวลาสักพัก ซึ่งพอพวกเขามาถึงโรงละครก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
ผมจึงตั้งใจแกล้งทำเป็นพูดจริงจังออกมา
“……มันเป็นแผนการจู่โจมน่ะ ฉันไม่รู้ว่า กลุ่มไหนเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ แต่ที่นี่อันตรายแล้ว แจ็ค รถม้าของฉันอยู่ใกล้ๆนี่เอง เรานั่งไปด้วยกันแล้วมุ่งออกไปชานเมืองดีกว่า”
แจ็คทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่เห็นด้วย เราวิ่งสั้นๆจากโรงประมูลแล้วกระโดดขึ้นรถม้าของผม
ลาพิสนั้นรู้จักวิธีขี่ม้าและขับรถม้าดี เธอนั่งอยู่ตรงคนขับ เพียงครั้งเดียวที่ฟาดแส้เบาๆ ม้าสองตัวก็ออกวิ่ง รถม้าของเขาผ่านประตูทางเหนืออย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองที่ผมยิ้มออกมาโดยไม่ต้องปิดบัง