dungeon defense - ตอนที่ 8 นิวเกมที่เสียเปรียบ (7)
บทที่ 008 – นิวเกมที่เสียเปรียบ (7)
ไม่นานเท่าไหร่นักหลังจากนั้น
“ตอนนี้มัน ฮ่าช ปลอดภัยแล้ว”
ผมถอนใจอย่างโล่งอก
“ตอนนี้อ่าห์ …ปลอดภัยกันแล้วละ”
ผมพูดพลางพ่นลมหายใจหนักหน่วงออกมา
“อะแฮ่ม”
“หืมมม….”
จู่ๆพวกเขาก็ระแวดระวังตัวกันอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำตัวตรงข้ามกันเหมือนฟ้ากับเหว ตอนที่ยังละโมบโลภอยากได้ทอง พวกเขายังคงเกี่ยงกันผลักกันให้คนอื่นไปก่อน ผมแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ให้เล็ดออกมาแทบไม่ไหว
“แย่เม็ด!ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย”
แม้คนอื่นจะเป็นแบบนั้นแต่บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าอย่างรีฟก็ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
“ไอ้ที่อยู่หว่างขาพวกมึงนี่ มันหายไปไหนกันวะ!? เดี๋ยวปั้ดตัดแม่งด้วยขวานนี่ซะเลยนิ่ กูล่ะสมเพชตัวเองจริงๆที่ทำท่าภูมิใจกับการพิชิตดันเจี้ยนกับพวกแกนี่!”
เขาคำรามออกมา
“คนอื่นไม่เท่าไหร่ มึงอะ ไซคลอป มึงกับกูนี่ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาเท่าไหร่ แต่มึงเสือกไปซ่อนหลังไอ้เด็กพวกนั้นเรอะ? นี่เอ็งกล้าสู้หน้าคนได้ยังไงกันวะ?”
“ริฟ แต่ นั่นมันเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเวทย์มืดนะเว้ย…..”
“งั้นมึงก็กำลังจะบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มึงออกมาจากหมีแม่มึงสินะ แล้วยังไง กะช่ำตั้งแต่แรกเลยว่างั้น? มันก็มีครั้งแรกสำหรับทุกอย่างแหละวะ! ทำไมนักรบผ่านศึกถึงต้องมากลัวไอ่ของแบบนี้ด้วยวะ ชิ”
ริฟจ้องมองคนอื่นๆก่อนจะเดินเข้าไปหากองทองโดยไร้ความลังเล เข้ายื่นมือเข้าไปใกล้จนฉวยคว้าทองเต็มมือได้ ก่อนจะหันกลับมาโชว์สีหน้าให้กับสหายทั้งหลาย
“ดูนี่ดิ! เห็นคำสาปอะไรไหม? พวกโง่เอ้ย……”
รีฟยิ้มกรุ่มกริ่ม เขาดูเหมือนนักเลงโตทั้งใบหน้าที่ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม นักผจญภัยคนอื่นต่างห่อเหี่ยวทันทีที่เห็นท่าทางของรีฟ พวกเขาพยายามพูดแก้ตัวโดยไม่สบตา
หรือพูดง่ายๆว่า ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่หัวเราะออกมา นั่นเป็นเพราะว่า ผมได้เพิ่มแต้มค่าความชอบมากเพียงพอที่จะเห็นความคิดของรีฟในหน้าต่างสเตตัสแล้ว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่อ: ริฟ
เผ่า: มนุษย์ ฝ่าย: หมู่บ้าน เจลเซ่น
สถานะ: เป็นกลาง (Neutral)(-15)
เลเวล: 3 ชื่อเสียง: 2
อาชีพ: คนตัดไม้(B),ชาวนา(D),นักผจญภัย(F)
ความเป็นผู้นำ: 15 อำนาจ: 30 ความฉลาด: 4
ไหวพริบ: 2 เสน่ห์: 6 เทคนิค: 21
ค่าความชอบ: 21
ความคิดปัจจุบัน: ‘แม่งเอ้ย ทำเอากูเสียวหลังไปหมด……เวทย์มนตร์แม่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่กูเกลียดที่สุดในโลกเล้ยโว้ย! ขากูยังสั่นไม่หยุดเลยว่ะ’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
‘หึ!’
อย่างที่ผมคิดนั่นแหละ ริฟมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่นที่สั่นกลัวต่อหน้าเวทย์มนตร์ เขาเพียงแต่ต้องเปิดก่อนเพราะเขาเป็นหัวหน้า ผมว่าก็คงจะพูดได้แหละว่า เขาเต็มไปด้วยความภูมิใจในตนเอง สำคัญกว่านั้นคือ สแตทของเขานั้นน่าสมเพชเช่นเดียวกับดันทาเลี่ยนเลยจริงๆ ถ้านี่เป็นเกมแล้วล่ะก็ ผมรู้สึกว่า การจัดการกับนักผจญภัยพวกนี้ คือ เป้าหมายของแบบฝึกเล่นที่ผมได้รับมา
นักผจญภัยคนอื่นเริ่มที่จะเข้าใกล้กองเงินอย่างระวัง พวกเขาลังเลสงสัยทว่าในดวงตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความโลภขณะที่จ้องไปยังกองทอง
พวกเขานับเหรียญทองต่อหน้าทุกคนจนครบทุกเหรียญราวกับกลัวว่า จะมีใครแอบขโมยมันไป
ริฟก็หัวเราะออกมาอย่างเริงร่า
“อ่าฮ่า ทั้งหมด 489 โกลด์!”
หารกันทั้งหมด 15 ส่วนแต่ละคนก็ได้ไปคนละ 32โกลด์ ผมไม่รู้หรอกว่า สถานะทางการณ์เงินของโลกใบนี้มันเป็นยังไง ผมจึงไม่รู้ว่า เงิน 32โกลด์นั้นมากแค่ไหน แต่จากการดูสีหน้าสีตาพวกเขาที่ยิ้มจนแทบปากจะฉีกถึงหูแล้ว มันต้องมากพอที่จะทำให้ ‘พร้อมจะฆ่ากัน’ ได้แน่
ยังคงมีเศษเหลือ 9 โกลด์ ที่เหลือจากการแบ่งไม่ลงตัว แต่ริฟเก็บมันไว้ ราวกับว่า มันไม่ใช่เงิน มีคนสองคนที่ไม่พอใจกับการกระทำแบบนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าเปิดปากบ่น พวกเขาหมดกำลังใจจะสู้ไปแล้ว
ผมจึงพูดกับพวกเขาอย่างระมัดระวัง
“ก็รู้ว่าพวกนายกำลังวุ่นๆกันอยู่ แต่มีบางอย่างที่ผมต้องบอกทุกคนให้รู้”
“หืม โอ้ ว่าไงมีอะไรเหรอ?”
พวกเขาตอบแบบขอไปที พวกเขากำลังยุ่งกับการยัดเหรียญทองไปในกระเป๋า รองเท้า บางคนก็สอดมันเข้าไปในกางเกง มันทำให้ผมอยากจะพูดด้วยความรังเกียจ แต่ผมต้องพูดสิ่งที่ต้องพูดออกไปอย่างใจเย็น
“เหตุการณ์ที่ผมกลัว เกิดขึ้นจนได้ มีปาร์ตี้อื่นเข้ามาในดันเจี้ยนนี้แล้ว”
มือที่ง่วงวุ่นอยู่กลับหยุดกึก
“อะไรนะ!”
“มันต้องเป็นเพราะไม่มีมอนสเตอร์เหลืออยู่แน่เลย พวกมันถึงได้มาห้องจอมมารใกล้ขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมีหวังพวกมันตามเราในทันไม่ถึงชั่วโมงแน่”
“พูดบ้าอะไรของแกวะนั่น?!”
นักผจญภัยผู้ที่ชื่อว่า ไซคลอปส์ ตะโกนขึ้นมา
ผมไม่ใส่ใจเขาแล้วอธิบายอย่างใจเย็น
“อย่างที่เห็นไปเมื่อครู่ ผมสามารถใช้เวทย์มนตร์ต่างๆได้ในดันเจี้ยน ผมเป็นเจ้าของดันเจี้ยนแห่งนี้ดังนั้นต้องขอบคุณที่ผมสามารถเรียกเหรียญทองพวกนั้นออกมาได้ ตัวผมนั้นก็มีเวทย์มนตร์เตือนภัย หรือพูดง่ายๆก็คือ……”
ผมจงใจเว้นช่วงพูด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะตามทันว่า เหตุการณ์ที่ผมเจอนี้มันน่าเสียใจเพียงใด
“มันคือ เวทย์มนตร์ที่จะระบุว่า มีใครบุกเข้ามาในดันเจี้ยนของผม สัญญาณแจ้งเตือนดังใจหัวเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ดูเหมือนจะมีนักผจญภัย 25 คน เข้ามาแล้ว……”
แล้วพวกนักผจญภัยกลุ่มนี้ก็เริ่มตื่นตระหนก
* * *
“โว้ว หัวหน้า ผู้เล่นคนนี้ค่อนข้างพิเศษเลยนี่ครับ”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผมทองชี้ไปที่หน้าจอของตัวเอง เขาถือถุงน้ำแอปเปิ้ลไว้ในมือข้างหนึ่งและส่งเสียงดูดหลอดออกมา
ู้ผู้หญิงที่นั่งเก้าอี้ห่างไปไม่ไกลกับชายหนุ่มตอบกลับมา
‘เห?’
หญิงผู้นั้นเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ของเธอวางเท้าพักไว้บนโต๊ะ เธอยังอินอยู่กับการอ่านมังงะ ดังนั้นจึงไม่ค่อยพอใจนักกับการรบกวนของชายหนุ่ม
“ใครน่ะ?”
“หัวหน้าก็รู้อยู่แล้ว ชายคนที่โกรธจัดแล้ววนไปวนมาอยู่นั่นแหละ”
“อ่า , เจ้า Lolilatte?”
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ผู้หญิงคนนี้พบว่าตัวเองเริ่มโกรธขึ้นมาอีกครั้งเมื่อระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ไอ้บ้าโรคจิตนั่น ที่มันพิชิตปราสาทจอมมารบาอัล”
“ปราสาทของจอมมารบาอัล ? หัวหน้าหมายถึง อันดับหนึ่งใน Dungeon Attack?”
ชายหนุ่มหน้าซีดด้วยความตกใจ ปราสามจอมมารบาอัลนั้นเป็นดั่งป้อมปราการที่แม้แต่เขาก็เจาะไม่เข้า มันเป็นปกติอยู่แล้วที่จะตระหนักถึงความจริงว่า ดันเจี้ยนแห่งนั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เอาชนะได้
“โอ้ พระเจ้า นี่เขามันผู้เล่นแนวหน้าเลยนี่”
“แนวหน้ากะผีน่ะสิ ก็แค่ไอ้ตัวระยำน่ารำคาญเท่านั้นแหละ”
ผู้หญิงคนนั้นปิดมังงะลง
“หมอนั่นมันกล้าดียังไงคอมเพลนฉัน ในฐานะกรรมการผู้บริหาร เกี่ยวกับระบบเกมวะ ฉันหน่ายกับมันเต็มทนเลยส่งของหวานไปให้”
“หัวหน้าอย่าบอกนะครับว่า …หัวหน้าเปลี่ยนเขาเป็นเพลเย่อโดยไม่ร่างสัญญาให้ก่อน?”
“ห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง คิดว่าฉันเป็นหน้าใหม่ในวงการธุรกิจหรือไง?”
ยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนริมฝีปากของหล่อน ด้วยเหตุผลบางประการ ชายหนุ่มถูกคลื่นแห่งความรู้สึกแย่ๆโถมใส่ทันที ทุกครั้งที่เธอยิ้มแบบนั้น มักจะเกิดเหตุการณ์……บางอย่างเกิดขึ้น เขาเป็นคนที่จะต้องเจองานหนักโถมใส่ ไม่ใช่เธอ……
ไม่เคยมีใครบอกเลยเหรอว่า คำทำนายในแง่ร้ายมักเป็นจริงเสมอ? ผู้หญิงมักให้คำตอบที่ผู้ชายไม่อยากได้ยินที่สุด
“แน่นอน ฉันแอบส่งเขาไปอย่างลับๆ”
“เรื่องชั่วร้าย……ทุกคนครับ มีคนทำเรื่องชั่วร้ายอยู่ตรงนี้ครับบบ……”
ชายหนุ่มเริ่มปวดหัวตึบ จริงอยู่ที่หัวหน้าของเขานั้นมีพรสวรรค์อย่างมาก แต่ดูเหมือนบางทีเธอจะไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย พูดกันตามตรงเธอเป็นอย่างนั้นบ่อยครั้ง แถมเขายังต้องเป็นผู้ที่คอยตามเช็ดตามแก้ตอนที่เธอทำตัวสติแตกอีก ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!?
แต่ถ้ามาย้อนนึกดูดีๆ เรื่องทั้งหมดมันเกิดเมื่อวาน ตอนที่หัวหน้าใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองด้วยแววตาที่ว่างเปล่าเหมือนทุก แต่ถึงอย่างนั้นจู่ๆเธอก็ของขึ้นแล้วกระแทกแป้นคีย์บอร์ดต่อเนื่องราวๆ 4 ชั่วโมง
เด็กหนุ่มไม่คิดอะไรมากนอกเสียจาก จะพยายามที่จะทำการตบตีกับชาวเน็ต แต่ปัญหาคือ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น
‘แม่งเอ้ย! หงุดหงิดชะมัด!’
หัวหน้าลุกขึ้นแล้วก็กุมผมตัวเอง หลังจากนั้นเธอส่งเสียงในลำคอแปลกๆออกมาสักพัก หลังจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงแล้วพิมพ์อะไรบางอย่าง ก่อนจะออกจากออฟฟิศ
หัวหน้ากลับมาใน 10 นาที รอยยิ้มของเธอนั้นสว่างสดใส ในขณะที่ชายหนุ่มกลับสงสัยว่า หัวหน้าของเขาต้องทำอะไรชั่วร้ายมาแน่ๆ เพราะใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสบายอกสบายใจ
‘ฉันจัดการงานบางอย่างเสร็จแล้ว’
เสียงของเธอสดใสมากเหมือนกับคนที่โล่งใจสุดๆที่หลุดพ้นจากอาการท้องผูกเกือบ5 ปีได้สำเร็จ
เมื่อชายหนุ่มถามว่า เกิดอะไรขึ้น เธอก็บอกเขาว่า เธอส่งใครบางคนให้หายหัวไปด้วยรถบรรทุกนำส่งเกิดใหม่ ไปเรียบร้อยแล้ว ―― นั่นคือ ชื่อที่เธอตั้งใจกับรถสุดรักของเธอ ชายหนุ่มแน่ใจที่สุดเลยว่า เซ้นส์การตั้งชื่อของหัวหน้านั้นห่วยบรม
หนุ่มผมทองแอบเดาะลิ้นอยู่ในใจ
“แม่นี่โดนลดตำแหน่งเพราะนิสัยแบบนี้นี่แหละ”
มันจะมีประโยชน์อะไรหาก ทักษะการพัฒนาเกมของเธอนั้นเข้าขั้นแต่ แต่สันดานเลวอย่างกับหมาบ้า
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่นับตั้งแต่ที่ผ่านมาเธอก็ได้รับคำยินยอมจากผู้เล่น แม้ว่ามันจะดูเหมือนไปหลอกเขาก็ตาม
“หัวหน้า นี่ถ้าพวกระดับสูงได้ยินเรื่องนี้เข้า มีหวังหัวหน้าโดนสั่งลงโทษอย่างเป็นทางการแหง….”
“กะผีอะดิ! ก็ขอคำอนุญาตจากเจ้าตัวแล้วไง แหม ฉันก็เตือนเขาแล้วด้วยความใจดี ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า”
“นั่นมันสิ่งที่หัวหน้าคิด ถ้าผู้เล่นคนนั้นส่งคำร้องไปยังสำนักงานใหญ่ล่ะ? แถมยังเป็นผู้เล่นคนนั้นถ้าเคลียร์ ได้ สำนักงานใหญ่ก็อาจจะส่งใครบางคนมาจัดการก็ได้”
“ถ้าเคลียร์ได้?”
หล่อนแสยะยิ้ม
“ก็คงทำได้หรอก ฉันตั้งให้เป็น LUNATIC โหมดไว้”
“โอ้ พระเจ้า…….”
จับยัดเขาใส่ลงไปในตัวละครสุดกากไม่พอ? ยังตั้งค่าระบบเกมที่ยากที่สุดเป็นประวัติการณ์ให้ด้วย!?
‘ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวชะมัด…..’
ชายหนุ่มเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง ผิดกับรูปลักษณ์ของหัวหน้าผู้ทรงเสน่ เธอนั้นม่เคยให้อภัยใคร ไร้ความเมตตา และไม่สนใจใยดีด้วย
ผู้หญิงคนนั้นอ่านมังงะเล่มใหม่ และพูดอย่างสบายใจ
“ถ้าหมอนั่นเคลียร์มันได้จริงนะ ฉันจะยอมคุกเข่า ขอร้องให้เขาอภัยให้เลยเอ้า จูบรองเท้าแถมให้เลยก็ได้ เพราะตอนนั้นเขาคงเป็นสุดยอดผู้เล่นจริงๆแล้วนั่นแหละ แหม แต่เรื่องแบบนั้น มันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก”
ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางยิ้มเผล่ออกมาก่อนจะดื่มด่ำไปกับมังงะของเธอ
ชายหนุ่มมองเข้าไปในจอ บนหน้าจอนั้นมีชายคนหนึ่งที่เท้าขวาบาดเจ็บและกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด ทีแรกเขาคิดว่า การที่สแตทของเขามันแย่นั้น อาจจะเป็นเพราะหัวหน้าจงใจเลือกคนแบบนี้มาเอง แต่ก็มาพบทีหลังว่า เธอจงใจลดค่าสแตทให้เป็นแบบนั้น น่าสงสารชะมัด
‘ขอให้โชคดีนะ ชายคนที่ผมก็ไม่รู้จักชื่อ’
ชายหนุ่มดื่มน้ำแอปเปิ้ลจนหมดซอง
เขาได้ยินเสียงโกรธของหัวหน้า เธอกำลังโกรธที่พวกเขาปล่อยให้หนวดขาวตาย
เขามองผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมาว่า จะทำให้นักวาดมังงะคนนั้นโดนรถของเธอชน ชายหนุ่มต้องรีบทำให้เธอสงบลงให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ให้มีผู้โชคร้ายเพิ่มจำนวนขึ้นอีก
* * *
การพูดคุยสรุปประเด็นในห้องจอมมารนั้นร้อนแรง ทั้งฝ่ายที่เสนอให้สู้กับฝ่ายที่เสนอให้หนีไปนั้นมีจำนวนเท่าๆกัน
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ พวกเราควรจะตั้งรับทื่ห้องจอมมาร”
“มึงจะบ้าหรือไง? แม่งมีกัน 25คนนะโว้ย 25คน แค่จำนวนเราก็แพ้แล้ว ถ้าหากมึงอยากสู้ มึงก็ลุยเองเลย กูไม่เอาด้วย”
“ฮ่า! นี่มึงบอกเองใช่ไหม ว่า มึงคิดจะหนีน่ะ?!”
ริฟตะโกนออกมาส่วนไซคลอปส์นั้นก็มองกลับไปที่ริฟอย่างแน่วแน่ เมื่อสองผู้มีประสบการณ์ที่สุดในกลุ่มขึ้นเสียง ทุกคนต่างเงียบและฟังทั้งสองพูดคุยกัน
“คิดดูดีๆ ฉันมานี่นี่เพราะสัญญาว่า จะเข้าร่วมการสำรวจพิชิตดันเจี้ยน ตอนนี้พวกเราก็พิชิตดันเจี้ยนได้แล้ว สู้กับมอนสเตอร์น่ะโอเค แต่ไม่เคยตกลงว่า จะสู้กับนักผจญภัยคนอื่นด้วยกันสักหน่อย”
“ไอ้คนทรยศ!”
“ริฟ ใจเย็นแล้วคิดดูให้ดี”
ไซคลอปส์มองไปรอบๆตัวเอง
“เราสองคนน่ะไหว แต่ปาร์ตี้ทุกคนของเราต่างเป็นหน้าใหม่ที่ไม่เคยเข้าดันเจี้ยนมาก่อน จนกระทั่งเมื่อวานนี่แหละ พวกนี้มันก็แค่เด็กที่รู้จักแต่การเก็บเกี่ยวพืชผล แล้วคิดว่าพวกเราจับจอมมารได้ด้วยความสามารถตัวเองรึไง
งี่เง่าน่า พวกเขาจัดการเขาได้เพราะมีปาร์ตี้อื่นเข้ามากวาดล้างให้ก่อนแล้ว สิ่งที่เราได้ทำลงไปจริงๆคือ การจัดการของเหลือนั่นแหละ เอาเด็กพวกนี้ไปสู้กับ 25คนนั่นมันโง่เกินไป พวกเราจะตายหยังเขียดกันหมด”
“พูดดีนี่ในฐานะไอ้คนขี้ขลาด ว่ากันว่า พวกขันทีนี่มันใช้ลิ้นเก่งนี่นะ”
ริฟกระชับขวานในมือแน่น
“หุบตูดแล้วฟังซะ ไอ้ขี้โลภ แกมันไม่รู้ห่าอะไรทั้งนั้น แกดูถูกนักผจญภัยมากเกินไปแล้ว นั่นและจะเป็นจุดจบของตัวแกเอง กะจะเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองด้วยความกลัวปาร์ตี้อื่นทั้งที่เราพิชิตดันเจี้ยนได้เนี่ยนะ? ให้ข้าฝังศพให้คนกล้าดีกว่าให้มาดูความสมเพชของแกตอนนี้อีก”
“ไอ้ง่าวเอ๊ย…!”
ไซคลอปส์กระชับหอกมั่น มันเป็นสถานการณ์เลยเถิดที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน