dungeon defense - ตอนที่ 9 นิวเกมที่เสียเปรียบ (8)
ดูเหมือนเหล่าสหายทั้งหลายไม่อาจทนดูการวิวาทของทั้งสองได้จึงยื่นมือเข้ามา ริฟนั้นฮึดฮัดและตะโกนว่า ให้ปล่อยตัวเขา สถานการณ์สงบลงเมื่อมีคนหกคนเข้ามาจับตัวริฟไว้
“เฮ้ย พวกเราไม่ควรซัดกันเองนะเว้ย!”
“มันคงจะดีกว่าสินะ ถ้าไอ้พวกห่านั่นมันมาถึงที่นี่ ตอนที่เรามัวแต่ซัดกันเองอยู่น่ะ หา?”
“เย็นไว้ ดาเนฟ เข้าใจไหม? ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมาทะเลาะกันเองเลย”
แค่ชำเลืองมองก็ดูออกว่า มีอะไรคาใจอยู่มากมายนัก ผมสัมผัสได้ถึง ความอดกลั้น
‘แม่ง เจ้าพวกเลเวล2 เลเวล 3 มันทำอะไรเนี่ย….’
ผมวางแผนให้ ให้เกิดความแตกแยกภายในกลุ่ม ด้วยการบอกพวกเขาว่า ปาร์ตี้นักผจญภัย25 คน กำลังมา เจ้าพวกนี้ก็จะแตกตื่นแล้วหนีไป ในฐานะนักผจญภัยด้วยกันพวกเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า นักผจญภัยน่ะมันก็โจรดีๆนี่เอง ก็คงรู้แหละว่า กลุ่มอื่นคงไม่ยอมปล่อยให้พวกเขากลับไปง่ายๆ
ตรงนั้นเองที่ผมต้องการจะให้พวกเขาใช้งานผม ในฐานะจอมมาร ในฐานะเหยื่อล่อ ผมน่ะมีราคาค่าหัวอยู่ มันจะทำให้พวกเขาหนีได้สบายๆถ้าพวกนั้นโฟกัสที่ผม―
ผมโกหกพวกเขาไปแบบนั้น นี่แหละคือวิธีที่จะทำให้ผมมีชีวิตรอดปลอดภัยไปได้……แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดนึกของเจ้าคนสองคนนั้นผิดกับที่แสดงออกภายนอกโดยสิ้นเชิง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่อ: ริฟ
เผ่า: มนุษย์ ฝ่าย: หมู่บ้าน เจลเซ่น
สถานะ: เป็นกลาง (Neutral)(-15)
เลเวล: 3 ชื่อเสียง: 2
อาชีพ: คนตัดไม้(B),ชาวนา(D),นักผจญภัย(F)
ความเป็นผู้นำ: 15 อำนาจ: 30 ความฉลาด: 4
ไหวพริบ: 2 เสน่ห์: 6 เทคนิค: 21
ค่าความชอบ: 21
ความคิดปัจจุบัน: ‘ชิบหายแล้ว , มันไม่มีทางเลยที่เราจะชนะ 25 คนนั่น เราต้องหนีแล้ว แต่ถ้าเจอพวกมันระหว่าง ก็จบเห่ ดังนั้นเราต้องแบ่งเป็นสามกลุ่ม แล้วจากนั้นก็…’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่อ: เดเนฟ
เผ่า: มนุษย์ ฝ่าย: หมู่บ้าน เจลเซ่น
สถานะ: เป็นกลาง (Neutral)(-10)
เลเวล: 2 ชื่อเสียง: 1
อาชีพ: ชาวนา(C),นักผจญภัย(F)
ความเป็นผู้นำ: 10 อำนาจ: 22 ความฉลาด: 6
ไหวพริบ: 4 เสน่ห์: 11 เทคนิค: 5
ค่าความชอบ: 20
ความคิดปัจจุบัน: ‘โชคไม่ดีเท่าไหร่,แต่เราต้องเสียสละบางคน’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
……ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง สองคนนั่นวางแผนได้อย่างเยือกเย็นยิ่งกว่าใครๆทั้งนั้น
มันมีเส้นทางสามเส้นทางเข้าจากตัวดันเจี้ยนไปที่ห้องจอมมาร พวกเขาเชื่อว่า ศัตรูน่าจะเข้ามาใกล้หนึ่งในสามเส้นทางดังกล่าว ดังนั้นหากจะนีไปก็มีโอกาสที่จะได้เจอกับปาร์ตี้อื่น แล้วก็จะถูกกำจัด
ดังนั้นพวกเขาเลยแบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อยโดยมีกลุ่มละ 5 คน จาก 15คน
พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปสู่ประตูทางออก หนึ่งในกลุ่มนั้นจะเจอศัตรู และอีกสองกลุ่มก็จะรอด ‘อย่างแน่นอน’
ริฟและไซคลอปส์นั้น ต่างเป็นคนที่คิดแผนนี้ได้และต้องการจะให้เหลือคนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พวกสมาชิกหน้าใหม่อาจจะตกใจที่จู่ๆก็ให้แยกกลุ่มเป็นกลุ่มเล็ก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคยตัวติดกันไปไหนไปกันตลอด
ดังนั้นริฟกับไซคลอปส์จึงตั้งใจสร้างสถานการณ์ให้ปะทุขึ้น หน้าเก่าสองคนจึงต้องแยกไปคนละทาง ――ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในสถานการณ์แบบนี้
ทั้งสองตกลงปลงใจที่จะทำแบบนั้นโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ แม้ความนึกคิดจะไม่ได้แสดงออกมาเป็นหน้าจอสเตตัส แต่ผมคิดว่า ผมอาจถูกหลอกด้วยเหมือนกัน ผมจึงแอบเสียใจอยู่เหมือนกัน
‘ทำไมNPCในแบบฝึกถึงได้เป็นAIที่ฉลาดจนน่าประทับใจขนาดนี้นะ!?’
หากเป็นในเกมแล้วล่ะก็ เจ้าพวกนี้ที่เป็นนักผจญภัยเลเวลต่ำมีหวังตายตั้งแต่มอนสเตอร์โผล่มาแล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นโลกนี้ก็ไม่ต่างจากความจริงไม่ใช่หรือ? พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ไม่สามารถแสดงบนหน้าจอสเตตัส แม้จะไร้เดียงสาจนโดนผมหลอกไปบ้าง หรือจะโหดร้ายมากพอที่จะธนูใส่ผม
พวกเขานั้นสามารถไตร่ตรองในสถาการณ์ที่น่าสิ้นหวังได้อย่างใจเย็น พวกเขาช่างแสดงออกหลากหลายเสียจนไม่สามารถมองได้ว่าเป็นแค่AI
‘แม่ง,ปวดเท้าชะมัด’
ความเจ็บปวดแล่นผ่านเท้าขวา นี่ผมจะออกไปจากที่นี่เป็นๆได้ไหมเนี่ย?
ผมสะบัดหัวทีหนึ่ง อีกฝ่ายดูจะฉลาดกว่าที่ผมคาดไว้เล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรจะต้องสิ้นหวังเลยนี่ ไม่เลย ผมควรดีใจด้วยซ้ำไปที่หน่วย15คนนั้นแยกออกเป็นกลุ่มเล็กๆ จะเรียกว่า โชคดีในโชคร้ายก็ไม่ผิดนัก
ไม่นานหลังจากการทะเลาะกันของริฟและไซคลอปส์จบลง ดูเหมือนว่า ริฟจะแนะนำให้ทั้งปาร์ตี้แยกออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำเหมือนกับว่ามันเป็นไอเดียของเขาเองคนเดียว
ทีแรกคนอื่นต่างตกใจกับไอเดียที่จะให้สละหนึ่งในกลุ่มนั้น แต่ในเมื่อมันเป็นไอเดียของหัวหน้าริฟที่มีการตัดสินใจดีที่สุด ทุกคนก็พยักหน้าตอบรับ
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่อยากอยู่กับพวกขี้ขลาดอย่างมัน”
ริฟเย้ยหยันใส่ไซคลอปส์ แล้วอีกฝ่ายก็โกรธขึ้นมา แต่พรรคพวกรอบๆเขาต่างทำให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขึ้นเสียงกลับ ผลที่ได้คือ ทั้งปาร์ตี้แยกไปตามฝั่งของตน
ผมแอบหวังเล็กๆว่า พวกเขาจะทิ้งผมไว้เพราะเท้าขวาผมหักจะทำให้หนีไปได้ช้าลง แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่คิดจะทิ้งเงินค่าหัวของผม พอผมเช็คสเตตัสตัวเองก็พบว่า ตัวเองมีค่าหัว 10,000 โกลด์สำหรับการจับเป็น
แม่งเอ้ย ผมมีค่าหัวแพงขนาดนั้นได้ยังไงกัน ช่างเป็นปริศนาซะจริง
“ไอ่ห่าลากทั้งหลาย ไปตายห่าซะไป! พวกเราจะรอดออกไปโว้ย”
“พวกมึงต่างหากที่ต้องตาย”
พวกเขาเยาะหยันกันเองก่อนจะแยกย้ายกันไป ตามทางเส้นทางที่หัวหน้าของกลุ่มตนนำไป ผมถูกลากไปอยู่กับกลุ่มของไซคลอปส์
ด้วยข้ออ้างที่ว่า ต้องขนผมที่เป็นสัมภาระที่หนักไปด้วย พวกเขาจึงได้ทางออกเส้นที่สั้นที่สุด ผมจ้องมองแถบ ของตัวเองอย่างเงียบๆ ในขณะที่ถูกแบกขึ้นหลังอันกำยำของนักผจญภัย
“…….”
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
[เงินที่ใช้ได้: 511 Gold]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ผมลังเลไปชั่วครู่ ถ้าผมซื้อมอนสเตอร์มา เป็นที่แน่นอนแล้วว่าสิ่งที่จะตายมาคือ ถ้าพวกมันไม่ตายผมก็ม้วยเอง ความล้มเหลวหมายถึง ความตาย ผมไม่สามารถใช้แผนการใดได้อีกต่อไป
จะดีกว่าไหมถ้าจะเพิ่มความเห็นอกเห็นใจจากชาวพวกนี้แล้วออกไปทั้งๆแบบนั้น? มันจะไม่ดีกว่าหรือที่จะไม่ให้ตายกันทั้งสองฝ่าย?
ไม่
ผมเลือก โกเลมระดับต่ำสุด อย่างเลือดเย็น มันเป็นไพ่ใบที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผมจะใช้ไปกับเงินที่มี มันแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของไซคลอปส์ สมาชิกที่เก่งที่สุดในนี้ แล้วหลังจากนั้นโฮโลแกรมก็ถามผมว่า ผมปรารถนาที่จะซื้อโกเลมระดับต่ำสุด ใช่ไหม?
‘ซื้อ’
「คุณได้ซื้อ โกเลมระดับต่ำสุด」
「คุณต้องการอัญเชิญโกเลมระดับต่ำสุดหรือไม่?」
พวกมันทำร้ายผมก่อน และผมไม่ปราณีพอที่จะให้อภัยการกระทำรุนแรงอย่างนั้น จริงอยู่ผมอาจเป็นคนเขลาในโลกความจริง การที่ผมเล่นเกมทั้งวี่ทั้งวันจนผมตระหนักได้ว่า ผมนั้นมันเป็นขยะ
แต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ไม่ใช่โลกความจริงนี่ ที่นี่เป็นโลกในเกม โลกแห่งDungeon Attack.
และผมคือ จักรพรรดิแห่งเกม Dungeon Attack
ถึงผมจะเป็นจอมมารดันทาเลี่ยน มิใช่ ฮีโร่โลลิต้า
ผมเป็นสุดยอดฮีโร่ผู้ไร้ใครเทียบที่เคยได้พิชิตปราสาทจอมมารและได้รับค่าสเตตัสที่สูงที่สุดมา แม้ผมจะเป็นขยะในชีวิตจริงแล้วไง ผมไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเป็นขยะในเกม นั่นคือ ความภาคภูมิใจของผมในฐานะ ‘ผู้เล่น’
‘จักรพรรดิน่ะ ไม่เคยปล่อยให้ผู้ที่อาฆาตมาดร้ายตนมีชีวิตรอดไปได้!’
พวกเขาแค่ทำตามฉากสถานการณ์ของเกม คุณจะแก้ตัวแบบนั้นก็ได้ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แบบนั้นนี่? มันไม่ต่างกันเลยไม่ใช่หรือ? เพราะ นี่มันเป็นฉากในเกมที่อยู่ระหว่างความเป็นตาย ของมนุษย์ผู้บุกรุกดันเจี้ยน ในฐานะ ‘จอมมารดันทาเลี่ยน’
“พวกนั้นคงไม่ลงมาทางนี้ใช่ไหม?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พวกเราคงโชคร้ายแล้ว แต่พวกเราไม่น่าจะโชคร้ายขนาดนั้นนะ”
“แม้โอกาสจะหนึ่งในพันถ้าพวกมันเจอเราเข้าเราควรยกเหรียญทองให้มันหมดเลยนะ ทองอาจสำคัญแต่ชีวิตเราสำคัญกว่าไม่ใช่หรือไง? พวกเขาอาจจะไว้ชีวิตเราก็ได้ ถ้าเรามอบตัวจอมมารให้”
เจ้าพวกนี้ไม่คิดแม้แต่จะวางแผนเตรียมพร้อมสู้ด้วยซ้ำ เอาแต่พูดถึงเรื่องยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ผมกัดหูคนที่แบกผมมาอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหูของชายคนนั้นก็หลุดออกในทันที
“อ๊ากกกก!”
ร่างของผมหล่นลงบนพื้นในทันทีที่ชายคนนั้นกรีดร้อง ผมไม่ได้เตรียมตัวลงสู๋พื้นเลยกระแทกพื้นอย่างแรง แรงกระแทกทำเอาหัวผมสะเทือนเหมือนกับถูกหมัดหนักๆชกเข้าที่หัว ผมได้ยินเสียงนักผจญภัยตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น แจ็ค?”
“โอ้ยยย แม่งเอ้ย ไอ้ระยำนั่น หูกู…!”
ในขณะที่พวกเขา ยังไม่พร้อมรับมือสถานการณ์นี้ดี ผมก็ตะโกนขึ้นมาทันที
“โกเลมขั้นต่ำสุด―― จงออกมา!”
แสงสีม่วงฉายเต็มถ้ำ สัญลักษณ์เรขาคณิตวาดขึ้นที่พื้น แสงฉายมาจากจุดนั้น อะไรบางอย่างโผล่ตัวขึ้นมาจากสัญลักษณ์นั้นแล้วแผ่นดินก็ไหวน้อยๆ แขนของมันทำมาจากหิน เจ้าโกเล็มหินนั้นยันพื้นแล้วดันตัวขึ้น จนดูเหมือนว่า โกเลมมันคืบคลานขึ้นตรงมาจากนรก
─ กูว้าาาาาา!
โกเลมคำรามออกมา
ดูเหมือนมันกำลังตอบรับโลกภายนอกหลังจากที่ติดอยู่ในโลกใต้ดินมานานแสนนาน อารมณ์ของมอนสเตอร์นั้นส่งตรงมาถึงผม
มันอยากได้สนามรบดีๆสำหรับการเปิดตัวของมัน มันตะโกนถามว่า เมื่อไหร่ที่จะให้คำสั่งกับมัน มันจะฉีกเจ้ามนุษย์เป็นชิ้นในทันที
นี่คือ มอนสเตอร์!
นี่คือ อบิลิตี้ของจอมมาร!
ร่างของผมร้อนรุ่มไปทั้งตัว ในมุมหนึ่งของความนึกคิดของผมนั้นเชิญชวนให้ตั้งสติไว้ให้มั่น แต่ผมไม่สนใจเหนืออื่นใด ผมอยากจะให้ร่างกายได้รับรู้ความตื่นเต้นนี้ ผมตะโกนใส่โกเลมทันที
“ขยี้พวกมันให้หมด!”
โกเลมแกว่งแขนของมันก่อนที่ผมจะสั่งจบด้วยซ้ำ เป้าหมายมันคือ คนที่อยู่ใกล้ที่สุด ไซคลอปส์นั่นเอง ถ้าหากคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดยังตาย คนอื่นก็ไม่น่าห่วงด้วยซ้ำ ไซคลอปส์นั้นกระโดดไปด้านข้างด้วยความตกใจ รีแอคชั่นไม่เลวเลยนี่ แต่ก็ยังโง่อยู่ดี
ถ้าเขายอมก้มตัวติดพื้นสักหน่อยอาจจะหลบการโจมตีได้ ฝ่ามือที่กว้างของโกเลมนั้นตบไซคลอปส์ขณะที่อยู่ระหว่างกระโดด ไซคลอปนั้นร้องออกมาสั้นๆก่อนจะลอยละลิ่วไปถึงสามเมตร ร่างของไซคลอปส์ก็กระแทกเข้ากับหินย้อยในถ้ำ ผมได้ยินเสียงกระดูกแตกเป็นเสี่ยง
─ กูฮ้าาาาาาา!
โกเลมส่งเสียงดีใจทันทีที่ทำตามคำสั่งแรกได้สำเร็จ อากาศที่สงบกลับสั่นสะเทือนก้องไปทั่วถ้ำอย่างรุนแรง ก่อนที่ผมจะนึกถึงคำสั่งต่อไปออก โกเลมก็เหยียบไปที่หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ถูกผมกัดหู
หนุ่มคนนั้นไม่ได้โดนขยี้ทันทีและยังคงส่งเสียงร้องที่น่าหวาดกลัว ผมรู้สึกได้ว่า โกเลมนั้นกำลังโกรธ
มันเป็นความไม่พอใจที่ต้องการจะเหยียบมดแล้วมดตัวนั้นไม่ตายสักที โกเลมยกขาขึ้นแล้วเหยียบลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีกถึง 6 ครั้ง เสียงกรีดร้องหยุดลงตั้งแต่ครั้งที่ 4
มันสมองเปื้อนที่ปลายเท้าของโกเลม จากภาพที่เห็นมันควรที่จะทำให้ผมสบถด้วยความขยะแขยงแต่ด้วยเหตุผลบางประการ ร่างของผมได้รับความสุขล้นปรี่
“ฮว้ากกกกกก!”
หลังจากเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชดังไปถ้วนทั่วถ้ำ ผมก็ได้หันมามองและเห็นหนึ่งในนักผจญภัยที่พยายามถอยครูดออกห่างไป เขาพยายามหนีไปอย่างขลาดกลัว ทิ้งผองเพื่อนไว้เบื้องหลังที่ยังลังเลอยู่ว่า ควรจะสู้กับมอนสเตอร์หรือหนีมันดี?
“แม่งเอ้ย อย่าหนีสิวะ!”
“ไอ้ระยำนั่นมันหลอกเรา! โอ้ พระเจ้า เดเนฟ!”
สองคนที่เหลือนั้น ประจำตำแหน่งและเตรียมรับมือ โกเลมนั้นหัวเราะคิกขึ้น เสียงหัวเราะคิกที่ว่านั้นส่งมาถึงผมด้วยเช่นกัน แม้มันจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขา มันก็ดูน่าเวทนาอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในพวกเขานั้นเป็นนักธนู การป้องกันของเขานั้นห่วยแตกมากถ้าไม่มีโล่
“จัดการตัวที่อ่อนแอกว่าก่อน!”
มอนสเตอร์ของผมรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง แม้โดยทั่วไปแล้วโกเลมนั้นจะช้า แต่การที่เหวี่ยงกำปั้นใหญ่ใส่นักธนู นักธนูที่ได้ฝึกตัวมาก็โยกร่างหลบ ทำให้กำปั้นเกือบจะพลาดเป้า
“ฮ่า กูหลบ――.”
ดูเหมือนเขาจะไม่ตระหนักเลยว่า โกเลมนั้นมีสองแขน แขนซ้ายจึงฟาดเข้าไปในหน้าของเขา ในขณะที่เขายังทำทีอวดเก่งต่อหน้ามอนสเตอร์ เมื่อหน้าของเขาเละ ร่างก็ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตอนนี้ก็ถึง คนสุดท้ายแล้ว
“อ-อ๊ากกกก!”
นักผจญภัยคนนั้นพุ่งเข้าชาร์จโกเลมด้วยหอก หอกทื่อๆของเขาแทงเข้าไปที่ข้อต่อแขนของโกเลม
นี่เขาเชื่อจริงๆใช่ไหมว่า นั่นเป็นจุดอ่อนของโกเลมน่ะ? โฮโลแกรมแสดงผลว่า เลือดของโกเลมลดลงไป1หน่วยต่อหน้าผม
แม้จะเป็นความสำเร็จท่ามกลางความกลัว แต่ก็น่ายกย่องนัก แต่แล้วยังไงล่ะ ความรู้สึกของมันที่เหมือนกับถูกมดกัดเนี่ย โกเลมก็เข้าหาโดยที่แกว่งแขนไปมาด้วยความเดือดดาล
นักผจญภัยคนนั้นพยายามจะหลบกำปั้น แต่สะโพกก็ต้องหักเพราะถูกโกเลมเตะเข้า โกเลมไม่ลังเลที่จะใช้หมัดทุบเหมือนค้อนใส่ร่างของนักผจญภัยผู้ล้มลงและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“ฮ่าา, ฮ่า …….”
ลมหายใจอันแผ่วอ่อนของผมไหลผ่านถ้ำ นอกเหนือจากเสียงลมหายใจ ทุกอย่างล้วนเงียบสงบ โกเลมหยุดนิ่งและรอคำสั่งต่อไป การต่อสู้ครั้งแรกที่ผมเจอหลังจากมาสู่โลกใบนี้จบลงอย่างจืดชืดเช่นนั้น
“ฟู่วว…… ฮ่าาาา”
โง่เขลาอะไรเช่นนี้
โกเลมนั้นทรงพลังมากแต่ก็เชื่องช้า แทนที่จะเผชิญหน้ากับโกเลม สมควรที่จะเล็งไปที่ผมแทนต่างหาก ถ้ามันใช้ผมเป็นตัวประกัน โกเลมก็จะถูกบังคับให้หยุดการโจมตี
นักผจญภัยพวกนั้นกลับหลงลืม ความจริงง่ายๆที่ว่านั่นไป อาจเป็นเพราะคนที่มีประสบการณ์ก็ได้ที่สุดอย่างไซคลอปส์ ตายตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ และพวกเขาไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนว่า มอนสเตอร์จะถูกอัญเชิญมา
ผมมองไปที่โกเลมและพึมพัมออกมา
“ยังไม่จบ…ตอนนี้มันยังไม่จบ”
ผมเห็นความสามารถของนักผจญภัยแร๊งFแล้ว พวกเขามีความสามารถเกินกว่าจะอยู่ให้ฆ่าเฉยๆเพราะพวกเขาเป็นแร๊งF ผมไม่รู้ว่า ตัวเองจะออกไปจากโลกห่วยๆนี่ได้เมื่อไหร่ แต่การที่จะเคลียร์มันได้ วันหนึ่งผมต้องเจอกับนักผจญภัยแกร่งๆบุกเข้ามาแน่นอน E แร๊ง D แร๊ง และสักวันหนึ่งA แร๊งก็จะเข้ามาถึง
ผมต้องหยุดพวกเขาอย่างจริงจัง ผมต้องซื้อมอนสเตอร์และติดตั้งกับดักทุกชนิดในดันเจี้ยนแห่งนี้ ในการที่จะทำแบบนั้นได้ผมต้องมีเงิน เงินจำนวนมากด้วย! ผมไม่สามารถปล่อยให้ 1,000 เหรียญทองโดนเอาไปโดยง่าย ผมต้องเอามันกลับคืนมาจากกลุ่มที่มันชิงไป
“Dungeon Map Tab.”
“แถบแผนที่ดันเจี้ยน”
แผนที่ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นต่อหน้า นักผจญภัยนั้นเป็นจุดสีแดงบนจอกึ่งใส ส่วนคนที่เพิ่งหนีไปก่อนหน้านั้นก็ด้วย เขาเร่งวิ่งตรงไปยังทางออกดันเจี้ยน ปล่อยเจ้าหมอนั่นไปก่อน ยังไงผมก็จับตัวมันได้อยู่ดี
และไม่จำเป็นต้องปล่อยให้คนอื่นๆหนีไปได้
ผมค้นศพนักผจญภัยแล้วเก็บเหรียญทองคืน ตั้งแต่นี้ไป เงินเป็นเหมือนเลือดเนื้อและชีวิตของผม ในขณะที่ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆไหลผ่านตัวไป――ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองจะต้องสงบอารมณ์ ―― ผมสั่งการให้โกเลมแบกผมไปด้วย โกเลมยกตัวผมขึ้นบ่าอย่างง่ายดาย
ผมเห็นทุกอย่างชัดเจน จากนั้นก็สั่งให้โกเลมเดินไปตามเส้นทางที่เหล่านักผจญภัยมุ่งหน้าไป เสียงฝีเท่าโกเลมนั้นสะท้อนเป็นเสียงต่ำทั่วทั้งถ้ำ