Earth’s Best Gamer - ตอนที่ 102
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
ดวงจันทร์ที่สว่างไสวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และเสียงดนตรีที่ไพเราะก็ดังมาจากทะเลสาบ
ดนตรีหยุดลงทันทีเมื่อสายโปร่งแสงบนเครื่องดนตรีขาดระหว่างการบรรเลง
“ปรมจารย์หนุ่ม เราต้องออกไปก่อนรุ่งเช้าจริงเหรอ?”
ที่ศาลาที่มีโคมไฟสว่างไสว เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนหยุดบรรเลงดนตรี แต่ชุดสีขาวของเธอยังคงเคลื่อนไหวตามสายลม
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จีเย่ผู้ที่นั่งตรงข้ามกับเธอด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ
“เธอต้องไป เนื่องจากฉันต้องออกไปพรุ่งนี้ ฉันจะส่งเธอไปยมโลกในคืนนี้เพื่อจะไม่ให้วิญญาณเธอสลายไป!” จีเย่กล่าวในขณะที่จ้องตาเธอ
เก้าวันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่พวกเขาสังหารปีศาจต้นไม้
สี่วันก่อนหน้านี้ วิญญาณของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนถูกฟื้นฟูจนถึงจุดที่เธอสามารออกห่างงจากโทเท็มหนังหมาป่าและปรากฏต่อหน้าเขาในเวลากลางคืนได้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงมีความสุขกับสิทธิพิเศษของปรมจารย์หนุ่มในสมัยโบราณในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้
การอ่านหนังสือตอนกลางคืนพร้อมกับการมีหญิงสาวอยู่ใกล้ๆ และทำความเข้าใจศิลปะดาบในขณะที่ฟังการบรรเลงดนตรีของเธอนั้นเป็นการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามวันที่ผ่อนคลายไม่สามารถคงอยู่ได้อีกต่อไปเพราะสนามรบแห่งโชคชะตาจะปิดในวันพรุ่งนี้
อันที่จริง สนามรบในพื้นที่แห่งนี้จบไปตั้งแต่เก้าวันก่อนแล้ว
นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้รับตำแหน่งของศัตรูที่เหลืออยู่อีกสองคนหลังจากที่พวกเขาสังหารปีศาจต้นไม้พันปี ศัตรูเหล่านั้นอยู้ในมณฑลซึ่งห่างจากวัดหลายรั่ว 1.5 กิโลเมตร
นอกจากนี้ศัตรูก็ไม่ได้ถูกป้องกันโดยผู้พิทักษ์เกราะทมิฬ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ศัตรูทั้งสองคนที่เป็นเพียงบัตรเงินจึงไม่สามารถเอาชนะชาวโลกทั้งสี่ได้เลย พวกมันถูกจัดการอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นชาวโลกจึงมีอิสระที่จะออกจากสนามรบแห่งโชคชะตา
แต่ไม่มีใครตัดสินใจไป จากเกราะภูเขาทมิฬ เมล็ดของปีศาจต้นไม้ และชุดชั้นในที่เจ้าอ้วนจูได้รับ พวกเขาจึงตระหนักว่าพวกเขาสามารถได้รับมากกว่านี้จากสนามรบแห่งโชคชะตาซึ่งมากกว่าผลตอบแทนจากการสังหารผู้เล่นที่เป็นศัตรู
ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่ภูเขาทมิฬซึ่งเป็นบอสใหญ่ที่สุดในทางทฤษฏีของสถานที่แห่งนี้!
หลังจากเตรียมตัวเป็นเวลาสามวัน และเมื่อพลังภายในของจีเย่และหลู่จือเซินมาถึงระดับวิสามัญอันดับ 4 พวกเขาจึงเริ่มการโจมตีครั้งสุดท้าย
การต่อสู้ครั้งนี้ยากเล็กน้อย
ในฐานะแม่ทัพที่กล้าหาญ ภูเขาทมิฬนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง กระบี่สีดำของเขาสามารถฟันกลิ่นอายร้อนแรงออกไปได้ไกลกว่าสิบเมตรซึ่งสามารถผ่าหินออกไปสองส่วน!
นอกจากนี้เมื่อผู้พิทักษ์ภูเขาทมิฬระดับสามัญอันดับ 6 สามสิบตนก่อรูปขบวนต่อสู้ พวกมันก็จะเปิดใช้งานพลังระดับวิสามัญภายในเกราะภูเขาทมิฬซึ่งทำให้พวกมันสามารถเผชิญหน้ากับผู้เข้าร่วมระดับวิสามัญได้ซึ่งหน้า
อย่างไรก็ตามหลู่จือเซินผู้ที่มาถึงระดับวิสามัญอันดับ 4 นั้นสามารถทะลวงผ่านรูปขบวนต่อสุ้ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งของเขาในตอนท้าย ในขณะที่จีเย่และวีรบุรุษผมแดงได้สังหารภูเขาทมิฬ
หลังจากภูเขาทมิฬเสียชีวิต มีสินสงครามสองชนิดดร็อปออกมาซึ่งก็คือเกราะทมิฬซึ่งเป็นเครื่องบูชายัญระดับวิสามัญอันดับ 5 และหนังสือที่มีชื่อว่ารูปขบวนภูเขาทมิฬ
เมื่อพิจราณาว่าเกราะภูเขาทมิฬนั้นมีประโยชน์มากสำหรับภูเขามังกรคู่ หลังจากพูดคุยกับเจ้าอ้วนจูและวีรบุรุษผมแดง จีเย่ก็แลกเปลี่ยนไอเทมทั้งหมดจากผู้เข้าร่วมศัตรูทั้งสี่คน ยกเว้นเพียงแค่ดาบบินหยกขาว น้ำเต้าพิษ และอีกไม่กี่ชิ้น สำหรับเกราะภูเขาทมิฬทั้งหมด
หลังจากนั้นทั้งงเจ้าอ้วนจูและคาตาร์รีน่าจึงเลือกออกไป ก่อนที่จะมีคนในถิ่นฐานของพวกเขามาสัมผัสร่างกายเพื่อปลุกพวกเขาเนื่องจากมีเรื่องเร่งด่วน
ในทางกลับกัน หลู่จือเซินก็ออกจากสนามรบพร้อมกับเกราะภูเขาทมิฬ
จีเย่เป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่ที่นี่
เขาอยู่ต่อเพราะเวลาที่ไหลเร็วขึ้นในสนามรบแห่งโชคชะตาซึ่งลดเวลาคูลดาวน์พรสวรรค์การผสานจองเขา นอกจากนี้เขายังต้องการยืนยันการคาดการณ์บางอย่าง
แต่เขาก็ต้องจากไปในวันนี้เพราะข้อมูลในหัวของเขาบอกเขาว่าไม่ใช่แค่สนามรบแห่งโชคชะตา แต่เมืองแห่งมนุษย์ใกล้จะปิดแล้ว!
“ไปกันเถอะ!
เมื่อมองไปที่เส้นขอบฟ้าที่กำลังสว่างขึ้น จีเย่ก็พยักหน้าให้กับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนและกล่าวออกมา
เขาถือพู่กันและวาดยันต์หลายอันด้วยตะกั่วแดง เมื่อพวกมันถูกโยนออกไปและถูกเผาไหม้ ประตูที่ดูเลือนรางก็ถูกสร้างขึ้นเหนือทะเลสาบ
ในฐานะมืออาชีพ ลุงเก้านั้นมีวิธีนำทางผี ยันต์นำทางวิญญาณนี้เป็นหนึ่งในห้าของยันต์สายฟ้าในศิลปะเหมาซาน มันสามารถเปิดประตูและส่งผีให้ไปเกิดใหม่ได้
“ปรมจารย์หนุ่ม!”
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนลอยไปที่ประตู แต่เธอก็หันหน้ากลับมาและมองไปที่จีเย่
“เธอไปได้แล้ว ขอให้เธอเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดีในชาติหน้านะ!”
จีเย่หยักหน้าให้กับเธอ
โดยปกติแล้ว นั่นเป็นเพียงการทำให้ตัวเองสบายใจ
นี่คือสนามรบแห่งโชคชะตาซึ่งจะพังทลายลงหลังจากที่เขาจากไป…
ในชั่วพริบตาที่ประตูหายไป ก็ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากผ้าคลุมหน้าสีขาวที่ตกลงมาที่มือของจีเย่
…
“ฉันมาที่นี่เพื่ออำลาคุณ!”
เช้าวันรุ่งขึ้น จีเย่มาพูดคุยกับหยานซีเซียผู้ที่กำลังฝึกฝนศิลปะดาบของเขาในวัดหลานรั่วซึ่งไม่มีผีอีกต่อไป
“ห้ะ? ฉันได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย? ในที่สุดนายก็จะออกไปแล้วเหรอ?”
“ถึงแม้ว่าศิลปะดาบสังหารปีศาจของนายจะยังอ่อนแอ แต่ตอนนี้มันก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นศิลปะดาบ และฉันก็ได้ทำตามสัญญาแล้ว!” หยานซีเซียกล่าวด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนหลังจากตกตะลึงชั่วครู่หนึ่ง
จากการกระทำของหยานซีเซีย จีเย่จึงได้รู้ว่าทำไมผู้เข้าร่วมสองคนถึงได้รับการสนับสนุนจากภูเขาทมิฬในขณะที่อีกสองคนทำตามใจตัวเอง
เป็นเพราะวีรบุรุษทุกคนมีความชอบของตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันก็ตาม
ตัวอย่างเช่น หยานซีเซียค่อนข้างดีกับเขา แต่ไม่เคยหันไปมองเจ้าอ้วนจู
ภูเขาทมิฬอาจไม่ชอบผู้เล่นอีกสองคนเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเองซึ่งทำให้ชาวโลกเห็นโอกาสและได้รับชัยชนะ
“อ่า รับสิ่งนี้ไปและป้อนให้ดาบบินของนาย อย่าปล่อยให้ของดีเสียเปล่า”
ในขณะที่จีเย่กำลังคิดอยู่นั้น หยานซีเซียก็กลับไปที่ห้องของเขาและหาอะไรบางอย่างมาให้จีเย่
ดาบบินหยกขาวที่จีเย่ได้รับมาจากผู้เล่นจากดาวเคราะห์แห่งการบ่มเพาะนั้นเป็นชิ้นส่วนของอุปกรณ์ระดับวิสามัญอันดับ 3 ขั้นเหนือชั้น ไม่น่าแปลกใจที่มันจะไม่หักเมื่อได้รับการโจมตีต่อเนื่องจากดาบงูดำของจีเย่
เนื่องจากเขาได้รับไอเทมชิ้นนี้ จีเย่จึงเอ่ยถามหยานซีเซียเกี่ยวกับเทคนิคในการใช้ดาบบิน
หลังจากฟังการบรรเลงของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมาหลายวัน ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็มาถึงอันดับ 4 แล้ว หากเขาจะใช้ดาบบินนี้ มันจะทรงพลังมากกว่าเจ้าของคนก่อนมาก
“ขอบคุณมากครับ!”
เมื่อจีเย่เห็นหยานซีเซียมอบยันต์ที่สามารถวาดลงบนวัสดุที่มีผิวสัมผัสได้ให้กับเขา เขาก็รู้สึกผิดครั้งแล้วครั้งเล่า
เป็นเพราะไอเทมนั้นคือยันต์บ่มเพาะดาบ
เมื่อติดมันกับซองดาบ มันก็สามารถปล่อยให้ดาบสะสมพลังงานจิตวิญญาณได้อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นเมื่อดาบถูกดึงออกมาจากซองดาบเป็นครั้งแรก มันก็จะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าที่ควรเป็นหนึ่งอันดับ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหยานซีเซียจึงสามารถทำลายรูปขบวนที่ปีศาจต้นไม้เตรียมไว้นับร้อยปีได้และได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะมัน!
‘คุณหยาน ฉันขอโทษจริงๆ’
…
[คุณได้เลือกที่จะออกจากสนามรบแห่งโชคชะตา รางวัล : 320 เหรียญอารยธรรมสำหรับการสังหารภูเขาทมิฬ 180 เหรียญอารยธรรมสำหรับการสังหารปีศาจต้นไม้… คุณได้รับเหรียญอารยธรรมทั้งหมด 1,010 เหรียญ!]
มันเป้นสองเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาเข้ามา การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่ามาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็ตามมาในไม่ช้า!
[คุณกำลังนำไอเทมต่อไปนี้ออกมา : ดาบหยกขาว น้ำเต้าพิษ ดาบงูดำ… คริสตัลรักษา กระบี่ภูเขาทมิฬ ค่าใช้จ่าย : เหรียญอารยธรรม 350 เหรียญและพลังแห่งโชคชะตาบางส่วน!]
“เป็นไปได้จริงเหรอ?”
ความสุขปรากฏขึ้นในแววตาของจีเย่
เขาพักอีกสองเพื่อเรียนรู้ศิลปะดาบจากหยานซีเซียและอีกหนึ่งวันเพื่อรอเวลาคูลดาวน์ของพรสวรรค์การผสานหมดลงเพื่อทดสอบบางสิ่ง
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาได้ใช้การผสาน 3 ครั้งนอกเหนือจากการฝึกฝน ‘ศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์’
ในการผสานครั้งแรก เขาได้ผสานลูกปัดฟื้นฟูกับคริสตัลสีแดงซึ่งเป็นเลือดเทียมที่ถูกใช้จนหมดแล้ว สร้าง ‘คริสตัลรักษา’ สีเขียวขึ้นมา
ในการผสานครั้งที่สอง เขาได้ผสานสินสงครามที่เขาได้รบัจากผู้เล่นศัตรูกับอาวุธของภูเขาทมิฬซึ่งเป็นกระบี่ที่เสียหายในระหว่างการต่อสู้ สร้างกระบี่ภูเขาทมิฬ
ในการผสานครั้งที่สาม เขาได้ผสานไอเทมสองชิ้นที่เป็นของโลกสนามรบแห่งโชคชะตา
ในขณะนี้ เขาได้เห็นผลลัพธ์แล้ว
เห็นได้ชัดในประโยคแรกและประโยคที่สอง เขาสามารถนำไอเทมผสานออกจากสนามรบแห่งโชคชะตาได้โดยใใช้เหรียญอารยธรรมบางส่วนรวมทั้งพลังแห่งโชคชะตาที่เขาได้รับหลังจากได้นับชัยชนะบนสนามรบ!
นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
สนามรบแห่งนี้เป็นเพียงเรื่องโปเยโปโลเย และไม่มีสิ่งประดิษฐ์ที่ทรงพลังมากมายให้เขานำออกไป
อย่างไรก็ตามในสนามรบ เช่น ไซอิ๋ว ตำนานนางพญางูขาว สงครามเทพเจ้า อเวนเจอร์ส… จะมีหลายสิ่งที่มากเกินไปที่เขาจะต้องพิจราณาการผสาน
“บางทีฉันน่าจะเริ่มประหยัดเงินตั้งแต่ตอนนี้… ฉันควรพานักธุรกิจไปด้วยในครั้งต่อไปที่ฉันมายังเมืองแห่งมนุษย์”
“เอาล่ะ ได้เวลากลับไปที่ภูเขามังกรคู่แล้ว!”
หลังจากนั้นจีเย่ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองแห่งมนุษย์ที่ใกล้จะปิดแล้ว แต่กลับไปที่ภูเขามังกงรคู่โดยตรง