Earth’s Best Gamer - ตอนที่ 121
Earth’s Best Gamer ตอนที่ 121 การเก็บเกี่ยวและการออกจากระบบ
“ปรมจารย์หนุ่ม ไวน์พร้อมแล้ว!”
ในป้อมปราการภูเขามังกรคู่ ห้องของจีเย่ถูกเปิดจากด้านนอก และเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนก็เข้ามาพร้อมกับชุดที่เรียบง่ายบนตัวเธอ
มือที่เรียวยาวของเธอถือถาดไม้ที่ดูราวกับทํามาจากมรกต บนถาดมีหม้อไวน์ที่ทําจากไม้สีม่วงล้ำค่าและถ้วยที่แกะสลักจากไม้สีแดง
หลังจากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนวางถาดลงบนโต๊ะ หม้อไวน์ที่เธอเทออกจากหม้อก็มีสีเดียวกับอําพัน
ทันใดนั้นทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไวน์!
[ไวนน์มอนเตอร์พงไพร]
[ระดับ : วิสามัญอันดับ 2]
[ขั้น : ขัดเกลา]
[รายละเอียด : นี่คือไวน์ที่น่าอัศจรรย์ที่มอนเตอร์พงไพรบ่มที่บริเวณต้นไม้สีแดงด้วยผลไม้หลายร้อยชนิด ความสามารถในการต่อสู้ของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากคุณดื่มไวน์จนเมา หากดื่มเป็นเวลานาน มันก็จะสามารถเสริมสร้างร่างกายและจิตใจได้ ว่ากันว่าไวน์มอนเตอร์พงไพรระดับสูงอาจสามารถให้สติปัญญาแก่สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสติปัญญาได้!]
หลังจากพิชิตอาณาเขตของมอนเตอร์พงไพร นอกเหนือจากทรัพยากรไม้ในสีต่างๆ ที่พวกเขารู้จักอยู่แล้ว ภูเขามังกรียังได้รับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นดีที่มีชื่อว่าไวน์มอนเตอร์พงไพรอย่างไม่คาดคิด
จากรายละเอียดของไวน์ จีเย่จึงเริ่มสงสัยว่าไวน์ที่ลิงทําในนิยายและหนังสือคลาสสิกโบราณนั้นมีพื้นฐานมาจากไวน์มอนเตอร์พงไพรจากดินแดนแห่งมรดก
ไวน์นี้ยังอธิบายด้วยว่าทําไมราชามอนเตอร์พงไพรจึงสามารถไปถึงระดับวิสามัญอันดับ 5 ได้เร็ว และทําไมมันถึงฉลาดกว่ามอนเตอร์พงไพรตัวอื่น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากราชามอนเตอร์พงไพรได้ผูกขาดทรัพยากรหลัก จึงไม่มีมอนเตอร์พงไพรตัวอื่นที่ถึงระดับวิสามัญ!
การแข่งขันสิบสายพันธุ์เป็นการแข่งขันระหว่างสายพันธุ์ต่างๆ อย่างน้อยก็ในช่วงปัจจุบันจนกระทั่งคนที่กลายเป็นระดับเหนือธรรมชาติ มันเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะชนะสงครามด้วยตัวพวกเขาเอง
ความล้มเหลวของมอนเตอร์พงไพรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ไวน์นี้รสชาติดีกว่าเมื่ออุ่น!”
จีเย่เอื้อมมือไปหยิบถ้วยด้วยรอยยิ้ม เมื่อถึงเวลาที่เขายกถ้วยขึ้นมาเพื่อชิมไวน์ อากาศร้อนก็โผล่ออกมาจากไวน์
ในทางกลับกันไม้สามสีในอาณาเขตของมอนเตอร์พงไพรก็มีค่ามากสําหรับมนุษย์เช่นกัน
พวกมันกันน้ำ กันไฟ และสามารถรักษาตัวเองได้หลังจากที่พวกมันพัฒนาเป็นไม้สีแดง พวกมันเป็นวัสดุที่ดีที่สุดในการสร้างเรือ
มีการค้นพบว่าภูเขามังกรคู่นั้นอยู่ติดกับมหาสมุทร
ไม่ว่าจะเป็นบนเกาะหรือแนวชายฝั่งของทวีป แต่ก็ต้องมีกองทัพเรือและเรือรบในอนาคตอย่างแน่นอน!
“เมื่อเรากล่าวถึงเรื่องนี้ เรายังพพบไม้สีม่วงและสีแดงหลายชิ้นที่แกนกลางถิ่นฐานซึ่งมีสถานะเครื่องบูชายัญ” หากฉันผสานพวกมันเข้าด้วยกัน ฉันสงสัยว่าฉันจะส่งเพิ่งคังผู้ดูแลการสร้างเรือในบึงเหลียงซานมาที่นี้ได้หรือไม่?
จีเย่ครุ่นคิด
แน่นอนว่าจะไม่มีปัญหาแม้ว่าจะไม่สามารถอัญเชิญวีรบุรุษนักต่อเรือมืออาชีพเช่นนั้นได้ เนื่องจากในอีกสองสามวัน ผู้มาใหม่กลุ่มที่สองที่อยู่ในดินแดนแห่งมรดกเกือบทั้งเดือนจะสามารถออกจากระบบได้แล้ว
เมื่อถึงตอนนั้น คนเหล่านั้นก็จะออกจากระบบ และเป็นไปได้ที่จะพบกับผู้เชี่ยวชาญในโลกจริงและเรียนรู้วิธีการสร้างเรือรบจากพวกเขา!
อันที่จริงโลกเป็นที่พึ่งพาของถิ่นฐานมังกรคู่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วงปัจจุบัน
“เสี่ยวเชี่ยน เธออยู่ที่นี่และดูแลสิ่งต่างๆ ให้ฉันด้วย ฉันจะออกไปสักพัก”
หลังจากดื่มไวน์มอนเตอร์พงไพรที่อุ่นด้วยศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์และรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา จีเย่ก็สั่งเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนและออกจากระบบ
ตอนนี้มนุษย์โลหะเป็นเพียงมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์เดียวที่อยู่ใกล้ถิ่นฐาน
เนื่องพวกมันได้เปิดเผยว่าตนเองเป็นอารยธรรมที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงในระหว่างการลาดตระเวนสองครั้งก่อน จีเย่จึงต้องตรวจสอบข้อมูลของพวกมันในฟอรั่มของดินแดนแห่งมรดกและผ่านทางสํานักงานสมาพันธ์
แน่นอนว่าเขาจะไปหารุ่นพี่ของเขาและถามเกี่ยวกับการออกจากระบบของผู้เล่นกุ่มที่สอง
…….
“รุ่นน้องจี เป็นเรื่องยากมากที่จะพบนาย!”
ในสํานักงานของผู้อํานวยการในฐานผู้เล่นเมืองหยาง ผู้อํานวยการโจวที่สูญเสียน้ำหนักจากการทํางานหนักก็ได้ชงชาให้กับจีเย่ด้วยตัวเอง
“อืม ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ต้องการ… ช่วงนี้คุณยุ่งหรือเปล่ารุ่นพี่โจว?”
จีเย่ปฏิเสธอย่างสุภาพและเอ่ยถามผู้อํานวยการโจว
“หากฉันไม่ว่างก็ไม่มีใครว่าง พูดตามตรงนะรุ่นน้อง เราจะวุ่นวายมากขึ้นเพราะผู้เล่นกลุ่มที่สองจะกลับมาในอีกสองสามวันนี้” ผู้อํานวยการโจวตอบอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ต่างจากกลุ่มแรก ผู้คนกลุ่มที่สองที่เข้าสู่ดินแดนแห่งมรดกคือชั้นยอดครึ่งหนึ่งและคนธรรมดาอีกครึ่งหนึ่ง
เช่นเดียวกับที่มีพวกอันธพาลที่ไม่เชื่อฟังในป้อมปราการภูเขามังกรคู่ สํานักงานสมาพันธ์ก็จะพบกับพวกอันธพาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
เนื่องจากดินแดนแห่งมรดกเปิดใช้งานมาเกือบสามเดือนแล้ว บางคนก็ได้รวบรวมแต้มเกียรติยศที่หายากมาเพียงพอและสามารถแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมบางอย่าง หรือแม้แต่ความสามารถในดินแดนแห่งมรดกและนําพวกมันกลับมายังโลก
เมื่อคนเหล่านั้นกลับมา มันก็ยากมากสําหรับสํานักงานสมาพันธ์ในการจัดการพวกเขา
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจะไม่ต้องการการถูกจํากัดเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้พวกเขายังเป็นเพียงกลุ่มที่สอง และถึงแม้จะนับผู้ทดสอบเบต้า แต่ก็มีคนทั้งหมด เพียงไม่กี่ล้านคน
เมื่อถึงเวลาประกาศกลุ่มที่สามและสี่ และผู้คนหลายร้อยล้านกลายเป็นผู้เล่น แม้แต่สํานักงานสมาพันธ์ก็ไม่สามารถรวมพวกเขาไว้ในสถานที่เดียวเพื่อจัดการพวกเขาได้
“ถูกต้อง ระบบเกียรติยศที่ฉันบอกนายได้จัดตั้งขึ้นแล้ว คงจะมีการดําเนินการในเร็วๆ นี้”
เป็นที่ชัดเจนว่าสํานักงานสมาพันธ์ได้ตระหนักแล้วว่าฐานผู้เล่นเป็นเพียงข้อดีชั่วคราว และระบบเกียรติยศนั้นคือกุญแจสําคัญ!
“ปัจจุบัน นายเป็นผู้เล่นที่มีเกียรติยศมากที่สุดในเมืองหยาง ยินดีด้วยนะรุ่นร้อง!” ผู้อํานวยการโจวกล่าวกับจีเย่ด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าจีเย่จะไม่ออกจากระบบบ่อยครั้ง แต้ขาก็มักจะกลับมาพร้อมกับข้อมูลสําคัญทุกครั้งที่กลับมาเพราะการพัฒนาที่รวดเร็วของภูเขามังกรคู่
ตัวอย่างเช่น ข้อมูลของเขาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเมื่อถิ่นฐานพัฒนาเป็นระดับวิสามัญอันดับ 3 และเมื่อคนก้าวเข้าสู่ระดับวิสามัญอันดับ 5 นั้นมีค่ามากสําหรับประเทศมังกรและรัฐบาลสมาพันธ์
ด้วยเหตุนั้น เขาจึงได้รับเกียรติยศมากมาย มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะได้รับอันดับหนึ่งในบรรดาผู้เล่นเมืองหยาง
“ครับ!”
จีเย่พยักหน้าโดยไม่แสดงความสุขที่มากเกินไป
“ฮ่าๆๆ รุ่นน้อง นายใจเย็นกว่าคนในวัยเดียวกันมาก เหมือนกับที่หลิงเฉินพูดเลย!”
ผู้อํานวยการโจวอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการตอบสนองของจีเย่
จีเย่ไม่เคยอธิบายประสบการณ์ของเขาอย่างละเอียดเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดก แต่ผู้อํานวยการโจวก็สามารถบอกได้ว่า “รุ่นน้อง” ของเขามีสถานะสูงในถิ่นฐานจนถึงจุดที่จีเย่ได้พัฒนาความรู้สึกที่พิเศษในตัวเอง
คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แต่ในฐานะข้าราชการ เขาค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องนั้น
จากข้อมูลที่จีเย่นํากลับมา เขาสามารถเดาได้ว่าถิ่นฐานของจีเยู่มีแนวโน้มที่จะชนะการแข่งขันสิบสายพันธ์!
“มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันสามารถบอกนายได้ แม้ว่าจะมีผู้เล่นไม่มากนัก แต่นายสามารถลองรับ “เกียรติยศสะสม” ให้มากขึ้น “ระบบเกียรติยศ” จะมีความสําคัญมากกว่าที่นายจะจินตนาการได้!”
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ผู้อํานวยการโฟวก็รู้สึกแย่และกล่าวกับจีเย่อย่างจริงจัง
“เอ๊ะ?”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับรุ่นพี่โจว!”
จีเย่เลิกคิ้ว
ในฐานะคนที่ทํางานในสํานักงานสมาพันธ์ ผู้อํานวยการโจวต้องรู้ข้อมูลลับบางอย่าง
เขากล่าวอย่างจริงจังราวกับว่าระบบเกียรติยศที่รัฐบาลสมาพันธ์หารือกับประเทศอื่นนั้นซับซ้อนกว่าวิธีที่เรียบง่ายในการวัดเครดิตของผู้เล่น
“ผู้อํานวยการ…ฮะ-ฮู…”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะคิดให้ละเอียดมากขึ้น ก็มีคนมาเคาะประตูห้องทํางานของผู้อํานวยการโจว
หลังจากการตอบกลับของผู้อํานวยการโจว พนักงานของสํานักงานสมาพันธ์ก็เดินเข้า มาในขณะที่หายใจหอบ!
“ถิ่นฐานอื่นที่เป็นของเมืองหยางถูกมนุษย์ต่างดาวยึดครองอีกแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นพนักงาน ผู้อํานวยการโจวก็แสดงสีหน้าย่ำแย่
เขารู้สึกหมดหนทาง ท้ายที่สุดแล้วในการแข่งขันสิบสายพันธุ์ ในขณะที่เผ่ามนุษย์ต่างดาวส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนาเท่าโลก แต่บางเผ่าก็ทรงพลังมากกว่าโลก
ในตอนนี้เมืองหยางมีถิ่นฐานไม่เกินห้าสิบแห่ง แม้ว่าจะมีมากกว่า 150 แห่งในตอนแรกก็ตาม
“ถิ่นฐานของหนิงหลิง ผู้เล่นเมล็ดพันธุ์ของเรา!”
จีเย่กําลังจะไปที่ห้องนอนของเขาและกลับไปที่ดินแดนแห่งมรดก
แต่พนักงานที่มารายงานก็ตื่นตระหนกมากจนพูดข่าววออกไปก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากห้อง!
ผู้เล่นที่ผ่านการทดสอบเบต้ามีข้อได้เปรียบด้าน “พรสวรรค์” พวกเขาส่วนใหญ่ถือว่าเป็นผู้เล่นเมล็ดพันธุ์ที่สามารถชนะการแข่งขันสิบสายพันธุ์ได้
เป็นเรื่องจริงจังสําหรับเมืองหยางที่ถิ่นฐานของเมล็ดพันธุ์แห่งหนึ่งถูกยึดครอง
“หนิงหลิง? เป็นไปได้ยังไงกัน? โจวจี้เยียกอยู่ในถิ่นฐานของเธอไม่ใช่เหรอ?” จีเย่อดไม่ได้ที่จะหยุดและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินเรื่องนั้น
หนิงหลิงเป็นเด็กสาวที่เคี้ยวหมากฝรั่งเมื่อเขาพบเธอในเมืองแห่งมนุษย์ เขาแลกเปลี่ยนศิลปะเก้าหยางจากโจวจี้เยียกผ่านเธอซึ่งช่วยให้เขาพัฒนาศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้!
ถิ่นฐานของเธอต้องพัฒนาเป็นอันดับ 2 แล้ว และเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากโจวจี้เยียกวีรสตรีระดับเหนือธรรมชาติ เธอน่าจะมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง
เธอจะล้มเหลวได้ยังไง?
“ห้ะ รุ่นน้องรู้จักเธองั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคําถามของจีเย่ ผู้อํานวยการโจวก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“เราเคยพบกันครึ่งหนึ่งในเมืองแห่งมนุษย์และเข้าสู่สนามรบแห่งโชคชะตาพร้อมกัน แต่เราไม่ได้ไปที่สนามรบแห่งโชคชะตาเดียวกัน!”
จีเย่หยักหน้า
“เห้อ เป็นเพราะสนามรบแห่งโชคชะตานี่เอง!”
“พวกเธอพ่ายแพ้หลังจากเข้าสู่สนามรบแห่งโชคชะตา แม้ว่าถิ่นฐานของพวกเธอจะถึงอันดับ 2 แต่พวกเธอก็สูญเสียพลังโชคชะตาและอุปกรณ์มากมายเนื่องจากความพ่ายแพ้ ดังนั้น…”
จีเย่ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากได้ยินคําอธิบายของผู้อํานวยการโจว
หลังจากเข้าสู่สนามรบแห่งโชคชะตาแล้ว ในขณะที่หนิงหลิงและโจวจี้เยียกแข็งแกร่ง แต่ศัตรูของพวกเธอก็สามารถเอาชนะด้วยการสนับสนุนจากกองทัพที่เป็นกลางและเอาชนะพวกเธอด้วยความช่วยเหลือจากภายนอก
เป็นผลให้พวกเธอไม่เพียงแค่สูญเสียอุปกรณ์ที่พวกเธอนําเข้าสู่สนามรบแห่งโชคชะตา แต่พวกเธอยังสูญเสียพลังโชคชะตาอย่างมากในถิ่นฐานของพวกเธอ
หลังจากที่พวกเธอกลับไปถิ่นฐาน พวกเธอก็ถูกปราบปรามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จาก ถิ่นฐานของมนุษย์ต่างดาวซึ่งมาถึงอันดับ 2 เช่นกัน สถานการณ์กลายเป็นเรื่องที่ยากลําบากสําหรับพวกเธอ!
ในกรณีนี้ แม้ว่าหนิงหลิงจะบอกว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองมาก่อน แต่เธอก็ละทิ้งความภาคภูมิใจของเธอและขอความช่วยเหลือจากสํานักงานสมาพันธ์
อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้อํานวยการโจวจะเรียกผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาวางแผนเพื่อเธอ แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้
เมื่อสักพักที่ผ่านมา ถิ่นฐานที่เธออยู่ก็ถูกยึดครองโดยมนุษย์ต่างดาว!
นอกจากนี้ยังหมายความว่าเหมือนกับอู่เฉียว หนิงหลิงจะสูญเสียข้อได้เปรียบทั้งหมดที่เธอสะสมมาตั้งแต่บททดสอบเบต้า
สําหรับโจวจี้เยียก แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งพอที่จะสังหารวีรบุรุษมนุษย์ต่างดาวสองตัวติดต่อกัน แต่พลังของคนคนเดียวก็ไม่สามารถตัดสินผลของการต่อสู้ได้ในช่วงปัจจุบัน เธอไม่สามารถเอาชนะศัตรูทั้งหทดที่ล้อมเธอได้
วีรสตรีที่ไม่ค่อยมีคนพบเห็นคนนี้อาจจะสูญเสียความทรงจําทั้งหมดเกี่ยวกับตัวตนของเธอ แม้ว่าเธอจะเกิดใหม่ในภายหลังก็ตาม!
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน