Earth’s Best Gamer - ตอนที่ 29
“หัวหน้า… ศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมของท่านถึงระดับเชี่ยวชาญต่ำแล้วงั้นเหรอ?” หลู่จือเซินถามด้วยความประหลาดใจ
ตอนนั้นเขาไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่เพราะเขาไม่อยากทำร้ายจีเย่โดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อเห็นหมัดของจีเย่มีพลังมากกว่าที่เขาคิด เขาเกือบจะแพ้แล้ว
‘ชนพื้นเมือง’ ของดินแดนแห่งมรดกยังคงตระหนักถึง ‘เวลาการฝึกฝนพิเศษ’ ที่ได้รับจากแต้มประสบการณ์ อย่างไรก็ตามหลู่จือเซินก็ยังไม่เชื่อว่าจีเย่สามารถเพิ่มระดับศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมได้ในชั่วข้ามคืน การได้รับความเชี่ยวชาญขั้นพื้นฐานนั้นยากกว่าเทคนิคทั่วไป เทคนิคขั้นเหนือชั้น! ในทางทฤษฏี แม้ว่าจีเย่จะฝึกฝนด้วยแต้มประสบการณ์ในช่วงที่เขาอยู่ในห้องเมื่อวานนี้ แต่ก็ยังยากที่จะเข้าถึงระดับเชี่ยวชาญต่ำ นั่นเป็นเพราะนี่เป็นเทคนิคพลังภายในจากอารามของพวกเขา การเข้าถึงระดับเชี่ยวชาญต่ำต้องใช้เวลาในการทำสมาธินานมาก
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาฝึกฝนด้วยแต้มประสบการณ์ตลอดทั้งคืน นี่เป็นเเพราะสองชั่วโมงของสถานะนี้เทียบเท่ากับการฝึกฝนเป็นเวลาหนึ่งเดือน! คนทั่วไปจะสามารถทำสมาธิหลายเดือนติดต่อกันได้อย่างไร? ในทำนองเดียวกัน มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับจีเย่
นั่นเว้นแต่ว่าพวกเขาจะสามารถทำอย่างอื่นได้ในเวลาเดียวกันเพื่อลดความเบื่อหน่าย เช่น การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อื่น
และนั่นเป็นสิ่งที่จีเย่ทำ โชคดีที่เขาเคยชินกับการอยู่เพียงลำพังแล้ว
“ไม่ใช่ ฉันเพิ่งเข้าใจมันเล็กน้อยเท่านั้น”
จีเย่ส่ายหัวอย่างเป็นธรรมชาติกับคำถามของหลู่จือเซิน
พละกำลังโกลาหลดั้งเดิมยังไม่ถึงระดับเชี่ยวชาญต่ำ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันเป็นขั้นสมบูรณ์ ดังนั้นเวลาที่เขารวบรวมพลังภายใน พลังของเขาจึงเทียบเท่ากับระดับเชี่ยวชาญต่ำของศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิม นี่ทำให้หลู่จือเซินเข้าใจผิด!
“แต่เป็นไปได้ยังไงกัน?” หลู่จือเซินแทบจะจ้องตาเขา “ฉันได้ตรวจสอบร่างกายของท่านแล้ววเมื่อวานนี้ ศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมของท่านต้องไปถึงระดับเชี่ยวชาญต่ำเพื่อให้ท่านปลดปล่อยความแข็งแกร่งแบบนั้นได้!”
“อืม… ฉันมีแนวคิดใหม่ในขณะที่บ่มเพาะและทำการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างง่ายๆ ให้กับศิลปะการต่อสู้นี้ ตอนนี้มันสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของฉันได้ดีขึ้น” จีเย่ตอบด้วยท่าทางสบายๆ
“เพิ่มประสิทธิภาพ? เพิ่มความแข็งแกร่งของท่าน??” หลู่จือเซินทำสีหน้าสงสัย
สำหรับเขาแล้ว ศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมได้ผ่านการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในมือของนักบ่มเพาะในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มันสมบูรณ์แบบไม่มากก็น้อย เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจีเย่จะสามารถทำการแก้ไขมันให้สมบูรณ์ขึ้นในชั่วข้ามคืนได้
“มันเป็นแค่ลางสังหรณ์อย่างกะทันหัน…” จีเย่อธิบายว่าเขาคิดอย่างไรกับศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมโดยละเอียด
เขาต้องการให้หลู่จือเซินเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ใหม่นี้หากเป็นไปได้ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของถิ่นฐานได้ จีเย่เป็น ‘ผู้เล่น’ และผู้เล่นมักต้องการ ‘วันหยุด’ ในโลกความจริงซึ่งในระหว่างนั้นเขาจะต้องพึ่งพาวีรบุรุษที่ถูกอัญเชิญมานี้เพื่อปกป้องภูเขามังกรคู่
“หัวหน้า… ศักยภาพของท่านนั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต” หลู่จือเซินแสดงความคิดเห็นด้วยสายตาที่เบิกกว้าง หลังจากฟังคำพูดของจีเย่ “ไม่เพียงท่านจะเข้าใจพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ท่านยังค้นพบข้อบกพร่องของัมนและทำให้ดีขึ้น แม้แต่นักบ่มเพาะอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ยังไม่สามารถเทียบได้”
ในตอนที่หลู่จือเซินแนะนำจีเย่ว่าจะเริ่มเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิม เขาสังเกตว่าจีเย่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับศิลปะการต่อสู้และพลังภายใน
ที่สำคัญกว่านั้น แนวคิดใหม่ของจีเย่ได้เหนือความรู้ของอาจารย์ไปแล้ว
“หัวหน้า ท่านได้สร้างสิ่งใหม่จากศิลปะการต่อสู้ที่มีอยู่แล้วอย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน เราโชคดีที่มีท่านอยู่เคียงข้างเรา!”
คำชมนั้นจริงใจมาก
จีเย่เขินเล็กน้อยด้วยความลำบากใจเมื่อเขาได้ยินคำชมเชยของชายร่างใหญ่
ศิลปะการต่อสู้ใหม่ไม่ได้เป็นผลงานของเขาทั้งหมด แต่เป็นผลมาจากสกิลการผสาน แม้ว่ามันจะไม่ผิดที่จะภาคภูมิใจ เนื่องจากสกิลการผสานได้รับมาจากความยากลำบากและความพยายามของเขา
[คุณให้การตระหนักรู้แก่สหายของคุณ แต้มประสบการณ์ที่ได้รับ : 5 แต้มเกียรติยศที่ได้รับ : 1]
จีเย่ได้รับข้อความนี้เมื่อหลู่จือเซินเข้าใจพละกำลังโกลาหลดั้งเดิมได้สำเร็จ
การได้รับแต้มประสบการณ์สำหรับการสอนใครบางคนไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจากได้เรียนรู้แล้วว่าการสังหารมอนเตอร์ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะได้รับพวกมัน ตามความเป็นจริง การกระทำหลายอย่างที่เขาทำในดินแดนแห่งมรดกอาจให้แต้มประสบการณ์ เช่น การสร้างบ้านและกับดัก นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพราะไม่ใช่ว่าผู้เล่นทุกคนจะเป็นนักสู้ มันยุติธรรมมากที่จะมีวีธีการได้รับแต้มประสบการณ์หลากหลายวิธี
หากผู้เล่นจำนวนมากต้องการ ‘หาเลี้ยงชีพ’ ในดินแดนแห่งมรดก แน่นอนว่าพวกเขาต้องเชี่ยวชาญทักษะทุกประเภทนอกเหนือจากการต่อสู้ฃ
อย่างไรก็ตาม จีเย่รู้สึกประหลาดใจมากที่ได้รับแต้มเกียรติยศหนึ่งแต้ม
เมื่อไตร่ตรงอย่างรอบคอบแล้ว เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ การสอนศิลปะการต่อสู้ใหม่ให้แก่หลู่จือเซินนั้นเท่ากับการมีส่วนช่วยในการพัฒนาถิ่นฐาน กล่าวคือการได้รับแต้มเกียรติยศจากการช่วยเหลือเอ็นพีซีที่เป็นมนุษย์
จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าหลู่จือเซินไม่ใช่มนุษย์เพียงคนเดียวในถิ่นฐานที่เขาสามารถส่วนได้
‘ฮ่าๆๆ ฉันอาจค้นพบวิธีการฟาร์มเพื่อรับแต้มเกียรติยศมากขึ้น’
ภูมิปัญญาสมัยใหม่เป็นประโยชน์อย่างไม่อาจปฏิเสธได้สำหรับชนพื้นเมืองที่อยู่ในยุคโบราณ เขาสามารถแบ่งปันเทคโนโลยีบางอย่างที่คนเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้อย่างแน่นอนซึ่งช่วยให้พวกเขาก้าวไปสู่อารยธรรมระดับใหม่
เขาต้องการให้แผนใหม่ของเขาดำเนินการทันที
จีเย่พูดกับหลู่จือเซินในระหว่างอาหารเช้า “ผู้นำหลู่ ฉันจำเป็นต้องออกจากถิ่นฐานหนึ่งวัน ฉันจะปล่อยให้ทุคนอยู่ในความดูแลของนายในระหว่างนี้”
“ท่านกำลังจะไป—แน่นอน ท่านหัวหน้าสามารถเชื่อใจฉันได้”