Earth’s Best Gamer - ตอนที่ 32
จีเย่กลับไปที่ห้องของเขาและเข้าสู่ฟอรั่มอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ที่อยู่ไอพีของเขานำเขาไปยังฟอรั่มย่อยของเมืองหยางโดยตรง ทำให้เขาเห็นโพสต์ที่ถูกปักหมุดไว้ซึ่งมีจำนวนการดูากกว่าโพสต์อื่น
[สตรีมครั้งแรกในเมืองหยางถูกบันทึกไว้! ‘เทพเจ้าหน้าไม้’ ปะทะ งูดำ อย่าพลาด!]
“เทพเจ้าหน้าไม้…?”
ชื่อดูแปลกมาก แต่เขาก็ไม่สนใจมันมากนัก
เขาเข้าใจได้ทันทีเลยว่ามันหมายถึงภารกิจของเขา แต่เขาไม่เข้าใจว่าใครบางคนจัดการ ‘บันทึก’ สตรีมของเขาได้อย่างไร เท่าที่เขารู้ คนดูสามารถดูเขาผ่านตาของพวกเขาเท่านั้น ไม่มีวิธีการบันทึกมัน
เขาคลิกที่โพสต์เพื่ออ่านและในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่ภาพที่แท้จริงของเขา มันเป็นแอนิเมชั่นสั้นที่ถูกสร้างขึ้นจากบริษัทเกม โดยอ้างอิงจากเรื่องราวที่คนดูเล่าให้ฟัง
หลังจากดูอย่างรอบคอบ เขาก็สังเกตเห็นว่าแอนิเมชั่นไม่น่าเชื่อถือนักเพราะมันเหมือนกับโฆษณาของบริษัทเกมมากกว่าที่จะเป็นคลิปการต่อสู้
ผู้สร้างวิดีโอใช้ตัวละครในเกมเพื่อแสดงถึง ‘เทพเจ้าหน้าไม้’ ซึ่งดูเปล่งประกายเกินกว่าจะมองว่าเป็นคนธรรมดา และผิวที่ขาวและใบหน้าที่ถูกเติมแต่งอย่างสวยงาม… ชายคนนี้ดูเหมือนเพศที่สาม ไม่ใช่นักรบ
แม้ว่าจะไม่มีใครปฏิเสธการออกแบบได้เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร ในกรณีนี้การเลือกสไตล์แฟนตาซีนั้นน่าสนใจมากสำหรับผู้คนจำนวนมากที่มีรสนิยม โดยเฉพาะกับผู้หญิง
จีเย่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะวิดีโอนี้มียอดคนดูมากกว่าวิดีโอเอาชีวิตรอดทั้งหมดของเขารวมกันซะอีก
“ตาของเขา! มองตาของเขาสิ! มันเท่ห์มาก!”
“นั่นคือหน้าตาจริงๆ ของเทพเจ้าหน้าไม้ใช่มั้ย?”
“เชี่* งูตัวนั้นดูชั่วร้ายมาก แต่ไอดอลของฉันก็จัดการมันได้!”
“วิดีโอดีมาก แต่สั้นเกินไป”
จากการประเมินความคิดเห็น จะเห็นได้ว่าผู้ดำเนินรายการไม่ได้พยายามห้ามไม่ให้ผู้คนพูดถึงสตรีมซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากการเปิดเผยความลับมากเกินไปอาจทำให้เกิดความสงสัยจำนวนมาก
การอ่านความคิดเห็นนั้นดีในช่วงแรก แต่จีเย่ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่ฉายา ‘เทพเจ้าหน้าไม้’
ความเป็นส่วนตัวของเขายังคงปลอดภัยเนื่องจากสำนักงานของสมาพันธ์ แม้ว่าชาวเน็ตหลายแสนคนในเมืองหยางจะพยายามค้นหาข้อมูลของเขามากแค่ไหนก็ตาม
สตรีมเมอร์กลุ่มแรกที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวยังไม่ได้รับความสนใจ ในตอนนั้นคนเหล่านั้นมีชื่อเสียงมากกว่านักแสดงภาพยนตร์ที่ดีที่สุด แม้แต่ดาราภาพยนตร์ก็อยากร่วมมือกับพวกเขาในการสร้างภาพยนตร์ที่อิงมาจากการผจญภัยของพวกเขา
จีเย่ตกลงที่จะยอมรับ ‘นโยบายความเป็นส่วนตัว’ เพราะเขาไม่สนใจว่าจะมีชื่อเสียงหรือไม่
อย่างไรก็ตามเขาได้ตัดสินใจนานแล้วว่าจะไม่บอกชื่อของเขากับสาธารณะชน
เขาโทรหาหลิงเฉินและถามว่าพวกเขาสามารถขอให้ฟอรั่มลบวิดีโอได้หรือไม่ โดยใช้ประเด็นการขออนุญาตเป็นข้ออ้าง
จากนั้นเขาก็ไปที่ส่วน ‘การยุติ’ ของฟอรั่มเพื่อตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ควรค่าแก่การสังเกตมั้ย
เวลาผ่านไปเก้าวันนับตั้งแต่มีการประกาศภารกิจการตั้งถิ่นฐานให้ผู้เล่นทุกคนทราบ ภารกิจเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แต่ก็ยังมีผู้เล่นไม่กี่คนที่สามารถเคลียร์มันได้ ไม่ว่าจะด้วยตัวคนเดียวหรืออาศัยความช่วยเหลือพิเศษก็ตาม
โดยปกติแล้วข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์จะถูกอัปเดตในฟอรั่ม
ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นจากทวีปตะวันตกได้ค้นพบหมู่บ้านบนภูเขาจากจุดที่เขาอัญเชิญวีรบุรุษมาร่วมมือกับเขา วีรบุรุษคนนั้นอ้างว่าเขาจบการศึกาามาจากโรงเรียนเวทมตร์ศาสตร์ที่ผู้คนชอบเลี้ยงนกฮููกเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีนักเรียนรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงในโรงเรียนนั้นที่มีชื่อว่า ‘แฮร์รี่’
ผู้เล่นอีกคนเล่าว่าเขารู้สึกผิดหวังที่พบกลุ่มมนุษย์ถ้ำในตอนแรก ต่อมาเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่พบคนที่ดูเหมือนจะไม่มีอารยธรรมสามารถต่อสู้กับเสือได้ด้วยมือเปล่า
จากนั้นก็มีผู้เล่นอีกคนที่อัญเชิญสัตว์ประหลาดที่สามารถควบคุมโลหะได้อย่างอิสระ…
ถิ่นฐานที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ ‘หมู่บ้านเร็น’ ซึ่งจีเย่จำได้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลของสมาพันธ์พยายามจำกัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับถิ่นฐานในตอนแรก แต่ผู้เล่นคนนั้นก็เลือกที่จะเปิดเผยทุกอย่างในฟอรั่มรวมถึงวิธีที่เขากลายเป็นศิษย์ของลุงเก้า
ตามที่คาดการณ์ไว้ สิ่งนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการสนทนากันอย่างดุเดือด
“เขาโชคดีแค่ไหนกัน?? ได้รับการยอมรับจากลุงเก้าในตำนาน เขาสามารถเรียนรู้ศิลปะเต๋าเหมาซาได้แล้วใช่มั้ย?”
“ได้เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อน เช่นเดียวกับศิลปะกังฟูที่บรูซลีใช้ใช่มั้ย?”
โพสต์นี้ถูกปักหมุดไว้ที่ด้านบนของฟอรั่มเนื่องจากภาพยนตร์ยอดนิยมทั้งหมดมีศูนย์กลางอยู่ที่ลุงเก้า เมื่อรัฐบาลของสมาพันธ์อยู่ในสถานะเริ่มต้น ประเทศมังกรก็ได้ส่งสินค้าทางวัฒนธรรมพื้นเมืองจำนวนมากไปต่างประเทศเพื่อเริ่มกระบวนการเผยแพร่วัฒนธรรม ในขณะที่ภาพยนตร์ของลุงเก้าเป็นส่วนสำคัญของแผนการนี้ นี่คือเหตุผลที่ชาวต่างชาติหลายคนรู้เรื่องหมอผีเอ็กซอร์ซิสต์
ผู้เขียนโพสต์หรือที่เรียกกันว่าผู้เล่นที่อยู่ในหมู่บ้านเร็นก็ได้ตอบกลับโพสต์พร้อมกับแผนการล่าสุดของเขา “ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุกคน ฉันเข้าใจเวทมนตร์ที่อาจารย์ของฉันใช้แล้ว ตอนนี้ฉันเป็นผู้เล่นระดับ ‘วิสามัญ’ แล้ว ต่อไปฉันจะไปผจญภัยกับอาจารย์ของฉันและกำจัดผีรวมถึงวิญญาณที่สิงสู่ในทุ่งนา!”
“มีผีในดินแดนแห่งมรดกด้วยเหรอ??”
“เฮ้ เรามีลุงเก้าช่วยจัดการผี ไม่ต้องกังวล”
“ใช่แล้ว ฉันคิดว่าลุงเก้าต้องแข็งแกร่งกว่าวีรบุรุษที่ถูกอัญเชิญคนอื่นจำนวนมาก”
“ระดับวิสามัญ พลังของระดับวิสามัญ! ฉันยังอยู่ในระดับสามัญอันดับ 7 อยู่เลย ถ้าวันนั้นฉันไม่ตาย…”
แม้แต่ผู้เล่นคนอื่นก็ดูจะอิจฉาผู้โพสต์ หากผู้โพสต์พูดความจริง แสดงว่าเขาเรียนอยู่ภายใต้การสั่งสอนของลุงเก้าเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น เพื่อให้สามารถฝึกฝนคาถาได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ ความสามารถของเขาต้องไม่เลวร้าย แม้ว่าเขาจะฝึกฝนด้วยค่าประสบการณ์ก็ตาม การเปิดเผยตัวเองทำให้ชาวจีนโพ้นทะเลเกือบได้ความนิยมเทียบเท่ากับผู้เล่นที่ปรากฏตัวครั้งแรกในสตรีมสดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หลังจากการนำของเขา ผู้เล่นหลายคนก็ได้นำวีรบุรุษที่พวกเขาอัญเชิญมาเข้าร่วมการอภิปรายและหาข้อเท็จจริงที่น่าสนใจหลายประการ
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแรกก็คือ วีรบุรุษเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องมีนิสัยตามตัวละครที่อธิบายโดยแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นคนหนึ่งได้อัญเชิญนักวิชาการที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เท่าที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง แต่ภายหลังกลับกลายเป็นนักวิชาการที่สามารถใช้คาถาที่ทรงพลังในดินแดนแห่งมรดกสามารถดักจับมอนเตอร์ได้ชั่วคราว
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม ผู้คนพบว่านักวิชาการคนนี้เป็นผู้บัญญัติกฏหมายในสมัยโบราณที่ได้คิดค้นต้ยแบบของเรือนจำ
ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงเข้าใจว่าความสามารถของฮีโร่ที่ถูกอัญเชิญนั้นขึ้นอยู่กับอารยธรรมที่เขาถือกำเนิดขึ้นมา ไม่ใช่อาชีพของเขา คนงานทั่วไปจากอารยธรรมการบ่มเพาะโบราณและแข็งแกร่งมีแนวโน้มที่จะแสดงความสามารถที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ยังหมายความว่าแม้แต่คนทั่วไปในประวัติศาสตร์ก็สามารถได้รับพลังที่เหมาะสมกับอันดับของพวกเขา
แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เพราะยังไม่มีผู้เล่นอัญเชิญเทพเจ้าหรือผู้มีอิทธิพลในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของวีรบุรุษที่ถูกอัญเชิญมาอาจได้รับผลกระทบจากความนิยมของพวกเขา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าพวกเขามีชื่อเสียงมากเพียงใด สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าทำไมหลู่จือเซินจึงรู้ศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังบางอย่างในขณะที่สหายที่ไม่มีชื่อเสียงของเขาไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างสุดท้ายก็คือผู้เชี่ยวชาญได้สันนิษฐานว่า ‘ไอเทมบูชายัญ’ ที่ใช้ในการอัญเชิญวีรบุรุษอาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากเช่นกัน หากอารยธรรมไม่แตกต่างกันมากเกินไป ไอเทมบูชายัญที่ใช้ในกระบวนการก็จะเป็นตัวกำนหดว่าวีรบุรุษจะแข็งแกร่งมากเพียงใด
เมื่อพูดถึงไอเทมบูชายัญ ผู้คนสังเกตเห็นว่าไอเทมที่มีคำว่า ‘หายาก’ มีแนวโน้มที่จะอัญเชิญวีรบุรุษที่ไม่เกี่ยวข้องกับภูมิหลังของถิ่นฐานอย่างสิ้นเชิงได้
ผู้เล่นชาวตะวันตกได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้วโดยการใช้ไอเทมที่หายากเพื่ออัญเชิญนักรบโบราณที่มาจากราชวงศ์ฉินแห่งประเทศมังกร และมันก็เป็นหายนะเนื่องจากผู้เล่นคนนี้ไม่มีความรู้ในวัฒนธรรมของประเทศมังกร เขาต้องเรียนวิชาคัมภีย์จำนวนมากก่อนที่จะเข้าการบรรยายของนักรบคนนี้ได้สำเร็จ
หลังจากสังเกตเบาะแสทั้งหมดที่เขาสามารถใช้ได้ จีเย่ก็เลื่อนหน้าลงมาและพบหัวข้ออื่นที่ดึงดูดความสนใจของเขา
“คำถาม : เรารู้อยู่แล้วว่าบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ รวมถึงตัวละครที่สมมติขึ้นสามารถปรากฏในดินแดนแห่งมรดกได้ แล้วคนสมัยใหม่ล่ะ? สมมติว่าหากบุคคลสำคัญเสียชีวิตในชีวิตจริง เราจะทำให้พวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะวีรบุรุษได้หรือไม่?”
นั่นทำให้จีเย่ครุ่นคิด
เนื่องจากเขาสามารถใช้แต้มเกียรติยศที่หายากเพื่อนำไอเทมและสกิลกลับมาใช้ในชีวิตจริง เขาจึงสามารถค้นหาเครื่องมือหรือศิลปะการต่อสู้ที่ทำให้คนตายฟื้นคืนชีพและทำให้การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้หรือไม่?
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความหวังในใจของเขา