Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 190
วาห์นตื่นขึ้นมาในลูกแก้วพร้อมกับที่เอวา ‘ตกลงมา’ สู่อ้อมกอดของเขาแบบที่ทำกันประจำ
ช่วงเวลาที่หญิงสาวพยายามเข้าจูบ เธอก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะวาห์นดูไม่ตอบสนองเหมือนอย่างเคย
เธอนั่งลงบนท้องของเขาและเห็นความเกลียดชังที่ไม่ได้พยายามปิดบังไว้เลย
เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เอวาคิดว่าวาห์นโกรธเธอและเริ่มรู้สึกกลัวแบบจับใจจนกระทั่งเด็กหนุ่มเริ่มอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
หลังจากถอนหายใจและตัดสินใจว่าจะไม่ลงโทษที่เขามาสาย เอวาให้เริ่มให้คำแนะนำซึ่งดูใกล้เคียงกับความตั้งใจของวาห์นมาก
แม้วาห์นอยากจะไปช่วยมิลานและทีน่าเดี๋ยวนั้นเลย แต่การใช้เวลาสักสองสามวินาทีเพื่อฝึกฝนเคลื่อนย้ายในพริบตาและเรียนรู้เวทมนตร์นิดหน่อยนั้นดูจะเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด
เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้ [จิตแห่งราชัน] แม้ว่าระดับความโกรธของเขาจะพุ่งจนเลยขีดจำกัดไปแล้ว มันก็จะช่วยดึงสติของเขาให้สงบลงและกลับมาคิดอ่านอย่างมีเหตุผลอยู่เสมอ
หลังจากที่หนีจากทหารยามมานั้น วาห์นก็เข้ามาในนี้เพื่อทำให้จิตใจสงบลงและฝึกกับเอวาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องทำเมื่อเข้ามาในนี้ด้วย
วาห์นอยากนำฟาฟเนียร์ออกไปข้างนอกและพึ่งพาความเร็วของมันภายใต้สภาวะฉุกเฉินแบบนี้
เพราะตอนนี้มันสามารถซ่อนตัวในเงามืดของเขาได้แล้ว วาห์นจึงไม่จำเป็นต้องเก็บฟาฟเนียร์ไว้ในรูปของคริสตัลอีก
ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรในอนาคต วาห์นตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ไพ่ทุกใบที่มีโดยไม่คำนึงว่ามันอาจดึงดูดสายตามากแค่ไหนก็ตาม
ทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดที่คนใกล้ชิดพลอยติดร่างแหไปด้วยแล้ว วาห์นจึงไม่คิดจะเดินตามเกมที่คนอื่นวางไว้อย่างแน่นอน
หลังปล่อยให้เอวาเติมพลังงานด้วยการดูดเลือดของเขา วาห์นก็เริ่มฝึกซ้อมวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาผ่านหลักสูตรเร่งรัด
แม้จะลองเรียนเวทมนตร์อื่นๆ ด้วยก็ได้ แต่สกิลใหม่นั้นอาจต้องใช้เวลานานมากกว่าที่เขาจะใช้มันได้อย่างช่ำชอง
เคลื่อนย้ายในพริบตาเป็นวิชาขั้นพระกาฬ แต่มันก็เข้ากับวาห์นมากหากดูจากสไตล์การต่อสู้ในปัจจุบันของเขา
แม้ว่าพวกดักซุ่มโจมตีจะเป็นนักผจญภัยเลเวล 3 แต่พวกมันก็ไม่อาจตามการเคลื่อนไหวในร่างพยัคฆ์ขาวได้ทัน
แม้ว่าในช่วงปกตินั้นเธอจะรักและเอ็นดูวาห์นมาก แต่เอวาก็เริ่มจริงจังขึ้นหลังจากเข้าใจสถานการณ์ร้ายแรงที่วาห์นกำลังเผชิญอยู่ในโลกจริง
เป็นเวลาเกือบสามวันเต็มที่เธอฝึกฝนเขาอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงโดยแทบไม่ได้หยุดพักกันเลย
แถมวาห์นยังคอยเติมพลังงานด้วยด้วยถั่วเซียนและทำสมาธิแทนการพักแบบทั่วไป
ตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม วาห์นนั้นไม่ได้ปิดการใช้พลังเขตแดนเลยสักครั้งแม้แต่กระทั่งตอนที่ให้เอวาเข้ามาดูดเลือด
การใช้เวลาภายในลูกแล้วเพื่อสงบจิตใจลงดูเป็นความคิดที่ดี แต่วาห์นก็ไม่อยากเสียแรงผลักดันในตอนนี้ไป
จนกระทั่งเหลือเวลาเพียงสิบชั่วโมง ในที่สุดวาห์นก็เริ่มพักผ่อนแบบเต็มที่เพื่อฟื้นฟูพลังและสภาพจิตใจ
มันไม่เหมือนการอาบน้ำปกติที่วาห์นมักจะเป็นฝ่ายปรนเปรอเอวา
ตอนนี้เธอกลับเป็นคนดูแลเขาแทนและปล่อยให้เด็กหนุ่มฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
เนื่องจากวาห์นสามารถเปิดพลังเขตแดนทิ้งไว้แม้จะหลับอยู่ก็ตาม เขาจึงนอนลงบนเตียงเพื่อฟื้นพลังและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง
เอวานั้นชอบนอนบนร่างของเขามากเป็นพิเศษ แต่ครั้งนี้เธอกลับนอนซุกแขนของเขาแบบเงียบๆ ไปตลอดช่วงการพักผ่อนแทน
ก่อนที่วาห์นจะออกจากมิติ เธอก็จูบเขาอย่างดูดดื่มก่อนจะอวยพรให้เขาโชคดีในการต่อสู้
แม้จะยังต้องรักษาสมาธิเอาไว้ แต่วาห์นก็จูบเธอกลับในแบบเดียวกันพลางลูบเส้นผมสีทองไปด้วยและหวังว่าตนจะสลายหายไปให้เร็วกว่านี้
ตอนนี้ฟาฟเนียร์กลับมาอยู่ในช่องเก็บของของเขาแล้วและวาห์นกำลังเฝ้ารอเวลาที่จะปล่อยมันออกไปสู่โลกจริงอีกครั้ง
แม้หญิงสาวจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่วาห์นก็ทิ้ง (ไร้นาม) เอาไว้ในนี้เพื่อเอวาจะไม่ไม่เหงาจนเกินไปนัก
—
วาห์นตื่นขึ้นในโลกจริงและเริ่มออกติดตามค้นหามิลานและทีน่าในทันที
ขณะที่ดื่ม [อีลิกเซอร์] มูลค่า 10,000 OP วาห์นก็ส่งพลังเข้าไปยังคริสตัลสีรุ้งสวยงามที่วางอยู่บนมือ
เมื่อฟาฟเนียร์แข็งแกร่งขึ้น คริสตัลที่บรรจุมันไว้ก็ยิ่งดูงดงามกว่าเดิมและแน่นอนว่ายังต้องใช้พลังงานมากขึ้นด้วย
[อีลิกเซอร์] นั้นไม่เพียงแต่จะฟื้นฟูค่าพลังชีวิตของเขาจนเต็มเท่านั้น แต่มันยังช่วยฟื้นพลังงานของเขาอย่างต่อเนื่องจนสามารถเรียกเจ้ามังกรดำออกมาได้ในที่สุด
ทันทีที่มังกรขนาดตัวประมาณ 15 เมตร โผล่ออกมาบนหลังคา คนแถวนั้นก็เริ่มกรีดร้องและวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
แม้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเห็นมอนสเตอร์พร้อมกับผู้ฝึกภายในตัวเมือง แต่พวกมันก็มักจะถูกเก็บไว้ที่กาเนสช่าแฟมิเลียหรือไม่ก็คอกมอนสเตอร์ภายในหอคอยบาเบลที่มีกิลด์เป็นผู้ดูแล
การที่มังกรปรากฏตัวออกมาตรงใจกลางเมืองนั้น แน่นอนว่าทุกคนต้องคิดว่ามันคือศัตรู
โชคดีที่ไม่มีนักผจญภัยเลเวลสูงๆ อยู่แถวนั้น ไม่งั้นคงมีคนอยากลองของกับเจ้ามังกร ‘ปีศาจ’ ตัวนี้แน่นอน
หลังจากขึ้นขี่ฟาฟเนียร์แล้ว วาห์นก็ร่นเวลาการเดินทางที่ปกติมักจะใช้เกือบชั่วโมงลงเหลือเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น… แต่ก็สร้างความแตกตื่นให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
เนื่องจากถนนนั้นกว้างพอสมควรและทุกคนได้เผ่นออกไปกันหมดแล้ว วาห์นจึงลงจอดตรงหน้าฮาร์ธเอ็มเบรสที่ถูกเผาจนแทบไม่เหลือซาก
แม้เพลิงจะถูกดับลงไปแล้ว แต่สภาพของโรงแรมนั้นดูสาหัสเกินกว่าจะซ่อมให้ดีดังเดิมได้อีกครั้ง
ส่วนพนักงานกับนักสืบที่เคยอยู่ในบริเวณเองก็หนีไปพร้อมคนอื่นๆ เช่นกัน
เนื่องจากอาจเกิดปัญหามากกว่าเดิม วาห์นจึงให้ฟาฟเนียร์ลงไปซ่อนในเงาของอาคารใกล้เคียงแทน
วาห์นสัมผัสได้ว่ามีคนที่เขารู้จักกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ แต่เขาก็ตัดสินใจเข้าไปตรวจสอบภายในโรงแรมอย่างไม่รอช้า
เขามาที่นี่ด้วยความจำเป็นเพราะมันอาจจะเป็นส่วนช่วยให้เขาหามิลานและทีน่าเจอ
ไม่นานหลังจากจัดการกับหน่วยซุ่มโจมตี วาห์นก็สงสัยว่าพวกที่เหลืออาจยังไม่ได้รับข่าวเพราะเวลาเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ
ผ่านไปอีกชั่วอึดใจ วาห์นก็มาถึงที่หมายก่อนจะพังประตูเข้าไปยังส่วนที่เคยเป็นห้องนอนของมิลานและทีน่า
แม้จะมีกลิ่นไหม้จะฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ แต่วาห์นก็ยังพอตรวจจับกลิ่นของทั้งสองที่ซึมซาบไปทั่วห้องได้
เนื่องจากอยู่ในร่างพยัคฆ์ขาว ประสาทสัมผัสของเขาจึงเฉียบคมกว่าเดิมหลายเท่าแถมยังเสริมสกิลต่างๆ เข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มันอีกชั้นหนึ่งด้วย
วาห์นจับผ้าปูที่นอนขึ้นมาสูดดมและเก็บกลิ่นบางส่วนไว้ในจมูกแบบที่นานูเคยสอนก่อนหน้านี้ (TL: มีประโยชน์เฉยเลย)
เขาสามารถจำกลิ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์และสามารถตรวจจับมันได้ทุกที่แม้จะต้องออกมาด้านนอกเพื่อพบกับเฮเฟสตัสและทีมรักษาความปลอดภัยของเธอก่อนก็ตาม
เนื่องจากฮาร์ธเอ็มเบรสนั้นอยู่ใกล้โรงหลอม เธอจึงได้รับข่าวไฟไหม้ก่อนคนอื่นและรีบรุดมาที่นี่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ก่อนจะกลับไปที่โรงหลอมเพื่อส่งข่าวให้กับคนอื่นๆ
ในระหว่างการประชุมครั้งก่อนนั้น เฮเฟสตัสได้แจกคัมภีร์สื่อสารให้กับทุกคนไว้ใช้สื่อการกันเป็นการส่วนตัว
พอวาห์นมาถึงที่เกิดเหตุ เธอก็รีบกลับมาอีกครั้งก่อนจะแจ้งให้โลกิ อนูบิส สึบากิ และเอน่าทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูดุดันและเยือกเย็นของวาห์น เฮเฟาสตัสก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขณะสวมกอดและให้สัญญากับเด็กหนุ่ม
“…เราต้องหาพวกเธอเจอแน่”
วาห์นกอดเธอกลับและพูดอย่างแผ่วเบาแต่ก็แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“…จำกลิ่นของพวกเธอไว้แล้ว… เดี๋ยวจะเริ่มตามรอยไปเรื่อยๆ”
แม้อยากจะหยุดยั้งเขาไว้ แต่เฮเฟสตัสก็มองเห็นความจริงจังและความเชื่อมั่นในสายตาของเด็กหนุ่ม
ดังนั้นเธอจึงได้แต่กัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเข้าไปจูบอย่างแนบแน่นต่อหน้าผู้คนมากมาย
วาห์นไม่ได้อยู่ในอารมณ์แบบนั้นแต่ก็จูบตอบเฮเฟสตัสไปเพื่อให้เธอรู้ว่าเขารู้สึกขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงที่มีให้
ตอนที่ทั้งคู่จะแยกจากกัน วาห์นก็เสยผมให้เธอเล็กน้อยและแสดงรอยยิ้ม ‘อ่อนโยน’ อย่างเคยก่อนจะหายไปจากสายตาของทุกคน
ไม่มีใครรู้เลยวาห์นหายไปได้ยังไงนอกเหนือไปจากเซฟฟ์
ทุกคนรวมไปถึงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเองต่างก็รู้สึกทึ่งไปความเร็วของเด็กหนุ่มไปตามๆ กัน
จากมุมมองของพวกเขานั้น ตัวของวาห์นเริ่มกลายเป็นเงามืดก่อนที่เขาจะหายไปในชั่วพริบตา…
เฮเฟสตัสยืนนิ่งเงียบขณะเอื้อมมือไปไว้เหนือหัวใจและสัมผัสถึงอารมณ์ต่างๆ ที่วาห์นกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้
แม้จะรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจกับสิ่งที่เขาต้องเจอ แต่เฮเฟสตัสก็เริ่มกำหมัดแน่นก่อนจะเผยใบหน้าที่แสดงถึง ‘ความเกรี้ยวกราดของเทพธิดา’ ออกมา
เธอหันไปหาเซฟฟ์และพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการ
“ระดมพลเต็มกำลัง… เราจะออกไปบดขยี้ใครก็ตามที่กล้าทำเรื่องสารเลวแบบนี้ให้สิ้นซาก”
เซฟฟ์พยักหน้าตอบและเริ่มออกคำสั่งต่อไปอีกทอด ขณะเดียวกับที่เฮเฟสตัสหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาและส่งข้อความไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ไม่นานหลังจากนั้น ขั้วมหาอำนาจทั้งหลายที่อยู่ภายในเมืองก็เริ่มออกเคลื่อนไหวเพื่อตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์คราวนี้…
เพราะไม่สามารถแกะรอยได้หากอยู่บนหลังของฟาฟเนียร์ วาห์นจึงต้องออกตามรอยจากพื้นดินแทน
เขาจะหยุดเป็นระยะๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าตามกลิ่นของมิลานและทีน่ามาถูกทางแล้ว
วาห์นพบว่ากลิ่นของพวกเธอนั้นแฝงไปด้วยความกลัว และนั่นก็ทำให้ความเย็นสงบเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างอีกครั้ง
พอจินตนาการถึงภาพทีน่าน้อยที่กำลังร้องไห้และตัวสั่นเทาด้วยความกลัวก็ทำให้วาห์นแทบจะเป็นบ้า
เด็กสาวเป็นคนร่าเริงและมักตื่นเต้นอยู่เสมอ ทว่าตอนนี้ ไม่ถึงสองวันหลังจากที่วาห์นสัญญาว่าจะปกป้องพวกเธอ ทั้งคู่กลับต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะความสัมพันธ์นั่นแทน
แม้ว่าวาห์นจะไม่เสียใจที่ได้อยู่กับพวกเธอ แต่เขาก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่ขาดความรอบคอบ
เขาคาดว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นแต่ก็ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายแรกของโชคชะตานั้นจะเป็นจุดที่อยู่ใกล้หัวใจขนาดนี้
หากวาห์นตกเป็นเป้าหมายแต่เพียงผู้เดียว เขาอาจจะใจดีปล่อยคนพวกนั้นไปหลังจากจบเรื่อง
ทว่าตอนนี้พวกศัตรูดันมุ่งเป้ามาที่คนรอบข้างแทน วาห์นจึงสาบานกับตัวเองว่าเขาจะทำให้คนพวกนั้นรู้สึกกลัวแบบเดียวกับที่ทีน่ารู้สึกอยู่ในตอนนี้
ขณะที่เขาพุ่งผ่านตัวเมือง กลิ่นของพวกเธอก็แรงขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งวาห์นมุ่งหน้าเข้าไปในซอยขนาดเล็กซึ่งเป็นที่ๆ พวกมิจฉาชีพเข้ามาสิงสู่อยู่เป็นประจำ
เพราะใช้สกิลอำพรางตัว วาห์นจึงก็ยังไม่ถูกตรวจพบก่อนจะกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังคาของอาคารเก่าๆ
วาห์นสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตมากมายจากภายในตัวอาคารผ่านทางพลังเขตแดน นั่นยังรวมถึงออร่าสีม่วงสองจุดที่เขาจำได้ทันทีว่าเป็นมิลานและทีน่า
วาห์นสังเกตเห็นว่าพวกมันแยกทั้งสองออกจากกันและทีน่านั้นอยู่กับใครก็ไม่รู้อีกสองคนที่ห้องใกล้เคียงซึ่งน่าจะเป็นห้องขัง
สิ่งที่ทำให้จิตใจของวาห์นรู้สึกด้านชาก็คือมิลานที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยจุดออร่าสีดำและแดงเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้เขายังพบว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ออร่าของมิลานก็จะผันผวนขึ้นก่อนจะเริ่มอับแสงลง
ความโกรธของวาห์นแทบจะระเบิดออกมา แต่มันก็ถูกความเย็นสงบที่รุนแรงขึ้นไม่แพ้กันดันกลับลงไป
วาห์นรู้สึกว่าครั้งนี้มันเย็นมากกว่าปกติมากจนแทบจะกัดกินเข้าไปในจิตใจของเขา…
เขาสูดหายใจลึกๆ พร้อมกับหลับตาลงและทำสมาธิ
แม้จะมองไม่เห็นภาพแบบชัดเจน แต่วาห์นก็จดจำทั้งจำนวน ตำแหน่ง สีของออร่า และข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ ไว้ได้หมดแล้ว
เขาเห็นว่าทีน่ากำลังนั่งลงกับพื้นแบบกลัวตัวสั่น ขณะที่มิลานนั้นกำลังถูกคนเจ็ดคนซ้อมจนเกือบปางตาย
เธอกำลังนอนอยู่บนพื้นและวาห์นแทบจะรู้ได้สึกแรงกระแทกทั้งหมดที่เข้ามากระทบร่างกายของเธอผ่านทางประสาทสัมผัสของตัวเอง
ช่วงเวลาที่เขามุ่งเป้าไปยังชายทั้งเจ็ดคน วาห์นก็ใช้ [เอ็นคิดู] เสียบร่างของพวกมันก่อนจะพังหน้าต่างเข้าไปข้างใน
ตอนที่ใช้ [เอ็นคิดู] นั้น วาห์นได้เล็งไปตรงส่วนหัวและเห็นว่าออร่าของพวกมันดับมืดลงทันที
คนที่เหลือในอาคารนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แถมร่างของทั้งเจ็ดก็ยังไม่ตกถึงพื้นและยังถูกเสียบเอาไว้ทั้งอย่างนั้น
หลังจากลอบเข้าไปในอาคารได้ครู่หนึ่ง วาห์นก็มาถึงห้องที่มิลานกำลังนอนอยู่
เมื่อเขาเห็นเธอ…. วาห์นรู้สึกเจ็บปวดมาก… เจ็บปวดจนแทบทรุดลงไปกับพื้น
มิลานนั้นอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและกระดูกในร่างกายของเธอดูเหมือนจะหักเกือบทุกชิ้นพร้อมกับมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด
อาจเป็นเพราะมิลานสู้กลับในตอนแรก พวกมันก็เลยรุมซ้อมเธอเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
เธอถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวมากมายที่ไม่ใช่เลือดเพียงอย่างเดียวและมีสีหน้าที่ดูว่างเปล่าราวกับดวงวิญญาณได้จางหายไปแล้ว
วาห์นยังเห็นว่าฟันของเธอนั้นหายไปหลายซี่และดูเหมือนว่าตาข้างหนึ่งก็ถูกบดขยี้ไปแล้วด้วย
ใบหูของเธอเองก็หายไปบางส่วน… แต่ส่วนหางนั้นกลับถูกตัดออกไปจนหมด
วาห์นเริ่มหายใจอย่างหนักหน่วงแม้จะมี [จิตแห่งราชัน] จะคอยช่วยอยู่ตลอด ก่อนที่เขาจะเคลื่อนเข้าไปหามิลานที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายและเริ่มต้นการรักษา
ขณะใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเธอ วาห์นก็เริ่มใช้ [เคลื่อนย้ายบาดแผล] เพื่อดูดซับความเสียหายมาไว้ที่ตัวเอง
เขายังซื้อคทา [ฟื้นฟู] จากในระบบและใช้มันกับเธอและกับตัวเองด้วย
ถึงวาห์นจะรู้สึกเจ็บเจียนตายแต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย
มีแต่เพียงน้ำตาที่ไหลรินออกมาเท่านั้น… และก็เป็นน้ำตาที่เกิดจากการเห็นสภาพของมิลานล้วนๆ
เขายังคงลูบหัวของเธอต่อไปขณะกระซิบปลอบโยนอย่างแผ่วเบา
ในระหว่างที่ทำการรักษาต่อไปเรื่อยๆ เด็กหนุ่มก็ไม่อาจกักเก็บน้ำตาไว้บนใบหน้าของตัวเองต่อไปได้ ก่อนที่มันจะเริ่มหยดลงไปบนใบหน้าของหญิงสาวที่ยังไม่ฟื้นคืนสติดีนัก
สิ่งเดียวที่มิลานรู้สึกก็คือพลังงานอันอบอุ่นที่ไหลเข้ามาในร่างกาย… ก่อนที่เธอจะเริ่มหลั่งน้ำตาออกมาเช่นกัน