Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 196
ขณะที่วาห์นกำลังเดินกลับขึ้นไปข้างบน ไม่นานเขาก็เจอกับกลุ่มคนที่ค่อยๆ เคลื่อนที่ไปตามอุโมงค์หลบหนี
เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่เชี่ยวชาญการตรวจจับและจัดการกับกับดัก พวกเขาจึงเคลื่อนที่ได้ไม่เร็วนัก
พอเห็นสมาชิกในกลุ่ม ความรู้สึกด้านลบต่างๆ ที่วาห์นรู้สึกอยู่ก็เริ่มลดลง
สมาชิกสองคนรีบวิ่งออกมาด้านหน้าเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าดีใจที่แตกต่างกันไป
คนแรกที่มาถึงก่อนและชนเข้ากับร่างกายของเขาก็คือทีโอน่านั่นเอง
เธอกำลังใช้พลังมหาศาลเข้าบีบอัดซี่โครงจนวาห์นได้แต่ลูบหัวเธอด้วยรอยยิ้มเจ็บปวด
หลังจากนั้นก็เป็นตาของไอส์ที่เข้ามาส่งยิ้มให้และถามขึ้น
“จบแล้วเหรอ?”
ในที่สุดทีโอน่าก็หยุดบีบวาห์น แต่เธอก็ยังไม่ปล่อยเขาไปขณะเฝ้ารอคำตอบของเด็กหนุ่มเช่นกัน
วาห์นยิ้มและเริ่มอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นขณะที่คนอื่นๆ เดินเข้ามาสมทบ
กลุ่มที่มานั้นประกอบไปด้วยปาร์ตี้กลุ่มแรกและกลุ่มที่สองจากโลกิแฟมิเลียรวมถึงนักผจญภัยน่าเกรงขามอีกไม่กี่คนซึ่งวาห์นไม่เคยเห็นมาก่อน
พอเห็นเขาใกล้ๆ ฟินน์เองก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน
“ทำได้ดีมากเลยวาห์น ดูเหมือนจะราบรื่นดีใช่ไหม?
เราส่งคนออกไปตามอุโมงค์แต่ละสายครบหมดแล้ว ดังนั้นนายออกไปอธิบายสถานการณ์ให้พวกข้างบนฟังเถอะ
เราจะเคลียร์พื้นที่ต่อก่อนจะกลับไปสมทบกับคนอื่นๆ”
จากนั้นฟินน์ก็เอียงศีรษะพร้อมกับยิ้มและพูดต่ออีกหน่อย
“ไม่น่าจะเหลือศัตรูเก่งๆ ให้สู้แล้วนี่นะ… นายพาสองคนนี้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน”
ฟินน์จ้องมองทีโอน่าที่กำลังห้อยต่องแต่งจากคอของวาห์น
ส่วนไอส์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เด็กหนุ่มนั้นก็กำลังแบ่งความสนใจไปมาระหว่างรอบๆ ตัวและใบหน้าของวาห์น
กับตันแห่งโลกิแฟมิเลียดูปราดเดียวก็รู้ว่าสองสาวกำลังเข้าสู่สภาวะ ‘ไร้ประโยชน์’… แถมยังไม่ได้ทำประโยชน์อะไรตั้งแต่เข้ามาที่นี่เลยด้วย
เนื่องจากพวกเธอเล่นวิ่งลุยมาข้างหน้าแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กับดักก็เลยได้ทำงานกันแบบไม่หยุดพักและสร้างความลำบากให้กับสมาชิกคนอื่นอยู่พอสมควร
เมื่อได้ยินคำพูดของฟินน์ ทีโอน่าก็หัวเราะร่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า สั่งได้ถูกใจมากเลยค่ะ กัปตัน~!”
ไอส์เองก็ดูเหมือนจะพอใจกับคำสั่งนั้น เพราะรอยยิ้มของเธอดูกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนจะจับมือของวาห์นและพูดขึ้นบ้าง
“ไปเถอะ ทุกคนรออยู่”
วาห์นเกือบจะเป็นฝ่ายทำทีโอน่าหล่นเมื่อไอส์ดึงตัวเขาไปข้างหน้า แต่เธอก็เพียงปรับสมดุลร่างกายใหม่ก่อนจะหมุนตัวไปอยู่บนแผ่นหลังของเขาแทน
วาห์นรู้สึกประหลาดใจจนเกือบจะล้มไปข้างหน้าก่อนจะรีบนำมือมารับเรียวขาของเธอไว้
ไอส์มองกลับไปหาวาห์นที่จู่ๆ ก็ปล่อยมือของเธอแล้วจึงหันไปจ้องทีโอน่าด้วยคิ้วขมวดเล็กน้อยจนทีโอน่าได้แต่ยิ้มกว้างจนตาแทบปิด
เธอนาบตัวกับแผ่นหลังของวาห์นพร้อมกับเอาหน้ามาถูข้างๆ กันขณะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ฉันอยากจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงที่ถูกวีรบุรุษช่วยชีวิตเอาไว้สักครั้งน่ะ~!”
ปากของไอส์เริ่มหดลงจนกลายเป็นรูป ‘^’ พร้อมกับคิ้วที่ขมวดจนวาห์นเองยังรู้สึกแปลกใจ
เธอมองทีโอน่าและพึมพำใส่
“ไม่ยุติธรรมเลย”
ทีโอน่าเห็นแล้วก็ต้องหัวเราะคิกคักก่อนจะตบไหล่ของวาห์นและลงมาจากหลังของเด็กหนุ่ม
เธอเดินออกมาจิ้มเข้าที่แก้มเพื่อนสาวซึ่งไอส์เองก็ทำให้มันป่องออกเพื่อตอบโต้
วาห์นและคนแถวนั้นเริ่มหัวเราะกันถ้วนหน้าขณะมองฉากที่ตลกขบขันและหาดูได้ยากยิ่ง
ทีโอน่าเอนตัวไปมาก่อนจะโดดถอยหลังกลับไปอยู่ข้างๆ วาห์น
เธอคว้าแขนของเด็กหนุ่มไว้และหันไปหาไอส์
“แบบนี้ล่ะเป็นไง~?”
ไอส์จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าจะเริ่มผ่อนคลายลงและพยักหน้าให้
จากนั้นเธอก็เดินมาคว้าแขนอีกข้างไว้เช่นกัน
หลังจากเก็บอาวุธของทั้งสองเข้าไปในช่องเก็บของแล้ว วาห์นก็เดินกลับทางเก่าโดยมีทีโอน่าและไอส์ขนาบข้างไปด้วย
แม้จะรู้สึกดีที่ได้อยู่กับพวกสาวๆ แต่เขาก็ยังเขินจนหน้าแดงทุกครั้งที่เดินผ่านเหล่าทีมช่วยเหลือตามทาง
ทุกครั้งที่พบกับคนอื่น พวกเขาก็จะมองมาด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะหันไปจ้องสาวๆ แต่ละคน
ส่วนใหญ่นั้นจะรีบเดินต่อไปทันทีหลังจากกล่าวทักทายสั้น แต่ก็มีบางครั้งที่ทีโอน่าต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่ให้พวกนั้นรีบเดินเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสามก็เดินมาถึงห้องนอนขนาดใหญ่ของลาเวอร์น่า
วาห์นหันไปมองที่เตียงและเครื่องมือแปลกๆ จนทีโอน่าถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นายสนใจอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ~?”
วาห์นส่ายหัวก่อนจะอธิบาย
“ก็ไม่เชิง ฉันแค่คิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ… “
ทีโอน่าหันหัวไปด้านข้างขณะจับคางด้วยสีหน้าใคร่ครวญบางอย่าง
พอตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว เธอจึงยิ้มๆ ก่อนเข้ากอดแขนของวาห์นให้แน่นกว่าเดิม
วาห์นสับสนกับปฏิกิริยาแปลกๆ นั่นและอยากจะเอ่ยปากถาม แต่ไอส์ก็เริ่มพึมพำบางอย่างเช่นกัน
เขาหันหัวกลับและสังเกตเห็นใบหน้าที่ดู ‘มั่นใจ’ ซึ่งกำลังจ้องไปทางเตียงเช่นกัน
วาห์นเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ ก่อนรีบพาทั้งสองออกไปจาก ‘รัง’ ของลาเวอร์น่าที่มีแสงสลัวและบรรยากาศแปลกๆ
ระหว่างทาง เขาก็เริ่มอธิบายเรื่องของลาเวอร์น่าและกล่าวเตือนเพื่อไม่ให้ทั้งสองทำอะไรเลยเถิดในอนาคต
แม้จะฟังดูแปลกๆ ที่เป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง แต่เขาก็อยากดูให้แน่ใจว่าพวกเธอจะไม่ทำอะไรเลยเกินไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น
ทั้งสองฟังวาห์นอย่างตั้งใจและพยักหน้าทุกครั้งที่เด็กหนุ่มพูดประเด็นสำคัญ… แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าประกายแสงในแววตาของไอส์นั้นไม่ได้ลดไปมากเท่าไหร่นัก
เมื่อเดินขึ้นมาถึงส่วนที่เป็นอาคารแล้ว ไม่นานทั้งสามก็ผ่านประตูด้านหน้าออกไป
มีคนอยู่ข้างนอกเกือบร้อยคนและวาห์นยังเห็นคนอีกจำนวนมากที่กำลังกระจายกันออกไปเพื่อตรวจค้นสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียง
ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มเบิกกว้างขณะจ้องมองมองความวุ่นวานและเพิ่งตระหนักว่าเรื่องนี้อาจจะใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้
วาห์นอึ้งต่อไปอีกครู่หนึ่งจนกระทั่งสองสาวปล่อยแขนออกพร้อมกัน
ทีโอน่าเข้ามาจับมือไว้ก่อนจะดึงพาไปทางกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเช่นกัน
ถึงจะเพิ่งจากกันได้ไม่นาน แต่วาห์นก็ต้องรีบอ้าแขนรับทีน่าที่พุ่งเข้ามาหาพร้อมน้ำตา
ในขณะที่เขากำลังปลอบเด็กสาว ทุกคนก็เดินมาถึงพอดีซึ่งทำให้วาห์นเผยสีหน้าขอโทษปนดีใจ
“ทุกคน… ขอบคุณนะ…”
ในกลุ่มนี้มีทั้งเฮเฟสตัส โลกิ อนูบิส มิอาค มิลาน นาซ่า ลิลลี่ รวมไปถึงเทพและนักผจญภัยอีกหลายคนที่วาห์นไม่เคยเห็นมาก่อน
ทาเคมิคาสึจิ เทพจากแดนตะวันออกก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
เขามีใบหน้าที่อ่อนโยนและค่อนข้างหล่อเหลา แถมยังมีหญิงสาวท่าทางขี้อายติดสอยห้อยตามมาด้วย
เธอสวมเสื้อผ้าที่มีลักษณะคล้ายชุดกิโมโนสีม่วงและดูสงบเสงี่ยมขณะเดินตามเทพของตน
แม้ว่าจะไม่ค่อยมีบทบาทในมังงะมากนัก แต่วาห์นก็จำได้ว่าหญิงสาวคนนี้คือชิกุสะนั่นเอง
เนื่องจากไม่เห็นสมาชิกคนอื่นๆ วาห์นจึงสันนิษฐานว่าโอวกะกับมิโคโตะคงเป็นส่วนหนึ่งของทีมช่วยเหลือ
จากด้านข้างนั้น วาห์นยังเห็นริวในชุดต่อสู้ซึ่งประกอบด้วยเสื้อสีขาว กางเกงขาสั้นสีเขียว เสื้อคลุมสีเขียวที่มีส่วนฮู้ดเป็นลายใบไม้ และดาบไม้รูปทรงแปลกๆ ที่ดูเหมือนคทาเวทมนตร์
เธอสังเกตเห็นสายตาของเด็กหนุ่มก็เลยยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้านิดๆ และเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่อาเนียและซีลกำลังรออยู่
วาห์นประสานตากับซีลผู้ที่มีสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นเขาก่อนจะโค้งคำนับให้กับทั้งสามเพื่อแสดงความขอบคุณ
เฮเฟสตัสเป็นคนแรกที่พูดขึ้นในท่ากอดอกและยิ้มให้อย่างมีความสุข
“นายทำได้ดีมาก”
วาห์นหันมาหาเธอและเห็นร่องรอยของ ‘ความพิโรธ’ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังรอยยิ้มอ่อนโยนนั่น
แม้จะปล่อยให้วาห์นทำตามใจชอบจากตอนก่อนหน้านี้ แต่เฮเฟสตัสก็รู้สึกเกลียดชังพวกที่ก่อเรื่องคราวนี้มากเหลือเกิน
โลกิมียังคงรอยยิ้มแบบกวนๆ ไว้เช่นเดิมขณะเฝ้ามองความวุ่นวายรอบๆ ก่อนจะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
คำพูดของเธอนั้นทำให้ทุกคนหันมาสนใจวาห์น ในขณะที่มิลานเข้ามารับทีน่าไว้ในอ้อมแขนหลังจากที่เธอร้องไห้จนหลับไป
มิลานจ้องมองวาห์นอย่างซาบซึ้งก่อนจะเฝ้ารอให้เขาเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับคนอื่นๆ
วาห์นอธิบายเรื่องทุกอย่างตั้งแต่แรก โดยเริ่มจากการซุ่มโจมตีหลังออกมาจากคฤหาสน์สนธยา
เขาได้รับรู้เรื่องที่มิลานและทีน่าถูกจับตัว ก็เลยนั่งฟาฟเนียร์มาที่โรงแรงอย่างเร่งด่วน
ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสพิเศษของร่างพยัคฆ์ขาว เขาจึงได้วิธีที่จะใช้ตามตัวพวกเธอ ก่อนจะมาเจอเข้ากับเฮเฟสตัสที่ด้านนอกและอธิบายเรื่องราวให้ฟัง
จากนั้น เขาก็ตามกลิ่นมาที่อาคารดังกล่าวก่อนจะเข้าไปช่วยทั้งสองเอาไว้
เนื่องจากบางฉากนั้นทำให้รู้สึกไม่ดี วาห์นจึงข้ามรายละเอียดที่เกี่ยวกับสภาพของมิลานซึ่งหลายๆ คนก็พอมองออกโดยสังเกตุจากสภาพของหูและหางที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อคลุม
นาซ่ากับลิลลี่นั้นพอจะเดาไว้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะพวกเธอเองก็เคยเห็นผลของ [เคลื่อนย้ายบาดแผล] มาแล้วกับตัว
วาห์นอธิบายต่อว่าเกิดอะไรขึ้นหลังแยกกับมิลานและใช้ให้ฟาฟเนียร์พาทีน่าออกมา
แม้ทุกคนจะเห็นมันมาครั้งหนึ่งแล้วจากตอนที่นำทีน่ามาส่ง แต่วาห์นก็ออกคำสั่งในใจให้มันออกจากเงามืดก่อนจะเฝ้ามองท่าทางของไอส์อย่างระมัดระวัง
พอร่างของมังกรขนาดยักษ์ออกมาจากพื้น วาห์นก็สังเกตเห็นว่าร่างของหญิงสาวเริ่มกระตุกขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังพยายามรักษาท่าทางไว้พร้อมจ้องประสานตามาทางเขาเช่นกัน
วาห์นยิ้มให้ก่อนจะจับมือของเธอและเล่าเรื่องต่อ
เมื่อมาถึงตอนที่เขาสู้กับคูจิและเผชิญหน้ากับลาเวอร์น่า เกือบทุกคนก็เริ่มมีสีหน้าโกรธเคืองและขัดแย้งบนใบหน้า
เฮเฟสตัสดูท่าจะอาการหนักสุดเพราะเธอเพิ่งได้รู้ว่าสาเหตุของเรื่องคราวนี้ก็คือวัตถุดิบที่ตนเป็นคนมอบให้วาห์นนั่นเอง
แม้จะพยายามเตรียมการรับมือทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่เธอก็ลืมอะไรไปหลายอย่างเพราะตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆ ของเด็กหนุ่มดีนัก
วาห์นเห็นว่าเฮเฟสตัสกำลังกัดฟันและกำมือแน่นขณะแสดงสีหน้าเสียใจมาก
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและแข็งกร้าว
“เฮเฟสตัส เลิกคิดไปเลยนะว่าเธอเป็นคนผิด เพราะเธอไม่ได้หยั่งรู้ไปซะทุกอย่าง
ส่วนคนมันจะทำเลวน่ะ ยังไม่พวกมันก็ต้องหาทางจนได้นั่นแหละ”
วาห์นนั้นได้รับผลจากคำพูดของตัวเองเช่นกัน ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ
“แม้แต่ฉันก็อยากโทษตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
ฉันรู้สึกแย่กับเรื่องคราวนี้มาก แต่ก็ยังอยากเอาเวลาไปฝึกให้ตัวเองเก่งขึ้นเพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ถ้าเรามาจมอยู่ในอดีตและยอมให้ความกลัวส่งผลกับการกระทำของตัวเอง ต่อไปเราจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มได้ยังไงกัน!”
พอพูดจบ วาห์นก็เริ่มหายใจแรงๆ ขณะที่ทุกคนก็มีสีหน้าตื่นๆ เช่นกัน
วาห์นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่พอได้เล่าทุกอย่างพร้อมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโคลอี้ เขาก็ไม่อยากให้ใครต้องมารู้สึกผิดกับเรื่องนี้อีก นั่นยังรวมถึงตัวเขาเองด้วย
แม้จะรู้สึกเห็นใจลาเวอร์น่า แต่วาห์นก็รู้ว่าเทพสาวกับพวกเด็กๆ ของเธอนั้นเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่สนใจว่าเหตุผลคืออะไรหรือพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอนั้นจะมีผลยังไงยังไงกับการตัดสินใจ
แม้จะยังรู้สึกข้องใจอยู่บ้าง แต่เฮเฟสตัสก็ยิ้มและรับฟังคำพูดของวาห์นอย่างว่าง่าย
จากด้านข้างของเธอ โลกิก็กำลังหัวเราะด้วยน้ำเสียง ‘ชั่วร้าย’ ในขณะที่ทาเคมิคาสึจิและมิอาคต่างพยักหน้าเห็นชอบตามคำพูดของวาห์น
ทาเคมิคาสึจิดูท่าจะรู้สึกประทับใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มาก
เขาพบว่าคำพูดของวาห์นนั้นสอดคล้องกับหลักการของตัวเองและอยากจะรู้จักเด็กหนุ่มให้มากขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างจบลง
ทาเคมิคาสึจิเชื่อว่าวาห์นจะส่งผลต่อเด็กๆ ของตัวเองในด้านดีและอาจช่วยให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นหากดูจากอิทธิพลของวาห์นภายในกลุ่มพันธมิตรระหว่างเฮเฟสตัสและโลกิแฟมิเลีย
โลกิหยุดเสียงหัวเราะแปลกๆ นั่นก่อนจะเปิดตาออกเล็กน้อยและถามสิ่งที่ทำเอาทุกคนนิ่งเงียบกันหมดเ
“แล้ว… เกิดอะไรขึ้นกับลาเวอร์น่าล่ะ?”
สีหน้าของวาห์นเปลี่ยนไปอีกครั้งก่อนจะเริ่มอธิบายเหตุการณ์ช่วงท้ายแบบละเอียดขึ้น
ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกเทพและเทพธิดาต่างก็มีสีหน้าซับซ้อนทันที
ถึงวาห์นจะบอกว่าเธอถูกคนสวมหน้ากากสังหาร แต่ทุกคนก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีผลสะท้อนมาถึงเด็กหนุ่มแน่นอน
กฎเหล็กเกี่ยวกับข้อขัดแย้งระหว่างแฟมิเลียนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าเด็กๆ ต้องอยู่ส่วนเด็กๆ ในขณะที่เทพเองก็ต้องอยู่ส่วนเทพ
มันเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับมนุษย์ที่จะไปสังหารเทพ และแม้ว่าวาห์นไม่ใช่คนลงมือเอง แต่เรื่องคราวนี้ก็คงจะจบลงได้ยากหากไม่มีผู้รับผิดชอบ
และแม้เทพจะเป็นฝ่ายฆ่ากับเทพด้วยกันเอง ผู้ลงมือก็ยังต้องรับบทลงโทษหรือโดนข้อจำกัดบางอย่างอยู่ดี เพราะเรื่องการเจรจาและสลายความบาดหมางนั้นเป็นหน้าที่ของทางกิลด์โดยตรง
เนื่องจากลาเวอร์น่าไม่ได้รับการตัดสิน ‘อย่างเหมาะสม’ เหล่าเทพและเทพธิดาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบแทน