Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 209
เมื่อได้ยินสิ่งที่โคลอี้พูดออกมา วาห์นก็รู้สึกเจ็บปวดนิดๆ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ กระจายออกไปทั่วร่างของตนเอง
แม้จะมองออกว่าหญิงสาวกำลังพูดจริงจัง แต่เขาก็รู้ว่าเธอกำลังหวั่นไหวจากการได้เล่าเรื่องในอดีต
มันเป็นความคิดที่ประหลาดมากๆ เพราะวาห์นรู้สึกเหมือนโคลอี้ที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดตอนนี้นั้นคล้ายกับตัวเขาเองในอดีต
ราวกับว่าบทบาทของทั้งคู่กำลังสลับกันและวาห์นสังหรณ์ใจว่าถ้ายอมรับความรู้สึกของหญิงสาวในตอนนี้ เธอจะยอมพลีกายถวายชีวิตให้อย่างไม่ต้องสงสัย
โคลอี้ทำอะไรให้เขามามากมากเหลือเกินและวาห์นไม่อยากให้เธอมีชีวิตที่น่าเศร้าแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้เธอมีความสุขแล้วก็ตาม
โคลอี้เฝ้ามองเด็กหนุ่มอย่างตั้งใจและตระหนักว่าวาห์นคงกำลังรู้สึกทำตัวไม่ถูกได้ยินคำสารภาพรักเมื่อกี้นี้
แววตาสีน้ำทะเลกำลังสื่อออกมาเธอมีที่อยู่ในหัวใจของเขาแน่นอน แต่โคลอี้ก็รู้ว่าตนกำลังเร่งรัดมากเกินไป
เนื่องจากวาห์นกำลังประสบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ คำสารภาพนั่นคงเหมือนกับการลอบโจมตีหัวใจของเด็กหนุ่มที่กำลังอ่อนแอกว่าปกติ
เหตุผลหลักที่โคลอี้มาในคืนนี้ก็เพื่อช่วยปลอบประโลม แต่ตอนนี้บทบาทของทั้งคู่นั้นได้สลับกันอย่างสิ้นเชิงเพราะพอเธอได้มาอยู่กับเขาแบบนี้แล้ว… มันช่างทำให้รู้สึกปลอดภัยซะเหลือเกิน
ก่อนที่หญิงสาวจะหลงเข้าไปในห้วงความคิดของตัวเอง วาห์นก็ประคองหน้าเธอขึ้นก่อนจะจ้องประสานตาและเผยรอยยิ้มกว้าง
เขาพูดอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ฉันไม่อยากให้เธอรู้สึกพึ่งพามากเกินไปนะ… ก็เหมือนกับตอนที่เธอเคยบอกฉันในอดีตนั่นแหละ
คงจะรู้ดีอยู่แล้วนะว่าฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ตั้งแต่เดตครั้งแรกของเรา ภาพของเธอก็ฝังแน่นอยู่ในใจของฉันมาตลอด
สิ่งที่เธอเคยสอนไว้ได้กลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและทำให้ฉันก้าวเดินหาความสุขที่แท้จริงต่อไปได้”
ความอบอุ่นที่ค่อยๆ เจือจางลงของโคลอี้เริ่มแพร่กระจายไปทั่วอีกครั้งพร้อมกับอุณหภูมิร่างกายที่กำลังพุ่งสูงขึ้น
จากมุมมองของวาห์น เขามองเห็นใบหน้าสีแดงก่ำและดวงตาหยาดเยิ้มได้อย่างชัดเจน
วาห์นหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ฉันเองก็รักเธอนะโคลอี้… รักมานานแล้วด้วย
การดึงเธอออกมาจากความมืดและช่วยให้ได้พบกับความสุข… นั่นคือความปรารถนาของฉัน”
ใบหน้าของโคลอี้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แต่วาห์นก็เห็นความเศร้าในดวงตาสีเขียวขณะที่หญิงสาวกำลังรอฟังคำพูดถัดไป
เขากอดเธอให้แน่นกว่าเดิมก่อนจะพูดน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวด
“ถึงอยากจะรับความรู้สึกของเธอไว้มากแค่ไหน… แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม
ฉันยังเข้มแข็งไม่มากพอ แล้วก็มีอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจนไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับอะไรก่อนดี
ฉันอยากดูแลเธอและให้พวกเราได้มาอยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังไม่อยากให้เราข้ามเส้นบางอย่างไป
ขอยืมคำพูดที่เธอเคยใช้หน่อยนะ… ว่าตอนนี้เราไม่ควรมีอะไรเกินเลยกันไปมากกว่านี้”
โคลอี้เริ่มหัวเราะหลังได้ยินคำพูดของวาห์นซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกงุนงงเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบสนองแบบนี้
ในใจของโคลอี้นั้น หญิงสาวเริ่มกังวลว่าวาห์นอาจปฏิเสธเพราะเธอกดดันเขามากเกินไป
เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะวกเข้าเรื่องอย่างว่าและคงรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว
พวกเขาต่างรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีและเธอแค่อยากบอกมันออกมาเป็นคำพูดเพราะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นในช่วงที่ผ่านๆ มา
วาห์นไม่รู้จะไปต่อยังไงดี แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าค่าความชื่นชอบของโคลอี้พุ่งขึ้นมาถึง 99 แต้มหลังจากได้ยินคำพูดเมื่อกี้
นั่นทำให้วาห์นยิ่งงงหนักขึ้นจนตอบสนองไม่ทันเมื่อโคลอี้ขึ้นมานั่งบนตักพร้อมเอามือมาจับไหล่และใช้ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็งมาที่เขา
วาห์นรู้สึกตกใจเล็กน้อยจนกระทั่งโคลอี้ยิ้มออกมาและเริ่มอธิบายให้ฟัง
“ตาบ้า จะรักกันมันไม่ต้องไปจบลงที่เรื่องนั้นหรอกนะ
แค่ความรู้สึกที่เรามีให้กันในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
ฉันรู้สถานการณ์ของนายดีกว่าคนส่วนใหญ่ซะอีกและไม่ได้อยากจะไปกดดันเรื่องนั้นเลย…
ที่จริงฉันห่วงว่านายจะพึ่งเรื่องแบบนั้นมากเกินไปต่างหาก”
คำพูดของเธอทำให้วาห์นรู้ว่าเพราะขาดประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้ เมื่อกี้เขาก็เลยเผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มออกไป
การอยู่กับเฮเฟสตัส ทีโอน่า และไอส์นั้นทำให้วาห์นเข้าใจเรื่องความรักของคนสองคนผิดไปเล็กน้อย
นอกจากนี้เขาก็เพิ่งนึกออกว่าช่วงที่ผ่านมา ตนได้สารภาพความรู้สึกให้โคลอี้ฟังและขอโอกาสจากเธออยู่ฝ่ายเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวสารภาพความในใจออกมาบ้าง และเขาก็คิดเลยเถิดเนื่องจากได้มานอนอยู่บนเตียงเดียวกันแถมเธอยังเปิดท่อนบนแบบโล่งโจ้งแบบไม่เกรงใจกันเลยด้วย
โคลอี้มองดูสีหน้าบอกบุญไม่รับของวาห์นแล้วก็ได้แต่หัวเราะงอหายจนใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงซึ่งนานๆ ทีจะได้เห็นซักทีนึง
ตอนนี้โคลอี้รู้สึกเหมือนวาห์นได้กลับกลายเป็นเด็กใสๆ ไร้ประสบการณ์อีกครั้งจนเธอเกือบอดใจไว้ไม่ได้
‘แบบนี้ต้องขอแกล้งหน่อยแล้วแหละ’ เธอคิดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะติดกัน
วาห์นรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อยหลังถูกหัวเราะเยาะในช่วงที่ตนกำลังจริงจังสุดๆ
ถึงรู้ว่าโคลอี้ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เขาเสียหน้า แต่การโดนแบบนี้นั้นถือเป็นอะไรที่แปลกสำหรับเขาอยู่ดี
เมื่อหญิงสาวเอนตัวเข้ามาใกล้
วาห์นก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเข้ามาลองดีซ้ำสองเพราะนั่นทำให้เขามองเห็นส่วนโค้งเว้าต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
แม้หน้าอกหน้าใจของเธอจะไม่ได้ใหญ่แบบสาวๆ คนอื่น แต่มันก็ดูงดงามเปล่งปลั่งโดยเฉพาะเมื่อกระทบเข้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา
โคลอี้เห็นสายตาจ้องมองมาซึ่งเธอก็ทำเป็นไม่สนใจขณะที่รอยยิ้มอ่อนโยนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มของ ‘ผู้ล่า’ แทน
เธอแนบกายไปกับแผงอกกำยำขณะกระซิบข้างหูอย่างเย้ายวน
“เราจะยังไม่ทำถึงขั้นนั้น… แต่ฉันอยากให้นายแสดงความรักที่มีให้ดูหน่อย…”
ความทรมานของเธอนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่โคลอี้ก็ยังรักษาท่าทีไว้แบบเดิมขณะเฝ้ารอคำตอบของเด็กหนุ่ม
วาห์นสัมผัสได้ว่าหัวใจของคนตรงหน้ากำลังเต้นอย่างรุนแรงเพราะร่างของทั้งสองกำลังแนบชิดติดกัน
จังหวะหัวใจของเขาดูเหมือนอยากจะลงไปเต้นแข่งด้วย ขณะที่คำพูดของเธอก็เข้ามาทำให้ความคิดติดขัดไปหมด
ขณะกำลังคิดวิธีแสดงความรักในแบบต่างๆ วาห์นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมโคลอี้ถึงโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะหันไปมองสิ่งที่กำลังกวัดแกว่งไปมาตรงด้านหลังของเธอ
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว วาห์นก็ค่อยๆ ยื่นมือออกไปหามันพลางกัดฟันอย่างลุ้นระทึก
มือขวาของเขาค่อยๆ ลากผ่านแผ่นหลังเรียบเนียนจนมาเจอเข้ากับหางของโคลอี้ซึ่งมันก็กระตุกขึ้นทันทีที่ถูกสัมผัส
พอเห็นว่าโคลอี้เริ่มกอดรัดแน่นยิ่งกว่าเดิมโดยไม่ได้ทักท้วงอะไร วาห์นจึงรวบรวมความกล้าก่อนจะออกแรงกุมที่โคนหางเอาไว้
ทันทีที่ทำแบบนั้น วาห์นก็รู้สึกเจ็บตรงหัวไหล่เพราะโคลอี้ได้ฝังเขี้ยวอันแหลมคมของตัวเอง
วาห์นค่อยๆ ลูบหางของหญิงสาวต่อไปโดยไม่ถอยหนีจากความเจ็บปวด
การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งนั้นทำให้ร่างกายของโคลอี้สั่นเทิ้มและเขายังรู้สึกว่ามีของเหลวบางอย่างกำลังไหลลงมาตรงแผงอก
วาห์นรู้ทันทีว่านั่นก็คือเลือดของตนนั่นเอง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนักก่อนจะใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ลงตรงจุดที่หางเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลัง
โคลอี้เริ่มกัดแน่นยิ่งกว่าเดิมและหายใจแรงมากจนวาห์นรู้สึกจั๊กจี้ที่ลำคอ
หัวใจของเธอเต้นแรงมาวาห์นคิดว่ามันใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว
เมื่อเขาปล่อยมือออก โคลอี้ก็ดึงตัวเองออกมาด้วยสีหน้าเย้ายวนซึ่งพอวาห์นเห็นแล้วก็ทำเอารู้สึกแปลกๆ ไปเหมือนกัน
เพราะเแรงกัดที่หัวใหล่นั้นรุนแรงมากจนน่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ไม่แปลกเลยที่จะมีเลือดติดอยู่ที่ริมฝีปากของหญิงสาวซึ่งมันก็ค่อยๆ ไหลลงมารวมกันอยู่ตรงคางของเธอ
หากไม่ใช่เพราะได้รู้จักและคุ้นเคยกับเอวาล่ะก็ วาห์นคงรู้สึกหวาดกลัวภาพตรงหน้าและเผ่นแน่บออกไปก่อนแล้ว
ตัวเขาในตอนนี้เพียงแค่แสดงสีหน้าอ่อนโยนขณะเอื้อมมือออกมาเช็ดคราบเลือดที่เหลือออกให้
การตอบสนองและปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มนั้นทำให้โคลอี้แทบสติหลุดเพราะคิดในใจว่าคนตรงหน้าควรจะรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
เพราะวาห์นจับหางแรงพอสมควร นั่นทำให้แรงกัดทวีความรุนแรงมากกว่าที่เธอตั้งใจไว้ในตอนแรก
ตอนนี้เลือดก็ยังคงไหลออกมาจากหัวใหล่จนเสื้อของเขาเปียกโชกไปครึ่งตัว
เธอรู้สึกผิดหน่อยๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้นที่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนร่างของเด็กหนุ่มที่ตัวเองแสนจะหลงใหล
พอวาห์นเตรียมที่จะทำความสะอาด โคลอี้ก็โน้มตัวเข้ามาปลดกระดุมและเปิดเสื้อออกก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปตามรอยที่เลือดไหลผ่าน
การกระทำของเธอทำให้วาห์นนึกถึงตอนที่อยู่กับไอส์ในถ้ำและกิจวัตรประจำวันระหว่างเขากับเอวาขึ้นมาตะหงิดๆ
เพราะความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงปาดเลือดขึ้นมาเล็กน้อยและลองชิมดูเพื่อไขข้อข้องใจ
วาห์นรู้อยู่แล้วว่าเลือดของตัวเองนั้นมีความพิเศษ แต่เขาก็ไม่เคยนึกอยากจะลองชิมมันมาก่อน
นอกจากรสชาติที่คล้ายกับเหล็กแล้ว เขายังสัมผัสได้ถึงรสชาติแฝงอีกอย่าง… หวานงั้นเหรอ?
แม้รสชาติโดยรวมจะไม่ได้ดีเด่นอะไรนัก แต่วาห์นรู้สึกว่าเลือดของตัวเองยังมีสรรพคุณที่ช่วยทำให้จิตใจสงบลงอย่างประหลาดเช่นกัน
วาห์นกลัวว่าโคลอี้อาจรู้สึกติดใจและอยากเข้ามาต่อคิวเพื่อดื่มเลือดไปด้วยอีกคน เขาจึงลูบผมของเธอเบาๆ ก่อนจะกดตรงหัวไหล่เพื่อแยกร่างบางออกมาจากบาดแผล
เธอยังคงมีสีหน้าเย้ายวนเช่นเดิมแต่ก็ดูสับสนอยู่บ้างขณะจ้องประสานตากับวาห์น
เพราะกังวลว่าเด็กหนุ่มอาจมองว่าเธอแปลก โคลอี้จึงรีบอธิบายให้ฟัง
“ฉันแค่อยากช่วยนายทำความสะอาดน่ะ… เพราะนั่นมันฝีมือฉันล้วนๆ เลย
น้ำลายจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วยนะ~เมี๊ยว…”
วาห์นสังเกตเห็นว่าสำเนียงของโคลอี้กลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว แถมเธอยังรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองมากเลย
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดพลางลูบใบหูของเธอ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก ฉันเป็นคนที่ฟื้นตัวได้เร็วมาก
เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดก็ไม่เป็นไรแล้ว มาเตรียมเข้านอนเถอะ นี่มันจะเช้าอยู่แล้วนะ”
วาห์นโน้มตัวมาข้างหน้าและจูบปากที่ยังเปื้อนเลือดอย่างไม่ลังเลจนหญิงสาวต้องเอนตัวลงกับเตียงเพื่อหลบหนีรสสัมผัสอันเร่าร้อน
ตอนนี้เธอดูอ่อนปวกเปียกอย่างไม่น่าเชื่อและยังคงหอบหายใจถี่ๆ ขณะจ้องมองวาห์นด้วยสายตาเย้ายวนเช่นเดิม
เมื่อเห็นร่างบางของโคลอี้ที่ไม่ได้สวมใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงขาสั้นสีขาวและถุงน่องสีดำ วาห์นก็รู้สึกเหมือนมีแรงผลักดันบางอย่างผุดขึ้นในใจก่อนจะที่เขาจะส่ายหัวแรงๆ และนำผ้าเช็ดตัวออกมาจากช่องเก็บของเพื่อทำความสะอาดตัวเอง
โคลอี้จ้องมองการกระทำของเขาขณะที่ตนใช้เวลาเกือบสามนาทีเพื่อทำให้จิตใจสงบลง
ตอนที่วาห์นเข้ามาจูบบวกกับการลูบหางอย่างรุนแรงจากตอนก่อนหน้านี้นั้น เธอก็รู้สึกเหมือนร่างกายได้เข้ามาอยู่ในสภาวะ ‘เครื่องติด’
ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นส่งผลให้จิตใจสั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอต้องหลบหนีออกมาจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้
ทว่าโคลอี้กลับไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่ถอยห่างออกมา เรี่ยวแรงในร่างกายก็พลันมลายหายไปจนแทบขยับตัวไม่ได้
เธอได้แต่นอนแผ่อยู่บนเตียงขณะปล่อยให้วาห์นจ้องมองเรือนร่างไร้การป้องกันได้ตามใจชอบ
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่โคลอี้เห็นภาพของอัศวินในความทรงจำเข้ามาซ้อนทับกับภาพของวาห์นซึ่งมันก็สร้างความหวาดผวาให้กับเธอเป็นอย่างมาก
สภาพไร้พลังของตัวเองนั้นทำให้โคลอี้นึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดจนเกิดกลัวขึ้นมาว่าวาห์นจะพยายามทำแบบเดียวกับชายคนนั้นและเห็นเธอเป็นเพียงสิ่งของที่อยากได้ไว้ในครอบครอง
ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือเพราะกำลังอยู่ในสภาวะ ‘เครื่องติด’ เธอจึงไม่อยู่ในสภาพที่จะยับยั้งเขาได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มด้วยความกลัวและความว้าวุ่น สมองของเธอก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะเพราะสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหรือความหื่นกระหาย… แต่เป็นความรัก ความเอ็นดู และความห่วงใย
วาห์นไม่ได้พยายามเข้ามาล่วงเกิน เขาแค่จ้องมองเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยนขณะทำความสะอาดตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
ความกลัวทั้งหมดในใจของหญิงสาวค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับที่ภาพของอัศวินเริ่มแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
//โคลอี้ โลโล่มีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//
//ภารกิจสำเร็จ: [ความปราถนาของหัวใจ:C-SS]//
เกรดความสำเร็จ: B
รางวัล: 10,000OP, 1x[ความปราถนาของหัวใจ: โคลอี้ โลโล่]
รางวัลจากเกรด: 1x [เครื่องพิสูจน์ความรัก], ได้รับสกิล [ผสมวัตถุดิบ: C], 4,000 OP