Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 225
บรรยากาศในช่วงที่เหลือของงานฉลองเริ่มกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ทุกคนทำการแลกเปลี่ยนเรื่องราวและกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากนัก เอน่าจึงได้มานั่งกับวาห์นและโดนเขาแหย่ด้วยการป้อนขนมให้ตลอดงาน
เอลฟ์สาวรู้สึกเขินมากจนหน้าแดงไปถึงหู แต่เธอก็ไม่ยอมถอยหนีเพราะต้องแสดงจุดยืนให้สาวๆ ในห้องได้เห็น
ในฐานะ ‘ภรรยาคนแรก’ ของฝ่ายมนุษย์ เธอจะมากล้าๆ กลัวๆ ในระหว่างที่อยู่กับวาห์นไม่ได้เด็ดขาด
ในช่วงต่อมา ทุกคนก็เริ่มทยอยให้ของขวัญซึ่งส่วนใหญ่นั้นประกอบไปด้วยของใช้ส่วนตัว เครื่องราง หรือแม้แต่ตุ๊กตารูปร่างแปลกๆ ซึ่งวาห์นคิดว่ามันน่ารักมาก
เห็นได้ชัดว่าไอส์ไปขอเรียนวิชาเย็บปักถักร้อยมาจากริเวเรียและใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์กับการทำตุ๊กตา ‘ไอส์ตัวน้อย’ เพื่อที่วาห์นจะได้ ‘พกเธอไปไหนมาไหนได้ด้วย’
ของขวัญของไอส์เป็นการจุดประกายให้กับสาวๆ คนอื่นที่ได้แต่มองเธอชูนิ้วรูปตัว ‘V’ ด้วยสายตาลุกวาว
หลังจากเข้าสู่ช่วงมหกรรมการกอดกันอีกรอบ ทุกคนก็เริ่มเดินทางกลับเพราะเวลาก็ล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว
วาห์นดูสงบขึ้นแบบผิดหูผิดตาเพราะเขาแอบเข้าไปในลูกแก้วหลังจากขอตัวไปเข้าห้องน้ำอยู่รอบหนึ่ง
‘การเปลี่ยนแปลง’ นั้นไม่อาจรอดสายตาของพวกสาวๆ ไปได้แต่ก็ไม่มีใครหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดให้เสียบรรยากาศ
ก่อนออกจากร้าน โลกิได้แจ้งว่าแฟมิเลียของเธอจะเข้าไปสำรวจดันเจี้ยนเร็วๆ นี้และอาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือน
พอได้ยินแบบนั้น วาห์นเลยกอดทีโอน่ากับไอส์นานกว่าคนอื่นพร้อมมอบจูบให้ก่อนจะหันไปลูบหัวของเลฟิย่าและพูดให้กำลังใจเธอเล็กน้อย
ทีโอน่าทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามาร่วมวงด้วย แต่เธอกำลังยืนอยู่กับโลกิก็เลยไม่อยากทำอะไรเกินหน้าเกินตาไปนัก
กลุ่มสุดท้ายที่ยังอยู่ก็มีเฮเฟสตัส เอน่า และโคลอี้ที่ขอลาหยุดเพื่อมางานในวันนี้
เพราะพวกเธอคือภรรยาในอนาคตและคนรักของเขา (ไม่นับเฮสเทีย) วาห์นเลยมอบอ้อมกอดที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพวกสาวๆ ที่กลับออกไปแล้ว
ในฐานะ ‘คนรักแต่ไม่ใช่ภรรยา’ โคลอี้จึงเป็นคนแรกที่เข้ามาหาวาห์นและใช้เวลาด้วยกันสั้นๆ อย่างอบอุ่น
เมื่อรู้สึกพอใจแล้ว เธอก็เตรียมเดินทางกลับแต่ก็ยังทิ้งท้ายด้วยการเล่นหูเล่นตากับเฮสเทียจนเทพสาวมือสั่นจนอยากหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาปาใส่ตะหงิดๆ
เมื่อถึงเวลากอดกับเฮเฟสตัส วาห์นก็ไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือไปด้านหลังและจับบั้นท้านแสนรัก ‘เบาๆ’
“นายนี่นะ…” เทพสาวกระซิบด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
วาห์นกลบคำพูดของเธอด้วยจูบที่ดูไม่ค่อย ‘เบา’ เท่าไหร่นัก
เขาแสดงออกมาเป็นคำพูดไม่ออกเลยว่ารู้สึกดีใจแค่ไหนที่เธอช่วยจัดงานนี้ขึ้น
หลังจากสอดลิ้นเข้าไปในริมฝีปากได้รูปอยู่เกือบสามนาที ในที่สุดวาห์นก็ยอมปล่อยเธอไปเมื่อเทพสาวเริ่มหายใจไม่ทัน
เนื่องจากสัมผัสเชื่อมโยงของทั้งคู่ผ่าน ‘เพลิงนิรันดร์’ เฮเฟสตัสเลยรู้สึกถึงความรักและความตื่นเต้นของเด็กหนุ่มที่ควบคู่ไปกับของตัวเองด้วย
วาห์นยังคงใช้แขนยึดด้านหลังของเธอไว้อย่างแนบแน่นพร้อมกับยิ้มและพูดขึ้นเบาๆ
“อดทนรออีกนิดนะ…”
แม้จะเอ่ยเบามาก แต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินและสัมผัสถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั่นได้
ขณะที่เด็กหนุ่มยังคงจับจ้อง ‘ว่าที่ภรรยา’ แบบไม่สะทกสะท้าน เฮเฟสตัสก็ถอนหายใจสองสามทีก่อนจะเข้าจูบ ‘ว่าที่สามี’ อีกครั้ง
วาห์นแทบจะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในบรรยากาศเมื่อเธอมองมาด้วยสายตาลุกโชน
“พอถึงตอนนั้น… ฉันจะเคลียร์ตารางเวลาไว้สักสาม… ไม่สิ ห้าวันเลย…”
นอกจากคนอื่นๆ แล้ว แม้แต่วาห์นเองก็ยังต้องเลิกคิ้วให้กับ ‘คำประกาศกร้าว’ ของเธอเพราะพวกเขาต่างเข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร
ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น
“ถ้าเธอต้องการ… ขอรับรองเลยว่าท้องแน่…” รอบนี้เขาเข้ามากระซิบใกล้ยิ่งขึ้นด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม
คำพูดนั่นทำให้ใบหน้าของเธอเริ่มแดงแข่งกับสีผมของตัวเองพร้อมกับลมหายใจที่แรงผิดปกติ
ก่อนที่สมองจะใช้การไม่ได้ เฮเฟสตัสก็เดินลากเท้าออกมาด้านข้างด้วยอาการเหม่อลอยโดยมีเฮสเทียคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากไปหน่อย… มากเสียจนดวงวิญญาณเริ่มหลุดออกจากตัว
งานยากเลยไปตกอยู่กับเฮสเทียที่ต้องคอยเขย่าร่างของเพื่อนสนิทเพื่อรั้งมันเอาไว้ไม่ให้ลอยกลับขึ้นสวรรค์ไปเสียก่อน
ขณะที่เทพธิดาทั้งสองกำลังเล่นสนุกกันอยู่นั้น เอน่าก็ก้าวเข้ามาหาวาห์นดูใบหน้ายิ้มแย้ม
วาห์นเริ่มสวมกอดเอลฟ์สาวแบบหลวมๆ ส่วนเธอก็สนองตอบด้วยการลูบหลังของเขาเบาๆ
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันไปพักใหญ่และต่างเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่ได้มาใกล้ชิดกัน
หลายอึดใจต่อมา เอน่าก็กระซิบขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“พอแต่งงานกันแล้วเดี๋ยวฉันจะย้ายไปอยู่ด้วยนะ…
ฉันคุยกับประธานของกิลด์มาแล้ว เขาก็เลยตั้งให้ฉันเป็นผู้ประสานงานระหว่างทางกิลด์กับเฮสเทียแฟมิเลีย
ดูเหมือนโอรานอสต้องการจับตาดูนาย เขาก็เลย…”
วาห์นกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนจะยกหัวขึ้นมามองใบหน้าที่ดูจริงจังของอีกฝ่าย
ถึงจะรู้ว่าเธอกำลังเตือนให้เขาระวังตัวมากกว่าเดิม แต่วาห์นก็ยังไม่อยากคิดเรื่องนี้และพูดในส่วนที่เขาเห็นว่าเป็นเรื่องดี
“ได้อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นก็ดีแล้วนี่… ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
เขาลูบแก้มของเธอเบาๆ พลางมอบจูบที่ดูไม่หวือหวานักแต่ก็ยาวนานพอสมควร
พอแยกตัวออกมาแล้ว เขาก็เห็นใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศจนได้แต่คิดในใจว่า ‘พวกเอลฟ์กับลูกครึ่งเอลฟ์เวลาเขินนี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่านะ?’
หลังพูดคุยกันอีกสองสามประโยค เฮเฟสตัสกับเอน่าก็เดินทางกลับขณะที่วาห์นเองก็เริ่มเดินพาเฮสเทียกลับคฤหาสน์
เนื่องจากเทพตัวเล็กนั้นอยู่เงียบๆ เกือบตลอดทั้งงาน วาห์นเลยจับมือเธอและถามอย่างเป็นห่วง
“เฮสเทีย เป็นอะไรหรือเปล่า?
ถ้ารู้สึกเหนื่อย… เดี๋ยวฉันให้ขี่หลังแบบคราวก่อนก็ได้นะ”
คำพูดนั่นทำให้เฮสเทียเดินช้าลงเรื่อยๆ จนวาห์นต้องหันกลับมามองสีหน้าที่กำลังครุ่นคิดของเธอ
หลังจากที่พวกเขาหยุดเดิน เฮสเทียก็ยื่นมือออกมาซึ่งทำให้วาห์นยิ้มก่อนจะคุกเข่าลงเพื่อรอรับร่างเล็กขึ้นมาบนหลัง
แม้จะยังไม่ค่อยชินกับสัมผัสตรงแผ่นหลังเท่าไหร่นัก แต่มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกวอกแวกแบบครั้งก่อนแล้ว
วาห์นแบกร่างของเฮสเทียกลับมายังคฤหาสน์ฮาร์ธโดยที่เธอกอดคอเขาไว้โดยไม่พูดไม่จามาตลอดทาง
เขาคิดว่าเธออาจเผลอหลับไปแล้ว แต่พอพวกเขามาถึงห้องโถง เฮสเทียก็ตบที่ไหล่เบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้วางเธอลง
วาห์นหันกลับมามองและเห็นสีหน้าที่ดูอ่อนโยนมากกว่าเมื่อหลายนาทีก่อน
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เฮสเทียก็ถามขึ้นแบบยิ้มๆ
“…นี่นายคิดจริงจังกับพวกเธอทุกคนเลยเหรอ?”
แม้ตัวคำถามจะสร้างความว้าวุ่นให้หน่อยๆ แต่วาห์นก็ตอบกลับไปตามตรง
“ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองดีนัก แต่ฉันก็ห่วงใยพวกเธอจากใจจริง
ฉันยังให้ความสำคัญกับทุกคนเหมือนเดิม… ถึงบางครั้งจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันบ้างก็เถอะ
พวกเธอมีความสุข ฉันเองก็สุขตามไปด้วย… นี่คือสิ่งที่ฉันมั่นใจที่สุด”
เฮสยิ้มกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย แต่สายตาของเธอกลับแฝงไปด้วยความเศร้า
“แล้วถ้าวันนึง… มีคนคิดเปลี่ยนใจหรือจากนายไปล่ะ?
ฉันกลัวว่านายจะเจ็บจนแบกรับมันไว้ไม่ไหว…”
จากเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ที่เกิดขึ้นกับมิลานและทีน่า วาห์นเลยพอเข้าใจว่าเฮสเทียพยายามจะพูดอะไรเพราะเรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวเขากับพวกเธอสองคนเท่านั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวยังขยายวงกว้างออกไปจนถึงจุดที่มันส่งผลกับเหล่าทวยเทพจากทั้งห้าแฟมิเลียและกลุ่มคนอีกเป็นจำนวนมาก
คิ้วของวาห์นขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมกับสีหน้าที่ดูจริงจังขึ้น
“ฉันได้เรียนรู้มาแล้ว… ว่าเราจะใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นไปตลอดเลยไม่ได้”
(TL: มาจากคำพูดที่ว่า เราจะอยู่เพื่อคนอื่นเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ยังไงก็ต้องไม่ลืมที่จะอยู่เพื่อตัวเองด้วย)
เด็กหนุ่มส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ
“สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ถึงจะมีคนอยากแยกเดินไปตามทางของตัวเอง… แต่ตราบใดที่พวกเธอมีความสุข… สำหรับฉันแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามีคนมากมายที่อยากมาอยู่เคียงข้างเพื่อฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน… นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันก้าวเดินต่อไปได้”
สีหน้าของของเฮสเทียแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและแทบไม่หลงเหลือความเศร้าหมองอยู่เลย
ตอนนี้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นแบบสุดๆ
นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่เฮสเทียกุมมือราวกับกำลังสวดภาวนาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหาวาห์นและพูดต่อ
“นายนี่มันไม่เหมือนใครจริงๆ เลยนะวาห์น
ฉันอยากเห็นมากเลยว่านายจะไปได้ไกลแค่ไหน… และไม่ว่าจะเกิดเรื่องยากลำบากอะไรขึ้น ฉันก็จะเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยผลักดันให้นายเดินต่อไปเอง”
พอพูดจบ เฮสเทียก็พุ่งราวกับกระสุนปืนเข้าใส่ใบหน้าของวาห์นพร้อมกับโอบไปรอบๆ คอของเขา
เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฮสเทีย ‘โจมตี’ เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว วาห์นจึงประคองร่างเล็กเอาไว้ได้แบบไม่ยากเย็นนักขณะปล่อยให้เธอเอาแก้มมาถูกันอย่างสบายอารมณ์
วาห์นรู้สึกประหม่าหน่อยๆ เมื่ออยู่ในท่านี้เพราะเขาไม่รู้เลยว่าจะเอามือไปไว้ไหนจนได้แค่จับตรงสีข้างของเธอ
“…สรุปแล้วนายชอบหน้าอกใหญ่ๆ หรือแบบเล็กๆ กันล่ะ? แล้วก็เรื่องก้นอีก?” เฮสเทียเอ่ยถามราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
สมองของวาห์นหยุดทำงานไปครู่หนึ่งเมื่อต้องเจอกับคำถามยอดนิยมนี่อีกครั้งและไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพวกผู้หญิงถึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน
“ฉันก็ชอบของทุกคนนั่นแหละ เรื่องขนาดหน้าอกมันไม่สำคัญเลยนะ…” เพราะเคยตอบคำถามนี้ไปแล้ว วาห์นจึงตอบออกไปแบบเดิมๆ
เฮสเทียพยักหน้าก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิมและเซ้าซี้ถามต่อ
“แล้วเรื่องก้นล่ะ~?”
หลังจากคิดต่ออีกหน่อย วาห์นก็ตอบกลับไปอีกครั้ง
“เรื่องนั้นก็เหมือนกับคำถามข้อแรก
ฉัน… ฉันแค่คิดว่าความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนทำให้ทุกแบบดูน่าสนใจดี… ล่ะมั้งนะ?”
วาห์นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป แถมตอนนี้ในหัวของเขาก็มีแต่บั้นท้ายแบบต่างๆ ลอยไปลอยมาอยู่เต็มไปหมด
เฮสเทียไม่หยุดอยู่แค่นั้นและพยายามรุกหนักกว่าเดิม
“เห~? พูดแบบนี้หมายความว่านายอยากลองจับของฉันด้วยเหรอ~?
ฉันไม่ถือหรอกนะ… มันอาจดีกว่าแบบที่นายจับอยู่ตอนนี้ก็ได้
นี่คงไม่คิดจะดึงฉันออกทันทีที่มีโอกาสใช่ไหม~?”
มือของวาห์นกระตุกเล็กน้อยเพราะนั่นเป็นสิ่งเขาตั้งใจไว้หากเฮสเทียพยายามทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้
เขาหัวเราะแห้งๆ ขณะพยายามคิดหาข้อแก้ตัวที่ดูจะช้าไปเสียแล้ว
“วาห์นนนน-! ถ้านายอยากจับมันมาก…”
ใบหน้าแดงก่ำของเฮสเทียบ่งบอกว่าเธอกำลังดิ้นรนสุดๆ ก่อนจะพูดมันออกมาจนหมด
“…ก็จับเลยสิ!”
พอพูดจบแล้ว เฮสเทียก็ลงไปซบกับคอของวาห์นราวกับพยายามหลบหน้าเขา
วาห์นพิจารณาคำพูดของเธอไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจได้เพราะที่จริงแล้วเขาเองก็รู้สึกสนใจอยู่เหมือนกัน
ทว่าก่อนจะได้ทำอะไรลงไป เฮสเทียก็ปล่อยมือพลางหัวเราะแก้เขินและเดินไปทางห้องอาบน้ำแทน
“แหะๆ ไปอาบน้ำกันเถอะ~!
นี่เรามาเล่นอะไรกันอยู่กลางห้องโถงเนี่ย~ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
วาห์นเฝ้ามองเฮสเทียเดินออกไปแบบหุ่นยนต์และมองเห็นออร่าที่กำลังผันผวนอยู่ได้อย่างชัดเจน
เขาได้ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจสั้นๆ และเดินตามหลังเธอไป
การขาดประสบการณ์กับเพศตรงข้ามนั้นทำให้เฮสเทียมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดมาก
เธอเป็นคนที่ชอบการสัมผัสแบบ ‘ถึงเนื้อถึงตัว’ แต่จะเริ่มทำตัวไม่ถูกทันทีที่มันดูเกินเลยกว่าที่คาดเอาไว้
แม้จะรู้สึกชั่งใจอยู่บ้าง แต่วาห์นก็พอสรุปได้ว่าตัวเองต้องหนักแน่นกว่านี้… หรือไม่ก็ต้องคุมเข้มเฮสเทียในแบบที่ทีน่าเคยทำในอดีต
พอคิดได้แบบนั้นแล้ว เขาก็ก้าวเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดและต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้เห็นสิ่งที่ดูแปลกประหลาดมาก