Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 232
หลังจากพิธีสิ้นสุดลง ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เฟนเรียร์จะต้องไปอาบน้ำเพราะเฮสเทียไม่ต้องการให้เธอนำฝุ่น คราบสกปรกและคราบเลือดมาฝากไว้ที่ตัวคฤหาสน์
วาห์นอยากให้เฮสเทียจัดการเรื่องนี้คนเดียว เพราะมันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักหากเขาต้องเข้าไปด้วยทุกรอบ
ทว่ามีเรื่องๆ หนึ่งที่วาห์นมองข้ามไปเนื่องจากมันไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน
เสียงที่ดังมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงส่งผลให้เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปข้างในและเห็นเฮสเทียนั่งอยู่บนพื้นขณะกุมมือของตัวเอง
ส่วนเฟนเรียร์นั้นอยู่ห่างเธอไปเล็กน้อยในท่านั่งยองๆ และมีสีหน้าหงุดหงิด
วาห์นส่งสัญญาณให้เฟนเรียร์เดินเข้ามาหาขณะที่เขาตรวจอาการบาดเจ็บของเฮสเทียและซักถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
การตรวจสอบร่างกายของเฮสเทียยิ่งทำให้เขาสับสนหนัก เพราะนอกเหนือจากแผลช้ำขนาดเล็กที่มือแล้ว เธอก็ไม่มีบาดแผลอื่นๆ อยู่เลย
“ตอนที่ฉันถอดเสื้อเฟนเรียร์ออก จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีแรงบางอย่างเข้ามากระแทกที่มือน่ะ~!”
วาห์นหันไปมองเฟนเรียร์อย่างสงสัยซึ่งทำให้เจ้าตัวร้องบอกทันที
“เฟนเรียร์ไม่ได้ทำอะไรนะ เฟนเรียร์ไม่ได้ทำไม่ดี!”
จากการวิเคราะห์เล็กน้อยก็ทำให้วาห์นเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาลงมานั่งข้างๆ เทพตัวเล็กเพื่อรักษาแผลที่มือและเริ่มอธิบายให้เธอฟัง
“มันเหมือนกับสร้อยคอที่ฉันมอบให้เธอไง ไม่มีใครถือมันได้หากคนๆ นั้นไม่ใช่ฉันหรือคนที่ฉันมอบให้
ขอโทษนะ ฉันลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
ครั้งหน้าฉันจะหาเสื้อผ้าธรรมดาให้เธอใส่ เรื่องแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก”
ดูเหมือนเฮสเทียจะเข้าใจคำอธิบายของเขาแล้ว แต่เฟนเรียร์ยังคงรู้สึกกังวลเพราะคิดว่าตัวเองเพิ่งจะทำร้ายเฮสเทียซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งของผู้เป็นนาย
วาห์นใช้วิธีเกลี้ยกล่อมเล็กน้อยด้วยการให้ ‘ของว่าง’ ก่อนจะช่วยเธอถอดเสื้อผ้าออกจนหมด
เฮสเทียจ้องมองจากด้านข้างด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“เหมือนเด็กเล็กๆ เลยนะ…”
แม้จะพูดเบามาก แต่วาห์นก็ได้ยินและพยักหน้าก่อนพูดเสริม
“ใช่ ฉันเองก็คิดแบบนั้น… เราจะต้องสอนเธอตั้งแต่เรื่องพื้นฐานเลย
ยิ่งเรียนรู้ได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่เธอรู้สึกเครียดก็น่าจะลดลงตามไปด้วย”
วาห์นยังอธิบายเกี่ยวกับนิสัยต่างๆ ของเฟนเรียร์เช่นการหลีกเลี่ยงคนแปลกหน้าซึ่งเปรียบเสมือนดาบสองคม
มันอาจทำให้เธอไม่หลงเชื่อคนอื่นหรือโดนหลอกง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็จะทำให้เธอเข้ากับคนอื่นได้ยากขึ้นด้วย
พอมาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เฟนเรียร์ก็พยายามลากวาห์นให้เข้าไปอาบน้ำด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็เกลี้ยกล่อมให้เธอเข้าไปอาบกับเฮสเทียได้สำเร็จ
เขายังมีงานบางอย่างต้องทำและยังไงก็คงได้อาบตอนเย็นอีกรอบอยู่ดี
แม้จะมีอาการลังเลอยู่บ้าง แต่เฟนเรียร์ก็ยอมให้เฮสเทียเดินพาเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยไม่ปริปากบ่น
หลังจากที่สองสาวหายเข้าไปในนั้นแล้ว วาห์นก็ยังไม่เดินออกไปไหนเพราะต้องการรอดูให้แน่ใจก่อน
เขานั่งลงกับผนังและเริ่มใช้พลังเขตแดนเข้าตรวจสอบภายในห้องอย่างตั้งใจ
แน่นอนว่ามันไม่ได้ปรากฏออกมาเป็นภาพให้เห็น แต่เขาจะสัมผัสได้ทันทีหากมีใครสักคนรู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดเป็นพิเศษ
แม้จะมองไม่เห็นออร่าของฟาฟเนียร์กับเฟนเรียร์ แต่วาห์นก็สามารถตรวจสอบอะไรหลายๆ อย่างได้จากพลังงานที่ทั้งสองปล่อยออกมา
—
ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็เริ่มเดินกลับออกมาท่ามกลางความโล่งใจของเด็กหนุ่ม
เฟนเรียร์มีสีหน้า ‘สบายๆ’ ซึ่งต่างจากเฮสเทียที่กำลังยิ่มอย่างร่าเริง… จนกระทั่งได้เห็นว่าวาห์นยังคงยืนรออยู่ที่เดิม
รอยยิ้มร่าเริงแปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มยั่วยวนอย่างรวดเร็ว แต่วาห์นก็พูดขึ้นก่อนที่เธอจะได้เล่นอะไรแผลงๆ
“ฉันเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เฟนเรียร์แล้วนะ แต่ตอนนี้เธอคงสวมมันเองไม่ได้…”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเฮสเทียก็หมองลงเล็กน้อยขณะเฝ้ามองวาห์นสวมชุดใหม่ให้เด็กสาว
เทพตัวเล็กกัดปากด้วยความอิจฉาและพึมพำเบาๆ ว่าอยากให้มีคนมาช่วยใส่ให้บ้าง ทว่าวาห์นก็ตอบกลับแบบเรื่อยๆ ว่า ‘การใส่อาภรณ์เทพต้องมีคนช่วยด้วยเหรอ?’
เฮสเทียยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พร้อมกับเริ่มโบกกางเกงในไปมาอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเธอโดนวาห์นสับกลางหัวพร้อมกับคำเตือนว่า ‘อย่าสอนเรื่องแปลกๆ ให้เฟนเรียร์’
แม้ตอนนี้เขาจะต้องช่วยเธอสวมเสื้อผ้า แต่ถ้าวันไหนที่เธอเริ่มเลียนแบบท่าทางแปลกๆ ของคนอื่น… (TL: อย่าปล่อยให้ไปเจอไอ้เด็ก 7 คนนะ)
—————
สนับ.สนุนนิยายอย่างถูกต้องได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
ในช่วงเวลาที่เหลือของวัน วาห์นใช้มันไปกับการทำงานในโรงหลอมลับของเขา (TL: อันที่อยู่ในห้องนอน) แต่นั่นก็ต้องหลังจากที่ติดโซฟาไว้ด้านข้างเสียก่อน
ดูเหมือนเฟนเรียร์จะไม่ชอบอยู่ห่างจากเขามากนัก แถมเธอยังติดนิสัยชอบดูเขาทำงานตั้งแต่ตอนอยู่ในลูกแก้วแล้ว
วาห์นยังนำหนังสือภาพเกี่ยวกับผู้กล้าออกมาให้เฮสเทียอ่าน (ให้เฟนเรียร์ฟัง) ด้วยโดยหวังว่ามันจะทำให้เด็กสาวพูดจาได้ฉะฉานและเข้าใจง่ายกว่าเดิม
แม้อยากจะให้เธอเรียนเรื่องการเขียนตัวหนังสือเช่นกัน แต่เพราะอุ้งมือที่หยิบจับลำบากบวกกับเล็บอันแหลมคม…
อย่างดีที่สุดที่พอทำได้ก็คือสอนให้เฟนเรียร์สลักตัวอักษรลงบนพื้นแข็งๆ ซึ่งนอกจากจะได้ฝึกเขียนแล้ว เธอยังได้ฝึกสมาธิและการใช้กรงเล็บควบคู่ไปด้วย
เสื้อที่วาห์นใส่ออกไปในตอนเช้ามืดนั้นกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว (มีรู) ไปแล้ว
ถ้าสลับเอาวาห์นออกและให้คนอื่นไปเดินกับเฟนเรียร์แทนล่ะก็… คงจะสาหัสไม่น้อย
แม้จะในจดใจจ่ออยู่กับงานของตัวเอง แต่วาห์นก็ชำเลืองมองไปที่สองสาวเป็นครั้งคราวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห็นว่าพวกเธอเข้ากันได้ดีขนาดไหน
เฮสเทียนั้นเป็นเทพธิดาที่ใจดีและอ่อนโยนเหมือนที่เขาเคยจินตนาการไว้ไม่มีผิดเพี้ยน แม้จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่าอีกฝ่าย แต่เธอก็ยอมให้เฟนเรียร์มานอนหนุนตักขณะอ่านหนังสือภาพให้เด็กสาวฟังอย่างสงบ
เพื่อเป็นการป้องกันไว้อีกชั้น วาห์นยังใช้พลังเขตแดนสร้างหลุมมิติสีทองเล็กๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่องปล่อย [เอ็นคิดู] ลงมาให้เฟนเรียร์ได้เคี้ยวเล่นด้วย
สิ่งที่น่าทึ่งสุดๆ เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นก็คือการที่เฟนเรียร์ไม่เคยบ่นหิวหรือขอของกินเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นั่นทำให้วาห์นยิ่งมั่นใจว่าเธอไม่จำเป็นต้องกินเพื่อประทังความหิวแต่อย่างใด
ทว่าสำหรับเฟนเรียร์นั้น ‘การกินเพื่อคลายความเครียด’ กับ ‘การกินเพราะอยากกิน’ เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเธอก็แสดงออกมาให้เฮสเทียได้ประจักษ์ด้วยการสวาปามอาหารไปกว่า 50 กิโลกรัมในช่วงมื้อเย็น
ถึงเทพธิดาจะไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักตัว แต่เธอก็ยังรู้สึกอิจฉาเฟนเรียร์ที่สามารถกินได้เรื่อยๆ แบบไม่รู้สึกอิ่มตื้อ
เนื่องจากเฟนเรียร์หนักแค่ประมาณ 40 กิโลกรัม การที่เธอกินได้มากกว่าน้ำหนักตัวเองนั้นจึงเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง
เพราะมัวแต่วุ่นๆ เรื่อง ‘สมาชิกใหม่’ ของแฟมิเลีย นี่จึงเป็นวันแรกที่วาห์นไม่ได้แวะไป ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’
อย่างน้อยเขาก็ติดต่อซีลผ่านคัมภีร์สื่อสารเพื่ออธิบายให้เธอฟังเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่วาห์นรู้เรื่อง ‘เครือข่าย’ ของพวกสาวๆ เขาก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่ซีลรับหน้าที่เป็นตัวแทนกลุ่ม ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ แทนที่จะเป็นโคลอี้ซึ่งใกล้ชิดกับเขามากกว่า
นั่นทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือ ‘หัวเรือใหญ่’ ที่แท้จริงแถมยังมีสิทธิ์มีเสียงในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพนักงานของร้าน
พอส่งข้อความเสร็จแล้ว วาห์นก็เตรียมออกไปอาบน้ำคนเดียวแม้จะมีคนงอแงอยากตามไปอาบด้วยก็ตาม
เขาพยายามอ้างว่า ‘อาบคนเดียวในบ่อเล็กมันประหยัดกว่า’ กับ ‘คนที่อาบไปแล้วและไม่ได้ทำอะไรให้เสียเหงื่อเลยก็น่าจะต้องอาบน้ำอีกรอบ’
มันเป็นการอาบน้ำที่ให้ความรู้สึก ‘เหงา’ นิดๆ แต่วาห์นก็อยากดัดนิสัยของเฮสเทียเสียบ้างพร้อมกับป้องกันไม่ให้เฟนเรียร์นิสัยเสียตามเธอไปอีกคนด้วย
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเดี๋ยวตัวเองก็คงใจอ่อน แต่เขาอยากให้มันเป็น ‘กรณีพิเศษ’ ไม่ใช่ ‘เรื่องปกติ’ ที่ทำกันเป็นประจำ
เทพตัวเล็กนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก แต่ครั้งนี้ชัยชนะกลับตกเป็นของวาห์นเมื่อเขาอ้างว่าเธอกำลังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเฟนเรียร์
เพราะมีแนวโน้มว่าเธอจะได้เป็น ‘หัวหน้าผู้ดูแล’ ของเฟนเรียร์ในอนาคต เฮสเทียก็เลยดิ้นต่อไม่ได้และต้องยอมถอยทัพกลับห้องโดย ‘บ่น’ ให้เฟนเรียร์ฟังไปตลอดทางว่าวาห์นนั้น ‘ใจร้าย’ กับเธอแค่ไหน
พอเฟนเรียร์เริ่มเถียงเข้าข้างวาห์น เฮสเทียก็เลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ ขณะที่ทั้งสองเดินจากไป
หลังอาบน้ำเสร็จ วาห์นก็กลับมาที่ห้องนอนและเห็นว่าเฮสเทียกำลังอ่านหนังสือภาพให้เฟนเรียร์ฟังอีกครั้ง… แต่คราวนี้เด็กสาวกลับนอนหนุนหน้าอกของเทพตัวเล็กแทนการหนุนตัก
เนื่องจากเธอกำลังเล็มแท่งโลหะเวทมนตร์ที่เขาทิ้งไว้ให้ราวกับกระต่ายกินแครอท วาห์นจึงได้แต่สำลักความน่ารักแบบเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว
พอทั้งคู่เห็นวาห์นเข้ามา เฮสเทียก็ปิดหนังสือลงในขณะที่เฟนเรียร์กลิ้งตัวออกจากเตียงและโยนแท่งโลหะที่เหลือใส่ปากก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา
เธอแหงนหน้ามองผู้เป็นนายและเอ่ยถามราวกับถูกใครบางคนซักซ้อมมาเป็นอย่างดี
“เจ้านาย นวดๆ! นวดแสนสุดยอด!?”
วาห์นเหลือบมอง ‘ตัวต้นเหตุ’ ที่กำลังพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่
หลังจากหรี่ตามองอยู่พักหนึ่ง เขาก็หันกลับมาแบบยิ้มๆ และลูบหัวของเฟนเรียร์
“ได้สิ แต่เราต้องหาที่นอนให้เธอก่อนนะ”
เพราะเธอนอนเล่นอยู่บนเตียงกับเฮสเทียมาพักหนึ่งแล้ว เฟนเรียจึงชี้ไปที่เตียงทันที
“เฟนเรียร์นอนนี่!”
ที่จริงวาห์นเองก็อยากเห็นด้วยกับเธอ ทว่ามีปัญหาใหญ่อยู่ข้อหนึ่งที่ต้องจัดการกันก่อน
เขาค่อยๆ จับอุ้งมือของเธอขึ้นมาบีบซึ่งทำให้กรงเล็บแหลมคมยื่นออกมาทันที
กรงเล็บของเฟนเรียร์นั้นยาวกว่าที่เห็นตอนปกติมาก และเธอก็ไม่สามารถเก็บพวกมันเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย
หากเธอเผลอแกว่งมันมาโดนเขาหรือเฮสเทียในขณะที่นอนอยู่… คงเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
วาห์นพยายามอธิบายเรื่องนี้ให้เด็กสาวฟังอย่างช้าๆ และชี้ให้เธอดูส่วนของผ้าปูที่ขาดไปบ้างแล้ว
ภายใต้ความหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้น จู่ๆ เฟนเรียร์ก็พยายามทำบางที่วาห์นไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เธอยกอุ้งมือขึ้นมาที่ปากก่อนจะพยายามกัดเล็บออกและดูเหมือนจะทำสำเร็จเสียด้วย
วาห์นรีบเข้ามากุมอุ้งมือเล็กๆ ไว้ก่อนจะสั่งให้เฟนเรียร์นั่งนิ่งๆ และเริ่มทำการรักษาทันที
เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่ออีกครั้งเพราะรอบนี้เธอกลับต่อต้านตำสั่งและพยายามดึงมือออกไป
วาห์นต้องรั้งมือนั่นไว้ ใช้พลังเข้ารักษาแผล และพูดจาเกลี้ยกล่อมโดยมีเฮสเทียคอยช่วยอยู่ข้างๆ
จากความห่วงใยที่วาห์นกับเฮสเทียแสดงให้เธอเห็นมาตลอดทั้งวัน สุดท้ายเฟนเรียร์ก็เลิกดิ้นและยอมให้ทั้งคู่ทำตามใจชอบ
ดูเหมือนเฟนเรียร์เองก็มีอัตราการฟื้นฟูที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะในอีก 20 นาทีต่อมา กรงเล็บของเธอก็กลับคืนสู่สภาพปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วาห์นยังค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าพวกมันดูแหลมคมกว่าเดิมมาก
เรื่องนอนร่วมกับคนอื่นเป็นสิ่งที่เฟนเรียร์รู้สึกเฉยๆ ในตอนแรก แต่การได้นอนเล่นกับเฮสเทียอยู่พักหนึ่งนั้นได้เปลี่ยนความคิดของเธอไปอย่างรวดเร็ว
วาห์นพอจะคิดอะไรออกแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเด็กสาวต้องไม่ชอบความคิดนี้แน่ๆ
เขาบอกให้เฟนเรียร์ประกบอุ้งมือเขาหากันโดยให้กรงเล็บซ้อนเข้ากับช่องว่างระหว่างนิ้ว
เด็กสาวไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยเพราะดูเหมือนร่างกายของเธอจะสามารถต้านคุณสมบัติของกรงเล็บได้
“ทางเดียวที่รับประกันได้ว่าเล็บของเธอจะไม่มาทำร้ายคนอื่นตอนนอนก็คือ… ต้องมัดมันไว้ด้วยกัน” สุดท้ายวาห์นก็ต้องอธิบายออกมาแบบตรงๆ
เฟนเรียร์ขมวดคิ้วหนักหลังได้ยินแบบนั้น แต่วาห์นก็อธิบายต่อก่อนจะนำสายรัดหนังคุณภาพต่ำออกมาวางไว้บนมือ
เขาแสดงให้ดูแบบชัดๆ เลยว่าหากใส่แรงเข้าไปเล็กน้อย เธอก็สามารถดึงให้มันหลุดออกจากกันได้ไม่ยาก
วาห์นอยากให้เฟนเรียร์เข้าใจว่านี่ไม่ใช่เครื่องพันธนาการ แต่เป็นเครื่องมือช่วยฝึกให้เธอสามารถนอนร่วมกับคนอื่นได้
แม้จะลังเลอยู่บ้าง แต่เฟนเรียร์ก็พยักหน้าและยอมให้วาห์นมัดอุ้งมือของเธอเอาไว้
ราวกับอยากจะยืนยันด้วยตัวเอง เฟนเรียร์พยายามออกแรงดูบ้างซึ่งก็ทำให้สายรัดหลุดออกแบบเดียวกับที่วาห์นแสดงให้ดู
ด้วยอารรมณ์ที่ดีขึ้นมาบ้าง เธอยอมให้วาห์นมัดอุ้งมืออีกครั้งโดยไม่แสดงท่าทีต่อต้าน
เมื่อมันเข้าที่แล้ว เฟนเรียร์ก็ลองส่ายแขนไปมาเป็นรอบสุดท้ายก่อนที่ทั้งสามจะคลานขึ้นไปบนเตียง
วาห์นสังเกตเห็นว่ากรงเล็บที่เท้าเองก็อาจสร้างปัญหาได้เช่นกัน แต่อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้แหลมคมเท่ากับอันที่อยู่ตรงมือ
สาเหตุน่าจะมาจากการที่พวกโคโบลด์นั้นใช้ขาหน้าโจมตีเป็นหลัก ส่วนขาหลังจะใช้สำหรับเคลื่อนที่และทรงตัวเท่านั้น
เขาได้แต่หวังว่าเธอจะควบคุมพวกมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่เผลอไปทำร้ายใครเข้าก่อนที่วันนั้นจะมาถึง
หลังจบปัญหาไปอีกหนึ่งเรื่อง วาห์นก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้โดยเริ่มนวดให้กับเฮสเทียก่อนเป็นคนแรก
เฟนเรียร์เป็นคนที่สองที่แสดงปฏิกิริยาหลังการนวดได้อย่าง ‘ถูกต้อง’ จนวาห์นยืนยันได้แล้วว่าปฏิกิริยาประหลาดของสาวๆ คนอื่นเกิดจากการที่พวกเธอกำลัง ‘เครื่องติด’ ในระหว่างที่ถูกนวด
เฮสเทียยังขาดทั้งประสบการณ์จริง ความเข้าใจ และอารมณ์ในเรื่องของเพศสัมพันธ์อีกเยอะ
แม้จะยั่วเขาได้เก่งขึ้นมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอก็เป็นได้แค่ ‘เสือกระดาษ’ เท่านั้นเอง
ส่วนเฟนเรียร์นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเรื่องอย่างว่านั้นไม่เคยปรากฏอยู่บนสมองของเธอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
วาห์นสังเกตเห็นว่าดวงตาของดูเธอสงบนิ่งราวกับบ่อน้ำสีแดงก่อนที่มันจะหายลับไปพร้อมกับสติของเจ้าตัว
เขาค่อยๆ ลูบหัวของทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มตัวลงไปนอนเช่นกัน