Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 240
เมื่อวาห์นเข้ามาในออนเซ็น ริวก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเขาดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว
เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องให้กำลังใจเท่าไหร่เลย ริวจึงรู้สึกโล่งอกที่เขาจัดการกับปัญหาในใจได้เอง
อาจจะไม่ถึงขั้น ‘มั่นใจเกินร้อย’ แต่ทุกย่างก้าวของวาห์นนั้นไม่มี ‘ความลังเล’ ให้เห็นอีก
“ดีใจนะที่เห็นนายกลับมาเป็นปกติ” ริวพูดแบบยิ้มๆ
วาห์นส่ายหัวแทนคำตอบจนริวถึงกับชะงัก แต่แล้วเขาก็พูดขึ้น
“จะรังเกียจไหมถ้าฉันอาสาล้างตัวให้?”
สมองของริวหยุดทำงานไปครู่หนึ่งโดยที่ยังคงสีหน้าไว้แบบเดิม
เธอเอียงหัวอย่างสงสัยขณะพูดต่อ
“สรุปว่ายังไม่หายเป็นปกติสินะ?”
วาห์นหัวเราะเมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่ค่อยมันใจของอีกฝ่าย
“ฉันเพิ่งจะรู้ตัวนี่แหละว่าช่วงนี้กดดันตัวเองหนักไปจริงๆ
ฉันทำผิดต่อหลายๆ คน… ผิดจนบางครั้งก็ไม่น่าให้อภัย
ต่อไปฉันจะค่อยๆ พัฒนาตัวเองที่ละนิดและเก็บประสบการณ์ให้มากขึ้น จะได้ทำผิดพลาดน้อยลง”
ริวจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มแบบนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มและยืนขึ้นจากบ่อออนเซ็น
เรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอนั้นได้กลายเป็นสีอมชมพูจากความร้อนของน้ำ
วาห์นบอกได้เลยว่าริวไม่ได้รู้สึกเขินอายเท่าไหร่ เพราะออร่ากับสีหน้าของเธอไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไปเลย
“ร่างกายของฉันมันน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” ริวพูดพลางกุมมือไว้กับหน้าท้อง
วาห์นจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าและตอบไปตามตรง
“อื้ม เป็นแบบนั้นตั้งแต่ที่เราเจอกันตรั้งแรกแล้วล่ะ
อาจฟังดูแปลกๆ แต่มันน่าดึงดูดมากเลย
ฉันอยากจะเรียนรู้ให้มากกว่านี้ ทั้งร่างกายของเธอ… รวมไปถึงเธอด้วยนะ… ริว”
คล้ายกับตอนที่ริวเรียกชื่อเพื่อดึงสติของเขากลับมา วาห์นเองก็กำลังทำแบบเดียวกัน
ดวงตาของเอลฟ์สาวหรี่เล็กลงก่อนจะเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มจนถึงระยะหนึ่งช่วงแขน
และเนื่องจากวาห์นกำลังนั่งแช่น้ำในบ่อ สิ่งที่มาอยู่ต่อหน้าเขาพอดีก็คือสวนหย่อมสีทองอร่ามที่ส่งกลิ่นหอมราวกับน้ำหวาน
ริวยิ้มกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยขณะเอียงหัวและเอ่ยถามต่อ
“แบบนี้เรียนรู้เรื่องไหม?”
สีหน้าของริวยังคงนิ่งเหมือนเดิม แต่ระบบก็แจ้งให้วาห์นทราบว่าค่าความชื่นชอบของเธอได้ขยับขึ้นมาจาก 95 เป็น 96 แล้ว แถมออร่าก็เริ่มมีสีชมพูขึ้นมาให้เห็นบ้าง
วาห์นยังคงยิ้มสู้และเปลี่ยนไปจ้องใบหน้าของเธอแทน
“ดวงตาของเธอ… ช่างดูราวกับท้องฟ้าในวันที่แสงแดดสาดส่องไปทั่ว
ลมหายใจของเธอ… เปรียบเสมือนสายลมอ่อนๆ ที่ทำให้จิตวิญญาณสงบลง”
วาห์นรู้สึกว่ามันฟังดูเห่ยมาก แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะ ‘เอ่ยชม’ เธอตามธรรมเนียมของชาวเอลฟ์
(TL: มาถามคนแปลนี่ว่าตอนแปลรู้สึกยังไง XD)
พอพูดถึงวรรคจบ เขาก็ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน…
ริวผู้ที่มีสีหน้านิ่งเฉยมาตลอดเริ่มเอามือปิดปากและพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่
นี่อาจจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หวังไว้ แต่มันก็ทำให้วาห์นรู้สึกดีที่ความพยายามไม่เสียเปล่าไปซะหมด
ริวเลือกที่จะพูดอย่างอื่นแทนการติชม ‘ความพยายาม’ ของเขา
“มาช่วยอาบก็ได้… แต่ต้องเบามือด้วยล่ะ”
แม้จะเข้าใจว่าเธอคงไม่ได้พูดเป็นนัยหรือแฝงความหมายอื่น แต่วาห์นก็ต้องกลืนน้ำอึกใหญ่ขณะหยิบฟองน้ำและยืนขึ้นจากออนเซ็น
ริวเองก็สูงประมาณ 165 ซม. ซึ่งทำให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกันขณะที่วาห์นเริ่มใช้ฟองน้ำขัดตัวเธออย่างทนุถนอม
จริงอยู่ที่ริวอนุญาตให้เขามองได้ แต่วาห์นก็พยายามเพ่งสมาธิไปยังมือที่ถือฟองน้ำและการตอบสนองของเธอแทน
ตั้งแต่ที่วาห์นรู้สึกชินกับการนวด เขาก็จะเข้าสู่สภาวะ ‘จริงจัง’ ทันทีที่เริ่มใช้มือสัมผัวเรือนร่างของพวกสาวๆ
—————
สนับสนุนนิยายอย่างถูกต้องได้.ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
ขณะที่เขากำลังใช้สมาธิอย่าหนัก ริวเองก็จ้องมองมาอย่างเงียบๆ ด้วยความสนใจ
ถึงจะเป็นฝ่ายออกปากเอง แต่ริวก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจนักที่ปล่อยให้เขาสัมผัสร่างกายได้ตามใจชอบ
ริวเริ่มเปิดใจตั้งแต่ตอนที่วาห์น ‘จัดคอร์สนวด’ ให้แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ง่ายขึ้นเท่าไหร่เลย
วาห์นกำลังขัดตัวให้เธออย่างจริงจังและใส่ใจในทุกการกระทำของตัวเอง
เขาไม่ได้ละลาบละล้วงจนเกินขอบเขตและไม่ได้เน้นย้ำตรงจุดที่ละเอียดอ่อน การเคลื่อนไหวของเขาขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเธอแทบทั้งสิ้น
ความไม่มั่นใจของริวค่อยๆ ละลายหายไปกับน้ำร้อนขณะที่เธอปล่อยให้วาห์นเป็นฝ่ายจัดการทุกอย่าง
วาห์นสังเกตเห็นว่าออร่าสีชมพูของริวนั้นดูแจ่มชัดยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่เจ้าตัวเองก็หลับตาพริ้มไปแล้ว
แม้จะมีสีชมพูเข้มขึ้นแต่สภาพของออร่ากลับดูนิ่งสงบ นั่นหมายความว่าเธอคงกำลังผ่อนคลายถึงขีดสุด
วาห์นเผยรอยยิ้มเล็กๆ และอาบน้ำให้ริวต่อไปโดยไม่คิดที่จะทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเธอ
เพราะพวกเขารู้จักกันพอสมควรแล้ว วาห์นรู้ดีว่าริวหวาดกลัวเรื่องการถูกสัมผัสมากแค่ไหน
การที่เธอยอมปล่อยตัวขนาดนี้นั้นทำให้วาห์นรู้สึกดีใจมาก… มากจนความรู้สึกด้านลบที่หลงเหลืออยู่ในใจต้องล่าถอยออกไปก่อน ราวกับว่าพวกมันไม่เคยมีอยู่จริงและเป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาคิดไปเอง
หลังจากทำเกือบเสร็จแล้ว วาห์นก็หันไปให้ความสนใจกับร่างกายส่วนหนึ่งที่เขาสงสัยมานานแล้ว
แต่แทนที่จะลงมือขจัดความสงสัยทันที เขากลับเอ่ยถามเพื่อขออนุญาตเธอก่อน
“…ฉันขอจับหูเธอได้หรือเปล่า?” (TL: ผิดคาดล่ะสิ)
ดวงตาของริวที่ปิดมาพักใหญ่ๆ เริ่มเปิดออกและหันมาจ้องวาห์นทันที
สำหรับเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ หูของพวกเธอนั้นอ่อนไหวมาก
มีเพียงคนรักกับสมาชิกในครอบครัวที่สนิทมากเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสมัน
วาห์นอาจไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ริวก็เข้าใจดีว่าเขากำลังพยายาม ‘รุกคืบ’ โดยปล่อยให้เธอเป็นคนตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือจะหยุดอยู่แค่นี้
สายตาของริวเผลอไปสบเข้ากับดวงตาสีน้ำทะเลโดยไม่ตั้งใจ สิ่งที่เธอเห็นก็คือดวงตาใสซื่อและไร้ซึ่งเจตนาแอบแฝง…
ริวอยากรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว แต่เธอก็หักห้ามใจไว้เพราะนิสัยเชื่อคนยากของตัวเองบวกกับความชอกช้ำในอดีต…
หลังจากดูจนแน่ใจแล้วว่าดวงตาของวาห์นไม่ได้ ‘โกหก’ เธอก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
“ก็เอาสิ… วาห์น”
พอได้ยินเธอเรียกเขาด้วยชื่อ วาห์นจึงพยักหน้าพลางถูสบู่ที่มือก่อนจะยื่นมันออกมาข้างหน้า… และสัมผัสกับใบหูเรียวบางอย่างเบามือที่สุด
ริวอาจจะเก่งเรื่องการควบคุมสีหน้าตัวเอง แต่การห้ามไม่ให้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงนี่มันคนละเรื่องกันเลย
แต่ละครั้งที่นิ้วมือของวาห์นถูเข้ากับใบหู ใบหน้าของริวก็จะยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ จนมันลามออกไปถึงจุดที่โดนสัมผัส
ความพยายามอดกลั้นของเธอยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปอีก
“…เธอจะทำตัวน่ารักไปถึงไหน นี่ใจฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
ราวกับต้องการพิสูจน์ในสิ่งที่พูด วาห์นใช้มืออีกข้างจับมือริวขึ้นมาและนำมันไปแนบกับแผงอกของตัวเอง
เป็นอย่างที่พูดเลย หัวใจของวาห์นนั้นเต้นเร็วและแรงมาก
ริวพยายามเพ่งสมาธิไปยังสัมผัสตรงฝ่ามือและทำให้ความแดงที่ใบหูค่อยๆ ลดลงทีละนิด
เธออยากจะคว้ามือของเขามาแนบกับอกของตัวเองอยู่เหมือนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่าหัวใจของใครเต้นแรงกว่า
แต่เธอก็รู้ว่าคนที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แบบวาห์นน่าจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโน้มตัวไปข้างหน้าและนำศีรษะมาพิงไว้กับแผงอกของเขาแทน
สำหรับเอลฟ์นั้นไม่มีอะไรที่เป็นการแสดงความใกล้ชิดได้มากไปกว่ายอมให้อีกฝ่ายสัมผัสหูอีกแล้ว วาห์นเลยสรุปเอาเองว่าตอนนี้หากจะหยิบจับอะไรตรงไหนก็คงไม่มีปัญหา
เขาวางมือทั้งสองข้างลงบนหัวไหล่ของริว ก่อนจะเริ่มไล่มันไปตามแผ่นหลังเล็กๆ
เพราะไม่แน่ใจว่าริว ‘ขีดเส้น’ ไว้ตรงไหน วาห์นเลยเลือกที่จะโอบกอดร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าจนกว่าเธอจะสงบลง
เขาไม่มีทางรู้เลยว่าได้ ‘พลาดโอกาส’ ไปแล้ว แต่ที่รู้และสัมผัสได้แน่ๆ ก็คือเสียงหัวใจที่เต้นดังมาก เผลอๆ อาจจะดังกว่าของตัวเองอีก
เมื่อริวเริ่มสงบลง เธอก็ลงไปนั่งแช่น้ำอยู่ 2-3 นาทีก่อนจะหันมาล้างตัวให้วาห์นบ้าง
วาห์นไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะรู้สึกเขินอายอะไรนัก แต่เขาก็ต้องแปลกใจอยู่ดี เพราะท่าทางของริวนั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอ ‘โอเค’
เอลฟ์สาวเริ่มทำความสะอาดแบบ ‘ครบทุกซอกทุกมุม’ ไม่เว้นแม้กระทั่งอาวุธคู่ใจของเขา
วาห์นไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าทำไม แต่เขากลับรู้สึกโล่งอกที่เธอไม่ได้ทำท่า ‘ตกใจ’ เหมือนกับคนอื่นๆ ราวกับว่ากำแพงระหว่างทั้งสองได้พลังทลายลงไปหมดแล้ว
หลังจากที่วาห์นลงไปแช่น้ำ ริวก็ขยับมานั่งข้างๆ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงบนหัวไหล่ของเขา
ถึงจะไม่เร่าร้อนแบบตอนล้างตัวให้กัน แต่มันก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่เมื่อเทียบกับพฤติกรรมที่ผ่านมาของเธอ
เพื่อเป็นการตอบสนอง วาห์นจึงนำแขนไปโอบรอบสะโพกของริวแบบหลวมๆ ขณะที่ต่างผ่ายต่างเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอบอุ่น
เมื่อถึงเวลาแต่งตัว ริวสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่มีกระดุมอยู่ด้านหน้า
เนื่องจากเธอไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเพราะยังไม่ได้แวะไปที่ห้อง ริวก็เลยสวมเสื้อที่วาห์นซื้อเก็บไว้ตอนออกไป ‘เดตกลุ่ม’
ภาพที่เอลฟ์สาวผู้งดงามสวมเสื้อตัวหลวมโคร่งนั้นทำให้หัวใจของวาห์นเต้นเร็วขึ้นและเผลอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ริวทำหน้าสงสัยขณะยกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย
“ชอบแบบนี้เหรอ?”
วาห์นพ่นลมออกทางจมูกและพยายามไม่หัวเราะออกมา
“มันก็ดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะ เพราะฉันไม่เคยเห็นเธอใส่อะไรแบบนี้มาก่อน
เห็นแล้วอธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกัน ดูๆ ไปมันก็… เย้ายวนดีมั้ง?”
ราวกับต้องการหยอกล้อเด็กหนุ่มเพิ่ม ริวค่อยๆ ยกชายเสื้อขึ้นอีกหน่อยและทำให้วาห์นรู้ว่าเธอกำลังสวมแค่เสื้อ ‘เพียงชิ้นเดียว’
แน่นอนว่าริวคงไม่เอาชั้นในตัวเก่าขึ้นมาใส่อีกรอบ และวาห์นก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
ผลลัพธ์ก็คือ ‘โล่งโจ้ง’ อย่างที่เห็น
“…ขอดูก่อนนะว่ามีเก็บไว้หรือเปล่า”
“ช่างเถอะ ไว้ไปใส่ที่ห้องก็ได้”
หากไม่นับวาห์นแล้ว ผู้อยู่อาศัยทุกคนล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น
ต่อให้ต้องเดินกลับห้องแบบไม่ใส่อะไรเลย ริวก็คงจะรู้สึกเหมือนเดิม
เธอได้ ‘เปิดเผย’ ทุกอย่างต่อหน้าวาห์นหมดแล้วและยอมให้เขาจับต้องด้วย
ถ้าวาห์นอยากจะดูหรือจับต่อ ริวก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายตรงไหนเลย