Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 71
(TL: ในตอนนี้จะมีข้อมูลอยู่บ้างสำหรับผู้อ่านที่หูไวตาไวครับ~)
ขณะที่เฮเฟสตัสกำลังคุยเรื่องฉายากับวาห์น เหล่าทวยเทพทั้งหลายในเมืองเองก็กำลังทำเรื่องที่คล้ายๆ กัน
เทพส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยชอบซุบซิบกันอยู่แล้ว และเรื่องที่เกี่ยวกับการปรากฏตัวของผู้มีพรสวรรค์กับข่าวลือที่เกี่ยวข้องกันนั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งที่หลายๆ องค์สนใจมาก
เหล่าเทพต่างแจ้งเรื่องฉายาและข้อมูลน่าสนใจต่างๆ ของเจ้าของชื่อให้กับแฟมิเลียของตนฟังในทันที
แม้ว่าฉายาของผู้ที่มีเลเวล 2 จะไม่เป็นที่สนใจมากนัก แต่ก็มีหลายคนที่ประหลาดใจกับข้อมูลของบุคคลที่มีฉายาว่า ‘วัลแคน’
หลังจากที่ผู้คนได้รับรู้ความสำเร็จของวาห์นภายใต้เฮเฟสตัสแฟมิเลีย และการที่เขาสามารถต่อสู้กับนักผจญภัยที่มีเลเวลเท่ากันได้ทั้งปาร์ตี้
ข่าวลือมากมายก็เริ่มแพร่กระจายออกไปผ่านร้านเหล้าและผู้คนภายในเมือง
ในบาร์และผับที่ดูเถื่อนๆ หน่อย บางคนได้เริ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเร็วในการเติบโตและการเลื่อนอันดับของนักผจญภัยมือใหม่แบบวาห์น
มีหลายคนเชื่อว่าเขาได้รับการประเมินอย่างไม่เป็นธรรมเนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับเฮเฟสตัส ในขณะที่คนอื่นรู้สึกอิจฉาเขาล้วนๆ
จากที่พวกเขารู้มา วาห์นเพิ่งจะมาอยู่ในเมืองได้ไม่ถึง 2 เดือนเลย
ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้เข้าร่วมหนึ่งในแฟมิเลียสามอันดับแรกและถึงขนาดกลายมาเป็นลูกศิษย์ของเทพธิดาและกัปตันของแฟมิเลีย
บางคนในหมู่พวกเขาถึงขนาดตั้งใจว่าจะไปสั่งสอน ‘บทเรียน’ ให้เด็กคนนั้นสักหน่อยหากมีโอกาส
ไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกแบบนั้นกับการปรากฏตัวของดาวรุ่งคนใหม่
ภายในแฟมิเลียขนาดใหญ่บางแห่งกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในกลุ่มสมาชิก
หลังจากได้ยินเกี่ยวกับการกระทำอย่าง ‘กล้าหาญ’ ของเด็กหนุ่มคนนี้ หลายคนต่างตั้งตารอที่จะสร้างความสัมพันธ์กับวาห์นในอนาคต
แม้ว่าคนส่วนใหญ่มักจะช่วยเหลือผู้อื่นในเวลาคับขัน แต่ก็มีนักผจญภัยจำนวนไม่น้อยที่มีนิสัยเห็นแก่ตัวและหากไม่ใช่สมาชิกในแฟมิเลียเดียวกัน คนส่วนใหญ่ก็คงไม่อยากจะลากตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
สำหรับบางคน พอได้ยินว่าเด็กคนนั้น ‘หล่อเหลา’ ขนาดไหน พวกเขาก็เริ่มวางแผนเพื่อพยายามเข้าใกล้วาห์นทันที
มีหลายคนในกลุ่มนั้นที่ต้องการเจอเด็กหนุ่มที่เป็นดั่ง ‘วีรบุรุษ’ และมีหน้าตา ‘หล่อเหลา’ เพื่อที่พวกเขาจะได้ทิ้งความรู้สึกดีๆ ให้กับอีกฝ่าย
ถ้าหากพวกเขาโชคดี บางทีอาจจะถึงขั้นได้เกาะดาวรุ่งคนนี้และรับผลประโยชน์หรือชื่อเสียงไปด้วยก็ได้
ยังมีเรื่องที่วาห์นอยู่ในความดูแลของเฮเฟสตัสซึ่งมันอาจทำให้พวกเขาได้เข้าถึงช่างตีเหล็กที่ฝีมือดีที่สุดในเมืองแบบตรงๆ!
ไม่ใช่หญิงสาวทุกคนที่จะวางแผนเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียว
บางคนเองก็รู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้พบกับวีรบุรุษตัวจริงที่อาจปรากฏตัวขึ้นและช่วยหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
มันเป็นความฝันของหญิงสาวหลายคนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าชายรูปงาม และสำหรับหลายๆ คนแล้ว วาห์นจึงกลายเป็นเต็งหนึ่งที่ได้รับเลือกให้เป็น ‘ผู้ช่วยชีวิต’ ของพวกเธอ
หญิงสาวบางคนถึงขนาดเริ่มจินตนาการและฝันว่าวาห์นได้ปรากฏตัวขึ้นขณะที่ตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจนกระทั่งได้เขาเข้ามาปกป้องจากการโจมตีของฝูงมอนสเตอร์
มีหญิงสาวคนหนึ่งที่หมายมั่นว่าจะต้องเข้าพบวาห์นเป็นการส่วนตัวให้ได้
เธอรู้สึกตื่นเต้นจนถึงขั้นวิ่งรอบแฟมิเลียตัวเองและยังโอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของวาห์นจนเกือบจะเหมือนว่าเป็นความสำเร็จของเธอเอง
พรรคพวกหลายคนของเธอถึงกับต้องถอนหายใจ แต่บางคนก็เต็มใจที่จะติดตามเธอไปพบกับวีรบุรุษที่พวกเธอเองก็อยากเจออยู่นิดๆ เช่นกัน
พวกเธออยากพบกับเด็กหนุ่มที่กลายเป็นหัวข้อในการพูดคุยไปทั่วทั้งเมืองแล้ว
—
บนชั้นที่ 32 ของหอคอยบาเบล ภายในห้องพักของเหล่าทวยเทพที่มางานนั้นมีสองเทพชายหญิงกำลังนั่งอยู่รอบโต๊ะกลม
เทพหนุ่มรู้สึกโมโหอย่างมากและทำแก้วไวน์แตกไปหลายใบพร้อมกับบ่นให้สหายร่วมโต๊ะฟัง
เทพสาวยังคงฟังเขาพูดจาไร้สาระเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า ‘วาห์น’ และเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการสนทนานี้
ท้ายสุดแล้ว หูที่มีรูปทรงแหลมๆ ของเทพธิดาก็สั่นไหวขณะที่เธอขัดจังหวะการพูดอันยืดยาวของเขา
“ฉันเบื่อที่จะฟังนายบนเรื่องเด็กคนนั้นแล้ว นายไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปโทษเขาเพียงเพราะของเล่นของนายถูกเทพจิ้งจอกนั่นทำพัง”
เทพองค์นั้นรู้สึกโมโหขึ้นกว่าเดิมหลังจากได้ยินน้ำเสียงตำหนิของเทพสาว
“พอได้แล้ว! อย่าพูดถึงยัยเฟรย่านั่นอีกแม้แต่ทำเดียว! ด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นั้น… เธอกล้าดียังไงถึงมาสังหารเด็กของฉัน!?”
เทพหนุ่มขว้างแก้วที่เต็มไปด้วยไวน์ใส่กำแพงที่อยู่ใกล้เคียงจนมันหกเลอะพรมหมดเลย
เมื่อเห็นว่าสหายทำไวน์หกในห้องของเธออีกรอบแล้ว เทพสาวก็ยืนขึ้นก่อนจะเดินไปทางประตู
“ฉันเหนื่อยที่จะฟังคำพูดไร้สาระของนายแล้ว ตอนที่นายชวนฉันมาที่เมืองนี้ ไม่เคยคิดเลยว่ามันเป็นเพราะนายจีบหญิงไม่ติด และฉันไม่สนใจที่จะช่วยนายจัดการกับเด็กที่ไม่เคยทำอะไรให้นายหรอกนะ”
เธอกำลังจะให้พนักงานเข้ามาทำความสะอาดพรมและย้ายไปอยู่ห้องอื่น
เทพคนนั้นมึนไปชั่วครู่ก่อนจะตะโกนออกมา
“เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่เพราะเฟรย่าที่ทำให้ฉันอยากจะจัดการกับเด็กนั่นหรอกนะ เหตุผลที่เรียกเธอมานี่มันคนละเรื่องกันเลย และฉันเชื่อว่าเธอคงอยากรู้ว่าทำไมฉันถึงให้เธอมาที่นี่ก่อนจะต้องมาอธิบายให้เธอฟังด้วยตัวเอง”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เทพสาวก็หยุดลงขณะที่ใบหูของเธอตั้งขึ้นก่อนจะหันกลับมาราวกับรอให้เขาพูดต่อ
“ฉันเห็นมากับตาตัวเองแล้ว เด็กคนนั้นไม่มีดวงวิญญาณ หรือไม่ก็มีบางอย่างที่ใช้ซ่อนมันอยู่ มีเพียงอย่างเดียวที่ฉันสัมผัสได้ก็คือพลังงานมหาศาลที่อยู่ในตัวเด็กคนนั้น ซึ่งแม้แต่ฉันเองก็ไม่สามารถยืนยันที่มาของพลังนั่นได้”
เทพหนุ่มยังคงกล่าวต่อไปขณะที่ความบ้าคลั่งเริ่มปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ความผิดปกติแบบนั้นไม่สมควรถูกปล่อยให้เดินเพ่นพ่านตามอำเภอใจ นอกเสียจากพวกเขาจะรู้ว่าเด็กคนนั้นคืออะไรกันแน่
“ไม่มีดวงวิญญาณงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้! เฮเฟสตัสผู้ครอบครอง ‘นัยน์ตาเทพ’ จะต้องสังเกตเห็นมันและทำอะไรบางอย่างไปแล้วสิ”
เทพสาวส่ายหัวของตนด้วยความไม่เชื่อ แต่สหายของเธอกลับตะโกนค้านเธอ
“เธอไม่เห็นเหรอ! ว่าทำไมเฮเฟสตัสถึงต้องปกป้องเขาขนาดนั้น! เธอกำลังพยายามปกปิดบางอย่างและไม่ต้องการให้ใครมารู้เข้า มันเป็น ‘หน้าที่’ ของเราที่จะต้องหาสาเหตุและหากพบว่าเขาไม่มีดวงวิญญาณอยู่จริงๆ เราก็จะต้องกำจัดเขาเพื่อป้องกันไม่ให้วัฏจักรต้องแปดเปื้อน”
เทพสาวคิดไตร่ตรองคำพูดของเขา
แม้เธอจะบอกได้ว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเด็กหนุ่มนั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อสิ่งที่เขาบอกได้
และหากมันเป็นเรื่องจริง ในฐานะเทพธิดาผู้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เธอไม่สามารถปล่อยให้สิ่งผิดปกติอยู่ต่อไปได้อย่างอิสระ
เธอถอนหายใจก่อนจะมองไปที่เทพองค์นั้นด้วยความรังเกียจ
“นายมีแผนอะไร?”
เทพองค์นั้นยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำถามของเทพสาว ด้วยการสนับสนุนของเธอ เขาจะสามารถกำจัดเด็กนั่นและแก้แค้นเฟรย่าได้อย่างแน่นอน
เขาอยากจะเห็นใบหน้าของเฟรย่าตอนที่เขาเผยนิสัยที่แท้จริงของเด็กที่ชื่อว่า ‘วาห์น’ และส่งหัวของเด็กนั่นให้กับเธอ
เพราะเธอไม่ยอมมาเป็นของเขา เขาก็จะทำลายสิ่งที่เธอให้ความสนใจแทน
—
ขณะนั้นเฟรย่าเองก็กำลังพูดกับแฟมิเลียของเธอเช่นกัน
เธอบอกให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับข้อตกลงที่เธอทำไว้กับเฮเฟสตัสและสั่งให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับวาห์นโดยตรง
แต่ถ้าหากวาห์นมาเข้าหาเอง พวกเขาจะต้องสานสัมพันธ์อันดีกับเด็กหนุ่มให้ถึงที่สุด
เธอบอกให้พวกเขาเข้าใจว่าต้องไม่ไปล่อลวงเขาให้มาหาเธอ แต่ให้พวกเขาทำตัวปกติโดยยึดการตัดสินใจของตัวเองเป็นหลัก
หากใครสามารถเป็นเพื่อนกับวาห์นผ่านการพบเจอทั่วไปได้ มันอาจเปิดโอกาสที่วาห์นจะอยากพบเธอในอนาคต…
หลังจากให้ทุกคนออกไปแล้ว เธอก็นั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนผ้าไหมแบบโปร่งใส
บนโต๊ะข้างที่นอนของเธอนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากทางกิลด์เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ชื่อวาห์น
ข้อมูลนั้นยังรวมถึงภาพของเด็กหนุ่มและค่าสถานะโดยประมาณรวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ที่เขาเป็นผู้ครอบครองอยู่ด้วย
เธอได้จัดการติดต่อกับคนของกิลด์ที่เธอ ‘สนิท’ เพื่อให้เขาสืบสวนและรวบรวมข้อมูลของเด็กคนนั้นให้ได้มากที่สุด
เธอรู้เกือบทุกเรื่องที่วาห์นได้ทำลงไปตั้งแต่เข้าเมืองมา และถึงขนาดมีรายชื่อคนที่เขารู้จักและประวัติการเงินที่แม่นยำของเขาแบบละเอียด
เฟรย่าถอนหายใจด้วยความโหยหายและปนไปด้วยความเศร้าขณะที่อ่านข้อมูลดังกล่าว
ความหวังเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ของเธอก็คือโชคชะตา… เธอได้แต่ต้องพึ่งพาไพ่ลับที่ซุกซ่อนเอาไว้โดยที่ไม่อาจแนะให้พวกเขาทำอะไรบางอย่างตามที่เธอต้องการได้เลย
โชคยังดีที่แม้ว่าวาห์นจะไม่ใช่คนทำอะไรเอิกเกริก แต่ความสำเร็จทั้งหมดของเขาก็ไม่อาจถูกเพิกเฉยได้
มีหลายฝ่ายเริ่มที่จะเคลื่อนเข้าหาเขาแล้ว และเฟรย่าเองก็อาจจะได้พบกับเขาได้ในเร็วๆ นี้หากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง
เธอมองผ่านความมืดตรงไปยังระเบียงที่มีแสงจันทร์ส่องผ่านเข้ามาในประตูที่เปิดทิ้งไว้
ค่ำคืนนี้ช่างหนาวเหน็บนัก และเธอก็รู้สึกแย่เนื่องจากต้องยอมอ่อนข้อให้กับเฮเฟสตัส เธอกระซิบออกมาเบาๆ
“ออตตาร์ ช่วยเข้ามาปลอบใจที่แหลกสลายของฉันหน่อยสิ…”
เมื่อเธอหันไป ร่างกำยำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นใกล้กับทางเข้าห้องส่วนตัวของเธอ
ชายคนนั้นเข้ามาใกล้เธอและเริ่มถอดเสื้อผ้าออก
“ครับ ท่านเฟรย่า”
หลังจากถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายออกแล้ว เขาก็ย่างกรายขึ้นมาบนเตียงและเสียงร้องอย่างโหยหาก็เริ่มดังออกมาและทำลายความเงียบสงัดในคืนนั้นไปจนหมด
อากาศหนาวเย็นเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ไปด้วยบรรยากาศสีชมพู
—
วาห์นใช้เวลาที่เหลืออยู่ในช่วงเย็นโดยไม่ได้รับรู้ถึงคลื่นใต้น้ำที่ก่อตัวขึ้นจากตัวเขาเองเลย
เขากำลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่ถูกสร้างโดยเหล่าเพื่อนพ้องและสมาชิกร่วมแฟมิเลีย และถึงขนาดได้เห็นเฮเฟสตัสที่เมาแอ๋และมาคลอเคลียอยู่กับเขา
เมื่อเห็นความรักใคร่ของเทพธิดาที่เขาเคารพ วาห์นก็ยิ่งรู้สึกดีที่จะได้ดูแลเธอเล็กน้อย
ลิลลี่และนาซ่าดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากเฮเฟสตัสและพยายามเข้ามามีส่วนร่วมด้วย แต่สึบากิกลับลากพวกเธอทั้งสองไปสนุกกับงานเลี้ยงตรงส่วนอื่นต่อ
ตลอดทั้งคืนนั้น วาห์นได้กอดเฮเฟสตัสไว้ในอ้อมแขนขณะที่ฟังความกังวลของเธอ
ตอนนี้เขารู้สึกใกล้ชิดกับเธอมากและต้องการตอบแทนความอบอุ่นให้กับเธออย่างที่เธอเคยมอบให้กับเขาในอดีต
เฮเฟสตัสเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าพวกเขาอยู่กันตามลำพังแล้วและเลิกสงวนท่าทีอย่างที่ทำประจำ
เธอเริ่มทำตัวเอาแต่ใจขณะที่เล่าความกังวลทั้งหมดของตนให้เด็กหนุ่มฟังและยอมให้เขาปลอบเธอ
เมื่อผ่านไปหลายชั่วโมง นาฬิกาก็ส่งเสียงออกมาเพื่อแจ้งว่าเข้าสู่วันใหม่แล้ว
เฮเฟสตัสยังคงพึมพำต่อไปขณะที่เธอเริ่มเข้าสู่การหลับใหล
เธอรู้สึกสบายเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของวาห์น และเสียงเต้นจากหัวใจของเขาก็ทำให้ร่างกายของเธออบอุ่นอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เธอฟังจังหวะการเต้นที่อ่อนโยนแต่ก็มีความส่งพลังและค่อยๆ หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจที่ฉายบนใบหน้า
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘แต่ละคนนี่งานไวดีแท้’, ‘เฮเฟสตัสเมาแล้วมุ้งมิ้งมาก’, ‘งานนี้ ‘เธอ’ จะต้องเสียใจแน่’, ‘เฟรย่างานเข้า อย่างอื่นที่ไม่ใช่งานก็เข้าด้วย เข้าๆ ออกๆ นะ, ’, ‘พวกตัวแสบที่มองมาจากข้างบน’, ‘แก้วไวน์ไปทำอะไรให้เนี่ย’)
—————