Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 102
เมื่อได้ยินคำพูดของไอส์ จิตใจของวาห์นก็แทบจะระเบิดออก
เขารู้สึกเหมือนพลังงานทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกายกำลังไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนศีรษะเริ่มตกลงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย
ไอส์เฝ้าดูเขาด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
“นายไม่… ชอบฉันเหรอ?”
คำพูดของเธอทำให้สมองของวาห์นซ่าแบบหาสัญญาณทีวีไม่เจอ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสองสามชั่วโมงที่ผ่านมานั้นมันหนักเกินกว่าที่เขาจะรับไหวจริงๆ
วาห์นพยายามรวบรวมความกล้าและตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา
“แต่เราไม่ใช่คู่รักหรืออะไรแบบนั้น… แล้วเธอก็ยังเด็กมาก…”
ไอส์ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด แต่เธอก็ตอบกลับแม่ไม่สะทกสะท้าน
“ก็ใช่ แต่ฉันใกล้จะครบ 14 แล้ว ค่อยลองตอนนั้นก็ได้”
แต่ละคำที่เธอพูดทำให้วาห์นรู้สึกเหมือนมีน้ำหนักมากดทับเขาเอาไว้
เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เพราะตอนนี้เขารู้ว่าเธอกำลังจริงจังมาก
วาห์นมองไปที่เธอแล้วถามต่อ
“ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ?”
แม้เขาจะรู้ว่าค่าความชื่นชอบของเธอเพิ่มขึ้นเป็น 88 แต้มหลังจากที่พวกเขาจูบกันก่อนหน้านี้ แต่วาห์นไม่คิดว่าเขาใกล้ชิดกับไอส์มากถึงขนาดนั้น
ไอส์เอียงศีรษะของเธอไปด้านข้างด้วยความสับสน
“อืมมม นายไม่เหมือนใคร รู้สึกดี…”
ขณะที่พูด เธอก็วางมือบนหน้าอกตัวเองแล้วหลับตาพริ้ม
ครู่ต่อมา เธอก็มองไปที่วาห์นอีกครั้งและพูดต่อ
“ฉันจะแข็งแกร่งกว่านี้เหมือนกัน…”
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นในแววตาของเธอ วาห์นก็ได้แต่ถอนหายใจและยิ้มให้
“ฉันเองก็เชื่อในตัวเธอเหมือนกัน ในอนาคตเธอต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้แน่นอน”
เพราะวาห์นเคยเห็นอนาคตของไอส์จากในมังงะมาแล้ว เขาจึงรู้ดีว่าเธอจะเติบโตขึ้นมากที่ในอีกสองปีข้างหน้า
ตอนนี้เธอสูงกว่าเขาไม่มากและดูเหมือนเด็กสาวตัวเล็กๆ แทนที่จะเป็นหญิงสาวที่ดูเท่แบบในอนาคต
พอไอส์ได้ยินสิ่งที่วาห์น ‘คาดการณ์’ ก็พยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข
แม้สีหน้าของเธอจะอ่านได้ยากกว่าคนทั่วไปมาก แต่วาห์นก็มองออกว่าเธอพอใจกับสิ่งที่เขาพูดให้ฟัง
วาห์นยิ้มตอบและพยายามลุกขึ้นยืนเพราะเขาฟื้นแรงส่วนหนึ่งกลับมาได้แล้ว
ไอส์เห็นเขาพยายามลุกขึ้นก็ก้าวไปข้างหน้าและหยุดเขาไว้ก่อน
วาห์นถูกดันให้กลับไปนั่งบนพื้นอีกครั้งและเริ่มนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับทีโอน่าเมื่อกี้นี้
โชคดีที่ไอส์ไม่ได้กระโดดมาคร่อมตัวอย่างที่เขาคิดไว้
เธอมานั่งลงข้างๆ และสบตาด้วยก่อนจะพูดต่อ
“นายเหนื่อยอยู่ พักก่อนเถอะ…”
ขณะที่พูด ไอส์ก็เอามือไปตบต้นขาของเธอเองซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยกระโปรงที่ทำมาจากแผ่นโลหะ
ถุงมือเหล็กของของเธอก็ส่งเสียง ‘ก๊อง-ก๊อง’ เมื่อโลหะทั้งสองชิ้นกระทบกัน
วาห์นรู้ว่าเธออยากช่วยเขา แต่พอเห็น ‘หมอน’ แล้วก็อดรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้
ไอส์สังเกตเห็นสายตาเขาและรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง
เธอยืนขึ้นและเริ่มถอดชุดเกราะส่วนล่างออกจนเผยให้เห็นกระโปรงมีจีบสีดำที่อยู่ด้านใน
เธอวางเกราะไว้ด้านข้างและนั่งลงถัดจากวาห์นพร้อมตบต้นขาของตนเองอีกครั้ง
คราวนี้มันมีเสียงที่ฟังดูสบายหูกว่ารอบแรกอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นการกระทำของเธอ วาห์นก็หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลงไปหนุนตัก
ต้นขาของไอส์นั้นมีกล้ามเนื้อมากกว่าที่เขาคิดไว้อยู่บ้าง
มันเป็นตักที่นุ่มก็จริง แต่เขาก็รู้สึกถึงความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่ด้านหลังศีรษะได้เล็กน้อย
เขานอนอยู่แบบนั้นและเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกแปลกๆ ขณะมองไปที่ไอส์
เพราะเขานอนหงายและหันหน้าไปด้านบน ไอส์เองก็มองลงมาหาเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ ‘ผ่อนคลาย’ เต็มที่ ไอส์จึงถอดถุงมือเหล็กออกและวางฝ่ามือลงบนหน้าผากของเขา
“นอนเถอะ ฉันปลุกเองเมื่อถึงเวลา”
เธอยังคงใช้มือลูบหัวของเขาต่อไปเรื่อยๆ และวาห์นสัมผัสได้ว่าหน้าของตัวเองแดงขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขารู้สึกว่าเธอกำลังปฏิบัติต่อเขาเหมือนที่ทำกับเลฟิย่า
แทนที่จะเป็น ‘การลูบเบาๆ’ แบบคนทั่วไป วิธีที่ไอส์ใช้นั้นเหมือนเป็นการ ‘ลูบไล้’ มากกว่า (Tl:ประมาณว่าลูบหมา ลูบแมวแรงๆ)
วาห์นเกือบหลุดขำแต่ก็กลั้นมันไว้ขณะพยายามผ่อนคลาย
เขาปิดตาลงและเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลานี้พร้อมทั้งพยายามฟื้นพลังกลับมา
—
แม้จะผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่วาห์นก็ไม่สามารถหลับบนตักของไอส์ได้
ถึงเขาจะตั้งสมาธิไปกับการฟื้นพลังแต่ยิ่งนอนนานเท่าไหร่ เขาก็วอกแวกมากขึ้นเท่านั้น
การ ‘ลูบไล้’ ของ ไอส์นั้นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ความรู้สึกตรงด้านหลังศีรษะเองก็ทำให้หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้น
สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดก็คือกลิ่นน้ำผึ้งที่ออกมาจากเรือนร่างของไอส์
ยิ่งนอนบนตักเธอนานเท่าไหร่ กลิ่นที่ออกมาก็ยิ่งทำให้สมองของเขาปั่นป่วนไปหมด
วาห์นรู้สึกว่าตั้งแต่จูบแรกระหว่างเขากับทีโอน่าเมื่อตอนเช้า อารมณ์ของเขาก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอด
แม้ว่า ‘บทเรียน’ จากริเวเรียนั้นจะช่วยได้มาก แต่ตอนนี้วาห์นรู้สึกกับผู้หญิงต่างไปจากเดิมเยอะ
ถ้าเป็นเขาก่อนหน้านี้ การได้นอนหนุนตักหญิงสาวคงทำให้รู้สึกสบายใจเช่นเดียวกับอะไรหลายๆ ที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้
แต่ตอนนี้แทนที่จะรู้สึกสบาย มันกลับทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นและตื่นเต้นแทน
ไอส์เห็นว่าเขายังตื่นอยู่ เธอจึงถามอย่างสงสัย
“นอนไม่หลับเหรอ? อึดอัดหรือเปล่า?”
เธอรู้สึกแย่เมื่อนึกว่าไปเองวาห์นคงรู้สึกไม่สบายตัวและไม่อาจผ่อนคลายบนตักของเธอได้
วาห์นส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเปิดตาและเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของเธอ
เขาไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดก็เลยอธิบายไปตามตรง
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่ฉันคงหลับบนตักของเธอไม่ได้ ใจของฉันมัวแต่ไปสนใจเรื่องตักของเธอ สัมผัสจากมือนั่น แล้วก็กลิ่นตัวของเธอด้วย”
คำพูดช่วงแรกๆ นั้นทำให้ไอส์รู้สึก ‘สั่นไหว’ ตรงหน้าอก
แต่พอเขาพูดถึงส่วนหลัง เธอก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ฉันตัวเหม็นเหรอ? แต่อาบน้ำแล้วนะ…”
ขณะที่ถาม ไอส์ก็อดไม่ได้ที่จะสูดดมร่างกายของตัวเอง
สำหรับเธอนั้นสิ่งเดียวที่ได้กลิ่นก็คือสบู่ที่พวกเขาใช้ล้างตัว
วาห์นส่ายหัวอีกครั้งก่อนจะพยายามอธิบาย
“ไม่ใช่ๆ มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นหรอก มันเป็นกลิ่นที่ดี… แล้วก็ทำให้ฉันตื่นเต้น”
หลังฟังเขาชี้แจง ไอส์ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปาก
เธอดีใจที่ไม่ได้มีกลิ่นตัวเหม็นแถมวาห์นยังชมว่าเธอมีกลิ่นที่ ‘ดี’ อีก
แต่แล้วเธอก็เริ่มสงสัยว่า ‘แล้ววาห์นมีกลิ่นตัวแบบไหนกันนะ?’ จึงเริ่มเข้ามาดมเขาบ้าง
เมื่อวาห์นเห็นไอส์เอนตัวเข้ามาใกล้ก็ทำอะไรไม่ถูก
มันเหมือนกับว่าไอส์กำลังจะฝังใบหน้าของเขาไว้ตรงเสื้อเกราะของเธอ แต่โชคดีที่เธอหยุดก่อนที่เขาจะได้สัมผัสกับโลหะเย็นๆ
วาห์นสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มดมกลิ่นตัวเขาและเขาก็เริ่มประหม่า…
“ฉัน… ตัวเหม็นเหรอ?”
วาห์นถามพลางเริ่มนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดที่มีผู้หญิงมาดมกลิ่นกายของเขา
เขาสงสัยว่ากลิ่นมันแย่มากไหม เพราะตนเคยมีปัญหาเรื่องการรักษาความสะอาดเมื่อนานมาแล้ว
ไอส์ส่ายหัวก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของเขาและพูดตอบ
“ไม่… มันแค่แปลก แต่ฉันไม่ได้ไม่ชอบมัน มันมีกลิ่นที่… เป็นตัวนาย?”
ดูเหมือนไอส์ไม่เข้าใจว่าจะอธิบายยังไงดี จากนั้นไม่นานเธอก็ผงกหัวแล้วพูดต่อ
“เป็นกลิ่นที่ดี”
วาห์นหัวเราะแห้งๆ ไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ
เขาดีใจที่ไม่ได้มีกลิ่นตัวเหม็น แต่นั่นยิ่งทำให้เรื่องในอดีตดูอึดอัดขึ้นไปถนัดตา
ทั้งลิลลี่และนาซ่าต่างเข้ามาดูแลเรื่องเสื้อผ้าของเขาอยู่บ่อยๆ และวาห์นมักจะจับได้ว่าพวกเธอแอบดมเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้ว
ตอนนั้นเขายังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงดูเหมือนจะอ่อนไหวต่อกลิ่นตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาอ่อนไหวต่อกลิ่นตัวของไอส์
ดูเหมือนไอส์จะยังไม่หายสงสัย และเอนตัวไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อดมวาห์นต่อ
แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น เขาก็หนีออกมาจากตักของเธออย่างรวดเร็ว
พอเธอบอกว่ากลิ่นของเขา ‘ดี’ วาห์นก็รู้สึกอึดอัดและไม่อยากให้เธอดมมันต่อแล้ว
เขารู้สึกว่าถ้ายังอยู่แบบนั้นนานอีกหน่อย จากที่เพิ่งได้พักไปจะกลายเป็นเหนื่อยกว่าเดิม
ไอส์จ้องมองวาห์นที่กระโดดหนีเธออย่างรวดเร็ว
เธอสงสัยว่าการกระทำของเธอดูแปลกไปหรือเปล่า
แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร วาห์นก็เริ่มโบกไม้โบกมือ
“อย่าห่วงไปเลยนะไอส์ ฉันแค่จะไปทำหัวให้โล่งกับนั่งสมาธิเพื่อฟื้นพลังสักหน่อย ถ้าฉันนอนตักเธอต่อคงจะตื่นเต้นจนฟื้นพลังไม่ได้แน่ๆ”
วาห์นไม่ชอบเวลาที่การกระทำของเขาทำให้สาวๆ เสียใจ และยิ่งไอส์เป็นคนที่นานๆ ครั้งจะแสดงสีหน้าออกมาด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งไม่อยากให้เธอทำหน้า ‘เสียใจ’ ขึ้นไปอีก
ไอส์พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเช่นกัน
หลังจากติดเกราะเสร็จแล้ว เธอก็หันไปหาวาห์นและจ้องที่ใบหน้าของเขาหรือถ้าจะเอาแบบละเอียดกว่านั้นก็คือจ้องไปที่ใบหน้าส่วนล่างของเขา
เมื่อตระหนักว่าเธอกำลังจ้องอะไรอยู่ วาห์นจึงรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมาอีกหน่อย
แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเพราะดูเหมือนเธอยังคิดคำพูดไม่เสร็จ
พอเขาเดินเข้ามาใกล้ ไอส์ก็สบตากับเขาก่อนจะอ้าแขนออกเล็กน้อย
วาห์นเอื้อมมือไปโอบรอบตัวของเธอและจูบเบาๆ
เขายังคงจูบต่อไปอีกหลายวินาทีก่อนจะดึงตัวเองออกมาหลังคำนวณแล้วว่านานประมาณนี้คงกำลังดี
เมื่อเห็นดวงตาที่เปียกชื้นของไอส์ วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“เป็นไงบ้าง?”
ไอส์ผู้ที่กำลังมึนๆ และมีสีแดงติดอยู่บนแก้มนิดๆ ตอบกลับไปแบบสั้นๆ
“อืม เป็นจูบที่ดี”
หลังจากนั้นเธอก็แยกตัวออกจากวาห์นและเริ่มมุ่งหน้าไปทางค่าย
พอเดินไปอีกไม่กี่ก้าว เธอก็หยุดและหันไปมองไปวาห์นผู้ที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน
“ดีกว่าครั้งที่แล้ว”
พอพูดปิดท้ายเสร็จ ไอส์ก็หันหลังกลับและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่จากไปแล้ว วาห์นก็ทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าด้านล่าง
เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าพลังงานทั้งหมดถูกดูดออกไปจนได้แต่จ้องมองไปยังคริสตัลบนหัวเพื่อฆ่าเวลา
เขาไม่รู้ว่าการ ‘รับมือ’ กับสาวๆ จะสร้างความเหนื่อยล้าให้กับร่างกายและจิตใจได้มากขนาดนี้
แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเพิ่มค่าความชื่นชอบของไอส์ให้เป็น 90 ได้ หลังผ่านการจูบครั้งที่สอง
ตอนนี้เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีค่าความชื่นชอบมากที่สุด และมันทำให้วาห์นรู้สึกถึงอารมณ์หลายๆ อย่างซึ่งรวมไปถึงมีความสุขด้วย
จากการไตร่ตรองของเขา วาห์นสังหรณ์ว่าจะมีสถานการณ์ที่โหดหินแบบนี้อีกมากมายในอนาคต และเริ่มเป็นห่วงร่างกายกับจิตใจของตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ
เขาเริ่มกังวลว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ชอบเขาอยู่อีกหรือเปล่า และวาห์นเริ่มพิจารณาถึงวิธีที่จะรับมือเรื่องนี้ในอนาคต
ตามที่ริเวเรียบอก มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนรักมากกว่าหนึ่งคน แต่วาห์นรู้สึกว่าแค่ทีโอน่ากับไอส์สองคนเขายังเอาไม่อยู่เลย
เรื่องคนอื่นๆ ตอนนี้คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว
เมื่อนึกถึงคำพูดของไอส์และการที่เธอเฝ้ารอวันเกิดของตัวเอง… วาห์นก็เริ่มรู้สึกทั้งคาดหวังและหวาดกลัวกับอนาคตอันใกล้
“เมื่อกี้ลืมถามเลยว่าเธอเกิดวันไหน…”