Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 104
แม้วาห์นจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการเดินเคียงข้างไอส์ (และเลฟิย่า)
แต่เวลาแห่งความสุขก็มักจะอยู่ได้ไม่นานนัก
พอพวกเขามาถึงบันได บรรยากาศก็เริ่มกลับมาอึมครึมอีกครั้งแม้จะอยู่ภายใต้พลังเขตแดนของวาห์นก็ตาม
เมื่อพวกเขาเดินมาถึง ‘กำแพงแห่งความเศร้าโศก’ ที่ซึ่งวาห์นเพิ่งจะสังหารโกไลแอธเมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
ทว่าหลังจากที่คอยเฝ้าดูพวกเขา วาห์นก็สังเกตเห็นว่านั่นไม่ใช่สีหน้าหมดหวัง แต่เป็นสีหน้าของความมุ่งมั่นและแน่วแน่
เนื่องจากพวกเขาเดินมาถึงชั้นที่ 17 แล้ว ในที่สุดวาห์นก็ต้องปล่อยมือไอส์เพื่อเดินตามทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
บรรยากาศเริ่มส่งผลกับเขาเช่นกันและวาห์นยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่พูดอะไร
ระหว่างทางนั้นมีมอนสเตอร์ออกมาระรานอยู่บ้าง แต่พวกมันก็จะถูกกำจัดแทบจะทันทีด้วยฝีมือของเหล่ากองหน้า
การปราบมอนสเตอร์ลงอย่างต่อเนื่องดูเหมือนจะทำให้บรรยากาศดีขึ้นมาเล็กน้อย
นั่นทำให้วาห์น รู้สึกขอบคุณสำหรับ ‘ความร่วมมือ’ ของดันเจี้ยนอยู่บ้าง
กลุ่มนักผจญภัยมุ่งหน้าผ่านชั้นที่ 17 และมาถึงทางเดินที่จะขึ้นไปสู่ชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเริ่มแยกกันออกไปตามกลุ่มที่ได้รับมอบหมาย ส่วนวาห์นเองก็ต้องก้าวออกไปข้างหน้าคนส่วนใหญ่และไปยืนประจำอยู่กับทีโอน่า ทีโอเน่ และริเวเรีย
เลฟิย่าเองก็เดินเข้ามาอยู่ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ไอส์ยังต้องเดินต่อและไปเข้าร่วมกับแนวหน้า
พอเห็นกลุ่มแนวป้องกันแรกที่มีจำนวนไม่มาก วาห์นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ไอส์ยังเป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆ และการเฝ้ามองเธอเข้าร่วมทีมที่จะต้องไปดึงดูดความสนใจของจักเกอร์นอตนั้นทำให้วาห์นอดรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
วาห์นสังเกตเห็นว่าดาบที่ไอส์ใช้นั้นไม่ใช่ของที่มีคุณภาพสูงเท่าไหร่แม้ตัวดาบจะทำมาจากวัตถุดิบที่ทนทานมากก็ตาม
พอจำได้ว่าอาวุธของเธอมักจะพังหลังถูกใช้ไปไม่กี่ครั้งจากในมังงะ วาห์นจึงตัดสินใจได้และรีบวิ่งขึ้นไปที่กลุ่มแนวหน้า
เมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้ ฟินน์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“วาห์น ฉันรู้ว่าเธอแข็งแกร่งพอตัว แต่เธอยังไม่พร้อมที่จะสู้กับจักเกอร์นอตหรอกนะ เธอควรอยู่กับกลุ่มที่สองและให้การสนับสนุนด้วยสกิลพิเศษของเธอจะดีกว่า”
วาห์นส่ายหัวของเขาก่อนจะเดินเข้าไปหาไอส์
เขาดึงดาบทามาฮากาเนะออกมาจากช่องเก็บของและใช้ระบบ ‘ของขวัญ’ โดยตั้งให้ไอส์เป็นผู้รับ
เพราะเขาเห็นว่าค่าความชื่นชอบของเธอนั้นขึ้นมาถึง 90 แต้มแล้ว เขาจึงสามารถใช้ระบบของขวัญกับเธอได้ (TL: คูลดาวน์ 1 เดือน)
“ไอส์ รับนี่ไว้ มันน่าจะดีกว่าดาบที่เธอใช้อยู่ตอนนี้”
เมื่อเห็นสายตากังวลของเขา ไอส์ก็ยิ้มๆ และรับมันมา
เธอประหลาดใจเมื่อสัมผัสได้มันเบามากและเริ่มใช้มันสองสามครั้งจนตระหนักว่ามันเป็นดาบที่ใช้งานได้ง่ายมากโดยไม่สมกับรูปร่างใหญ่โตของมันเลย
ฟินน์เองก็สังเกตเห็นความพิเศษของดาบเล่มนี้เลยเอ่ยปากขอลองถือมันดูบ้าง
วาห์นพยายามจะห้ามไว้ก่อน แต่ไอส์กลับส่งมันไปให้แบบไม่ได้คิดอะไร
พอมือของฟินน์เข้ามาสัมผัสกับด้ามดาบ มันก็ถีบตัวและหมุนออกไปปักอยู่บนผนังของดันเจี้ยนทันที
ฟินน์จ้องมองมันอย่างตกใจก่อนจะหันไปหาวาห์นด้วยสีหน้าเชิงสงสัยจนเขาต้องตอบกลับไปแบบเรียบๆ
“ไอเท็มที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยเทคนิคพิเศษนั้นจะมีแค่ผมกับคนที่ผมมอบให้ถึงจะใช้มันได้ ตอนนี้ดาบเป็นของไอส์แล้วและคนอื่นจะไม่สามารถใช้หรือแตะต้องมันได้เลย”
ฟินน์รู้สึกประหลาดใจกับลักษณะพิเศษของดาบขณะที่ไอส์เดินไปเก็บมันกลับมา
วาห์นอธิบายวิธีใช้อย่างรวดเร็ว
“ตัวดาบนี้ได้รับการลงอาคมเพื่อเสริมพลังโจมตีและยังลดน้ำหนักของมันได้ด้วย ตอนแรกอาจไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่ฉันว่ามันน่าจะเหมาะกับสไตล์การต่อสู้ของเธอมาก”
พอได้ยินคำอธิบายของเขา ไอส์ก็ส่งพลังงานเข้าไปในตัวดาบและเห็นอักษรรูนที่เรืองแสงออกมา
พออักษรรูนกระจายออกไปจนทั่วแล้ว เธอก็สัมผัสได้ว่าน้ำหนักของดาบแทบจะกลายเป็นศูนย์
ไอส์เผยรอยยิ้มที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่วาห์นเคยเห็นออกมา
มันดูราวกับว่าดวงตาของเธอกำลังเปล่งประกายจากความตื่นเต้นในคุณสมบัติของดาบ
ไอส์หันไปหาวาห์น ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าและจูบเขาต่อหน้าฝูงชนมากมายที่กำลังจ้องมองอยู่
เธอจูบเขาต่อไปอีกเล็กน้อยก่อนจะดึงตัวออกมาและพูดสั้นๆ
“ขอบใจนะวาห์น”
จากนั้นเธอก็แยกตัวออกห่างไปเล็กน้อยและเริ่มฝึกฝนการใช้ดาบทันที
ฟินน์ผู้ที่ไม่รู้เรื่อง ‘ความคืบหน้า’ ระหว่างวาห์นและไอส์ก็เริ่มจ้องสลับไปมาระหว่างทั้งสองราวกับเพิ่งได้ประจักษ์กับฉากที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในโลก
พอผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ได้สติและพูดกับวาห์น
“ฉันนึกว่าเธอกำลังคบทีโอน่าอยู่ซะอีก… ไม่คิดเลยว่าไอส์ก็เอากับเค้าด้วย นี่ยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยนะ…”
ฟินน์พูดจบแล้วก็ส่ายหัวและถอนหายใจออกมา
เขาส่งสัญญาณมือไปทางแกเร็ธผู้ที่กำลังยก ‘นิ้วโป้ง’ ให้วาห์น รวมถึงเบตที่กำลังมองมาแบบเคืองๆ และไอส์ที่ดู ‘ตื่นเต้น’ ว่าให้ออกเดินต่อได้แล้ว
ก่อนที่จะเดินตามฟินน์ไป ไอส์ก็นำดาบเล่มเก่าออกจากสะโพกของเธอและส่งมันให้วาห์น
“รับไว้ เผื่อต้องใช้”
วาห์นรับดาบมาและยิ้มตอบก่อนที่เธอจะกลับเข้าไปในกลุ่มแนวหน้า
การได้เห็นเธอ ‘ดีใจ’ ขณะเดินออกไปพร้อมดาบทามาฮากาเนะทำให้วาห์นรู้สึกกังวลน้อยลง
เขากลับเข้ากลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ อีกครั้งก่อนจะสังเกตเห็นว่าทีโอน่ากำลังมองเขาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ เธอก็เดินเข้ามาจนชิดและพูดเบาๆ
“ฉันล่ะอิจฉาจริงๆ ที่เห็นไอส์ได้ของขวัญก่อนฉัน~ คราวหน้าก็อย่าลืมนึกถึงกันบ้างนะ โอเคไหม~?”
แม้เธอจะ ‘แสร้ง’ ทำเป็นโกรธ แต่วาห์นกลับพบว่าเธอดูมีความสุขเสียมากกว่า
เขาตัดสินใจถามออกไปอย่างสงสัย
“ทำไมเธอถึงดูดีใจล่ะ?”
ทีโอน่าหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนตอบกลับ
“ก็เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายเป็นคนที่ชอบเป็นห่วงคนอื่น แม้จะเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวนายเองก็ตาม มันทำให้ฉันดีใจที่นายเห็นเราเป็นผู้หญิง ไม่ใช่นักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างเดียว แถมมันเคยเป็นความฝันของฉันที่จะได้รับการปฏิบัติแบบเจ้าหญิงด้วยล่ะ~”
วาห์นสังเกตว่าเธอกำลังพูดในเชิงอดีตจึงถามต่อ
“ ‘เคยเป็น’ งั้นเหรอ? ทำไมมันถึงไม่ใช่ความฝันอีกแล้วล่ะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของทีโอน่านิ่งค้างไปเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแบบเศร้าๆ แทน
“ฉันเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กแล้วว่าเราจะรอให้เจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก… สุดท้ายความฝันนั่นมันก็จางหายไปเองล่ะมั้ง~?”
ทีโอน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่วาห์นรู้ว่าเธอกำลังเสียดายนิดๆ เพราะเขาเห็นออร่าของเธอสั่นไหวและมีสีน้ำเงินเพิ่มเข้ามา
วาห์นยื่นมือออกไปเพื่อจะลูบหัวเธอ แต่ก่อนจะยื่นไปถึง เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายและลูบไล้พวงแก้มของเธอแทน
ทีโอน่าจ้องมองเขาด้วยสายตาเบิกกว้างขณะที่วาห์นลูบแก้มของเธอเบาๆ และใช้นิ้วมือเกลี่ยผมเล็กน้อยด้วยท่าทางเอ็นดู
“ตอนนี้อาจยังทำไม่ได้ แต่ในวันข้างหน้าฉันจะลองปฏิบัติกับเธอให้เหมือนเป็นเจ้าหญิงเลย อย่าเสียใจไปเลยนะ”
เฉดสีแดงเริ่มปรากฏบนใบหน้าของทีโอน่าขณะที่ความเปียกชื้นเข้ามารวมอยู่ตรงดวงตาของเธอ
วาห์นรู้สึกเหมือนสัญชาตญาณของเขาเริ่มส่งเสียงร้องและเพิ่งตระหนักว่าเขาอาจจะทำเกินไปหน่อย
โชคยังดีที่ทุกคนดูเหมือนจะเฝ้ามองการกระทำของวาห์นอย่างสนใจ ทีโอเน่จึงรีบก้าวเข้ามาหลังจากสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องสาว
“เอาล่ะ ทั้งสองคนพอได้แล้ว! เราไม่มีเวลาจะมานั่งดูพวกนายจีบกันตอนนี้นะ มีสมาธิหน่อยสิ!”
ทีโอน่าถูกลากออกไปขณะที่เธอจ้องมองวาห์นด้วยสีหน้าร้อนผ่าว
โชคดีที่เธอยังมีสติอยู่บ้างและยอมถูกดึงออกไปแบบไม่ขัดขืน
วาห์นยังยืนอยู่ตรงนั้นขณะเฝ้ามองทีโอน่าถูกลากตัวออกไป
“คนหลายใจ…”
วาห์นหันไปเห็นเลฟิย่าที่จ้องมองเขาขณะยืนถัดจากริเวเรียซึ่งกำลังขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อเห็นวาห์นมองมา ริเวอเรียจึงพูดตักเตือน
“วาห์น ดันเจี้ยนไม่ใช่สถานที่จีบสาวนะ กลับขึ้นไปที่เมืองแล้วจะทำอะไรก็คงไม่มีใครว่า แต่ตอนนี้เรายังมีงานต้องทำอยู่”
อีกพักหนึ่ง ริเวเรียก็เริ่มออกคำสั่งกับทีม ‘ซุ่มโจมตี’
ขณะที่ทุกคนมุ่งหน้าต่อไปยังชั้นที่ 13 กลุ่ม ‘กองเสริม’ ก็เริ่มแยกตัวออกจากกลุ่มหลักและเดินทางไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้บนชั้น 14
ในที่สุดกลุ่มของวาห์นก็ตาม ‘กองหน้า’ ทันก่อนที่พวกนั้นจะเข้าไปในชั้นที่ 13
กลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ จะรออยู่นอกประตูขณะที่ริเวเรียคอยฟังเสียงการต่อสู้
ทุกคนอยู่ในสภาพนิ่งเงียบขณะรอฟังสัญญาณเพื่อเข้าไปในชั้น
‘กองหน้า’ นั้นได้รับหน้าที่ดึงดูดความสนใจของจักเกอร์นอตก่อนจะล่อมันออกมา
ในช่วงเวลาที่พวกเขารับมือกับมัน กลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ ก็จะย้ายไปยังจุดที่กำหนดบนชั้น 13 ซึ่งเชื่อมกับหลุมที่ไปต่อยังชั้น 14
ยี่สิบนาทีแห่งความเงียบอันแสนระทึก… และแล้วทั้งกลุ่มก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
หูของริเวเรียกระตุกเล็กน้อยขณะที่เธอส่งสัญญาณไปยังสมาชิกกลุ่มทั้ง 22 คน
“ไปกันเถอะ เรามีเวลาไม่มาก!”
ก่อนจะพูดจบประโยค ริเวเรียก็เริ่มวิ่งนำเข้าไปในชั้นที่ 13
ทีโอน่าและทีโอเน่วิ่งตามเธอไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่วาห์นวิ่งตีคู่กับเลฟิย่าและตามมาด้วยคนอื่นๆ
ในขณะที่พวกเขากำลังวิ่ง วาห์นสังเกตว่าเลฟิย่ากำลังกำคทาของเธอไว้แน่นจนนิ้วซีดขาวไปหมด
เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวมากและดูราวกับเป็นแกะดำในหมู่นักผจญภัยรุ่นใหญ่ที่วิ่งตามหลังมา
เพราะเธอมีอายุเพียง 12 ปี เลฟิย่าจึงเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม
แม้เธอจะเข้าร่วมกับ ‘กองเสริม’ แทนก็ได้ แต่เธอกลับตัดสินใจเข้าร่วมกับทีม ‘ซุ่มโจมตี’ แทนโดยหวังว่าจะทำตัวให้เป็นประโยชน์กับทุกคน
แม้เวทมนตร์โจมตีจะไม่ส่งผลกับจักเกอร์นอตมากนัก แต่เลฟิย่าก็ยังเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูที่เก่งกาจและยังสามารถร่ายเวทเสริมพลังได้ด้วยการช่วยเหลือจาก [เสียงกังวานแห่งเอลฟ์] ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษของเธอ
(TL: [เสียงกังวานแห่งเอลฟ์] ทำให้เลฟิย่าสามารถใช้เวทย์มนตร์เอลฟ์บทไหนก็ได้ตราบใดที่เธอรู้วิธีร่ายคาถาและผลของเวทบทนั้นๆ
ด้วยเหตุนี้ เธอถึงมีฉายาว่า ‘เธาซันด์เอลฟ์’ จากในเนื้อเรื่องหลัก)
วาห์นคิดว่าเลฟิย่าดูกล้าหาญมากแต่ก็รู้สึกสงสารเมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้
เขายื่นมือออกไปแตะที่ไหล่ของเธอแบบไม่บอกไม่กล่าวเและเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาสามารถทำได้
เลฟิย่าตกใจเล็กน้อยเมื่อมีคนมาแตะที่ไหล่ แต่พอเห็นว่าเป็นวาห์นจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
พอสัมผัสได้ว่ามีพลังงานที่สงบและอบอุ่นไหลเข้าสู่ร่างกายของตน ความกลัวที่เริ่มผุดขึ้นมาในใจก็เริ่มถูกขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน เลฟิย่าก็แสดงสีหน้าเคอะเขินเล็กน้อยก่อนจะปัดมือของวาห์นออก
เธอยังคงนิ่งเงียบต่อไปโดยไม่หันสบตาด้วยก่อนจะกระซิบออกมาเบา
“ขอบใจนะ…”
วาห์นยังคงให้ความสนใจไปที่เลฟิย่า ดังนั้นแม้เธอจะพูดแบบเบามากๆ เขาก็ยังได้ยินอยู่ดี
วาห์นยิ้มและพูดตอบ
“เธอดูกล้าหาญมากเลยนะเลฟิย่า แต่อย่าฝืนมากไปนะ ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นฉันก็จะคอยปกป้องเธอเอง”
เลฟิย่าชายตามองวาห์นเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแบบเคืองๆ
เธอมองวาห์นแบบแปลกๆ และถามออกมาตรงๆ
“อย่าบอกนะว่าได้ไอส์กับทีโอน่าไปสองคนแล้วก็ยังไม่พอใจ ตอนนี้คิดจะเปลี่ยนเป้ามาที่ฉันอีกคนเหรอ?”
วาห์นคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามนี้เข้าไปจนเขาเกือบจะสะดุดหกล้มลงไปบนพื้นดันเจี้ยนที่ไม่ค่อยจะราบเรียบสักเท่าไหร่