Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 105
วาห์นรีบทรงตัวก่อนจะมองกลับไปที่เลฟิย่าที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตากล่าวหา
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ วาห์นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจของเขากำลังจมหายไป
เขาเริ่มคิดว่าทุกอย่างที่กำลังจะพูดออกไปนั้นคงฟังเหมือนคำแก้ตัวซะมากกว่า
“ขอโทษนะ… ฉันแค่ไม่ชอบเวลาเห็นคนเสียใจ”
สีหน้าของเลฟิย่าดูอ่อนลงไปถนัดตา แต่ไม่นานคิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมทุกคนที่นายอยาก ‘ปลอบใจ’ ถึงมีแต่ผู้หญิงล่ะ? ฉันแน่ใจนะว่ามีทั้งผู้ชายและผู้หญิงมากมายในกลุ่มที่อยากให้นาย ‘ช่วย’ น่ะ”
เลฟิย่าพูดอย่างเน้นคำขณะยังคงจ้องมองท่าทางเลิกลั่กของเขา
ที่จริงแล้ววาห์นกำลังใคร่ครวญคำพูดของเธออยู่
เขาเริ่มหันหัวไปและเห็นผู้คนมากมายที่ดูเป็นกังวลหรือไม่ก็เริ่มกลับมาหวาดกลัวอีกครั้ง
วาห์นรู้แล้วว่าเลฟิย่าไม่ได้พูดผิดไปซะทั้งหมด
เขานั้นเอาแต่มุ่งความสนใจไปยังตัวละครที่เขารู้จักจากในเนื้อเรื่องแทนที่จะสนใจทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม
พอตระหนักถึง ‘ความผิดพลาด’ ของตัวเอง วาห์นก็เริ่มผสาน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เข้าไปในเขตแดนแบบเต็มกำลัง
ออร่าสีขาวอ่อนโยนและแทบจะไม่มีใครสัมผัสได้เริ่มกระจายออกไปทั่วทางเดิน
กลุ่มนักผจญภัยด้านหลัง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง
เหล่าเงามืดที่คืบคลานเข้ามาในจิตใจของพวกเขาก็เริ่มสลายหายไปด้วยพลังงานที่แสนอบอุ่น
เลฟิย่าสังเกตเห็นการกระทำของวาห์นและถอนหายใจลึกยิ่งกว่าเดิม
เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงเงียบๆ ที่แม้แต่วาห์นเองก็ไม่ได้ยิน
“แบบนี้เอง นายก็แค่ทึ่มไปหน่อยสินะ…”
เลฟิย่าคิดว่าวาห์นเป็นคนประเภทที่คอยเอาแต่วิ่งไล่จับผู้หญิงไปวันๆ
แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับเขา เธอกลับสรุปได้ว่าเขาแค่ไม่ได้ให้ความสนใจกับหลายๆ เรื่องเท่านั้นเอง
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีสามัญสำนึกแบบที่คนทั่วไปควรจะมี
แม้แต่เธอเอง ผู้ที่เติบโตมาในสังคมเล็กๆ ยังมีสามัญสำนึกมากกว่าเขาสียอีก
เลฟิย่ารู้สึกว่าวาห์นดูเหมือนเด็กเล็กๆ จากหลายๆ เรื่องที่เขาแสดงออกมา หรือแม้แต่กระทั่งตอนที่เขาเข้ามาอาบน้ำด้วยก็เช่นกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะมีภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์ต่อหญิงสาวในสภาพเปลือยเปล่าและสามารถอยู่ใกล้กับพวกเธอได้โดยไม่คิดอะไรเกินเลย
จนกระทั่งพอถูกทีโอน่าจูบเข้าไป เขาถึงเริ่มไม่แน่ใจกับการกระทำของตัวเอง
เธอเริ่มสงสัยว่าแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้ใช้ชีวิตมาแบบไหนถึงได้ไร้ซึ่งทักษะการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างสิ้นเชิง
พอคิดไปคิดมาเธอเองก็เริ่มจะสงสารวาห์นขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว… และรู้สึกว่าหากคนที่เขาพบเจอไม่ใช้ไอส์กับทีโอน่า เขาก็คงจะถูกหลอกใช้ประโยชน์และทนทุกข์เพราะความใจดีของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
วาห์นใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทุกคนมาถึงตำแหน่งที่วางแผนไว้
พวกเขาได้ยินเสียงของการต่อสู้จากบริเวณใกล้เคียงรวมถึงความสั่นสะเทือนที่เกิดจากการโจมตีอย่างรุนแรงบนพื้นดันเจี้ยนได้อย่างชัดเจน
ทุกคนเริ่มแบ่งกันออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ และกระจายตัวไปรอบๆ ทางเดินที่ ‘กองหน้า’ จะล่อจักเกอร์นอตเข้ามา
ความตึงเครียดเริ่มพุ่งสูงขึ้นขณะที่ทุกคนเตรียมอาวุธโจมตีระยะไกลและคาถาป้องกันตัวต่างๆ
วาห์นได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงไปประจำอยู่ที่ด้านหลังกลุ่มกับเลฟิย่าและริเวเรีย
ทีโอเน่และทีโอน่านั้นจะซุ่มอยู่ที่ด้านข้างของทางเข้าและเตรียมตีขนาบจักเกอร์นอตทันทีที่มันเข้ามาในห้อง
ริเวเรียเริ่มร่ายคาถาป้องกันแบบทางเดียวซึ่งมันจะปกป้องปาร์ตี้จากการโจมตีแต่ก็ยอมให้การโจมตีของปาร์ตี้นั้นทะลุออกไปข้างนอกได้
จากนั้นเธอก็เริ่มร่ายเวทเสริมพลังที่ส่งผลแบบวงกว้างและใช้มันกับเหล่านักผจญภัยในกลุ่ม
ก่อนที่เลฟิย่าจะเริ่มใช้เวทมนต์สนับสนุนออกไปบ้าง เธอก็มองมาทางวาห์น
“วาห์น ไม่ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้น นายก็ต้องรอดไปให้ได้นะ ไม่ใช่แค่เรื่องในคราวนี้ แต่รวมไปถึงทุกเรื่องที่อาจเกิดขึ้นต่อๆ ไปด้วย”
เลฟิย่าเองก็เชื่อว่าต่อไปวาห์นอาจได้เป็นวีรบุรุษแบบที่ทีโอเน่คิดไว้
บุคลิกอันไร้เดียงสาของเขารวมกับความปรารถนาที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องผู้อื่นนั้นทำให้เธอรู้สึกได้เลยว่า ตราบใดที่มีชีวิตยืนยาว เขาจะช่วยชีวิตผู้คนได้นับไม่ถ้วนในวันข้างหน้า
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอส์จะทำให้เธอหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่อยากเห็นเขาตายด้วยเหตุที่ว่าตอนนี้เขายังอ่อนแออยู่มาก
วาห์นส่งรอยยิ้มสดใสให้กับเลฟิย่าก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นร่างพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจนะเลฟิย่า ฉันสัญญาว่าจะต้องรอดไปให้ได้”
จากนั้นวาห์นก็นำคันธนูออกมาและขึ้นลูกศรมิธริลเพื่อเตรียมรับศึก
เลฟิย่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการแปลงร่างของเขาแบบใกล้ๆ แม้จะเคยเห็นมันไปแล้วก็ตาม
การแปลงร่างนี้ดูเหมือนจะเพิ่มคุณสมบัติหลายอย่างมาด้วยซึ่งทำให้เขาดู ‘ดิบเถื่อน’ และมีความมั่นใจมากขึ้น
ราวกับว่าพอรูปร่างเปลี่ยนไป ลักษณะท่าทางรวมถึงจิตใจบางส่วนของเขาก็เปลี่ยนตามไปด้วย
“เลฟิย่า มาช่วยกันหน่อย เราเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”
ริเวเรียเริ่มรู้สึกรำคาญกับการที่วาห์นทำให้สาวๆ ในปาร์ตี้เสียสมาธิ
เธอเห็นด้วยว่าเขามีหลายแง่มุมที่ดูน่าทึ่ง แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะส่งอิทธิพลกับเหล่านักผจญภัย ‘เจนสนาม’ ได้มากมายขนาดนี้
เธอรู้สึกว่าถ้าหากไม่พูดอะไรออกไปก็คงจะต้องร่ายเวทให้กับทั้งปาร์ตี้ด้วยตัวคนเดียวขณะที่เลฟิย่าเอาจ้องมองวาห์นอย่างเหม่อลอย
เลฟิย่าสะดุ้งหลังได้ยินน้ำเสียงเย็นๆ ของริเวเรีย
เธอเริ่มร่ายเวทอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากกลุ่มที่อยู่ปีกซ้ายขณะที่ริเวเรียให้ความสนใจกับทางปีกขวา
ภายในไม่กี่นาทีต่อมาทุกคนก็อยู่ในสภาพพร้อมแล้ว ในขณะที่แรงสั่นสะเทือนได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ตอนนี้ทีม ‘ซุ่มโจมตี’ สัมผัสได้ถึงแรงระเบิดจากการโจมตีและแรงกระแทกแต่ละครั้งได้อย่างชัดเจน
ภายในไม่กี่อึดใจ ไอส์ก็โผล่ออกมาจากทางเดินและทุกคนก็เห็นสภาพเปรอะเลือดและมีรอยช้ำเล็กน้อยของเธอ
พอวาห์นเห็นสภาพของเธอแล้วก็เกือบจะวิ่งออกไปช่วย แต่ริเวเรียกลับตะโกนห้ามไว้ก่อน
“เดี๋ยว วาห์น ทำตามแผนไม่งั้นเธอจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่านี้!”
คำสั่งของริเวเรียนั้นเฉียบคมมากจนวาห์นไม่สามารถวิ่งไปต่อได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว
หลังจากที่ไอส์ปรากฏตัวได้ไม่นาน เบตและฟินน์ต่างก็โผล่ออกมาจากทางเดินในสภาพไม่ต่างกันนัก
ฟินน์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและเขาก็เริ่มตะโกนออกไปทางกลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ ทันที
“เตรียมตัวให้พร้อม!”
หลังจากตะโกนเสร็จ ฟินน์ก็หมุนตัวไปและลดหอกลงต่ำขณะรอให้มอนสเตอร์ที่กำลังคำรามเสียงดังปรากฏตัวออกมา
เบตและไอส์เริ่มเทโพชั่นใส่แผลเพื่อเตรียมเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง
พอผ่านไปประมาณยี่สิบวินาที ร่างเล็กๆ ก็ออกมาจากทางเดินด้วยความเร็วสูง
พอเข้ามาในระยะ 15 เมตร วาห์นจึงจำได้ร่างเล็กๆ นั่นก็คือแกเร็ธ
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าคนอื่นๆ มาก
เกือบจะทันทีหลังจากที่แกเร็ธเข้ามาในห้อง มอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อก็โผล่ตามเข้ามา
วาห์นจำร่างของจักเกอร์นอตที่ดูเหมือนโครงกระดูกและยาวประมาณ 10 เมตรได้ทันที
ใบหน้าของมันยังคงหายไปครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลมากมาย
บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดอย่างรุนแรงในขณะที่สองสาวชาวอเมซอนพุ่งออกไปโจมตีที่ด้านข้างของมัน
ทีโอน่ากวัดแกว่ง ‘เออร์ก้า’ อันใหญ่โตของเธอและโจมตีอย่างรุนแรงเข้าไปที่ลำตัวของมัน
ขณะที่ทีโอเน่ผู้เป็นพี่สาวพยายามตัดขาข้างหนึ่งของมันออก
โชคไม่ดีที่การโจมตีของทั้งสองดูจะส่งผลกับมันน้อยมาก
มีดของทีโอเน่แทบจะไม่ทิ้งรอยขีดข่วนบนขาบางๆ ของมันเลย ในขณะที่เออร์ก้าของทีโอน่านั้นได้แค่กระแทกมันมาลงที่พื้นขณะทิ้งรอยแตกเล็กนิดเดียวไว้บนผิวของมัน
ฟินน์พยายามใช้จังหวะที่มันกระแทกกับพื้นเพื่อเล็งหอกออกไปที่หัวของมัน
ตัวหอกกลับเจาะเข้าไปได้เพียงไม่กี่นิ้วก่อนที่จักเกอร์นอตจะสะบัดไปมาอย่างรุนแรงและส่งเขากระเด็นออกไปชนกับผนังห้อง
ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ เจ้าจักเกอร์นอตพยายามโจมตีทีโอน่าที่อยู่ใกล้ๆ แต่มันกลับถูกร่างเล็กๆ ของแกเร็ธพุ่งชนเข้าไปแทน
แม้แกเร็ธจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะมาดูพรรคพวกได้รับบาดเจ็บไปแบบต่อหน้าต่อตา
จักเกอร์นอตซัดแกเร็ธกระเด็นออกไปในขณะที่ทีโอน่าเริ่มรักษาระยะห่างเพื่อทำให้มันหยุดไล่ตาม
เมื่อมาถึงตรงนี้ พอไม่มีใครอยู่ใกล้กับจักเกอร์นอต กลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ ก็เริ่มโจมตีใส่มันราวกับห่าฝน
แม้ว่าการโจมตีส่วนใหญ่จะไม่ได้ผล แต่ก็มีสองสามครั้งที่โชคช่วยและสร้างรอยแผลให้กับจักเกอร์นอตอยู่บ้าง
วาห์นเองก็ปล่อยลูกศรใส่ดวงตาที่เหลืออยู่ข้างเดียวของมัน ทว่าดูเหมือนจะมีพลังแปลกๆ บางอย่างที่ป้องกันไม่ให้ธนูของเขาพุ่งเข้าไปเสียบตรงนั้น
จักเกอร์นอตกรีดร้องอย่างโกรธแค้นและส่งออร่าอันทรงพลังออกมาจนอาวุธบินและกระสุนต่างๆ กระเด็นกระดอนออกไปหมด
ราวกับว่าการโจมตีเมื่อกี้นี้ทำให้มันตระหนักถึงบางอย่าง เจ้าจักเกอร์นอตหันกลับมาอีกครั้งขณะก้มยองๆ ไปที่พื้น
ลูกศรที่เกือบจะเจาะตานั้นทำให้มันนึกถึงการเผชิญหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อน
มันเริ่มหันไปทางต้นตอของลูกศรและเห็นศัตรูตัวฉกาจที่เคยหลบหนีเงื้อมมือของมันไปได้
ไอหมอกหนาทึบเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ ตัวจักเกอร์นอตขณะที่มันเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง
ในแววตาของมันนั้นจ้องมองวาห์นผู้ที่รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกพลังลึกลับบีบเข้าอย่างแรง
ช่วงเวลาที่ลูกธนูของเขาไปถึงตัวมันนั้นราวกับว่ามันได้เปลี่ยนมาเพ่งเล็งที่เขาคนเดียวโดยไม่สนใจเหล่านักผจญภัยคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
เขาเห็นสายตาเกลียดชังแบบสุดๆ ขณะที่สัญชาตญาณก็เริ่มร้องเตือน
ดวงตาของวาห์นเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างของจักเกอร์นอตตรงเข้ามาหาเขาในแบบสโลว์โมชั่น
โชคร้ายหน่อยที่ไม่ว่าร่างของมันจะเคลื่อนไหวได้ช้าขนาดไหน ร่างกายของวาห์นเองก็ดูเหมือนจะไม่ฟังคำสั่งของเขาเลย
เขายังคงยืนอยู่ท่าเดิมในขณะที่จักเกอร์นอตใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เสียงทุกอย่างในที่แห่งนั้นราวกับจะถูกดูดออกไปจนหมดขณะที่สีสันก็เริ่มจางหายไปจนเขามองเห็นถูกอย่างเป็นภาพขาวดำแทน
ความคิดเดียวที่ผ่านเข้ามาในหัวของวาห์นก็คือความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
พอเจ้าจักเกอร์นอตในสภาพคุ่มคลั่งเริ่มกระโจนเข้าใส่ มันก็กระแทกกับม่านพลังของริเวเรียเข้าอย่างจัง
เธอเริ่มขมวดคิ้วขณะคอยส่งมานาเข้าไปเพื่อรักษาม่านพลังเอาไว้
ฟินน์ที่กำลังเฝ้ามองอยู่นั้นรู้สึกสับสนกับการกระทำอันแปลกประหลาดของจักเกอร์นอตมาก
แม้บางครั้งพวกมอนสเตอร์จะแสดงท่าทีราวกับมีสติปัญญา แต่ฟินน์ก็ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์เมินใส่นักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆ และเล็งโจมตีคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าเป็นอันดับแรกมาก่อนเลย
ฟินน์พุ่งเข้าไปโจมตีมันขณะมองตามสายตาที่ดูโกรธแค้นและพบว่าดูเหมือนมันกำลังมุ่งเป้าไปทางวาห์นซึ่งยืนอยู่ด้านหลังปาร์ตี้กับริเวเรียและเลฟิย่า
ฟินน์กำลังครุ่นคิด
(“หรือมันจะจำได้ว่าครั้งก่อนวาห์นหลบหนีมันไปได้? แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นมันก็ไม่น่าจะคลั่งขนาดนี้นี่นา…”)
ทันใดนั้นฟินน์ก็นึกถึงลูกศรสีเขียวที่เกือบจะชนเข้ากับพลังงานสีดำตรงเบ้าตาของมัน
เมื่อเห็นคันธนูในมือของวาห์น ฟินน์ก็ตระหนักว่ามันคงจะโกรธแค้นหลังจากเกือบสูญเสียดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวไป
พอเห็นจักเกอร์นอตกระแทกใส่ม่านพลัง ในที่สุดวาห์นก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์
ช่วงเวลาแห่งความตายที่เขารอคอยนั้นกลับมาไม่ถึง และตอนนี้เขาก็เห็นจักเกอร์นอตที่กำลังทุบกรงเล็บใส่ม่านพลังด้วยความโกรธแค้น
ฟินน์ ทีโอน่า ทีโอเน่ แกเร็ธ และไอส์ ต่างเริ่มโจมตีใส่หลังที่ไร้การปกป้องของมันอย่างหนักหน่วง
ทว่าเจ้าจักเกอร์นอตกลับเอาแต่สะบัดไปมาและพยายามผลักพวกเขาออกไปด้วยแขนและขาขณะที่ยังคงใจจดใจจ่อไปกับการทำลายม่านพลังเพียงอย่างเดียว
สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวกลวงๆ ของมันก็คือการสังหารเด็กหนุ่มที่ทำลายใบหน้าของมันไปครึ่งหนึ่ง
ม่านพลังของริเวเรียเริ่มมีรอยร้าว แต่เลฟิย่าก็ร่ายคาถาเพื่อเสริมพลังให้กับมันอีกชั้น
ทุกครั้งที่เกิดรอยแตก พวกมันก็จะถูกสมานอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้จักเกอร์นอตยิ่งบ้าเลือดหนักกว่าเดิม
วาห์นเชื่อว่าม่านพลังคงจะยืนหยัดอยู่ได้อีกไม่นาน เขาจึงย้ายตำแหน่งไปอยู่ด้านหลังเลฟิย่าและริเวเรียขณะวางฝ่ามือไว้บนแผ่นหลังของพวกเธอ
แม้พวกเธอจะสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่แต่ก็ไม่สามารถปลีกตัวออกมาถามในตอนนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ความกังวลของพวกเธอก็หายวับไปทันทีที่มีพลังงานมหาศาลถูกส่งเข้ามาในร่างกายขณะที่มานาสำรองซึ่งใกล้จะหมดก็เริ่มฟื้นกลับมาด้วยอัตราที่เร็วยิ่งกว่าปริมาณที่ใช้อยู่เสียอีก
แทนที่จะเน้นการผสานพลังเข้าไปในเขตแดน วาห์นเริ่มใส่พลังทั้งหมดของเขาเข้าไปใน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ด้วยการสนับสนุนของ [พรแห่งอิกดราซิล]
เขากำลังแปลง ‘พลังงานต้นกำเนิด’ ให้เป็นมานาและส่งมันเข้าไปในตัวสองสาวอย่างต่อเนื่อง
ม่านพลังที่อยู่ในสภาพร่อแร่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งและยังส่องสว่างมากกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อเห็นว่าม่านพลังถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ความตึงเครียดภายในห้องก็ระเบิดหายไปขณะที่มีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
กลุ่มซุ่มโจมตีเริ่มจดจ่อไปกับการโจมตีตรงส่วนที่เสียหายของจักเกอร์นอต ในขณะที่เหล่านักผจญภัยเลเวล 5 และ 6 ที่อยู่รอบนอกก็โจมตีร่างของมันต่อไปเรื่อยๆ
ในที่สุดจักเกอร์นอตก็เริ่มช้าลงขณะที่มีเลือดสดๆ ไหลออกมาจากบาดแผลทั่วร่างกายของมัน
ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่มันจะดับสูญ ฟินน์ก็ทำการโจมตีอย่างรุนแรงด้วยการพุ่งใส่ตำแหน่งของแกนคริสตัลขณะที่จักเกอร์นอตยังคงจ้องมองวาห์นด้วยสีหน้าเกลียดชังเหมือนเดิม
จู่ๆ วาห์นก็รู้สึกถึงการโจมตีทางจิตที่รุนแรงมากราวกับว่ามีกรดรุนแรงกำลังกัดกร่อนอยู่ภายในสมองของเขาอย่างต่อเนื่อง
[จิตแห่งราชัน] เริ่มระเบิดออกมาเพื่อต่อต้านการโจมตี แต่วาห์นก็ยังคงได้รับความเสียหายอย่างหนัก
อาการคลื่นไส้แทบจะทะลักออกมาในขณะที่พลังงานทั้งหมดค่อยๆ หายไปจากร่างกายอย่างช้าๆ
วาห์นเอนไปข้างหน้าตรงช่องว่างระหว่างสองสาวและล้มลงกับพื้นพร้อมกันกับจักเกอร์นอต
คนกับมอนสเตอร์ต่างมองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มหมดสติไปในแบบของตนเอง
ก่อนที่วาห์นหมดสติและเห็นว่ามันยังมองมาย่างไม่ว่างตา เขาก็ขยับปากออกมาเป็นคำที่เคยพูดกับจักเกอร์นอตไว้เมื่อครั้งก่อน ‘ไปตายซะ’