Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 111
พิธีกรรมกินเวลาไปเกือบ 10 นาที และตลอดการทำพิธีนั้น ลิลลี่ก็เอาแต่จ้องมองวาห์นพร้อมกัดฟันแน่น
ในที่สุดแสงสว่างจึงเริ่มจางลงและตราสัญลักษณ์รูปพระจันทร์กับถ้วยก็แปรเปลี่ยนเป็นค้อนสองด้ามกับภูเขาไฟ
ลิลลี่หอบหายใจขณะที่ความเจ็บปวดค่อยๆ จางหายไปและเริ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ แทน
เมื่อวาห์นเห็นว่าพิธีกรรมเสร็จสิ้นลงแล้ว เขาก็ยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าก่อนจะวางมือบนหัวของลิลลี่
เขาเริ่มส่งพลังงานผ่าน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เข้าไปและทำให้สีหน้าเจ็บปวดของเธอเริ่มดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เฮเฟสตัสถอนนิ้วออกจากแผ่นหลังของลิลลี่และพูดขึ้น
“เธออดทนได้ดีมาก จากนี้ไปเธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของเฮเฟสตัสแฟมิเลียแล้ว
ไม่ว่าใครก็ตาม รวมไปถึงพวกสารเลวจากโซม่าแฟมิเลียคิดจะมาทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้พวกมันต้องชดใช้แน่นอน”
แม้เฮเฟสตัสจะไม่ได้เอ็นดูลิลลี่อะไรขนาดนั้น แต่เธอก็เป็นเทพธิดาที่หวงแหน ‘เด็กๆ’ ของตัวเองมาก
เธอตั้งใจว่าจะให้ทางกิลด์ทำการตรวจสอบโซม่าแฟมิเลียและค้นหาคำตอบว่าเบื้องหลังนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลิลลี่พยักหน้าและยังคงเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นจากฝ่ามมือของวาห์น
“ขอบคุณค่ะท่านเฮเฟสตัส ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ทำให้แฟมิเลียขายหน้า”
สึบากิพูดขึ้นต่อจากลิลลี่
“จากนี้ไปเธอสามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ได้อย่างเป็นทางการแล้ว หรือจะไปเป็นซัพพอร์ตเตอร์ให้กับทีมสำรวจก็ได้
พอเธอมีประสบการณ์และได้รับเอ็กซีเลียที่เพียงพอ เธอก็จะสามารถเพิ่มเลเวลได้อย่างอิสระนับจากนี้เป็นต้นไป”
ลิลลี่พยักหน้าเรื่อยๆ แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
เธอรู้ว่าโซม่าแฟมิเลียนั้นไม่อาจแตะต้องเฮเฟสตัสแฟมิเลียได้เลย แต่เธอก็ยังอยากจะไปแก้แค้นด้วยตัวเองอยู่ดี
เธอไม่อาจอภัยให้กับทุกสิ่งที่โซม่าแฟมิเลียทำกับเธอได้และยังมีผู้คนอีกมากมายในแฟมิเลียที่เธออยากจะลงโทษด้วยน้ำมือของตัวเอง
วาห์นมองเห็นออร่าของลิลลี่ และพบว่ามันเริ่มผันผวนซึ่งเขาเข้าใจได้ทันทีว่าเธอกำลังเก็บงำความโกรธแค้นเอาไว้
เขาไม่สามารถตำหนิเธอได้เพราะหากว่าวันหนึ่งเขาได้กลับไปที่โลกเดิมของตัวเอง เขาก็อาจจะไปแก้แค้นคนที่ทารุณเขาเช่นกัน
และแม้เขาจะได้รู้ทีหลังว่าคนพวกนั้นถูกทำลายไม่หมดแล้วด้วยฝีมือของคนอื่น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกแย่อยู่ดี
แต่ทว่า วาห์นได้สัญญากับแม่ของตัวเองไปแล้วว่าจะพยายามมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ
เขาจึงค่อยๆ ปล่อยวางความเกลียดชังลงไปขณะที่มาเริ่มใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ลิลลี่เอียงศีรษะมาทางเขาและเบิกตากว้างขณะมองวาห์นด้วยความสับสนเมื่อได้ยินวาห์นพูดออกมาอย่างช้าๆ
“ลิลี่ การมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อแก้แค้นน่ะมันไม่มีความหมายหรอกนะ
ทางเดียวที่เธอจะเอาชนะอดีตได้ก็คือการใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีความสุข
อย่าปล่อยให้ความทรงจำในอดีตบ่อนทำลายชีวิตในปัจจุบันของเธอเลย”
ลิลลี่เบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดวาห์น และเธอก็พอรู้ว่าเขาคงสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่เธอกำลังเก็บซ่อนเอาไว้
เธอตอบกลับด้วยเสียงพึมพำเบาๆ
“วาห์น… ฉันจะพยายามดูนะ”
จากนั้นลิลลี่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และให้วาห์นช่วยเธอสวมเสื้อภายใต้สายตาหงุดหงิดเล็กน้อยของเฮเฟสตัส
วาห์นรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างขณะช่วยลิลลี่แต่เขาก็รู้สึกประหลาดตอนที่ค่อยๆ ติดกระดุมเสื้อให้กับเธอ
พอเธอสวมเสื้อผ้าเสร็จหมดแล้ว วาห์นก็รู้สึกเสียใจนิดๆ แบบไม่รู้สาเหตุ
สึบากิผู้ที่กำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทั้งหมดก็ตบหลังของวาห์นแรงๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“อย่าเศร้าไปเลยวาห์น! เธอยังมีโอกาสที่จะได้ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงอีกตั้งเยอะแยะ ฉันพูดถูกไหมคะท่านเฮเฟสตัส!?”
เฮเฟสตัสสะดุ้งจากเสียงอันดังกึกก้องของสึบากิก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยและพูดเสียงเบา
“บางทีนะ… แต่ต้องหลังจากนายสร้างไอเท็มที่ทำให้ฉันพอใจได้เสียก่อน
ฉันไม่สามารถละเมิดคำสาบานของตัวเองได้ ส่วนเมื่อกี้นี้ก็เป็นแค่เรื่องผิดพลาดเท่านั้น…”
วาห์นขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเฮเฟสตัสพยายามอธิบายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังพยายามก่อกำแพงขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปยืนตรงด้านหน้าเธอ
วาห์นยื่นมือออกไปจับใบหน้าและมองประสานตากับเธอ
เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นคล้ายกับตอนที่คนอื่นพยายามพูดหว่านล้อมเขา
“ฉันจะสร้างไอเท็มเพื่อเธอแน่นอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้เราจะต้องอยู่ห่างกันไปตลอดหรอกนะ
เราไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้ แต่ฉันคิดว่าแค่กอดกับจูบคงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร”
เฮเฟสตัสถึงกับช็อคเมื่อได้ยินคำพูดของวาห์น ขณะที่สึบากิมีสีหน้า ‘ภาคภูมิใจ’ พร้อมกับพยักหน้าให้กับการกระทำของเขา
ลิลลี่ที่เพิ่งจะเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาเมื่อครู่นี้ทำได้แต่เพียงยืนดูอย่างเงียบเชียบและสูดหายใจเข้าลึกๆ
ตอนที่เฮเฟสตัสจะพูดบางอย่าง วาห์นก็เอนหน้าเข้ามาและจูบลงบนริมฝีปากของเธอ
มันดูติดขัดเล็กน้อยและเขาก็เกือบจะล้มลงเพราะความต่างของส่วนสูง แต่ถึงยังไงเขาก็อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกให้กับเธอในรูปแบบที่ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
วาห์นรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องแสดงความรู้สึกออกมาด้วยคำพูด ดังนั้นเขาจึงตัดสินในว่าการจูบนั้นน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
เฮเฟสตัสไม่ได้พยายามต่อต้านเหมือนกับคราวก่อน แต่เธอก็ถอนตัวออกมาหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีพร้อมกับพวงแก้มที่แดงก่ำ
จากนั้นเธอก็ ‘จ้อง’ วาห์นพร้อมกัดริมฝีปากล่างไปด้วยและพูดออกมา
“…แค่… นานๆ ครั้งนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาไม่ได้
เฮเฟสตัสเห็นท่าทางของเขาแล้วก็ต้องกัดฟันก่อนจะถอนหายใจ
ความรู้สึกของเธอกำลังผสมปนเปกันไปหมดเมื่อนึกถึงเรื่องอนาคตขณะที่เธอนั่งลงกับโต๊ะทำงานและฟุบหน้าลงไป
ทุกคนเริ่มหันไปมองด้วยความสงสัย แต่เธอก็เอาแต่ปิดตาโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นและพยายามสงบใจตัวเองด้วยการฟังเสียงหัวใจของวาห์น
แม้จะรู้สึกว่าวิธีสงบใจแบบนี้ช่างดูประหลาดเหลือเกิน แต่เธอก็ทำมันจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว
น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอเองก็สัมผัสได้ว่าหัวใจของวาห์นนั้นกำลังเต้นเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นรอบนี้จึงต้องใช้เวลามากกว่าปกติก่อนที่เธอจะสงบลง
สึบากิเห็นว่าเฮเฟสตัสทำตัวแปลกๆ ดังนั้นเธอจึงจับแขนของลิลลี่ก่อนจะพาเธอเดินออกไป
“มาเถอะลิลลี่ ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเราต้องไปจัดการหลังจากที่เธอได้เป็นสมาชิกของแฟมิเลียแล้ว
ไว้เธอค่อยมายั่ววาห์นต่อทีหลังก็ได้”
ลิลลี่นั้นเงียบมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้และเธอยังคงจ้องไปมาระหว่างวาห์นและเฮเฟสตัสอยู่เรื่อยๆ
ก่อนที่จะเดินผ่านประตูออกไป เธอก็พูดกับเฮเฟสตัส
“ท่านเฮเฟสตัสโชคดีมากเลยนะคะ วาห์นเอาใจใส่ท่านมาก… มากจนทำให้ฉันรู้สึกอิจฉานิดหน่อย”
หลังจากพูดจบ ลิลลี่ก็เดินตามสึบากิออกไปและปิดประตูให้ด้วย
เฮเฟสตัสเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยและมองขณะกลอนประตูถูกล็อคจากด้านนอก
หลังจากเงียบไปอีกหลายนาที เธอก็วางหัวลงกับโต๊ะอีกครั้งและพยายามผ่อนคลายต่อ
ที่จริงเธอแล้วเธอไม่ได้นอนมากเท่าไหร่นักในช่วงเก้าวันที่ผ่านมาเนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเฝ้าไข้วาห์น
เพราะอยู่ในสภาพเครียดจัดเป็นระยะเวลานาน ตอนนี้เธอจึงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งด้านร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก
วาห์นยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
วันนี้ก็ดึกมากแล้วและเขาอาจจะต้องนอนในห้องทำงานของเธอด้วย
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกๆ เขาจึงอยากจะแก้ไขมันและทำให้เฮเฟสตัสผ่อนคลายขึ้น
วาห์นเดินไปด้านข้างโต๊ะและยื่นมือออกไปแตะแขนของเฮเฟสตัสอย่างเบามือ
เฮเฟสตัสสังเกตเห็นเขาเข้ามาใกล้และเมื่อเห็นเขาเอื้อมมือเข้ามา เธอก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นและคาดว่าเขาคงอยากทำอะไรต่อจากเมื่อกี้
แม้จะไม่ได้ติดใจอะไรนัก แต่เธอก็อยากให้เขาเอาใจใส่เธอมากกว่านี้อีกหน่อย
เธอมองไปที่เขาและถามด้วยน้ำเสียงง่วงๆ
“มีอะไรเหรอ วาห์น? ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากเลยนะ”
วาห์นเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาก่อนจะตอบ
“ดูก็รู้แล้วล่ะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆ หรอกน่า แค่อยากจะช่วยให้เธอผ่อนคลายเท่านั้นเอง
ถ้างั้นเธอช่วยไปนอนบนโซฟาแทนได้ไหม”
เมื่อเฮเฟสตัสเห็นสีหน้าห่วงใยแบบตรงไปตรงมานั่น เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำตามใจและยอมให้เขาพาเธอไปนอนบนโซฟา
เมื่อเห็นโซฟาอันแสนคุ้นเคยและนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็พยายามทำตัวให้สงบเหมือนเดิม
เธอเชื่อว่าวาห์นจะรักษาคำพูดและคงไม่พยายามทำอะไรเกินเลยในตอนนี้
“เอาล่ะเฮเฟสตัส มันอาจจะ… ยากสักหน่อย แต่ฉันอยากให้เธอนอนคว่ำลงและผ่อนคลายร่างกาย”
เฮเฟสตัสพบว่าขณะที่วาห์นพูดคำว่า ‘ยาก’ ดวงตาของเขาก็ไปจดจ่อตรงหน้าอกของเธอทันที
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา
“ไม่มีปัญหา ฉันเคยนอนบนโซฟามาหลายครั้งแล้วโดยที่… ไม่ได้ติดขัดอะไรเลย”
เฮเฟสตัสเองก็พูดแบบเน้นคำจนวาห์นต้องหัวเราะแบบเจื่อนๆ
หลังจากที่เฮเฟสตัสนอนคว่ำลง เธอก็ทำตามที่วาห์นแนะนำและพยายามผ่อนคลายร่างกาย
เธอไม่มั่นใจว่าเขาจะพยายามทำอะไร แต่ความกังวลของเธอก็ได้รับคำตอบแทบจะทันทีหลังจากรู้สึกได้ถึงนิ้วมือที่มาสัมผัสกับไหล่ของเธอ
ก่อนที่จะได้ถามกลับ เธอก็รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ ขณะที่มีพลังงานอบอุ่นไหลเข้าไปตรงช่วงไหล่ของเธอ
หลังผ่านไปไม่กี่วินาที กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดตรงจุดนั้นก็ผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ส่วนวาห์นก็ขยับต่อไปยังอีกจุดหนึ่งและทำแบบเดิมซ้ำ
เฮเฟสตัสตระหนักแล้วว่าวิธีที่วาห์นใช้ช่วยเธอผ่อนคลายก็คือการนวดแบบหนึ่งที่ใช้พลังงานของเขาผสานเข้าไปในส่วนที่ตึงเครียด
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขกับความเอาใจใส่ของเขาซึ่งต่างไปจากความกังวลตอนแรกของเธอแบบลิบลับ
เมื่อวาห์นได้เรียนรู้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ในช่วงแรกๆ มันยังอธิบายถึงการกดจุดต่างๆ บนร่างกายไว้ด้วย
หากได้ฝึกฝนเพิ่มเติม เขาก็สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคนี้ได้กับทุกเรื่อง
ตั้งแต่การช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดไปจนถึงการปิดผนึกเส้นเลือดแดงเพื่อห้ามเลือด
ตอนนี้เขากำลังใช้หนึ่งในเทคนิคนั้นเพื่อลดความตึงเครียดในกล้ามเนื้อของเฮเฟสตัส
เขาหวังว่ามันจะช่วยให้เฮเฟสตัสผ่อนคลายลงเล็กน้อยและเมื่อเห็นว่าเธอหลับไปแล้วหลังผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของมันมาก
เนื่องจากวาห์นไม่เคยนวดให้ใครมาก่อน เขาจึงต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากขณะที่ค่อยๆ ขยับไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ บนแผ่นหลังของเฮเฟสตัส
ก่อนหน้านี้เขาได้ประหลาดใจไปแล้วกับความอ่อนนุ่มของร่างกายหญิงสาว แต่เขาก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งกับความตึงเครียดในกล้ามเนื้อของเทพธิดาองค์นี้
เนื่องจากเธอเป็นช่างตีเหล็กที่มากประสบการณ์ บริเวณรอบแผ่นหลังส่วนบนและบ่าของเธอจึงแข็งแรงยิ่งกว่าปกติ
แม้ว่ามันจะดู ‘ไม่เหมือน’ ว่าเธอจะมีกล้ามเนื้อเท่าไหร่ แต่วาห์นก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียด ‘ที่้แข็งราวกับเหล็กกล้า’ กำลังไหลเวียนอยู่ภายในกล้ามเนื้ออันน้อยนิดของเธอ
สิ่งที่ทำให้วาห์นรู้สึกเซ็งๆ ก็คือจากที่คู่มือระบุไว้ ผู้ถูกนวดจะต้องถอดเสื้อผ้าออกเพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด
เพราะเป็นห่วงว่าเฮเฟสตัสอาจคิดว่าเขากำลังทำลายสัญญา วาห์นจึงไม่ได้พูดอะไรและยอมให้เธอสวมเสื้อผ้าเอาไว้
มันทำให้การนวดยากขึ้นกว่าเดิมมากแต่วาห์นเองก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับ ‘การค้นพบ’ จุดที่เหมาะกับการนวดผ่านการลองผิดลองถูก
แถมมันยังเป็นความสนุกอีกแบบหนึ่งในตอนที่เขาส่งพลังงานเข้าไปในเส้นประสาทและทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ สั่นไหวเล็กน้อย
หลังจากนวดไปเกือบหนึ่งชั่วโมง วาห์นก็พบว่าตอนนี้ร่างกายทุกส่วนของเฮสเฟตัสได้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แล้ว
เธอถึงขนาดมีน้ำลายไหลออกมาจากปากเล็กน้อยซึ่งทำให้วาห์นคิดว่ามันดูน่ารักดี
หลังจากเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมา วาห์นก็เช็ดมันกับเสื้อตัวเองก่อนจะใช้มือลูบผ่านเส้นผมของเฮเฟสตัสและหอมแก้มเธอ
แม้ยังหลับอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็รับรู้ได้ถึงการกระทำของเขาและยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบสนอง
วาห์นพอใจมากที่ตนสามารถรักษาสัญญาเอาไว้ได้และนอนลงบนพื้นถัดจากโซฟาก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่การหลับใหล
ก่อนที่ความคิดของเขาจะหายเข้าไปในความมืด สิ่งสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาในหัวของเขาคือความคิดที่จะพัฒนาเทคนิคการนวดให้ดียิ่งกว่าเดิมในอนาคตอันใกล้…
—
กลางดึกของคืนนั้น จู่ๆ แผ่นหลังของหญิงสาวหลายคนจากทั่วทั้งเมืองก็พลันรู้สึกเสียววาบอย่างพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมาย…