Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 113
หลังจากยอมรับอนูบิสในฐานะลูกน้องแล้ว วาห์นก็รีบดูการแจ้งเตือนภายในระบบและเห็นค่าความภักดีของเธออยู่ที่ 70 แต้มซึ่งดูสูงผิดปกติหากดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พออนูบิสได้ยินวาห์นยอมตกลงให้เธอชดใช้หนี้ เธอก็โค้งคำนับและพูดในแบบที่แทบจะเป็นคนละคนกันเลย
“เชิญสั่งฉันมาได้ตามที่ต้องการเลยค่ะ นายท่าน
ตราบใดที่มันไม่ขัดกับหลักการของฉัน ฉันจะทำตามที่นายท่านสั่งให้ดีที่สุดเลย”
เมื่อเห็นสาวงามจากต่างถิ่นโค้งคำนับให้กับเขา วาห์นก็รู้สึกว่าหัวใจของตนสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเฮเฟสตัส
ดูเหมือนเธอกำลังมองอนูบิสด้วยท่าทางครุ่นคิด แต่เมื่อเห็นสายตาที่วาห์นมองมา เธอก็หันไปพูดกับเขาแทน
“นายควรจะให้เธอกล่าวคำสาบานนะ ไม่งั้นจะไม่มีอะไรมาผูกมัดเธอไว้กับหนี้ครั้งนี้
หากนายปล่อยเอาไว้ เธอก็อาจจะหลบหนีออกจากเมืองไปในตอนที่นายไม่ทันระวังตัว”
อนูบิสเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วให้กับคำกล่าวหาของเฮเฟสตัส แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรเธอก็เห็นวาห์นส่ายหัว
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกนะเฮเฟสตัส ถึงอนูบิสอยากจะหนีออกไปจากเมือง ฉันก็จะไม่รั้งเธอไว้
แม้จะทำอะไรที่ดูบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกัน
ฉันไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเธออยากจะพาเด็กๆ หนีไปใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ”
พอวาห์นพูดจบ เขาก็พบว่าค่าความภักดีของอนูบิสนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 74 จนตัวเองรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“ฉันจะไม่ละทิ้งศักดิ์ศรีและทำสิ่งน่าละอายแบบนั้นหรอกค่ะ
จะให้สาบานหรือไม่ก็ตาม ขอให้รู้ไว้เลยว่าฉันจะไม่หนีไปจากเมืองเด็ดขาด
แม้นายท่านจะไม่มีอะไรให้ฉันทำ แต่ฉันก็จะพยายามทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามและทำให้การใช้ชีวิตของนายท่านต้องมีอุปสรรค”
อนูบิสประกาศออกมาอย่างหนักแน่นและไร้ความลังเลพร้อมกับมองสบตากับเฮเฟสตัส
ดูเหมือนว่าเฮเฟสตัสจะยังไม่เชื่อเธอเท่าไหร่นักจึงถามขึ้นมา
“แล้วเธอวางแผนว่าจะรับใช้เขาไปนานแค่ไหนกัน? หนี้ของเธอจะ ‘หมดลง’ เมื่อไรกันแน่?”
อนูบิสเอียงหัวเล็กน้อยคล้ายกับกำลังสับสน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดตอบ
“การกระทำของฉันเกือบส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ฉันก็ต้องชดใช้แบบชีวิตแลกชีวิตเหมือนกัน
ตราบใดที่นายท่านวาห์นยังมีลมหายใจอยู่ ฉันก็จะรับใช้เขาต่อไปเรื่อยๆ”
วาห์นพบว่าเป็นอีกครั้งที่ค่าความภักดีของอนูบิสเพิ่มขึ้น
ตอนนี้เธอมีค่าความภักดีอยู่ 77 แต้มแล้ว แต่วาห์นก็ไม่ได้สนใจกับมันมากเท่าใบหูขนาดใหญ่ที่กำลังกระดิกไปมาอยู่บนหัวของเธอ
เฮเฟสตัสถอนหายใจขณะเฝ้ามองความจริงจังของอนูบิส
เธอเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาขณะเพิ่ม ‘ปัญหา’ ที่ต้องจัดการในอนาคตไปอีกหนึ่งอย่างในใจ
เมื่อรวบรวมความคิดได้ เฮเฟสตัสก็พูดขณะมองเข้าไปในดวงตาของอนูบิส
“งั้นก็เอาเลย กล่าวคำสาบาน-”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ วาห์นก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น ถึงฉันจะยอมรับอนูบิสในฐานะข้ารับใช้ไปแล้ว แต่ฉันจะไม่ยอมผูกขาดใครสักคนด้วยสัญญาหรือคำสาบานที่ยาวนานเท่ากับชีวิตของตัวเองหรอก
แค่คิดเรื่องผูกมัดอิสระของคนอื่นก็ทำให้คลื่นไส้จะแย่แล้ว…”
ทั้งอนูบิสและเฮเฟสตัสต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่วาห์นพูด แต่พอผ่านไปไม่นานทั้งสองก็แอบยิ้มนิดๆ ให้กับเด็กหนุ่ม
เฮเฟสตัสรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยที่เห็นความแน่วแน่ของวาห์นในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นเธอก็ต้องยอมประนีประนอมตามเช่นกัน
เธอมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของอนูบิสก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้านั่นเป็นการตัดสินใจของเขา ฉันก็จะไม่เข้าไปวุ่นวายหรอก แต่อย่างน้อยก็อยากให้เธอสาบานว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนกับทางกิลด์เพื่อจัดการเรื่องโอซิริส
คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
เมื่อได้ได้ยินเฮเฟสตัสพูดถึงโอซิริส อนูบิสก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจขณะตอบเธอ
“เจ้าสารเลวนั่นสมควรได้รับผลของทุกอย่างที่ทำลงไปจริงๆ
ในคืนที่เราไปบุกที่นั่น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีอาชญากรไม่รู้กี่คนที่หมอนั่นรับมาเป็น ‘เด็กๆ’ ของตัวเอง
เพราะโอซิริสเองก็มองเห็นดวงวิญญาณได้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจะต้องรู้อยู่แล้วว่าคนในแฟมิเลียเคยทำอะไรมาก่อนบ้าง
การที่เขายอมรับฆาตกรและพวกจิตใจเลวทรามนั้นทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน”
สำหรับผู้ที่มองเห็นดวงวิญญาณนั้น พวกเขาพอจะมองออกว่าคนๆ นั้นเป็นแบบไหนโดยยึดตามสีที่อยู่ภายในวิญญาณ
สำหรับ ฆาตกร หัวขโมร นักข่มขืน และพวกสารเลวทั้งหลายนั้นจะมีสะเก็ดสีดำหรือสีเขียวเข้มปนเปื้อนอยู่ในดวงวิญญาณด้วย (TL: คล้ายๆ การดูออร่าของวาห์นแต่ละเอียดน้อยกว่า)
หลังจากตกลงกันได้ ทั้งเฮเฟสตัสและอนูบิสต่างก็กล่าวคำสัตย์สาบานและนัดแนะเวลาที่จะไปรายงานตัวกับทางกิลด์ด้วยกัน
เนื่องจากทางกิลด์ไม่สามารถกักตัวเทพไว้ได้นานโดยไม่มีข้อกล่าวหา พวกเธอจึงต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จภายในเวลาสองวันนับจากนี้
หลังจากคุยเรื่องนี้เสร็จแล้ว เฮเฟสตัสก็หยิบยกหัวข้อที่พวกเขาไม่ได้คุยกันตั้งแต่แรกขึ้นมา
“แล้วเด็กๆ พวกนี้ล่ะ? เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าจะติดตามวาห์น งั้นเธอก็จะปลดปล่อยพวกเขาไปเหรอ?”
เฮเฟสตัสชี้ไปทางเด็กทั้งเจ็ดคนที่นั่งเงียบตลอดการพูดคุย
หูที่ตั้งชันในตอนแรกของพวกเขาเริ่มจะลดต่ำลงขณะที่แต่ละคนมีสีหน้าเศร้าสร้อยหลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น
อนูบิสเห็นท่าทางหดหู่ของพวกเด็กๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจแบบเศร้าๆ
“เราเดินทางมาที่เมืองนี้เพราะคำเชิญจากโอซิริส และตอนนี้เงินทุนของพวกเราก็ใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว
ฉันไม่อาจช่วยเหลือหรือส่งเสียพวกเขาต่อไปได้อีก
เมื่อเทียบกับพวกที่อยู่ในบ้านเกิดแล้วเด็กๆ พวกนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร ทว่าพอเข้าไปในดันเจี้ยนแล้วกลับพบว่ามันลำบากกว่าที่คิดไว้มากเลย
ฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องมาลำบากเพื่อพยายามสนับสนุนแฟมิเลียต่อไปอีกแล้ว”
อนูบิสมองไปที่วาห์นด้วยท่าทางคาดหวัง
“ฉันไม่อาจมห้พวกเขาติดตามมาด้วยได้ เพราะหนี้ครั้งนี้เป็นหน้าที่ที่ฉันต้องแบกรับมันไว้คนเดียว
ทางเลือกต่อไปคงต้องขอให้นายท่านเป็นคนตัดสินใจแทนแล้ว…”
เขาเข้าใจสายตาของเธอเป็นอย่างดีจึงหันไปทางพวกเด็กๆ ที่เคยกลัวเขา
ตอนนี้สายตาแห่งความความกลัวได้เปลี่ยนไปเป็นสายตาอ้อนวอนแทน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหูของพวกเด็กๆ ที่ลดต่ำลงและดวงตากลมโตเหล่านั้นทำให้วาห์นรู้สึกสะเทือนใจอย่างแรงจนต้องยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าเด็กๆ อยากติดตามเธอต่อไปจริงๆ ฉันก็จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ถึงเธอจะยอมมารับใช้ แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการบริวารหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ
อีกอย่าง ใครจะไปกล้าปฏิเสธลงถ้าเอาแต่จ้องกันแบบนี้…”
อนูบิสเริ่มหัวเราะเสียงดังพร้อมกับหรี่ตาลงและเผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“ฉันก็ได้แค่หวังไว้เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่านายท่านจะใจกว้างแบบนี้
เอาล่ะเด็กๆ พวกเธอยินดีที่จะติดตามนายท่านไปพร้อมกับฉันหรือเปล่า?”
ตอนที่เธอถามมันออกมานั้นราวกับว่าพวกเขาได้ซักซ้อมกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะทั่วทั้งกลุ่มพลันกระโดดขึ้นมาก่อนจะโค้งคำนับและพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ได้โปรดขอให้พวกเราได้ตามรับใช้นายท่านด้วย!”
วาห์นมองเห็นถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังในดวงตาเหล่านั้นขณะที่เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน
พอเห็นวาห์นตกลงแล้ว หางของพวกเด็กๆ ก็เริ่มส่ายไปมาอย่างตื่นเต้นก่อนที่พวกเขาจะกลับมานั่งเงียบๆ
ตอนนี้เด็กๆ ดูมีความสุขมากและต่างไปจากเดิมแบบลิบลับ
วาห์นสงสัยว่าทำไมเด็กๆ ถึงดูเชื่อฟังมากขนาดนี้แต่เขาก็คิดว่าอนูบิสคงเป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของทุกคน
ในเวลาเดียวกันกับที่วาห์นยอมรับพวกเด็กๆ ค่าความชื่นชอบของอนูบิสก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 81 ขณะที่เธอเผยรอยยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ
เฮเฟสตัสเฝ้ามอง ‘ฉาก’ นี้ด้วยสีหน้าสงสัยก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วตอนนี้เธอกับแฟมิเลียไปพักอยู่ที่ไหนกันเหรอ?”
พอเฮเฟสตัสถามคำถามนี้ออกมา หางที่ส่ายไปมาของพวกเด็กๆ ก็หยุดชะงักลงขณะที่อนูบิสเองก็ทำหน้าตื่นๆ เช่นกัน
อนูบิสกระแอมแก้เขินไปพักหนึ่งก่อนจะลดหัวลงต่ำและมองไปที่วาห์นกับเฮเฟสตัสพร้อมกับพูดด้วยเสียงเบาๆ
“ตอนนี้พวกเรา… ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
เงินทุนของเราหมดไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว
พวกเราก็เลยต้องพักอยู่แถวๆ หอคอยตั้งแต่นั้นมา…”
อนูบิสดูเหมือนจะรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่ต้องสารภาพตามตรง แล้วก็ยิ่งอับอายหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อของเฮเฟสตัส
วาห์นเริ่มหัวเราะหลังได้ยินว่าเทพธิดาที่มุ่งมั่นจะรับใช้เขาท้ายสุดแล้วกลับมีปัญหาเรื่องที่พักอาศัย
เขาเริ่มสงสัยว่าเหตุผลที่เธออยากจะมาเป็นข้ารับใช้ แท้จริงก็เพื่อจัดหาที่อยู่แบบเป็นหลักแหล่งให้กับพวกเด็กๆ ซะมากกว่า
อนูบิสดูเหมือนจะยิ่งอายกว่าเดิมหลังจากที่วาห์นเริ่มหัวเราะจนเกิดประกายสีแดงบนพวงแก้มของเธอเป็นครั้งแรก
ก่อนที่สถานการณ์จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ วาห์นก็พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วง ถึงตอนนี้ฉันจะมีเงินไม่มากแต่ก็น่าจะพอจ่ายค่าที่พักสำหรับเธอแล้วก็พวกเด็กๆ ไปได้สักระยะ
แต่เงินก้อนนี้จะไม่ได้ให้ไปแบบเปล่าๆ หรอกนะ
ฉันหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างหนักในอนาคตเพื่อรักษาความเป็นอยู่ของตัวเองเอาไว้”
ตอนนี้วาห์นมีเงินทั้งหมด 171,530 วาลิส ซึ่งเพียงพอสำหรับการเช่าบ้านหลังเล็กๆ หากเขาต้องการ
แม้มันคงจะไม่ใช่สถานที่หรูหราอะไรมากนัก แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับแฟมิเลียขนาดเล็ก
เฮเฟสตัสส่ายหัวและยกอีกเรื่องขึ้นมาพูดก่อนที่วาห์นจะได้พูดต่อ
“ที่จริงนายมีเงินมากกว่าที่คิดอีกนะ
จำเรื่องเงินรางวัลกับค่าชดเชยที่ได้รับจากโลกิแฟมิเลียได้ไหม?
ว่างๆ ก็ไปรับเงินจากทางกิลด์ด้วยล่ะ ฉันมั่นใจว่ามันมีมากพอที่จะช่วยเรื่องรายจ่ายไปได้สักระยะหนึ่งเลย
แต่ฉันคงต้องถามก่อนนะว่านายไม่คิดจะอยู่กับสึบากิต่อแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดช่วงแรกของเฮเฟสตัส วาห์นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นจนกระทั่งเธอพูดจนถึงส่วนท้ายๆ
เขาไม่เคยคิดจะย้ายออกจากบ้านของสึบากิเลย แต่ถ้าเขาตกลงที่จะช่วยแฟมิเลียนี้ไปแล้ว มันก็คงดูไม่เหมาะที่เขาจะไปอาศัยอยู่ที่อื่น
วาห์นเริ่มกังวลเนื่องจากเขากำลังชนตอเข้าอย่างจัง แต่โชคดีที่ดูเหมือนเฮเฟสตัสจะเตรียมทางแก้ไว้ให้พร้อมสรรพ
เฮเฟสตัสถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ
“ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก ตอนที่นายเข้าร่วมแฟมิเลียใหม่ๆ ฉันก็รับรองไปแล้วนี่ว่านายจะได้รับที่พักอาศัยรวมไปถึงโรงหลอมส่วนตัวด้วย
ฉันจัดการให้ที่ทำงานใหม่ของนายไปตั้งอยู่ตรงด้านหลังคฤหาสน์ของสึบากิแล้ว
แม้มันจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากัน แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับความต้องการในตอนนี้นะ…”
วาห์นรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เฮเฟสตัสทำให้เขาเป็นอย่างมากจนต้องพูดประโยคเดียวที่คิดได้ออกไป
“ขอบคุณนะเฮเฟสตัส รักเธอจริงๆ เลย”
เมื่อวาห์นโยนระเบิดลูกใหญ่มาให้และได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้าของเขา หัวใจของเฮเฟสตัสก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นและคิดอะไรต่อไปไม่ออก
เธอทำได้แต่เพียงทวนคำพูดของเขาซ้ำไปมาอยู่ภายในหัวขณะที่ความดันเริ่มมารวมกันอยู่บนใบหน้าของเธอจนเกิดเป็นร่องรอยสีแดงก่ำขนาดใหญ่
อนูบิสจ้องมองการตอบสนองของเธอและพอได้ยินคำพูดของวาห์นแล้วก็ต้องถามขึ้น
“พวกท่านเป็นคู่รักกันหรอกเหรอ~?”
ดูเหมือนเธอจะรู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษจนน้ำเสียงตอนท้ายๆ ประโยคนั้นฟังดูแปลกไปกว่าเดิมมาก
เฮเฟสตัสดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะยังอยู่ในสภาพมึนๆ วาห์นจึงชิงพูดก่อน
“ยัง แต่ใกล้แล้วล่ะ ฉันสัญญากับไว้ว่าจะสร้างไอเท็มที่ทำให้เธอพึงพอใจ และให้เธอมาเป็นคนรัก ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
ดวงตาของวาห์นเบิกกว้างขณะที่กำลังป่าวประกาศออกมาเสียงดัง
อนูบิสดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็ได้แต่ยิ้มๆ ให้กับเฮเฟสตัสที่หน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงต่อแล้ว
ตอนนี้เฮเฟสตัสกำลังยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าและไม่ยอมสบตากับใครทั้งนั้น
อนูบิสคิดว่าเฮเฟสตัสที่ทำตัวน่ารักนั้นดูดีกว่าปีศาจโกรธเกรี้ยวจากเมื่อหลายวันก่อนเป็นไหนๆ
วาห์นดูเหมือนจะเห็นด้วยพร้อมกับที่เขายื่นมือออกไปและเริ่มส่งพลังผ่าน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อช่วยบรรเทาความว้าวุ่นในจิตใจของเฮเฟสตัส
ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะมีผลต่อเฮเฟสตัสเป็นอย่างมากจนเธอได้แต่แอบมองวาห์นผ่านช่องว่างของนิ้วมือ
แม้เธอจะดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่วาห์นก็ยังเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังฝ่ามือนั่น