Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 114
หลังจากเฮเฟสตัสสงบสติลงแล้วด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อยจากวาห์น
เธอก็เริ่มพูดคุยเรื่องอื่นต่อก่อนที่จะจบการสนทนาลง
ขณะที่วาห์นกำลังจะออกไปที่กิลด์เพื่อสะสางเรื่องการย้ายที่อยู่ใหม่ เฮเฟสตัสก็เข้ามากอดเขาก่อนจะออกไปส่งที่ประตู
แม้ว่าวาห์นจะตอบรับการกอดของเธออย่างมีความสุข แต่เขาก็รู้สึกว่าเธอกำลังเศร้านิดๆ ที่ต้องส่งเขาออกไป
ก่อนผ่านออกจากประตู เขาจึงเข้าใกล้ตอนที่เธอไม่รู้ตัวและจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากเรียวบาง
มันเป็นการจูบแบบครู่เดียวแต่วาห์นก็เห็นเธอเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะผลักเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ออกไปได้แล้ว!”
วาห์นยอมถูกเฮเฟสตัสที่กำลังเขินผลักออกไปข้างนอกอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอทำให้เขาดูร่าเริงและดึงดูดความสนใจของคนเดินผ่านไปมาจนพวกเขาสงสัยและเกิดความอยากรู้อยากแบบอดไม่ได้
เฮเฟสตัสเหลือบมองไปทางฝูงชนก่อนจะหันมาพูดกับวาห์น
“นายจะต้องพยายามพัฒนาทักษะการตีเหล็กของตัวเองให้มากขึ้นอีกนะ
ถ้าทำให้ฉันต้องรอนานล่ะก็… อาจมีคนอื่นมาขโมยฉันไปแทนก็ได้”
วาห์นจ้องประสานตากับเธอก่อนจะนำค้อนที่เธอทำให้ออกมา
“เฮเฟสตัส ฉันขอสาบานว่าจะไม่ยอมให้ใครมาขโมยเธอไปแน่นอน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะทำตามคำสัญญาและทำลายความโดดเดี่ยวของเธอด้วยค้อนอันนี้!”
แม้ว่าเฮเฟสตัสจะพูดกับเขาเบาๆ แต่วาห์นกลับตอบเธอด้วยเสียงดังฟังชัดไปทั่วซอย
เขาไม่สนใจหรอกว่าจะมีคนได้ยินหรือเปล่า และมันยังทำให้เขารู้สึกภาคภูมิที่ได้ตามจีบเฮเฟสตัสอย่างเปิดเผยด้วย
แม้จะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แต่วาห์นก็รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านรุนแรงอยู่หลังจากที่ประกาศออกไปแล้ว
เฮเฟสตัสรู้สึกต่างไปจากวาห์นดูเหมือนจะสนใจเรื่องฝูงชนอยู่เล็กน้อย
แต่พอเห็นความมั่นใจและค้อนที่เป็นตัวแทนของความหวัง เธอก็เดินไปข้างหน้าและหอมแก้มเขาต่อหน้าโอราริโอ้มุง
ถึงว่าตอนแรกเธอจะอยากจูบเขาตรงส่วนอื่น แต่ก็ดันปอดแหกในวินาทีสุดท้ายจนต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปเล็กน้อย
หลังแสดงความรักแก่กันต่อหน้าธารกำนัลเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินกลับเข้าไปในโรงหลอมอย่างรวดเร็วมากจนทำให้วาห์นนึกถึงความเร็วของสึบากิตอนฝึกซ้อมต่อสู้
อนูบิสเริ่มหัวเราะคิกคักจากด้านข้างและทำให้วาห์นตื่นจากภวังค์
เธอมองตรงมาและโค้งให้เขาเล็กน้อยพร้อมกับเด็กๆ ที่อยู่ด้านหลัง
“หลังจากนี้เราจะไปทำอะไรต่อเหรอคะ นายท่าน?”
เมื่อได้ยินการเรียกชื่อแบบใหม่ วาห์นก็รู้สึกขนลุกเกรียวและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเพื่อขจัดความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังแทรกซึมเข้ามา
เขารีบตอบเพื่อกลบอาการ
“ตอนนี้เอาวาลิสนี่ไปแล้วพาเด็กๆ ไปหาของกินเถอะ
ถ้าพวกเธอพักอยู่ข้างนอกมาสองวันแล้วแสดงว่าคงไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสินะ
ฉันจะไปที่กิลด์ก่อนแล้วเราค่อยมาเจอกันตรงทางเข้าจัตุรัสด้านตะวันตกเฉียงเหนือหลังจากฉันเสร็จธุระแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าจะได้ทานอาหาร พวกเด็กๆ ก็มองไปที่วาห์นด้วยท่าทางเคารพ
พอเห็นสีหน้า ‘หิวโหย’ ของพวกเขา วาห์นจึงหัวเราะออกมาและมอบเงินให้อนูบิสเพิ่มอีกเท่าตัว
“อย่าลืมหาของดีๆ ให้พวกเขาทานล่ะ”
อนูบิสรับเงินไว้และวาห์นก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้รับการแจ้งเตือนว่าค่าความภักดีของเธอเพิ่มขึ้นเป็น 85 แล้ว
เขาอยากรู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเพิ่มค่าความภักดีของเธอจนเต็ม…
อนูบิสรับเงินด้วยความซาบซึ้งก่อนจะร้องบอกเด็กๆ
“เด็กๆ เห็นแบบนี้แล้วเราต้องบอกอะไรกับนายท่านของเรา?”
พอวาห์นได้ยินอนูบิสบอกให้พวกเด็กๆ เรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ ก็อยากจะพูดขัดขึ้นมา แต่ ‘ราซุย’ ตัวแทนของเหล่าเชียนโธรปน้อยดันชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ครับ! ขอบคุณครับนายท่าน ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมราซุย ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!”
วาห์นยืนอยู่ตรงนั้นแบบอึ้งๆ และไม่อาจขัดความกระตือรือร้นของพวกเด็กๆ ได้เลย
พวกเขาต่างผลัดกันแนะนำตัวและในที่สุดวาห์นก็ได้รู้จักชื่อของทุกคน
เด็กหนุ่มอีกสามคนที่ไม่รวมราซุยนั้นมีชื่อว่า นัวร์ อาคิล และอาตาร์ ขณะที่เด็กสาวชื่อว่า ชีโอน มาอัต และนานู
ชีโอนและนานูดูเหมือนยังคงเกรงๆ วาห์นอยู่บ้าง แต่พวกเธอก็แนะนำตัวอย่างครบถ้วนก่อนจะเดินไปหลบหลังอนูบิส
หลังจากเสร็จสิ้นการแนะนำตัวแล้ว อนูบิสก็พูดต่อ
“ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นนายท่านของทุกคนและมีตำแหน่งเป็นจ่าฝูงด้วย
ลำดับชนชั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเผ่าทางใต้ ดังนั้นท่านคงต้องพยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ… นายท่าน”
วาห์นเริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าอนูบิสชอบใช้คำพูดนี้มาเย้าแหย่เขาซะมากกว่า และเขาก็กระแอมเล็กน้อยขณะที่พยายามทำตัวให้ดู ‘เข้มแข็ง’ ขึ้น
“เอาเถอะ ไปทานอาหารกับอนูบิสแล้วไปรอฉันที่จตุรัสนะ”
วาห์นพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งและทั่วทั้งกลุ่มก็ตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียง
“ครับ/ค่ะ!”
อนูบิสหัวเราะคิกคักและพาพวกเด็กๆ ออกไปขณะที่วาห์นรู้สึกเกร็งอยู่ตลอดช่วงการสนทนา
เมื่อพวกเขาไปไกลพอสมควรแล้ว วาห์นก็ถอนหายใจออกมาและเริ่มผ่อนคลายลง
เขามุ่งหน้าไปทางกิลด์ขณะสำรวจค่าต่างๆ ภายในหน้าต่างจัดการยูนิต
ตอนนี้อนูบิสมีค่าความภักดีเป็น 86 และวาห์นก็สงสัยว่าค่าความภักดีนี่มันคืออะไรกันแน่
ตอนที่เขากำลังต่อสู้ร่วมกับฟาฟเนียร์นั้นดูเหมือนว่ามันจะสามารถเข้าใจเจตนาของเขาได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรกันเลย
เพื่อเป็นการทดสอบ เขาจึงลองส่ง ‘คำสั่ง’ ในใจไปให้อนูบิสที่เดินหายไปพร้อมเด็กๆ
ภายใน ‘คำสั่ง’ นั้นเขาบอกให้เธอซื้อลูกอมให้เด็กๆ ด้วย แต่ยังเอาลูกอมพวกนั้นมาทานไม่ได้จนกว่าจะได้พบกับวาห์นอีกครั้ง
หลังเดินต่อไปอีกไม่กี่นาที วาห์นก็มาถึงด้านนอกของกิลด์ที่ไม่ได้มาเป็นเวลานานพอสมควร
พอนึกย้อนถึงความทรงจำต่างๆ เขาก็จำได้ว่ามันเกือบจะสองเดือนแล้วตั้งแต่ที่มาครั้งล่าสุด
ตอนนี้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งแล้วด้วย เขาจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อรายงานการเปลี่ยนแปลงและรับกิลด์การ์ดใบใหม่
เมื่อเดินผ่านประตูสองชั้นเข้าไป วาห์นก็มองเห็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานาน
เนื่องจากยังเป็นช่วงเช้าซึ่งที่เป็นเวลาที่นักผจญภัยส่วนใหญ่เริ่มออกเดินทาง ที่นี่จึงมีคนอยู่กันอย่างหนาแน่น
วาห์นไม่มั่นใจว่าจะต้องต่อแถวตรงไหนเพื่อรับรางวัล ดังนั้นเขาจึงไปต่อแถวยาวที่ให้บริการสอบถามเรื่องทั่วไปและภารกิจ
เนื่องจากการปราบจักเกอร์นอตเป็นภารกิจฉุกเฉิน วาห์นจึงเดาว่าแถวนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด
หลังจากรอเกือบ 20 นาที ในที่สุดก็มาถึงคิวและมันก็ทำให้เขาประหลาดใจขณะจ้องมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์
เด็กสาวที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเอน่า ทูเล่ ผู้ที่วาห์นเคยแกล้งตอนมาครั้งที่แล้วและบอกเธอไปว่า ‘ผมรักคุณ!’ ต่อหน้าทุกคนนั่นเอง
เมื่อเห็นวาห์นผู้ที่หายสาบสูญไปเป็นเวลานาน เอน่าก็เปลี่ยนท่าทีก่อนจะมองมาทางเขาด้วยสีหน้า ‘เคืองๆ’
“คุณเมสัน กรุณามาทางนี้ด้วยค่ะ…”
เมื่อได้ยินวิธีที่เธอเรียกเขา วาห์นก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้างแต่ก็เดินตามเธอไปที่บูธส่วนตัวซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมแบบลับๆ และจัดหารางวัลสำหรับภารกิจที่มีมูลค่าสูง
หลังจากเข้ามาในห้อง วาห์นก็นั่งลงบนโซฟาขณะที่เอน่าไปนั่งอยู่ตรงฝั่งตรงข้าม
ดูเหมือนเธอจะส่งสายตาเชิงตำหนิมาให้ก่อนที่จะถามขึ้น
“ในช่วงตลอดสองเดือนมานี่คุณหายไปไหนมาเหรอคะ?
ข่าวลือทั้งหมดที่ฉันได้ยินมาบ้างก็มีเรื่องที่คุณได้รับบาดเจ็บที่สมองแบบไม่มีทางรักษาได้เท่านั้นเอง”
วาห์นสังเกตเห็นออร่าสีเหลืองของเธอกำลังสั่นไหวไปมาคล้ายกับกับเปลวเพลิง
อย่างน้อยๆ มันก็เป็นสีเหลืองซึ่งหมายความว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเขา
วาห์นทำสิ่งที่ทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้วซึ่งก็คือมองเข้าไปในระบบและพบว่าความชื่นชอบของเธออยู่ที่ 62 ซึ่งก็หมายความว่าเธอไม่ได้โกรธเขามากมายขนาดนั้น
วาห์นโค้งให้เธอเล็กน้อยและกล่าวขอโทษอย่างจริงใจก่อนจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
เอน่าฟังเรื่องราวของเขาขณะที่ยังคงสีหน้าแบบเดิมไว้ แต่พอได้ยินสิ่งที่เขาไปเจอมา คิ้วที่ขมวดของเธอก็ค่อยๆ คลายลง
พอวาห์นเล่าถึงตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์และการมาที่นี่แทบจะทันทีหลังจากถูกปล่อยตัวออกมาก็เรียกรอยยิ้มกลับมาที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง
แม้จะรู้ว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจมาหาเธอ แต่สิ่งที่เขาเคยพูดทิ้งไว้ก็ทำให้เธอรู้สึกหวังอยู่หน่อยๆ
ตอนนี้เอน่ากลับไปใช้ท่าทางเอาการเอางานแบบปกติอีกครั้ก่อนจะถามขึ้น
“แล้วอะไรพาเธอมาที่นี่ในวันนี้ล่ะวาห์น? อย่าบอกนะว่าอยากจะมาเจอฉัน…?”
วาห์นพบว่าเธออารมณ์ดีขึ้นมากและตัดสินใจตามน้ำไปก่อนจะตอบกลับ
“เรื่องมาหาอาจจะไม่ได้เป็นเจตนาในตอนแรก แต่ผมก็ดีใจนะที่ได้มีโอกาสพบคุณอีกครั้ง
จริงๆ แล้วผมมานี่เพื่อรับไอเท็มที่โลกิแฟมิเลียฝากเอาไว้ให้พร้อมกับแจ้งเรื่องเลเวลอัพ
แต่ถ้าเราได้คุยเล่นกันแบบนี้ไปอีกพักนึงก่อนก็ดีเหมือนกันนะ”
วาห์นยิ้มให้กับเอน่าที่ตอนนี้กำลังมองเขาราวกับเป็นสัตว์ประหลาด
ในฐานะผู้ที่บันทึกการเลเวลอัพครั้งล่าสุดของเขา เธอรู้ดีเลยว่าเวลามันเพิ่งจะผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
หากเธอจำไม่ผิด ดูเหมือนวาห์นจะทำสถิติใหม่ในการเป็นผู้ที่อัพเลเวลจากสองไปเป็นสามที่เร็วที่สุดของกิลด์
เธอลืมเรื่องที่เขาบอกว่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจอเธอไปอย่างสิ้นเชิงขณะเริ่มประมวลข้อมูลที่ได้รับมาภายในหัว
เธอรู้ว่าโลกิแฟมิเลียได้ฝากรางวัลภารกิจเอาไว้จริงๆ แต่ไม่คาดคิดว่าวาห์นจะเป็นผู้รับ
เอน่าลุกขึ้นมาจากโซฟาและคำนับวาห์นตามมารยาทพนักงานก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อตรวจสอบข้อมูลและเดินเรื่องคำร้องขอของเขา
วาห์นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่สนใจคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาเลย และเขาก็เริ่มคิดหาทางแกล้งหญิงสาวลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้อีกครั้ง
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่การเห็นเธอทำตัวไม่ถูกนั้นมักทำให้เขารู้สึกมีความสุขเล็กน้อย
เธอกลับมาพร้อมกับกล่องใบใหญ่สีดำในขณะที่วาห์นได้เตรียมแผนแกล้งเธอเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
วาห์นพบว่าเธอเปลี่ยนทรงผมไปจากครั้งล่าสุดที่ได้พบกัน และเขาก็อยากจะลองชมมันและดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบไหน
“เมื่อกี้ยังไม่มีโอกาสได้พูดเลย แต่ผมคิดว่าทรงผมใหม่ของคุณดูดีมากนะ มันน่ารักมากและยังเสริมใบหูของคุณให้ดูโดดเด่นขึ้นด้วย”
เอน่าที่กำลังอยู่ในโหมดจริงจังเกิดการอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะชะงักและมองไปที่วาห์น
“คุณ… เมสัน ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ”
จากนั้นเธอก็นั่งลงและเปิดกล่องสีดำให้กับวาห์นตรวจสอบ
เขารู้สึกผิดหวังจากการตอบสนองของเธอจนหมดความสนใจกับของที่กำลังถูกนำออกมาจากกล่องไปเลย
เอน่าเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของเขาแต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะพูดต่อ
“นี่คือคริสตัลเวทมนตร์ขั้นสูงสามก้อนที่โลกิแฟมิเลียฝากไว้ให้ค่ะ
คุณควรจะทราบไว้ก่อนนะคะ ว่าคริสตัลแต่ละก้อนนั้นมีมูลค่าเกือบ 20 ล้านวาลิส
ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณจะรวยแล้วนะคะ คุณเมสัน”
เอน่าพยายามหัวเราะให้กับคำพูดของตัวเองแต่ก็พบว่าวาห์นดูเหมือนจะไม่เล่นด้วยเลย
วาห์นยื่นมือออกมาและเก็บไอเท็มต่างๆ เข้าไปในช่องเก็บของแบบซังกะตาย
เขารู้สึกดีกับรายรับครั้งนี้อยู่ก็จริง แต่สิ่งที่เขาสนใจยิ่งกว่าก็คือทำยังไงถึงจะได้เอน่าคนเดิมกลับมา
เอน่าคิดว่าวาห์นไม่พอใจกับวิธีที่เธอใช้เรียกเขา เธอจึงพูดขึ้นหลังถอนหายใจออกมา
“วาห์น ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉันนะ แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ที่พอมีคนมาสารภาพรักแล้วจะต้องหวั่นไหวตาม
ฉันมั่นใจว่าครั้งนั้นเธอคงจะแค่แกล้งกันเฉยๆ ดังนั้นพวกเรามาลืมเรื่องนั้นไปจะเป็นการดีกว่าหรือเปล่า?”
วาห์นรู้สึกดีใจขึ้นมาหน่อยเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อ แต่เขาก็ขมวดคิ้วขณะพูดตอบไปแบบจริงจัง
“ถึงผมอยากจะแกล้งคุณจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่พูดออกมาจะเป็นเรื่องโกหกนะ
ถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่พูดแล้วทำเป็นลืมหรอกนะ”
เอน่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่วาห์นพบว่าน่าสนใจมากที่สุดจากในมังงะ
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอยากจะแกล้งเธอแบบเดียวกับที่เบลล์ทำในเนื้อเรื่องดั้งเดิม
เขามีความสุขมากจริงๆ ตอนที่เห็นเธอทำตัวไม่ถูกในครั้งก่อน…
เอน่ามองวาห์นและเห็น ‘ความจริงจัง’ ขณะที่เขาพูดออกมา
ความสงสัยเล็กๆ เริ่มมาเกาะกุมหัวใจและทำให้เธอเชื่อว่าเขาอาจจะไม่ได้โกหก
ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อขึ้นในท้องน้องขณะที่เธอรู้สึกทั้งคลื่นไส้และดีใจในเวลาเดียวกัน
“ก็ได้… ถ้า ‘นาย’ พูดจริงจัง ฉันก็จะยอมให้โอกาส ‘นาย’…”
แม้จะมีหลายคนที่พยายามตามจีบเธอ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่มี ‘คุณสมบัติ’ มากมายแบบวาห์น
เขาไม่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้นแต่ยังมีศักยภาพอันน่าเหลือเชื่อในฐานะนักผจญภัยและยังมีพร้อมได้ด้วยเส้นสายและทรัพย์สินส่วนตัวมากมาย
เอน่าคิดว่าถ้าเขามาเป็นแฟนคนแรกของเธอก็คงจะไม่ได้แย่อะไรเท่าไหร่
วาห์นประหลาดใจกับคำพูดของเธอ และเขาก็เริ่มตื่นตระหนกภายในใจ
แม้จะพูดอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังอยู่ในระดับที่ชอบแกล้งเธอเท่านั้นเอง
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเธอจะพูดเรื่องคบกันหรืออะไรแบบนั้น!
พอนึกถึงหญิงสาวทั้งหมดที่เขาคุยด้วยในช่วงนี้… วาห์นก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเดินหลับตาเข้าไปหากำแพงที่ทำมาจากมาจากอะดาแมนไทน์
เมื่อเห็นสีหน้าไปต่อไม่ถูกของเขา เอน่าจึงขมวดคิ้วก่อนจะพูดเสียงต่ำๆ
“…เมื่อกี้ที่พูดไปเป็นเรื่องโกหกงั้นหรอกเหรอ?”
วาห์นสังเกตเห็นออร่าของเธอเริ่มมืดลงจนเขาต้องโบกไม้โบกมือด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่ๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย แค่รู้สึกแปลกใจมากที่ ‘เธอ’ คิดไปถึงเรื่องคบกันน่ะ!”
วาห์นพูดความจริงออกไปและดูเหมือนมันจะทำให้เอน่าเชื่อเขาก่อนที่เธอจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธอเผยรอยยิ้มจริงใจแทนรอยยิ้มแบบที่พวกพนักงานใช้และพูดต่อ
“ก็ได้ ถ้างั้นสุดสัปดาห์นี้พวกเราไปออกเดตกันนะ
เพราะนายบอกเองว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นไปอีกสามเดือน งั้นมันก็เป็นโอกาสเหมาะที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกัน”
เอน่าดูร่าเริงขึ้นมาทันทีและยิ่งเธอมีความสุขมากเท่าไหร่ วาห์นก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น
ภาพของสาวๆ ทุกคนที่เขากำลังรับมืออยู่เริ่มแล่นเขามาในหัวที่ละคนๆ
เมื่อใกล้ถึงภาพสุดท้าย วาห์นก็มองเห็นร่างของอนูบิสขณะที่เธอกำลังทวนคำพูดของตัวเองอีกครั้ง
“ตอนนี้ท่านคือจ่าฝูงแล้ว… พยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ นายท่าน”