Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 122
เมื่อได้ยินคำถามของโลกิ วาห์นก็รู้สึกเหมือนบางอย่างในตัวเขาเริ่มเย็นลง ขณะที่ [จิตแห่งราชัน] ถูกใช้ออกมาโดยที่เข้าไม่ได้สั่ง
วิธีที่โลกิพูดเกี่ยวกับคุณค่าของสิ่งต่างๆ นั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังวัดค่าของคนอื่นจากความมีประโยชน์เพียงอย่างเดียว
นั่นทำให้วาห์นนึกถึงผู้คนที่เคยทรมานเขาจากชีวิตที่แล้วขึ้นมาทันที
เขาเริ่มรู้สึกคลื่นไส้หลังมองไปทางเทพธิดาที่อยู่ตรงหน้า
พอเขตแดนของวาห์นกระจายออกไป ทุกคนก็เข้าสู่สภาพตื่นตัว
แต่พอเห็นว่าวาห์นไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนจึงก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร
แม้แต่ทีโอน่าและไอส์ที่อยู่ด้านข้างยังรู้สึกถึงอันตรายจากตัวของวาห์นที่กำลังมองโลกิด้วยสีหน้า ‘ดูถูก’ และโกรธแค้นอย่างไม่ปิดบัง
โลกิเจอเข้ากับ ‘แรงกดดัน’ จากวาห์นแบบเต็มๆ จนต้องกัดฟันและเปิดตาขึ้นเพื่อจ้องเขากลับไป
เธอไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้อีกและต้องเปิดใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อต้านแรงกดดันนี้
เมื่อเห็นเธอใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะกัดเธอกลับ
“นี่เทพโลกิต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อกรกับมนุษย์ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นเหรอ?
แล้วยังกล้ามาถามอีกว่า ‘ฉัน’ สามารถทำอะไรได้ ‘ฉัน’ ทำอะไรให้ ‘เธอ’ ได้อย่างนั้นเหรอ?”
วาห์นมองโลกิด้วยสายตาเย็นชาขณะเปล่งเสียงออกมาที่ละคำอย่างชัดเจน
“สักวันฉันจะแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องพวกพวกเธอได้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม
ที่ฉันอยากถามกลับไปก็คือ แล้ว ‘เธอ’ ล่ะ ทำอะไรได้บ้าง?”
โลกิเพิ่มพลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นจนทั่วทั้งห้องสั่นสะเทือนไปหมด
ถึงคนอื่นๆ จะได้รับผลกระทบไปไม่น้อย แต่วาห์นผู้ที่ควรจะอ่อนแอที่สุดในห้องกลับนั่งอยู่เบื้องหน้าเธออย่างไม่แยแส
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือแม้จะเปิดใช้งานออร่าของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึก ‘อันตราย’ ที่ออกมาจากพลังเขตแดนของวาห์นได้เลย
เมื่อวาห์นให้คำตอบและถามเธอกลับ เขตแดนของเขาก็เริ่มดันพลังศักดิ์สิทธิ์จนต้องถอยร่นไป
โลกิแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง และแล้วความคิดมากมายก็เริ่มวิ่งผ่านเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว
การที่วาห์นสามารถผลักพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพกลับมาได้นั้น ต้นกำเนิดของเขาจะต้องมีอะไรบางอย่างที่พิเศษมากแน่นอน
เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเฮเฟสตัสถึงอยากปกป้องวาห์นมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
เนื่องจากเธอคงรู้ต้นกำเนิดหรือข้อมูลเชิงลึกของเขาผ่าน ‘นัยน์ตาเทพ’ นั่นเอง
ทันใดนั้นเอง โลกิก็เผยรอยยิ้มขณะเริ่มถอนพลังศักดิ์สิทธิ์กลับไป
เธอมองไปที่วาห์นและเริ่มหัวเราะ
“ยอดเยี่ยม! ฉันชอบเธอ ดูแมนสุดๆ ไปเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า เกือบจะอยากจะเก็บเธอไว้เองซะแล้วสิ
จะว่าไงถ้าฉันให้เธอมาเข้าร่วมแฟมิเลียของเราและจะปล่อยให้เธอทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ~?”
โลกิกระหายอยากได้คนพิเศษแบบวาห์นมาอยู่ในแฟมิเลียของเธอมาก
เธอมองเห็นศักยภาพในตัวเขาที่ทำให้คนอื่นดูด้อยค่าไปเลย และนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องไปอยู่กับ ‘แฟมิเลียสายผลิต’ ด้วย
วาห์นยังคงจดจ่ออยู่กับ [จิตแห่งราชัน] โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่โลกิเริ่มเหงื่อตกทว่ายังแสร้งทำตัวเป็นปกติต่อไปเรื่อยๆ
ตลอดช่วงเวลาที่เธอพยายาม ‘โน้มน้าว’ เขา วาห์นกลับพบว่าออร่าของเธอนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
มันยังคงผันผวนอย่างหนักต่อไปราวกับถูกผีเข้า
เขามั่นใจว่าเธอคงอยากรับเขาเข้าแฟมิเลียจริงๆ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อจินตนาการว่าต้องกลายมาเป็นหมากบนกระดานของเธอแทน
บรรยากาศในห้องเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ จนโลกิใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วและเกือบสั่งให้ทุกคนเข้ามาจับวาห์นอยู่รอมร่อ
หากเขายังไม่ยอมประนีประนอมหลังจากที่เธอถอนพลังศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เธอก็จะสรุปได้ว่าเจรจากับคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา
โชคยังดีที่มันไม่ต้องเป็นแบบนั้นเพราะจู่ๆ ไอส์ก็กุมมือของวาห์นไว้จนเขาต้องหันไปมองเธอแทน
ทันทีที่วาห์นละสายตาออกไป โลกิก็รู้สึกเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ถูกยกออกจากไหล่จนเธอต้องถอนหายใจแรงๆ ออกมา
ตอนที่ไอส์กุมมือวาห์นเอาไว้ เขาก็มองเห็นสีหน้าเศร้าๆ และแสนกังวลบนใบหน้าของเธอ
เธอบีบมือเขาและพูดต่อ
“หยุดเถอะ วาห์น พอได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็ปลดเขตแดนออกทันที แต่ก็ยังไม่อยากจะยกโทษให้กับโลกิ
เขาลูบมือของไอส์ก่อนจะหันกลับไปมองเทพธิดาจอมวางแผน
พอเห็นวาห์นหันกลับมามอง โลกิก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบพร้อมกับถามย้ำอีกครั้ง
“ว่าไงล่ะ เจ้าหนู? ข้อเสนอของฉันยังไม่ดีพอเหรอ?”
เธอพยามทำให้บรรยากาศดีขึ้นด้วยการเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
วาห์นหรี่ตาและขมวดคิ้วมากยิ่งกว่าเดิม
“ฉันขอปฏิเสธที่จะไปเป็นเบี้ยให้กับคนอื่น
ฉันจะเดินไปตามทางของตัวเอง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคอะไรก็ตาม
แม้ฉันอาจจะยังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองได้ดีนักแต่ก็รู้ว่าตอนนี้ทั้งทีโอน่าและไอส์อยากจะมาด้วย และฉันก็จะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังเด็ดขาด”
โลกิรู้สึกประหลาดใจกับน้ำเสียงที่แสนจะมุ่งมั่นของวาห์นมาก มากจนที่แม้แต่เธอเองก็รู้สึกว่าเขาน่าจะรักษาสัญญาที่ให้เอาไว้ได้
เธอมองไปรอบๆ และเห็นสมาชิกในแฟมิเลียของตนดูชื่ยชมกับคำพูดของเด็กหนุ่มมาก โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งสองที่ ‘หลงจนโงหัวไม่ขึ้น’ อยู่ด้านข้าง
แม้แต่ไอส์ที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมา ก็ดูเหมือนกำลังมีความสุขหลังได้ยินคำพูดของเขา
เมื่อคิดว่าตัวกำลังเจอเข้ากับทางตัน โลกิจึงพยายามคิดหาทางได้ประโยชน์จากสถานการณ์ตอนนี้
ทั่งห้องเงียบกันไปเกือบนาทีก่อนที่โลกิจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียง ‘ร่าเริง’ และรอยยิ้มบนใบหน้า
“ก็ได้ แต่ถ้าอยากจะให้ฉันยอมรับเรื่องนี้ เธอก็ต้องทำตามสิ่งที่ฉันเสนอเช่นกัน
ทีโอน่าดูเหมือนจะเชื่อแบบสนิทใจเลยว่าเธอคือวีรบุรุษ ถ้างั้นเรื่องการแลกเปลี่ยนแบบยุติธรรมคงจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอใช่ไหม?”
วาห์นขมวดคิ้วแต่ก็พูดตอบเธอไปตามตรง
“ฉันไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นคำขอแบบไหน
ถ้ามันเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ และไม่ขัดกับจริยธรรมของฉันหรือความปลอดภัยของคนที่ฉันห่วงใย แน่นอนว่าฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ห่วงใยจริงๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโลกิแทบจะกว้างเป็นสองเท่าขณะที่เธอพูดต่อ
“โอ้ ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรแบบนั้นหรอกน่า ก็แค่… ฉันอยากจะให้เธอติดสอยห้อยตามแฟมิเลียของฉันเวลาที่พวกเขาเดินทางเข้าไปในดันเจี้ยนชั้นล่างๆ ด้วยก็เท่านั้นเอง
เธอจะได้อยู่กับทีโอน่าและไอส์ที่ห่วงแสนห่วงไง และนั่นก็ตรงกับเรื่องที่เธออยากจะปกป้องทั้งสองคนนี่ด้วยใช่ไหมล่ะ~?”
แม้โลกิจะชักชวนวาห์นมาเข้าร่วมแฟมิเลียไม่สำเร็จ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอใช้งานเขาไม่ได้
เป็นเรื่องธรรมดาที่สมาชิกจากเฮเฟสตัสแฟมิเลียจะมาทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุน และที่เธอต้องทำก็แค่ให้วาห์นมาเป็นตัวแทนด้วยก็เท่านั้นเอง
แม้แต่เฮเฟสตัสก็คงคัดค้านอะไรไม่ได้หากเธอเดินเกมถูก
วาห์นพิจารณาคำพูดของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและตอบกลับ
“แม้ว่าฉันจะต้องเดินทางลงไปถึงชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน ตราบใดที่ฉันปกป้องพวกเธอได้ ฉันก็จะทำ”
วาห์นรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงมากและยังรู้สึกภูมิใจที่ได้พูดมันออกไปแบบนั้น
มันเป็นความจริงและเขาเองก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาสามารถเผชิญหน้ากับอะไรก็ได้ถ้ามันจะช่วยลดภาระของคนที่เขารักได้อีกนิด
โลกิเริ่มปรบมือขึ้นหลังจากได้ยินการตัดสินใจของวาห์นและตะโกนออกมา
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! นี่แหละคือวีรบุรุษที่แท้จริง~!
แต่ว่าเธอจะยินดีกล่าวมันออกมาเป็นคำสัตย์สาบานหรือเปล่านะ?”
โลกิไม่ใช่คนประเภทที่ชอบทำสัญญา ‘แบบปากเปล่า’ เมื่อมีวิธีที่สะดวกสบายอย่าง ‘คำสาบาน’ อยู่ทั้งที
วาห์นรักษาคำพูดโดยไม่ลังเลและพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ
“ตราบใดที่คำสาบานนั่นครอบคลุมเฉพาะการเดินทางที่มีทีโอน่าและไอส์อยู่ด้วยเท่านั้นนะ”
โลกิเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าวาห์นยังระมัดระวังตัวอยู่เหมือนเดิม
เธอเดาว่าเขาน่าจะเป็นคนประเภทที่ทำอะไรตามความรู้สึกและไม่คาดคิดว่าเขาจะยังรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้แม้จะถูกเธอชมเชยไปบ้างแล้ว
จากมุมมองของเธอในตอนนี้ วาห์นดูเหมือนจะมีความคิดที่ละเอียดอ่อนมากกว่าที่เธอคาดไว้ในตอนแรก
แน่นอนว่าโลกิไม่มีทางรู้เลยว่าวาห์นมองเห็น ‘ค่าความชื่นชอบ’ และไม่ได้หลงไปกับการแสดงของเธอ
เหตุผลเดียวที่เขาตกลงก็คือเพื่อปกป้องทีโอน่าและไอส์เท่านั้น
เมื่อพูดถึงเด็กสาวทั้งสอง ตอนนี้ทีโอน่ากำลังคลอเคลียวาห์นราวกับเขาเป็นสมบัติล้ำค่า
เธอมีสีหน้าออกแดงเล็กน้อย และแม้แต่วาห์นก็เริ่มเหงื่อตกแล้วขณะที่เธอแนบร่างของตัวเองเข้ากับร่างของเขา
ไอส์ที่อยู่ด้านซ้ายก็ยังจับมือของเขาต่อไปเรื่อยๆ และพอได้ฟังที่คุยกันเมื่อกี้นี้ เธอก็จับมันแน่นยิ่งกว่าเดิมและเริ่มยิ้มออกมานิดๆ
หลังจากพวกเขาตกลงกันได้ วาห์นก็ให้คำสัตย์สาบานต่อหน้าทุกคนที่เป็นสมาชิกแนวหน้าของโลกิแฟมิเลีย
เมื่อจบพิธีสาบาน โลกิก็แสดงสีหน้า ‘โศกเศร้า’ ขณะมองไปทางทีโอน่าและไอส์ก่อนจะพูดขึ้น
“ช่างน่าเสียดายเหลือเกินที่ฉันต้องยอมปล่อยให้สาวงามทั้งสองตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์~!
ถ้าเขาทำให้พวกเธอพอใจไม่ได้ อย่าลืมนะว่าประตูห้องฉันจะเปิดรับพวกเธออยู่เสมอ!”
ขณะที่พูด โลกิก็พยายาม ‘ไหลตาม’ บรรยากาศและเริ่มเอามือเข้าไปใกล้บั้นท้ายของไอส์
ไอส์ที่คุ้นชินกับ ‘การลวนลาม’ ของโลกิดี จึงตีมือของเธอออกทันทีและขยับเข้าไปใกล้วาห์นมากกว่าเดิม
โลกิดูเหมือนจะหงุดหงิดกับการกระทำของไอส์มากขณะกุมมือที่ถูกตีและบีบน้ำตาออกมา
“กระซิกๆ ไอส์ของฉันถูกเด็กประหลาดจากแฟมิเลียอื่นขโมยไปซะแล้ว”
ขณะที่กำลัง ‘ร้องไห้’ โลกิก็ชะงักและมองไปทางเลฟิย่าผู้ที่กำลังมองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
น้ำตาของเธอเริ่มเล็ดออกมาขณะมองดูไอส์ที่อยู่ถัดจากวาห์น แต่มันกลับเริ่มไหลออกมาจริงๆ หลังสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้นี่เอง
โลกิผู้ที่ ‘กำลังเสียใจ’ เอื้อมมือไปที่หลังของเลฟิย่าก่อนจะอ้อมไปลูบไล้หน้าอกของเธอและตะโกนเสียงดัง
“โอ้ววววว~! อย่างน้อยฉันก็ยังเหลือเลฟิย่าที่รักอยู่นี่ไง~! ดูท่าเธอจะโตขึ้นมาหน่อยแล้วนะเนี่ย?”
พอรู้ตัวว่าโลกิถือโอกาสเข้ามาเล่นกับหน้าอกเธออีกแล้ว เลฟิย่าก็ตะโกนออกมาพร้อมน้ำตา
“ท่านโลกิ บ้าที่สุดดดดดด~!”
เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากเทพธิดาจอมซุกซน เลฟิย่าจึงวิ่งออกไปจากห้องราวกับกำลังหนีตาย
โลกิยื่นมือออกมาราวกับเธอเพิ่งจะสูญเสียของสำคัญไปพร้อมกับตะโกนไล่หลัง
“ไม่น้าาาา เลฟิย่า~! อย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้!”
จากนั้นโลกิก็วิ่งไปที่ประตู แต่กลับชะลอตัวลงเล็กน้อยขณะเดินผ่านวาห์นและกระซิบบอกกับเขา
“ถ้าทำให้พวกเธอเจ็บปวดล่ะก็… ครั้งหน้าไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นนะที่เธอต้องมารับมือด้วย”
วาห์นมองตามขณะที่เธอวิ่งจากไป
เขาพบว่าในช่วงที่เธอวิ่งผ่านเขา ออร่าแสนปั่นป่วนนั่นได้หายไปในช่วงเวลาสั้นๆ
หากสัญชาตญาณของวาห์นไม่ได้โกหก นั่นต้องเป็นหนึ่งใน ‘ความจริง’ ไม่กี่ครั้งที่โลกิพูดออกมาตั้งแต่เจอที่เขา
ถึงวาห์นจะไม่ค่อยชอบเธอ แต่เขาก็สาบานภายในใจว่าจะไม่มีวันทำร้ายทีโอน่า ไอส์ หรือผู้หญิงคนไหนก็ตามที่เขาเลือกโดยเด็ดขาด
หลังจากโลกิออกไปแล้ว ทุกคนก็ทำตัวสบายขึ้นแม้จะเริ่มคุยกันแบบอึดอัดก็ตาม
แม้แต่ริเวเรียก็มา ‘แสดงความยินดี’ กับเด็กสาวทั้งสองเช่นกัน
ทีโอน่าหัวเราะอย่างไร้กังวลขณะที่ไอส์โค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบรับถ้อยคำยินดี
ทีโอเน่ที่จ้องมองอยู่ตลอดเริ่มรู้สึกเจ็บแปลบขณะแสดงความยินดีกับน้องสาวฝาแฝดด้วยน้ำเสียงอิจฉา
ตอนนี้ความแตกต่างระหว่างฝาแฝดทั้งสองยังดูไม่ค่อยแจ่มชัดเท่าไหร่นัก เนื่องจากหน้าอกของทีโอเน่ยังห่างไกลจากปกติแบบในเนื้อเรื่องเดิมอยู่มาก
การที่วาห์นจะได้ ‘สัมผัส’ กับร่างที่เกือบจะเหมือนกับเธอนั้นทำให้ทีโอน่ารู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน
เธอคว้าคอเสื้อของวาห์นและตะโกนออกมา
“อย่าคิดอะไรแผลงๆ ล่ะ เข้าใจไหม!? ฉันจะเก็บเรือนร่างนี่ไว้ให้กัปตันคนเดียวเท่านั้น!”
ทีโอเน่ต้องพูดมันออกมาเพราะเธอรู้สึกว่าในตอนที่เขาได้มีอะไรกับทีโอน่า มันก็เกือบจะเหมือนเขาได้มีอะไรกับกับเธอไปด้วย
นั่นเป็นความรู้สึกที่น่าหงุดหงิดมากและหนึ่งในเหตุผลที่เธออยากจะมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ก่อนน้องสาวฝาแฝด
อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอหลงเหลือศักดิ์ศรีในฐานะพี่สาวอยู่บ้าง
แม้วาห์นจะไม่รู้ว่าทำไมทีโอเน่ต้องโมโหใส่เขาด้วย แต่เขาก็พยักหน้าและพูดตอบเธอไป
“เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นกับเธอหรอกนะ”
พอเขาพูดออกมาแบบนั้น ทีโอเน่ก็ดูยิ่งโกรธหนักกว่าเดิมและรู้สึกอยากจะอัดเขาขึ้นมาจริงๆ
เมื่อได้ยินวาห์นพูดว่าจะไม่มายุ่งกับเธอ ทีโอเน่ก็อยากจะโต้กลับไปว่างั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับน้องของเธอด้วยสิ
แม้พวกเธอจะไม่ใช่คนๆ เดียวกัน แต่ทีโอเน่ก็หวังว่าสักวันทีโอน่าจะมาชอบฟินน์เหมือนกันหลังจากที่เธอได้คบกับเขาไปแล้ว จากนั้นทั้งสองก็จะได้แบ่งปันชายคนเดียวกันอย่างไม่มีปัญหา
หลังจากทีโอเน่เข้าสู่โหมดจิตตก ทีโอน่ากับไอส์ก็ลากเธอออกไปจากวาห์นและปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องเป็นคนสุดท้ายได้พูดกับเขา
แกเร็ธเผยยิ้มบนใบหน้าแต่ก็มีแววตาที่ ‘จริงจัง’ และเดินเข้ามาใกล้วาห์นก่อนจะพูดขึ้น
“สองคนตั้งแต่ครั้งแรกเลยงั้นเหรอ? เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีด้วยล่ะ…”
วาห์นพยักหน้ารับ แต่ก่อนได้ตอบแกเร็ธไปว่าจะระวังเป็นพิเศษ แกเร็ธก็พูดต่อ
“พอข่าวลือแพร่ออกไปก็ต้องมีคนมากมายอยากเข้ามาหาเรื่องเธอแน่ๆ
จำนวนคนที่มาจีบทีโอน่ากับไอส์รวมกันน่าจะประมาณพันคนเห็นจะได้…”
ทันใดนั้นวาห์นก็นิ่งค้างไปขณะที่แกเร็ธหัวเราะออกมาเสียงดังหลังเห็นสีหน้าของเขา
เขาฟาดมือลงบนแผ่นหลังของวาห์นอย่างแรงและพูดต่อ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? เรื่องความรักมันต้องแก่งแย่งกันแบบนี้อยู่แล้วล่ะ! ทำให้ดีที่สุดละกันนะ เจ้าหนู”
แกเร็ธเดินออกจากห้องไปพร้อมกับสายตาของทุกคนที่จ้องมาทางวาห์นราวกับเขาเป็นบ้าไปแล้ว
เมื่อเห็นสภาพของวาห์น ทีโอน่าจึงเข้ามาถาม
“แกเร็ธบอกอะไรกับนายเหรอ?”
ทุกคนดูเหมือนอยากจะรู้คำตอบนั่นจริงๆ และวาห์นก็ได้แต่ตอบไปตามตรง
“เขาบอกว่าฉันน่าจะต้องสู้กับคนนับพันที่พยายามจีบพวกเธอสองคน…”
ทีโอน่าดูเหมือนจะไม่แปลกใจเท่าไหร่และตะโกนเสียงดัง
“ช่าย~! ของฉันน่าจะมีประมาณสามร้อยกว่าๆ แต่ของไอส์นี่คิดว่าน่าจะประมาณ 800 ได้มั้ง~?”
ทีโอน่ามองไปที่ไอส์ขณะถามเพื่อยืนยัน
ไอส์พยักหน้าและตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“แปดร้อยกับอีกสามคน”
เมื่อได้ยินตัวเลขนั่นเข้าไป วาห์นก็รู้สึกว่ามีแรงกดมหาศาลมาทับลงบนตัวของเขา… เพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ แน่นอน
เขายังรู้อีกมาอีกด้วยว่ามีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่มาจีบเฮเฟสตัสรวมไปถึงเอน่าที่จะไปออกเดตกับเขาในอีกไม่กี่วันนี้
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดปัญหามากมายในอนาคต แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อนเลย
จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดของชายหลายพันคนที่ยังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนสักครั้ง
แม้ค่อนข้างมั่นใจว่าอาจคิดไปเอง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีเสียงของผู้หญิงปะปนอยู่ในหมู่คนนับพันนั่นด้วย…