Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 123
หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว ความกลัวของวาห์นก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและความคาดหวังแทน
เขามองไปทางทีโอน่าและไอส์ที่กำลังคุยกับริเวเรียและทีโอเน่
แค่เห็นด้านหลังของสองสาวก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
เขายังรู้สึกสับสนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่พอได้เห็นพวกเธอ เขาก็รู้สึกภูมิใจและมีความสุขแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย
ริเวเรียสังเกตเห็นสายตาที่เขามองมาขณะที่เธอกำลังคุยอยู่กับไอส์ได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขนั่น เธอก็เกิดความรู้สึกหลากหลายอย่าง
แต่หลักๆ ก็คือความอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้บ้าง
เธอรู้ว่าวาห์นมีความลับอยู่เต็มไปหมดและแม้แต่โลกิเองก็ดูเหมือนจะรู้อะไรมาอย่างสองอย่างแล้ว
ริเวเรียสงสัยว่าเรื่องนี้จะทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขามากกว่าเดิมหรือเปล่า เพราะเธอคาดว่าเขาน่าจะอยากอยู่ใกล้ๆ กับสองสาวมากขึ้นอีกในอนาคต
นอกจากความอยากรู้แล้ว เธอก็อยากจะแกล้งเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความคาดหวังเสียเหลือเกิน
ดังนั้นเธอจึงหันไปพูดกับไอส์
“มากับฉัน มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกันเพื่อเตรียมเธอให้พร้อม
ร่างกายของเธอยังอยู่ในช่วงกำลังโต และมันอาจเป็นอันตรายถ้าเกิดว่ามีอะไรผิดพลาดไป”
ริเวเรียจับมือไอส์และพาเธอไปยังประตูด้านข้างขณะที่วาห์นได้แต่มองตาม
ทีโอเน่เห็นแบบนั้นก็เริ่มตระหนักถึงบางอย่างและเริ่มดึงทีโอน่าให้ไปด้วยกัน
ทีโอน่าเริ่มเข้าสู่สภาวะ ‘ตึงเครียด’ มาพักหนึ่งแล้ว แต่เธอก็รู้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องไปเตรียมไว้ก่อน
เธอจึงมองไปที่วาห์นด้วยรอยยิ้มกว้างและโบกมือให้เขาอย่างร่าเริง
“แล้วเจอกันน้า~”
ทันทีที่ทุกคนออกไปหมด วาห์นก็รู้สึกเหมือนถูกเทน้ำเย็นใส่หัว
เขาจ้องมองไปทางประตูที่สาวๆ เพิ่งผ่านเข้าไปและรู้สึกอยากเดินตามไปด้วยเหลือเกิน
ในที่สุดเขาก็ส่ายหัวแรงๆ เพื่อตั้งสติและนั่งลงบนโซฟา
แม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้รายละเอียดบางส่วนจากบทเรียนของริเวเรียแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เรียนไปมากแค่ไหนก็สู้เรียนรู้ตรงหน้างานไม่อยู่ดี
หากพวกเธอต้องไปเตรียมตัวเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง วาห์นก็จะไม่มาคิดเล็กคิดน้อยเด็ดขาด
(*ดูเหมือนในที่สุดเธอก็จะได้มีประสบการณ์ครั้งแรกกับผู้หญิงแล้วสินะ
ฉันเกือบคิดไปว่าน่าจะเป็นกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อโคลอี้หรือไม่ก็เฮเฟสตัสซะมากกว่า
น่าประหลาดใจจริงๆ ที่กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงสองคนที่เธอยังไม่รู้จักดีนัก แต่คิดไปคิดมาก็คงสมเหตุสมผลแล้วถ้าดูจากเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น
คนเราน่ะตกหลุมรักกันได้เร็วมากหากได้ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันนี่แหละ*)
หลังจากเวลาผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีแบบเงียบๆ วาห์นก็เริ่มรู้สึกเบื่อและนอนลงบนโซฟาขณะที่พี่สาวพูดกับเขาในหัว
คำพูดของเธอทำให้เขาเริ่มนึกถึงหญิงสาวสองคนที่เธอพูดถึง และวาห์นก็เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น
เขาถอนหายใจและถามพี่สาว
(“พี่สาว ที่ผมทำอยู่มันถูกหรือเปล่านะ? ผมรู้สึกได้ว่ามันถูกต้อง แต่พอได้ลองคิดดูแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกผิดและกลัวๆ ขึ้นมาเฉยเลย”)
พี่สาวถอนหายใจก่อนจะอธิบายต่อ
(*เรื่องของความสัมพันธ์ ชีวิต และความรักน่ะ ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดหรอกนะ
ตราบใดที่เธอทำดีที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรผิดปกติกับเรื่องต่างๆ ที่จะตามมาหรืออาจเกิดขึ้น
ปัญหาจริงๆ น่ะย่อมเกิดขึ้นเมื่อเธอมีเรื่องต้องดูแลมากเกินไปจนทุกอย่างเสียสมดุลและทำให้เธอไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองไว้ได้
หากเธอตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างอิสระและไขว่คว้าหาความสุขจริงๆ มันก็จะเป็นเรื่องยากถ้ามีคนอื่นมาตัดสินใจแทนหรือมีอิทธิพลต่อเส้นทางที่เธอเลือกเดิน*)
วาห์นเห็นด้วยกับพี่สาวอยู่บ้าง เพราะตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่ามีอยู่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่เขาตัดสินใจทำด้วยตัวเองจริงๆ
เขามักจะคล้อยตามพวกสาวๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย และตอนนี้เขาก็กำลังจะมีอะไรกับเด็กสาวสองคนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสัญญากับเฮเฟสตัสไปว่าจะกลายเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งกว่านี้
การที่เขากำลังจะหลับนอนกับทีโอน่าและไอส์ ในขณะที่เฮเฟสตัสกำลังรอคอยเขาอยู่นั้นทำให้วาห์นรู้สึกผิดอย่างไม่น่าเชื่อ
(*ยังดีนะที่อย่างน้อยเธอก็ตระหนักในเรื่องนี้
ยิ่งเธอพยายามสร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากขึ้น ผลกระทบต่อชีวิตของตัวเธอเองรวมถึงชีวิตของพวกเธอทุกคนก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
แม้ว่าการมีภรรยาหลายคนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนจะเต็มใจแบ่งปันคนรักให้กับคนอื่นหรอกนะ
ลองนึกภาพถ้าผู้หญิงคนแรกที่เธอคบคือลิลลี่ดูสิ คิดว่าเธอจะยอมเปิดใจเรื่องผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่าล่ะ*)
เมื่อนึกถึงสาวพลูมตัวเล็กที่เต็มไปด้วยความหึงหวง วาห์นก็พอจินตนาการออกเลยว่าเขาจะมีชีวิตแบบไหนหากยอมรับความรู้สึกของเธอตั้งแต่เนิ่นๆ
หากดูจากความเอาจริงเอาจังและการยอมทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาพอใจ วาห์นคงจะถูกเธอตามใจจนมีสภาพแย่ลงกว่าเดิม
เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงจะผิดเพี้ยนหนักและทำให้ความก้าวหน้าและการเติบโตของวาห์นหยุดลง
มีความเป็นไปได้ที่เขาคงได้เข้าไปพัวพันในปัญหาของโซม่าแฟมิเลียและอาจต้องฆ่าคนหลายสิบคนเพื่อช่วยเธอล้างแค้น
วาห์นถอนหายใจก่อนถามอีกครั้ง
(“ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขเลยเหรอ?
ผมแค่รู้สึกว่าเวลาที่ผู้หญิงเริ่มมาชอบ ผมก็จะเริ่มพยายามทำตามสิ่งที่พวกเธอคาดหวังเอาไว้ตลอดเลย
ผมจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ยังไงกัน…?”)
(*นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันให้คำตอบได้หรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าทิศทางในตอนนี้ก็ดูไม่เลวเลยนี่
ทีโอน่าออกจะมีส่วนคล้ายกับลิลลี่ แต่ว่าเธอกลับไม่เคยคิดที่จะเก็บเธอเอาไว้คนเดียว
ส่วนไอส์นั้น แม้เธอจะชอบปล่อยตัวไปตามสถานการณ์เพราะเป็นคนที่ชอบแข่งขันและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่พวกเธอทั้งคู่ (TL: วาห์นกับไอส์) ก็มีความคล้ายคลึงกันมากซึ่งจะเป็นการช่วยผลักดันอีกฝ่ายให้ก้าวหน้าต่อไปด้วยกันได้
การอยู่กับทั้งสองคนนี้จะเป็นการเปิดโอกาสมากมายและยังช่วยเปลี่ยนความคิดของคนอื่นที่มีต่อเธอให้ดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งรวมไปถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วย
แม้แต่ผู้หญิงแบบลิลลี่ก็จะถูกบังคับให้เปลี่ยนตัวเอง ไม่งั้นก็อาจจะเสียเธอให้กับผู้หญิงที่ ‘เข้าใจ’ เธอมากกว่า*)
หลังจากฟังจนพี่สาวอธิบายจบแล้ว วาห์นก็นอนเฉยๆ บนโซฟาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงในขณะที่คอยฟังบรรยากาศรอบห้องแบบเงียบๆ
มีนาฬิกาขนาดใหญ่ประดับอยู่บนกำแพงและเสียงบอกเวลาของมันนั้นดูเหมือนจะสะท้อนเข้าไปในใจของวาห์น
ราวกับว่ามันกำลังนับถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้นของปัญหามากมายแทนที่จะเป็นการนับเวลาไปข้างหน้าแบบปกติ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะดูหลงทางอยู่ในปัญหาที่เข้ามารุมเร้า แต่ก็มีความมั่นใจอย่างแรงกล้าสิงสถิตอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น
อย่างที่วาห์นได้บอกกับสึบากิไปแล้ว เขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ โดยไม่หันหลังกลับแน่นอน
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคหลายอย่างพร้อมกันก็ตาม…
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ประตูห้องก็เริ่มเปิดออกและวาห์นที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่เด็กหญิงสองคนก้าวผ่านประตูเข้ามา วาห์นก็รู้สึกอยากกระโดดแรงๆ ขึ้นมาจากโซฟาเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ยังนั่งรักษาท่าทีนิ่งๆ เอาไว้ได้
ทีโอน่าและไอส์มองเห็นสีหน้าตื่นเต้นของวาห์นจนไอส์เริ่มออกอาการหน้าแดงเล็กน้อยขณะที่ทีโอน่าเดินเข้ามาหาอย่างร่าเริงและคว้าแขนของวาห์นไว้
เธอไม่อาจเก็บความตื่นเต้นของตัวเองได้อีกและถามออกมาด้วยน้ำเสียงมีความสุข
“แล้วเราจะไปที่ไหนกันเหรอ~?”
ช่วงเวลาที่ทีโอน่าคว้าแขนของเขาและเริ่มแนบกายเข้ามานั้น จิตใจของวาห์นก็เตลิดเปิดเปิงไปครู่หนึ่งจนพูดอะไรไม่ออกเลย
จนกระทั่งไอส์มานั่งลงข้างๆ และมองมาที่ใบหน้าซึ่งทำให้สติของเขาฟื้นคืนมา
“มันเป็นสถานที่ที่อยู่นอกเมืองแต่ไม่ไกลเกินไปนักหรอก ด้วยความเร็วของเราก็น่าจะไปถึงที่นั่นได้ภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง…”
ทีโอน่ากอดวาห์นเอาไว้ขณะที่เกือบจะพูดเป็นเสียงตะโกน
“โอเค~! “ถ้างั้นก็ไปกันเลย~!”
ทีโอน่าดึงแขนของวาห์นและยกเขาขึ้นมาจากโซฟาโดยไม่คิดจะรั้งรออะไรอีกแล้ว
เธอดูตื่นเต้นแบบสุดๆ และทำให้วาห์นรู้สึกสงบใจขึ้นมาก
ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาตอนมาที่นี่ในวันนี้คือการทำให้ทีโอน่ามีความสุข และการได้เห็นเธอดีใจ ‘แทบเต้น’ ก็ทำให้หัวใจของเขาอยากจะเต้นไปกับเธอด้วย
แม้แต่ไอส์เองก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของทีโอน่าเช่นกัน
ในขณะที่เธอพยักหน้าและลุกขึ้นจากโซฟาเร็วกว่าที่วาห์นจะคาดคิด เขาก็สังเกตเห็นว่าเธอดูประหม่าเล็กน้อยจนถึงขั้นหวาดกลัวและทำให้เขากังวลอยู่เหมือนกัน
วาห์นถามขึ้นก่อนที่ทุกคนจะก้าวออกไปจากห้อง
“ไอส์ เธอไหวแน่นะ? วันนี้เรายังไม่ต้องทำอะไรกันก็ได้ถ้าเธอยังไม่พร้อม”
วาห์นไม่ต้องการที่จะบังคับคนอื่น และการเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ทำให้เขาเป็นห่วงสภาพจิตใจของเธอมาก
ไอส์ส่ายหัวแรงๆ ก่อนจะตอบกลับมา
“ไม่ ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากลองดู…”
พอทีโอน่าเห็นสภาพของทั้งสองแล้วก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอเริ่มดึงหัวของวาห์นเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบที่หู
“ริเวเรียใช้เวลาสองชั่วโมงที่ผ่านมาเพื่อติวเธอให้เข้าใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องของอันตรายที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ดูเหมือนว่าริเวเรียจะพยายามทำให้ไอส์กลัวซะมากกว่า แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาหรอกนะตราบใดที่นายให้ทำเต็มที่~”
ลมหายใจร้อนๆ ของทีโอน่าทำให้วาห์นขนลุกซู่ ขณะที่คำพูดของเธอก็สร้างความกดดันให้เขาเล็กน้อย
เมื่อมองไปที่ไอส์ วาห์นก็อยากจะช่วยให้เธอสบายใจขึ้นและพูดปลอบเธอ
“ฉันจะทำให้ดีที่สุดเลย…”
ไอส์จ้องเขาอยู่สองสามวินาทีโดยไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดเธอก็พยักหน้าและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“อืม ฉันรู้”
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกจากคฤหาสน์สนธยาขณะที่สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาเมื่อพวกเขาเดินผ่านไป
การได้เห็น ‘คนแปลกหน้า’ กับหญิงสาวทั้งสองจากแฟมิเลียของตนนั้นทำให้ทุกคนเฝ้ามองวาห์นด้วยสีหน้าแปลกๆ และไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง
มีเพียงไม่กี่คนที่มองเขาด้วยใบหน้าโกรธแค้นหรือแม้แต่เกลียดชัง แต่วาห์นก็ไม่สนใจในขณะที่เดินนำทีโอน่าและไอส์ออกไปตามทาง
วาห์นนำพวกเธอออกไปทางประตูทิศเหนือของเมืองเนื่องจากคฤหาสน์สนธยาตั้งอยู่ใกล้กับทางนั้นมากที่สุด
หลังจากลงทะเบียนข้อมูลเสร็จแล้ว ทั้งสามก็เร่งความขึ้นมาในขณะที่วาห์นนำทางไปยังป่าทางทิศตะวันตก
แม้สาวๆ อยากจะรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหนกัน คนๆ เดียวที่ชอบถามอย่างทีโอน่าก็กำลังยุ่งอยู่กับการควบคุมอารมณ์ของตัวเองจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงมากขึ้นเท่านั้น
วาห์นรู้สึกได้ว่าสายตาของเธอเกาะติดอยู่ที่หลังของเขาตลอด และมันก็ทำให้เขาขนลุกก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม
เนื่องจากความเร็วที่เหลือเชื่อของแต่ละคน ทั้งสามจึงมาถึงลานกว้างที่อยู่ถัดจากแม่น้ำภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
ทีโอน่าและไอส์มองไปรอบๆ และสังเกตเห็นถ้ำที่อยู่ภายในแนวหินและมีสัญญาณบ่งบอกว่าที่นี่เคยมีคนมาอาศัยอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง
แม้ว่าวาห์นจะทำลายหลักฐานไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังมีท่อนซุงที่เขาเคยใช้ฝึกรวมไปถึงเครื่องหมายต่างๆ บนต้นไม้ตั้งแต่ตอนที่เขาฝึกซ้อมการต่อสู้ในระยะประชิดเหลืออยู่
ทีโอน่าเริ่มสงบลงเล็กน้อยหลังจากที่พวกเขาหยุดวิ่งและถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ที่นี่คือที่ไหนกัน…”
วาห์นหันไปและเห็นว่าใบหน้าของทีโอน่ายังแดงอยู่เล็กน้อยและดูเหม่อลอยขณะที่เธอมองไปรอบๆ
ไอส์เองก็กำลังทำแบบเดียวกันจนกระทั่งวาห์นอธิบายออกมา
“ที่นี่คือบ้านของฉันในช่วงก่อนที่จะเดินทางไปโอราริโอ้
มันไม่มีอะไรมากนักแต่ถ้าเป็นที่นี่คงจะไม่มีใครมากวน และฉันก็อยากให้พวกเธอรู้เรื่องของฉันมากกว่าเดิมด้วย
ที่นี่สำคัญกับฉันมากและเป็นที่ที่การเดินทางของฉันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ฉันอยากจะกลับมาดูมันสักครั้งและตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี…”
เมื่อได้ยินว่านี่คือบ้านของวาห์น สองสาวก็เริ่มรู้สึกสนใจมากขึ้นและเริ่มมองไปรอบๆ
ไอส์มองไปที่ทางเข้าถ้ำและถามขึ้น
“นายอาศัยอยู่ในถ้ำนั่นเหรอ?”
วาห์นพยักหน้าและเริ่มเดินผ่านทางเข้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
เนื่องจากเขาไม่อยากให้มันกลายเป็นรังของพวกก็อบลินหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เขาจึงปิดทางเข้าเอาไว้
ทีโอน่าและไอส์เดินตามเขาเข้าไปข้างในจนกระทั่งมาถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของวาห์น
ทีโอน่าดูสนใจถ้ำนี้มากขณะเดินไปรอบๆ และหยิบหินเรืองแสงบนผนังขึ้นมาดู
ไอส์พึมพำเบาๆ ขณะที่ยืนอยู่ข้างวาห์น
“สวยจัง… เหมือนดวงดาว”
วาห์นพยักหน้าให้ เพราะเขาเคยจ้องมอง ‘ดวงดาว’ พวกนี้นานถึงเจ็ดเดือนจนสามารถตั้งชื่อให้กับ ‘กลุ่มดาว’ ต่างๆ ได้เลยด้วยซ้ำ
พอได้สำรวจทุกอย่างจนพอใจแล้ว ทีโอน่าจึงเข้ามาใกล้และถามขึ้น
“เราจะใช้ที่นี่ใช่ไหม?”
เธอยิ้มกว้างขณะเอนตัวไปข้างหน้าและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
วาห์นพยักหน้าก่อนจะเดินไปตรงกลางห้องและดึงฟูกขนาดใหญ่ออกมาจากช่องเก็บของ
ความตื่นเต้นของทีโอน่าแทบจะระเบิดออกมาเมื่อเห็นฟูกถูกวางลงบนพื้นถ้ำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีขึ้นเยอะเลย~ ฉันไม่รังเกียจหรอกนะถ้าเราใช้พื้นถ้ำ แต่ยังไงฟูกก็ต้องสบายกว่าอยู่แล้วล่ะ!”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็นั่งขัดสมาธิลงบนฟูกและหยิบหมอนบางส่วนที่วาห์นนำออกมากอด
วาห์นมองเห็นเธอจ้องเขาด้วยสีหน้า ‘หิวกระหาย’ แต่เขาก็พยายามรักษาท่าทีเอาไว้ก่อนจะเตรียมอย่างอื่นต่อไป
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง แม้แต่ไอส์ก็เดินออกมาก่อนจะถอดรองเท้าบูทยาวและนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างกับฟูก
ไอส์ดูสงบเสงี่ยมและนั่งอย่างเรียบร้อยซึ่งต่างไปจากทีโอน่าที่แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่
ทว่าวาห์นก็ยิ้มให้กับเธอเพราะเขามองเห็นออร่าที่ผันผวนไปมาซึ่งราวกับเป็นการเยาะเย้ยท่าทาง ‘สงบนิ่ง’ ของไอส์
หลังจากทุกอย่างเข้าที่ดีแล้ว วาห์นก็นั่งลงกับสองสาวในขณะที่พวกเขาต่างจ้องหน้ากันไปมา
ทีโอน่านั่งอยู่ด้านซ้ายมือและกำลังบีบหมอนจนแทบขาดเป็นสองท่อน ขณะที่ไอส์นั่งอยู่ด้านขวาและสบตาด้วยทุกครั้งที่เขามองมา
วินาทีแปรเปลี่ยนเป็นนาทีขณะที่ทั้งสามยังคงจ้องมองกันอย่างเงียบๆ และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ในขณะที่ความตึงเครียดในอากาศพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้หัวใจของวาห์นเต้นเสียงดังมากจนเขาแทบจะไม่ได้ยินความคิดของตัวเองเลย
แม้เขาจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่พอ ‘ทำ’ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขากลับไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง
เมื่อเห็นสีหน้าคาดหวังจากสองสาว วาห์นรู้ก็สึกประหม่าแบบสุดๆ และค่อยๆ ถามออกมาเบาๆ
“แล้ว… ตอนนี้เราต้องทำยังไงต่อเหรอ?”