Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 129
ในวันที่วาห์นสารภาพรักกับเธอในที่สาธารณะนั้น เฮเฟสตัสก็มีความสุขไปแทบตลอดทั้งวัน
พอนึกถึงสีหน้าที่ดูมั่นใจและจริงจังขณะที่เขาพูดออกมาท่ามกลางฝูงชน เฮเฟสตัสนั้นรู้สึกว่าหัวใจของเธอก็เริ่มกลับมาเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้เธอกำลังเฝ้ารอวันที่เขาจะทำตามคำสัญญา และคาดหวังให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ…
ตั้งแต่ที่วาห์น ‘กลั่นแกล้ง’ เธอเมื่อคืนก่อน เฮเฟสตัสก็ไม่อาจลบภาพเหล่านั้นออกไปจากหัวได้
แม้จะเคยจินตนาการถึงวาห์นและนำเสียงหัวใจของเขามาช่วย ‘บรรเทา’ อาการทรมานของเธอ แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นแค่จินตนาการล้วนๆ
ตอนนี้เธอถูกเขา ‘ล่วงเกิน’ ไปบ้างแล้ว และรู้สึกเหมือนร่างกายจะจดจำทุกตำแหน่งที่มือของเขาเคยเคลื่อนผ่านได้เป็นอย่างดี
เธอนึกถึงจูบอันเร่าร้อนที่เขาไม่ยอมถอนออกง่ายๆ พร้อมกับมือที่เข้ามาคุมขังบั้นท้ายของเธอไว้อย่างไม่มีการปล่อยตัว
ไม่นานหลังจากที่ส่งเขาออกไปกับอนูบิสและพวกเด็กๆ เฮเฟสตัสก็ลงเอยด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานและ ‘จัดการ’ กับอารมณ์ของตัวเองไปเกือบชั่วโมงก่อนจะได้เป็นอิสระจากสิ่งที่ถูกเก็บเอาไว้ในใจ
แถมมันยังรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มากเนื่องจากมีกลิ่นกายแบบสดๆ ร้อนๆ ของวาห์นผสมอยู่บนโซฟาด้วย
จากนั้นเธอก็ทำความสะอาดตัวเองและกลับมาสางงานต่อ
ตั้งแต่ที่วาห์นช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดด้วยการนวด ร่างกายของเฮเฟสตัสก็รู้สึกเบาสบายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ข้อต่อทั่วร่างนั้นรู้สึกดีมาก มากจนเธอสามารถทำงานได้ดีกว่าเดิมหลายเท่า
ในช่วงเวลาที่เหลือของวันนี้ เธอสามารถควบคุมตัวเองได้ดีและทำงานสำเร็จตามเป้าที่วางไว้
ในที่สุด สัญญาที่หมักเอาไว้หลายฉบับก็ถูกสะสางลงไปบ้างเสียที…
เฮเฟสตัสตัดสินใจหยุดพักเล็กน้อยในช่วงเย็น และไม่นานเธอก็รู้สึกว่าหัวใจของวาห์นเริ่มเต้นเร็วขึ้นมาเล็กน้อย
ด้วยความอยากรู้ เธอจึงเริ่มให้ความสนใจกับมันและดูเหมือนว่าวาห์นกำลังรู้สึกตื่นเต้นและเขินอายไปพร้อมๆ กัน
พอนึกถึงใบหน้าและรูปร่างสมส่วนของเทพธิดาที่เจอกันเมื่อเช้านี้ หน้าของเธอก็เริ่มหงิกและคิดว่าอนูบิสต้องเล่นอะไรแผลงๆ แน่นอน
ถึงจะรู้อยู่บ้างว่าเทพสุนัขนั่นมีเจตนาแอบแฝง แต่เฮเฟสตัสไม่คิดว่าเธอจะเคลื่อนไหวรวดเร็วแบบนี้
โชคดีที่ความรู้สึกอึดอัดเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเฮเฟสตัสจึงสรุปได้ว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีหลังจากนั้น ดวงวิญญาณของเฮเฟสตัสก็สั่นไหวเล็กน้อยขณะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผุดขึ้นภายในตัววาห์น
เพราะเป็นเวลาดึกแล้วจึงคิดว่าเขาคงกำลังหลับอยู่ และนั่นก็ทำให้เธอเขินจนหน้าแดงเมื่อนึกภาพวาห์นกำลังนอนอยู่บนเตียงที่เธอเคยใช้มาเป็นเวลานานหลายปี…
ดูจากที่เขาสนใจกลิ่นกายของเธอมาก เฮเฟสตัสจึงอดไม่ได้ที่จะนึกภาพวาห์นกำลังกุมผ้าปูเตียงและสูดดมกลิ่นของเธอด้วยสายตาเร่าร้อน…
พอนึกถึงภาพเหล่านั้น เฮเฟสตัสก็กลับมาฝากความหวังไว้กับโซฟาและเริ่ม ‘บรรเทา’ ความทรมานขณะจินตนาการว่าวาห์นกำลังทำแบบเดียวกันกับเธอ
เธอปิดตาลงพลางนึกถึงเด็กหนุ่ม และนั่นก็ทำให้เธอปลดปล่อยทุกอย่างออกมาในเวลาไม่กี่อึดใจ
ความรู้สึกของเธอรุนแรงมากจนไม่อาจกลั้นเสียงในช่วงท้ายๆ เอาไว้ได้ และทำให้เกิดความตื่นตระหนกเนื่องจากกลัวว่าอาจมีคนมาได้ยินเข้า
โชคยังดีที่ห้องทำงานซึ่งเก็บ ‘เพลิงนิรันดร์’ ไว้นั้นถูกออกแบบมาให้เก็บเสียงอย่างสมบูรณ์
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เฮเฟสตัสก็ใส่ต่ออย่างไม่อายฟ้าอายดินด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเพลิดเพลินไปกับรู้สึกว้าวุ่นและทำตัวไม่ถูกของวาห์นไปเรื่อยๆ
กิจกรรมยังคงดำเนินต่อไปจนในที่สุดวาห์นก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงและผลอยหลับไป
โดยทิ้งให้เฮเฟสตัสอยู่ในสภาพมึนงงและอ่อนล้าบนโซฟาแถมยังมีน้ำลายไหลออกมาจากปากนิดๆ ด้วย
มีรอยสีดำบนโซฟาซึ่งเป็นจุดที่เหงื่อของเธอไหลมารวมกัน… และยังมีรอยสีดำขนาดใหญ่อีกจุดอยู่ตรงตำแหน่งที่สะโพกของเธอกดทับลงไป
—
เฮเฟสตัสตื่นขึ้นตอนเช้าตรู่หลังนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง
เธอยังสับสนอยู่เล็กน้อยเพราะรู้สึกได้ถึงความกังวลและความคาดหวังจากวาห์นราวกับว่าเขากำลังเร่งรีบ
นั่นทำให้เธอค่อยๆ มาไล่นึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้
เธอรู้สึกขบขันเมื่อคิดว่าวาห์นรู้สึกตื่นเต้นจากเมื่อคืนมากจนเขาต้องรีบมาหาเธอตั้งแต่เช้า
น่าเสียดายที่หลังจากผ่านไปอีก 20 นาที เสียงหัวใจของวาห์นก็เริ่มช้าลงโดยที่เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
แม้ยังไม่คิดที่จะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ แต่เฮเฟสตัสก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ตนเดาผิด
เธอถอนหายใจออกมาและเริ่มเตรียมตัวสำหรับวันนี้
หลังจากเริ่มจัดการวัตถุดิบไปได้ไม่นาน เธอก็เริ่มรู้สึกถึงชีพจรที่เต้นเร็วขึ้นของวาห์นรวมไปถึงความรู้สึกคาดหวังและหวาดกลัว
เฮเฟสตัสสงสัยมากว่าเขากำลังทำอะไรอยู่และวางแผนจะไปหาเขาในภายหลังเพื่อสอบถาม
ถึงเธอจะไม่ได้พบวาห์น แต่อย่างน้อยก็ต้องไปง้างปากเทพสุนัขเพื่อเอาข้อมูลมาได้บ้างแหละ
ขณะเริ่มทำงาน เฮเฟสตัสก็ประสบกับปัญหาเล็กน้อยเนื่องจากวาห์นมีอารมณ์แปรปรวนมาก
บางครั้งเขาดีใจ ตื่นเต้น และรู้สึกตั้งตารอ แต่บางครั้งก็กลับเต็มไปด้วยความโกรธซึ่งมันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเป็นกังวล
พอจินตนาการว่ามีคนที่ทำให้วาห์นรู้สึกโกรธได้มากขนาดนี้ เฮเฟสตัสเองก็เริ่มโกรธขึ้นมาบ้างเช่นกันและนั่นก็ยิ่งทำให้เธออยากออกไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว
โชคดีที่ความโกรธนั่นอยู่ได้ไม่นานนัก และต่อมามันก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดีใจซึ่งทำให้หัวใจของเฮเฟสตัสรู้สึกตะหงิดๆ
เธอรู้สึกได้ถึงอารมณ์บางอย่างในตัววาห์นและนั่นก็ทำให้เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
สองชั่วโมงต่อมา เฮเฟสตัสยังคงสงสัยว่าวาห์นกำลังทำอะไรอยู่ขณะเพ่งสมาธิไปที่สัมผัสเชื่อมโยงระหว่างทั้งสอง
สุดท้ายแล้ว ห้วงความคิดของเธอก็ถูกขัดจังหวะจากเสียงเคาะประตูที่แจ้งให้เธอทราบว่าโลกิได้มาถึงแล้ว
ลางสังหรณ์ก่อนหน้านี้ดูท่าจะเป็นจริง ขณะที่เฮเฟสตัสจำต้องยอมเจียดเวลาให้กับเทพธิดาตัวแสบที่เธอไม่ค่อยจะถูกชะตาด้วยสักเท่าไหร่
แม้แฟมิเลียของพวกเธอมักจะให้ความช่วยเหลือกันอยู่บ่อยครั้ง แต่เฮเฟสตัสก็รู้ดีว่าโลกิเป็นเทพแบบไหน
หลังจากได้ยินว่าวาห์นได้เปิดเผยความลับบางอย่างภายในดันเจี้ยน เธอก็คิดเอาไว้แล้วว่าโลกิจะต้องมาหาไม่ช้าก็เร็ว
หลังจากมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวที่ใช้รับลูกค้า VIP เฮเฟสตัสก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของโลกิขณะที่เธอเฝ้ารอการมาถึงของเฮเฟสตัสอย่าง ‘ไม่สบอารมณ์’
เมื่อเฮเฟสตัสนั่งลงเรียบร้อย โลกิก็รีบพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล
“วาห์น เมสัน… เด็กคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปใช่ไหม?”
เฮเฟสตัสขมวดคิ้วขณะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โลกิ เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่? นี่คงไม่คิดว่าฉันจะเผยความลับของเด็กๆ ตัวเองให้กับเธอหรอกนะ?”
โลกิเบิกตากว้างขึ้นขณะจ้องตอบสายตาเย็นของเฮเฟสตัส
“เขาคงเป็นคนที่รักษาดวงตาให้กับเธอ ใช่ไหมล่ะ?
ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามนุษย์แบบไหนกันนะ ที่สามารถรักษาคำสาปของเทพธิดาซึ่งแม้แต่เหล่าทวยเทพบนสวรรค์ยังทำไม่ได้…”
คำพูดของโลกิทำให้เฮเฟสตัสโกรธจัดขึ้นมาทันที และแก้วที่เธอกำลังถืออยู่ก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วโต๊ะไม้ราคาแพง
เฮเฟสตัสพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ เชิงข่มขู่
“ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำอะไรตามใจชอบเหมือนกับเฟรย่านั่นแหละ
ถ้ายังสอดรู้เรื่องความลับของวาห์นและทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ อย่าคิดนะว่าฉันจะอยู่เฉยๆ”
ตลอดเวลาที่เฮเฟสตัสพูด โลกิก็ยังจ้องเธอด้วยสีหน้าราวกับงูจ้องเหยื่อเหมือนเดิม
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะถามกลับไป
“แล้วเธอรู้ไหมว่าเด็กแสนจะวิเศษของเธอตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?”
เพราะวาห์นเพิ่งจะไปที่แฟมิเลียของเธอ โลกิจึงรู้ว่าเฮเฟสตัสคงยังไม่ได้รับข่าวนี้แน่นอน
เฮเฟสตัสเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของโลกิ และใจของเธอก็ค่อยๆ เต้นเร็วขึ้นขณะถามออกไป
“เกิดอะไรขึ้นกับวาห์น… เขาคงจะไปที่แฟมิเลียของเธอแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโลกิขยายขึ้นอีกเป็นสองเท่าจนแทบจะไม่เหลือเค้าของความเป็นมนุษย์อยู่เลย แม้แต่ที่ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นมาอีกหน่อย
“งั้นเหรอ~! มีบางอย่างจริงๆ ด้วยสินะ สงสัยจะยิ่งกว่าที่ฉันคาดไว้ซะอีก
เธอเองก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเด็กนั่นด้วย น่าสนใจจริงๆ”
โลกิดูเหมือนจะยิ่งมีความสุขกับเหตุการณ์นี้มาก
เธอเห็นว่าคำพูดของตัวเองส่งผลต่อเฮเฟสตัสอยู่บ้าง และเริ่มพูดต่อแบบติดตลก
“ถูกต้อง เด็กของเธอแวะมาที่แฟมิเลียของฉัน~
นึกดูสิว่าฉันรู้สึกตกใจแค่ไหน ตอนที่เขามาขอร้องให้ฉันยอมปล่อยเด็กสาวทั้งสองจากแฟมิเลียไปกับเขาในฐานะคู่นอน~”
ภาพของสาวๆ ที่มาเยี่ยมวาห์นตอนเขากำลังหมดสติเริ่มผ่านเข้ามาในหัวของเฮเฟสตัสขณะที่เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงหวั่นไหว
“เกิดอะไรขึ้นนะ…?”
โลกิดูเหมือนจะสนุกไปกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเฮเฟสตัสและหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“เธอน่าจะได้เห็นจริงๆ เขาดูสมเป็นลูกผู้ชายมากเลย~!
แม้จะโดนพลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันเข้าไป แต่เขาก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว แถมดูเหมือนกับว่าจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองมาตอบโต้ฉันด้วย~”
พอเฮเฟสตัสได้ยินถึงตอนที่โลกิพูดว่า ‘พลังศักดิ์สิทธิ์’ ก็รู้ว่าเรื่องนี้มาถึงจุดที่วกกลับไม่ได้อีกแล้ว
จากทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ เขากลับเปิดเผยมันต่อหน้าคนที่แสบที่สุด…
และแม้จะรู้สึกหงุดหงิดจากสถานการณ์ในตอนนี้ แต่พอนึกถึงความกล้าหาญของวาห์นที่เผชิญหน้ากับโลกิตรงๆ เธอก็รู้สึกดีใจหน่อยๆ
เฮเฟสตัสเลิกคิดที่จะเก็บวาห์นไว้คนเดียวไปนานแล้ว และเมื่อเห็นว่าเขายินดีที่จะทำเพื่อคนอื่นขนาดไหน มันก็ยิ่งทำให้ความคาดหวังของเฮเฟสตัสเพิ่มขึ้นมาด้วย
โลกิกำลังให้ความสนใจกับทุกสีหน้าของเฮเฟสตัส และก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเฮเฟสตัสดูนิ่งสงบหลังได้รู้ความจริง
ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับเฮเฟสตัสและ ‘วัลแคน’ น่าจะยิ่งกว่าสิ่งที่เขาลือกันเสียอีก
จากการที่ทั้งคู่มี ‘สายสัมพันธ์’ แก่กัน บวกกับท่าทางของเฮเฟสตัสในตอนนี้
โลกิก็ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าทั้งสองจะต้องมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นแน่นอน
เมื่อเห็นประกายแสงที่อยู่ลึกลงไปในแววตาของเฮเฟสตัส แม้แต่โลกิก็เริ่มรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะขุดคุ้ยต่อ
เพราะเห็นสิ่งที่เฮเฟสตัสทำกับเฟรน่าไปแล้ว เธอจึงไม่อยากจะไปมีเรื่องกับเทพธิดาแสนเกรี้ยวกราดองค์นี้สักเท่าไหร่
โลกิไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าผลประโยชน์สูงสุด และการเป็นศัตรูกับแฟมิเลียที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ก็ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเอาซะเลย
หลังจากครุ่นคิดไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มร่างแผนในหัวและเตรียมนำมันออกมาใช้จริง
น่าเสียดายที่แม้เธอจะวางแผนจนทุกอย่างดูลงตัวหมดแล้ว แต่เธอก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้าก่อนที่จะได้ทันพูดอะไรออกไป
เพราะทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเฮเฟสตัสก็เบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเริ่มนำมือทั้งสองข้างไปนาบลงที่ตำแหน่งหัวใจ
จากมุมมองของโลกินั้น ดูเหมือนว่าเฮเฟสตัสกับกำลังอยู่ในอาการ ‘ของขึ้น’ อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอะไรที่เธอค่อนข้างสนใจและเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน
เธอเริ่มสงสัยแล้วว่า ‘สายสัมพันธ์’ ระหว่างเฮเฟสตัสกับวาห์นนั้นไม่ใช่ความรู้สึกธรรมดาๆ แต่เป็นบางอย่างที่ทรงพลังมาก
ตอนนี้เฮเฟสตัสต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดฝันโดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ถึงจะไม่รู้ว่าวาห์นกำลังทำอะไรอยู่ แต่เฮเฟสตัสก็แน่ใจแล้วว่าตอนนี้เขากำลังอยู่กับพวกเด็กสาวที่โลกิพูดถึงแน่นอน
เธอสัมผัสได้ถึงความผันผวนอย่างรุนแรงภายในดวงวิญญาณของตัวเองซึ่งเป็นผลมาจากอารมณ์ที่วาห์นกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้
เฮเฟสตัสรู้ว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งพล่านอยู่ในใจ ขณะที่ความเปียกชื้นเริ่มรุกรานร่างกายส่วนล่างของเธออย่างไม่ปราณี
เธอกำลังจดจ่ออยู่กับความรู้สึกภายในใจจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง ‘หัวเราะร่า’ ของโลกิเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เครื่องเธอติดอยู่หรอกเหรอ!?”
—
จากตรงนี้ไป… กระแสของการเจรจาก็ไม่พลิกกลับไปทางเฮเฟสตัสอีกเลย