Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 135
หลังจากที่ทุกอย่างถูกย้ายเข้าไปในห้องเก็บวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว เฮเฟสตัสก็นำรายชื่อของทั้งหมดมาให้วาห์นซึ่งทำเอาเขาช็อคไปเลย
นอกจากรายชื่อวัตถุดิบทุกชนิดแล้ว มันยังระบุจำนวน น้ำหนัก และราคาเอาไว้ด้วย
ถึงวาห์นจะเห็นว่ามันมากพอสมควร แต่มูลค่ารวม 2,183,449,812 วาลิสนั้นก็ไม่ใช่ตัวเลขที่ใครจะได้เห็นกันบ่อยๆ
พอนับตัวเลขได้สิบหลัก เขาก็มองไปที่เฮเฟสตัสด้วยความกังวลเล็กน้อย
เฮเฟสตัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาหรืออะไรหรอกนะ นี่เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในทรัพย์สินจริงของฉันเท่านั้น
ถ้าอยากจะตอบแทนจริงๆ ล่ะก็ ตั้งใจทำงานให้มันมากกว่านี้หน่อย!”
วาห์นไม่กล้าขัดคำพูดของเธอจึงพยักหน้ารับมันไว้แต่โดยดี
เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือสิ่งจำเป็นหากเขาต้องการสร้างไอเท็มในอนาคต
หนึ่งในค่าใช้จ่ายที่หนักหน่วงที่สุดสำหรับเขาจะก็คือการจัดหาวัตถุดิบนี่แหละ
เขาไม่มีสิทธิ์ในการว่าจ้างคนให้มาหาของให้ ดังนั้นเขาจะต้องซื้อทุกอย่างจากศูนย์กระจายสินค้าของเฮเฟสตัสแฟมิเลีย
หลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว เฮเฟสตัสก็ให้ ‘กุญแจ’ กับวาห์นซึ่งจะเป็นการเปิดใช้งานข่ายป้องกัน
วาห์นรวมถึงใครก็ตามที่เขาอนุญาติ จะสามารถเข้ามาในพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบได้
วาห์นรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขนส่งวัตถุดิบมากมายขนาดนี้โดยที่ไม่มีคนเห็น
เขาคาดว่าคงจะได้เจอกับกองทัพโจรย่องเบาในอีกไม่ช้าแน่ หากไม่ได้วางข่ายป้องกันไว้ก่อน
เขานึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไมทุกคนถึงไม่นำของดีแบบนี้ออกมาใช้ในทุกครัวเรือน
แต่ก็คงอีกสักพักกว่าที่วาห์นจะได้รู้ความจริง ว่าการตั้งข่ายป้องกันนั้นมีมูลค่าถึง 900,000,000 วาลิส!
เมื่อทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เฮเฟสตัสก็เตรียมตัวกลับไปทำงานต่อ
เธอมีงานต้องทำอีกมากรวมไปถึงเรื่องอื่นที่ต้องไปสะสาง
แต่ก่อนที่เธอจะได้กลับออกไป วาห์นก็เข้ามาหยุดเธอไว้ก่อน
วาห์นดึงตัวเธอเข้ามากอดและจูบเธออย่างรุนแรงก่อนที่เธอจะทันได้ปริปาก
เขารู้สึกซาบซึ้งมากสำหรับทุกอย่างที่เฮเฟสตัสทำไป และมันก็ทำให้วาห์นรู้สึกเศร้าที่เห็นเธอกำลังจะจากไปโดยไม่คิดจะรอฟังคำขอบคุณของเขา
เฮเฟสตัสอยากจะดิ้นหนี แต่หลังจากคืนที่ผ่านมาซึ่งยังทำให้สมองคลุมเครืออยู่ เธอก็ไม่สามารถรวบรวมพลังใจเพื่อต้านทานการโอบกอดของวาห์นได้
ถึงจะไม่ได้ใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] แต่แค่สัมผัสธรรมดาของเขาก็ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกอบอุ่น แถมยังมัวเมาไปกับรสจูบอันน่าหลงใหลด้วย
เฮเฟสตัสเอาแขนไปโอบกอดเด็กหนุ่มขณะที่เธอค้นหาความสุขจากริมฝีปากของคนตรงหน้าอย่างแนบแน่น
จนกระทั่งมือซุกซนของวาห์นเดินทางไปถึงบันท้ายอันเต่งตึง เฮเฟสตัสจึงตื่นขึ้นมาจากมนตร์สะกดและรีบถอยห่างออกไป
เธอมองเขาแบบ ‘เคืองๆ’ ด้วยใบหน้าแดงแจ๋และเริ่มส่งเสียโวยวาย
“ทำไนายชอบไปจับตรงนั้นอยู่เรื่อยเลยนะ!?”
วาห์นดูเศร้าเล็กน้อยจากการที่เธอถอยออกไปขณะเอียงศีรษะและเริ่มไตร่ตรองคำถามนั้นอย่างจริงจัง
ยิ่งปล่อยไว้นาน เฮเฟสตัสก็ดูเหมือนจะโกรธหนักกว่าเดิม ในขณะที่ใบหน้า ‘ไร้เดียงสา’ และครุ่นคิดของวาห์นนั้นไม่ได้ช่วยในอารมณ์ของเทพธิดาดีขึ้นมาเลย
โชคดีที่ก่อนที่ความโกรธของเธอจะเปลี่ยนมาเป็นการลงไม้ลงมือ วาห์นก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจังมาก
“ฉันว่ามันให้สัมผัสที่ดีมากเลยนะ
มันแน่นมากแต่ก็ยังนุ่มนิ่มพอที่นิ้วจะฝังลงไปได้ แถมแค่ไปจับตรงนั้นนิดหน่อยก็อุ้มเธอขึ้นมาได้ด้วย… ประโยชน์เหลือเฟือ”
คำพูดที่จริงจังและดูซื่อๆ ของวาห์นนั้นทำให้จิตใจของเฮเฟสตัสว่างเปล่าไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะทวนสิ่งที่ได้ยินซ้ำอีกครั้งในใจ
เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรืออัดเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าดี แต่ร่างกายเหมือนจะรู้สึก ‘ดีใจ’ ก่อนที่มันจะมาขออนุญาตเธอเสียอีก
เธอรู้สึกถึงความหวานในทรวงอกซึ่งทำให้สมองของเธอมืดมัว ในที่สุดเฮเฟสตัสก็ถอนหายใจก่อนจะเข้ามาใกล้และสวมกอดวาห์นอีกครั้ง
เธอรู้ว่าเขากำลังชมอยู่ และคำตอบที่จริงจังก็ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจมากขึ้นในฐานะผู้หญิงคนนึง
วาห์นเอามือมาโอบรอบเอวบางขณะที่เฮเฟสตัสกอดเขาเอาไว้
เขาดีใจที่เธอดูอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว แต่คำพูดต่อไปที่ได้ยินนั้นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไปอีก
เฮเฟสตัสเอนเข้ามาแนบตัวติดกับวาห์นและกระซิบใส่หูของเขาเบาๆ
“งั้นก็จับมันไว้… แล้วก็ห้ามปล่อยเด็ดขาดเลยนะ เข้าใจไหม?
พยายามเข้าล่ะ เพราะฉันจะมารอนายไปตลอดไม่ได้หรอกนะ”
พอได้ไฟเขียวแล้วจากเธอแล้ว วาห์นคว้าบั้นท้ายของเฮเฟสตัสเอาไว้อย่างแบบแน่นและเริ่มทำตามที่พูดไปก่อนหน้านี้ขณะยกเธอขึ้นจากพื้นเล็กน้อย
เนื่องจากเฮเฟซัสตัสสูงกว่าเขาอยู่บ้าง วาห์นจึงต้องยกเธอขึ้นมาแนบลำตัวและทำให้หน้าอกของเธอสัมผัสกับปลายคางของเขา
เฮเฟสตัสปล่อยเสียงครางนิดๆ ก่อนจะจูบหน้าผากของวาห์น
แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่มีเด็กหนุ่มมายกตัวเธอขึ้นแต่เฮเฟสตัสก็รู้สึกมีความสุขอยู่บ้างกับการกระทำที่ดูหวงแหนของเขา
เธอยังตัดสินใจที่จะเริ่มออกกำลังกายเพื่อพัฒนาช่วงล่างให้ดูดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย…
ในที่สุดเฮเฟสตัสก็หลบหนีออกมาจากเงื้อมมือของวาห์นได้สำเร็จ ขณะที่เขาเดินออกไปส่งเธอตรงถนนสายหลักก่อนจะแยกทางกัน
วาห์นพยายามจูบเธออีกครั้งในที่สาธารณะ แต่เฮเฟสตัสก็เริ่มถอยหนีราวกับกวางที่ไหวตัวจากนักล่าได้ทัน
ตาของวาห์นตามเธอไปติดๆ และสังเกตเห็นเรียวขางามที่ช่วยเสริมส่วนสะโพกให้ดูดียิ่งขึ้นบวกกับกางเกงรัดรูปที่เธอชอบใส่อยู่เสมอ
วาห์นยังสงสัยว่าเฮเฟสตัสชอบใส่มันมากจริงๆ หรือแค่อยากจะโชว์ให้เขาดูกันแน่นะ?
แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็รู้สึกประทับใจทุกครั้งที่เห็นภาพนี้และอยากกอดเธออีกครั้งเหลือเกิน
หลังจากที่เธอเดินหายไปแล้ว วาห์นก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปในบ้านเพื่อเริ่มทำงาน
เขามีวัตถุดิบมากมายบนชั้นวางซึ่งเฮเฟสตัสเตรียมไว้แล้วก่อนที่เธอจะขนมาเพิ่มจากรอบเมื่อกี้เมื่อกี้นี้ซะอีก
เพราะที่นี่เคยเป็นบ้านพักส่วนตัวของเธอ มันจึงเต็มไปด้วยไอเท็มระดับกลางและระดับสูงหลายอย่าง รวมไปถึงเครื่องมือมากมาย
วาห์นรู้สึกซาบซึ้งมากเพราะพวกมันน่าจะมีราคาหลายล้านวาลิส
นานูเองก็อยู่ในนี้ด้วย และวาห์นสั่งให้เธอเริ่มจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ในขณะที่เขาเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในระบบสักพัก
ถึงจะมองไปที่การแจ้งเตือนเป็นบางครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้มาดูมันอย่างละเอียดโดยเฉพาะช่วงที่กำลังให้ความสนใจกับเฮเฟสตัสหลังจากที่คุยกับโลกิเสร็จ
//ภารกิจสำเร็จ//
[ภารกิจ: สร้างพันธมิตร, ทำเพิ่มเติมได้]
ระดับ: A (I – SSS)
เป้าหมาย: โน้มน้าวเทพ/เทพธิดาเพื่อสร้างพันธมิตรระหว่างแฟมิเลีย จำนวนพันธมิตรในปัจจุบัน (1)
รางวัล: 10,000 OP x ระดับของแฟมิเลีย ระดับความสำเร็จในปัจจุบัน (S: 100,000OPP) ระดับความสำเร็จของภารกิจนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนพันธมิตรทั้งหมด
รางวัลจากเกรด: 40,000 OP, 1x [ธงรบบัญชาการ]
[ธงรบบัญชาการ]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: ปรับปรุงค่าสถานะของพันธมิตรทั้งหมดเป็นจำนวน 10% ภายในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นเวลา 10 นาที เมื่อติดตั้งแล้ว ธงรบจะไม่สามารถถูกทำลายหรือถูกเคลื่อนย้ายได้
จากรางวัลภารกิจ ตอนนี้วาห์นมี OP ทั้งหมด 998,309 แต้มซึ่งขาดอีกเพียง 1,601 OP ก็จะสำเร็จอีกภารกิจหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ค่าความชื่นชอบของโลกิเพิ่มขึ้นเป็น 70(ชื่นชอบ) แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่วาห์นต้องมากังวลในตอนนี้
ตอนนี้วาห์นใกล้จะสำเร็จภารกิจเต็มทีแล้ว เขาจึงทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
เขาหยิบแท่งโลหะอะดาแมนไทน์คือมาถือเล่น ก่อนจะแปลงมันผ่านระบบและได้รับ OP กลับมา 2,000 OP แต้ม
เขาไม่เคยใช้วัตถุดิบหรือไอเท็มใดๆ ที่ได้รับจากสึบากิมาทำการเปลี่ยนกับระบบมาก่อน
เพราะแม้ว่าเธอจะปล่อยให้เขาใช้มันได้เต็มที่ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้ ‘ของของเขา’
ตอนนี้เฮเฟสตัสมอบมันให้กับเขาโดยตรง เขาจึงคิดว่าการใช้พวกมันแลกเป็นแต้มน่าจะส่งผลดีกับทุกฝ่ายในระยะยาว
แม้ว่าแท่งโลหะจะมีมูลค่าหลายล้านวาลิส แต่วาห์นก็ต้องการที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้กลับมาใช้ระบบร้านค้าอีกครั้ง
วาห์นถอนหายใจก่อนจะแลกเปลี่ยน OP หนึ่งล้านแต้มกับระบบเพื่อจบภารกิจ
เขาได้เจอกับอะไรมากมายในระหว่างที่ทำภารกิจนี้และหากย้อนเวลากลับไปได้ก็คงจะทำแบบเดิม
หากไม่ได้เข้าดันเจี้ยนในเวลานั้น เขาก็จะไม่ได้สู้กับโกไลแอธและไม่ได้เข้าร่วมกับโลกิแฟมิเลียเพื่อพบกับคนรักทั้งสอง
แม้ว่าจะเป็นภารกิจที่สาหัสเอาการ แต่วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะส่งคำขอบคุณแบบเงียบๆ ให้กับ ‘เดอะพาธ’
หลังจากนั้น เขาก็ดูการแจ้งเตือนในหัวของเขาด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้นเล็กน้อย
————————————————————————-
//ภารกิจสำเร็จ//
[ภารกิจ: การกำเนิดของผู้เป็นตำนาน]
ระดับ: SS
เกรดความสำเร็จ: SSS (เวลาที่เหลือ 317 วัน 9 ชั่วโมง 43 นาที)
รางวัล: ‘ปลดล็อคระบบกาชา’, [เอ็นคิดู:SSS], หมุนกาชาพรีเมี่ยม 10+1 ครั้ง, ค่ากรรม 1000 แต้ม
รางวัลจากเกรด: 1x [คูปองส่วนลดกาชา 24 ชั่วโมง], 100,000 OP
[เอ็นคิดู]
ระดับ: SSS
ช่อง: 0
พลังโจมตี: 100
พลังโจมตีเวทมนตร์: 0
คุณสมบัติ: ไม่สามารถทำลายได้, เจาะทะลวง (ธาตุศักดิ์สิทธิ์), ปิดผนึก (ธาตุศักดิ์สิทธิ์), พันธะวิญญาณ (วาห์น เมสัน)
โซ่เวทมนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นบนสวรรค์เพื่อใช้จองจำเหล่าทวยเทพ หอกที่ปลายโซ่สามารถทะลุผ่านได้ทุกอย่าง ขณะที่ตัวโซ่สามารถกักขังทุกอย่างได้ ยิ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ของเป้าหมายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังในการจองจำก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
[คูปองส่วนลดกาชา 24 ชั่วโมง]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: ลดข้อกำหนดในการใช้กาชาระดับพรีเมียมลง 50% เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
————————————————————————-
วาห์นรู้สึกทึ่งๆ กับอาวุธสุ่มที่เขาได้รับจากการทำภารกิจมาก
แม้พลังโจมตีของมันจะดูค่อนข้างต่ำ แต่ตรงคุณสมบัติก็ระบุไว้ชัดเจนว่ามันจะมารถทะลุผ่านอะไรก็ได้
วาห์นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาเจาะผ่านมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ด้วยไอเท็มที่มีค่าพลังโจมตีเพียง 100 แต้ม ซึ่งเป็นความคิดที่ดูพิลึกดี
แต่คุณสมบัติที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือความสามารถในการผนึกทวยเทพหรือผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์
เนื่องจากโลกที่อยู่ตอนนั้นเต็มไปด้วยเทพ วาห์นจึงรู้สึกหวาดกลัวกับความคิดที่จะใช้อาวุธชิ้นนี้ในทางที่ผิด
เพราะรู้สึกสนใจในรูปร่างของมัน วาห์นจึงลองสวมใส่ [เอ็นคิดู] และแปลกใจเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ [TL: ไว้เดี๋ยวจะเอารูปไปลงในเพจนะครับ]
หลังจากสอบถามพี่สาว เธอก็บอกว่าเนื่องจากไอเท็มชิ้นนี้มีพันธะวิญญาณกับวาห์น
เขาแค่ต้อง ‘ใช้’ มันเหมือนไอเท็มปกติแล้วมันก็จะไปผูกติดกับดวงวิญญาณของเขา
เขาทำตามคำแนะนำของเธอและเริ่มใช้ [เอ็นคิดู] พร้อมกับรู้สึกว่าภายในร่างกายกำลังถูกเติมเต็มไปด้วยโซ่ทองคำอันไร้ที่สิ้นสุด
แม้พวกมันจะยังไม่ออกมาให้เห็น แต่ถ้าเพ่งจิตเข้าไปข้างใน เขาก็สามารถรู้สึกถึงสัมผัสและตัวตนของ [เอ็นคิดู] ได้อย่างชัดเจน
สำหรับวาห์นนั้น มันเป็นสัมผัสที่แปลกประหลาดมาก แต่เขาก็รู้สึกเหมือนโซ่เหล่านี้มีพลังที่ไร้ขีดจำกัดแอบแฝงอยู่
ตอนนี้ [เอ็นคิดู] ได้เข้ามาอยู่ในร่างกายของเขาแล้ว วาห์นจึงลองเรียกมันออกมาและรู้สึกแปลกๆ ราวกับมีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
จากศูนย์กลางฝ่ามือของของเขา ปรากฏเป็นแสงสีทองส่องประกายงดงาม ตามมาด้วยหัวหอกแหลมคมที่ค่อยๆ โผล่ออกมา
วาห์นรู้สึกว่าพลังงานถูกดูดออกไปนิดหน่อย แต่เขาก็ยังตั้งจิตเพื่อดึงโซ่ออกมาเรื่อยๆ และเห็นว่ามันมีสีทองเช่นเดียวกับตัวหอก
นานูสังเกตเห็นแสงสีทองที่ส่องประกายแต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่กงการอะไรของเธอที่จะไปถามไถ่ว่านายท่านกำลังทำอะไรอยู่
เธอยังคงเตรียมวัตถุดิบตามที่ถูกสั่งต่อไป แต่ก็ยังมองดูเป็นระยะๆ และเห็นว่ามีโซ่สีทองสวยงามโผล่ออกมาจากมือของวาห์น
ชนเผ่าทางใต้นั้นเคารพบูชาดวงอาทิตย์และนานูเองก็รู้สึกตราตรึงกับแสงที่กำลังเปล่งออกมามาก
เธอรู้สึกว่ามันดูสูงส่งกว่าแสงต่างๆ บนฟากฟ้าที่ตนเคยสวดภาวนาให้เสียอีก
มันเกือบจะดูขลังและศักดิ์สิทธิ์กว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เธอเคยเห็นมาเลย
วาห์นอยากรู้เรื่องคุณสมบัติในการเจาะทะลวง (ธาตุศักดิ์สิทธิ์) ดังนั้นเขาจึงคว้าแท่งโลหะอะดาแมนไทน์ขึ้นมาและลองเอาส่วนปลายหอกไปแทงใส่ดู
ทันทีที่พวกมันสัมผัสกันนั้นดูเหมือนว่าจะมีแรงต้านเล็กน้อย แต่หลังจากผ่านไป 3 วินาที ตัวหอกก็ทะลุผ่านออกมาได้อย่างง่ายดาย
วาห์นสามารถยืนยันได้แล้วว่า [เอ็นคิดู] สามารถเจาะผ่านอะไรก็ได้ แต่อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้างก่อนที่มันจะทำงาน
เขาตัดสินใจว่าจะทำการทดสอบเพิ่มเติมในอนาคต และเริ่มอยากทดสอบคุณสมบัติการปิดผนึก (ธาตุศักดิ์สิทธิ์) ขึ้นมาแทน
วาห์นไม่ชอบความคิดที่จะผูกมัด คุมขัง หรือปิดผนึกอะไรเท่าไหร่เลย แต่มันก็ไม่อาจหยุดยั้งความสงสัยของเขาได้
หากถึงจังหวะที่เขาต้องการใช้มันจริงๆ แต่กลับทำไม่ได้ นั่นอาจหมายถึงเขากำลังเอาชีวิตตัวเองรวมไปถึงคนอื่นๆ มาเสี่ยงด้วย
หลังจากลังเลไปพักหนึ่ง เขาก็ออกคำสั่งทางจิตและเฝ้ารอภายใต้ความรู้สึกไม่สบายใจ
จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนที่อนูบิสจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกๆ
เมื่อดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ห่วงโซ่สีทองในมือของวาห์น เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“นายท่าน โซ่งดงามนั่นคืออะไรเหรอคะ?”