Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 138
เมื่อวาห์นได้กลับมาอยู่ในห้องของตัวเอง เขาก็นั่งลงบนเตียงและถอนหายใจสั้นๆ
ความคาดหวังในแววตาของอนูบิสนั้นชัดเจนมาก แต่ตอนนี้เขาก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้มันเกินเลยไปมากกว่านั้น
คำพูดของเฮเฟสตัสผุดขึ้นมาในใจทันทีที่เริ่มลูบใบหูของเธอ และเขาไม่ต้องการทำให้เทพธิดาผมแดงที่รักและเอ็นต้องมาผิดหวังไปมากกว่านี้
แม้วาห์นอาจจะมีปฏิสัมพันธ์กับหญิงสาวคนอื่น แต่สัญญาย่อมต้องเป็นสัญญา
ตอนนี้วาห์นกังวลกับเรื่องที่จะไปเดตกับเอน่า เรื่องของทีโอน่าและไอส์ รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ อีกหลายอย่าง
การสร้างความขัดแย้งระหว่างอนูบิสและเฮเฟสตัสจึงไม่ได้อยู่ในหัวสมองเลยแม้แต่น้อย
พอครุ่นคิดต่อไปเรื่อยๆ วาห์นก็เปิดระบบขึ้นและดูข้อมูลของการทำงานแบบใหม่ที่เขาได้รับมาเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งก็คือคือระบบ ‘กาชา’ นั่นเอง
ตอนนี้ระบบกาชานั้นมีอยู่สองตัวเลือกก็คือ ‘กาชามาตรฐาน’ และ ‘กาชาพรีเมี่ยม’
วาห์นเรียนรู้เพิ่มเติมว่ากาชามาตรฐานต้องใช้ OP แลก ส่วนกาชาพรีเมี่ยมนั้นต้องใช้ตั๋วที่ได้จากการต่อสู้กับศัตรูพิเศษ
ตามที่พี่สาวแจ้ง การทำงานของกาชาก็คือให้เขาเลือกชนิดของไอเท็มแบบเจาะจง เช่นไอเท็มรักษา ไอเท็มเสริมความแข็งแกร่ง อาวุธ ชุดเกราะ อุปกรณ์เสริมและอื่นๆ เป็นต้น
หลังจากเลือกหมวดหมู่ได้แล้ว เขาจะต้องใส่ 10,000 OP เข้าไปและระบบจะสุ่มเอาไอเท็มในหมวดหมู่นั้นออกมาให้โดยไม่สนใจว่าราคาปกติของไอเท็มจะเป็นเท่าไหร่
นั่นหมายความว่าวาห์นมีโอกาสได้รับไอเท็มที่มีมูลค่าหลายล้าน OP แต่โอกาสที่จะได้ไอเท็มขยะก็อยู่สูงกว่ามาก
วาห์นไม่ค่อยอยากเอา OP ไปเสียเปล่าเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเก็บเรื่อง ‘กาชามาตรฐาน’ ไปก่อนและเริ่มให้ความสนใจกับ ‘กาชาพรีเมี่ยม’ แทน
มันมีส่วนคล้ายกับกาชามาตรฐานมาก สิ่งที่ต่างออกไปก็คือไอเท็มที่ได้จะมีประโยชน์และเหมาะสมกับระดับดวงวิญญาณปัจจุบันของเขาแน่นอน
นั่นสร้างความประหลาดใจให้กับวาห์นมาก เนื่องจากระบบร้านค้านั้นมีรายละเอียดอยู่น้อยเหลือเกินและเรื่องเสี่ยงดวงก็ไม่ใช่อะไรที่เขาถนัดนัก
อย่างน้อยแบบนี้ก็ยังรับประกันได้ว่าไอเท็มที่ออกมาจะมีประโยชน์และเหมาะสมกับเขาในตอนนี้
ปัญหาก็คือตอนนี้เขามีตั๋วดึงกาชาพรีเมี่ยม 10 + 1 ครั้ง แค่ใบเดียว และเขาก็เลือกดึงได้แค่หมวดหมู่เดียวเท่านั้นด้วย
ในขณะที่วาห์นคิดหนัก พี่สาวก็ออกมาช่วยคิดเช่นกัน
(*การที่จะต้องอธิบายว่าอาวุธหรืออุปกรณ์สวมใส่พวกนี้มาจากไหนมันน่าปวดหัวอยู่นะ
ช่วงนี้เธอน่าจะมุ่งเป้าไปที่ไอเท็มเสริมความแข็งแกร่งแบบใช้แล้วหมดไปจะดีกว่า
อะไรอย่าง ‘น้ำยาเสริมแกร่งร่างกาย’ ที่เธอใช้ในช่วงแรกๆ ไง
ไอเท็มที่จะช่วยเสริมพลังให้กับร่างกายและรากฐานของเธอได้นั้นมีอยู่เต็มไปหมดเลยนะ
สำหรับอุปกรณ์… ตอนนี้เธอก็อยู่ในแฟมิเลียของเทพธิดาแห่งการหลอมสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในเรคคอร์ดแล้วนี่
ถ้าออกปากขอล่ะก็ ฉันมันใช้ว่าเธอคนนั้นคงไม่ปฏิเสธแน่นอน*)
พี่สาวพูดได้ถูกต้องที่สุด และวาห์นเองก็รู้ดีกว่าถ้าเขาเป็นคนไปขอ เฮเฟสตัสก็คงสร้างทุกอย่างให้เขาแบบยกชุด
การที่เธอใช้เงินไปกว่า 2 พันล้านวาลิสเพื่อเตรียมวัตถุดิบให้เขานั้นถือเป็นข้อยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดแล้ว
แต่แม้มันอาจเป็นหนทางที่ฟังดูดี แต่วาห์นรู้สึกไม่เห็นด้วยที่จะใช้ประโยชน์จากความใจดีของเธอทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังพอพึ่งพาตัวเองได้อยู่
เขาเรียนรู้มาแล้วว่าอุปกรณ์ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะการใช้ [ร่างจตุรเทพ] ได้มาอุดช่องโหม่ตรงนี้แล้ว [TL: ใส่อะไรไปเดี๋ยวก็โดนร่างนกไฟไหม้หมด เสียงของเปล่าๆ ^0^]
ตอนนี้วาห์นเข้าใจว่าอุปกรณ์นั้นก็แค่ตัวช่วยและไม่ใช่ความแข็งแกร่งของตัวเองจริงๆ
เขาเริ่มสงสัยหน่อยๆ ด้วยว่า ‘เดอะพาธ’ ต้องการที่จะให้เขาเรียนรู้เรื่องนี้ ถึงได้ให้ภารกิจที่จำกัด OP มาตั้งแต่แรก
วาห์นทำตามคำแนะนำของพี่สาวและใช้ตั๋วดึง 10 + 1 ครั้ง พร้อมกับได้เห็นภาพกรงล้อไม้เลี่ยมทองกำลังหมุนอยู่ในหัว
กรงล้อหมุนไปเรื่อยๆ และทุกการหมุนก็ทำให้วาห์นรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น จากนั้นมันก็เริ่มพ่นเอาลูกแล้วออกมาจากรูตรงกลาง
หลังจากที่มันพ่นออกมา 11 ลูก พวกมันก็เริ่มแตกออกขณะมีแสงสีรุ้งเปล่งประการออกมาพร้อมกับไอเท็มเพิ่มความแข็งแกร่ง 11 อย่าง
วาห์นพบว่าไอเท็มส่วนใหญ่นั้นมีออร่าสีขาวล้อมรอบและดูเรียบไปถนัดตาเมื่อเทียมกับไอเท็มสองอย่างสุดท้ายที่ส่องประกายออกมาเป็นสีรุ้ง
ขณะที่วาห์นเพ่งจิตไปที่ไอเท็ม ข้อมูลของพวกมันก็เริ่มปรากฏขึ้นจนเขาต้องยิ้มออกมาหลังอ่านจบ
[เม็ดยาเสริมกระดูก], [น้ำยาเสริมพลังจิต] และไอเท็มอื่นๆ ซึ่งอ่านชื่อแล้วก็พอเข้าใจได้ไม่ยากแต่ล้วนเป็นประโยชน์ในการเสริมค่าสถานะของเขาทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ไอเท็มสีรุ้งสองอย่างที่ดูโดดเด่นกว่าเพื่อนนั้นดึงดูดความสนใจของเขามากจนต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม
————————————————————————-
[คู่มือมาเกียเอเรเบีย]
ระดับ: SS
การใช้งาน: คู่มือที่บรรจุวิชาต้องห้ามที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยราชินีที่ถูกทอดทิ้งจากโลกอื่น วิชานี้จะทำให้ผู้เรียนสามารถดูดซับพลังธาตุและนำมาผสานกับร่างกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งได้ การเรียนรู้วิชายังช่วยปรับคุณสมบัติในร่างและทำให้ร่างกายของผู้ใช้กลายเป็นอมตะ
[มนตราแห่งอนันตกาล]
ระดับ: SSS
การใช้งาน: บันทึกของวาจาแรกในยุคแห่งกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด การศึกษาวาจาเหล่านี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของผู้ใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ในมิติอันไร้ขอบเขตแห่งนี้ ข้อจำกัดอะไรนั่นมันไม่มีจริงอยู่แล้ว
————————————————————————-
แม้ว่าทั้งสองวิชานี้จะดูฝึกยากมากๆ แต่หากเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
วาห์นดึงของสองอย่างออกมาจากช่องเก็บของทันทีและพบว่า [คู่มือมาเกียเอเรเบีย] นั้นมีลักษณะเป็นลูกแก้วกลมๆ สีดำในขณะที่ [มนตราแห่งอนันตกาล] เป็นชิ้นหยกขาวรูปร่างแปลกๆ ซึ่งแตกต่างไปจากของที่วาห์นเคยเห็นแบบลิบลับ
ทันทีที่ชิ้นหยกสัมผัสกับฝ่ามือ มันก็สลายไปเป็นของเหลวพร้อมกับที่วาห์นเริ่มได้ยินเสียงแว่วๆ ออกมาเป็นถ้อยคำเก้าครั้ง
น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะเพ่งจิตมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจเข้าใจคำพูดเหล่านั้นได้เลย
วาห์นเดาว่าเขาคงต้องพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดไปเรื่อยๆ เพราะทุกครั้งที่เพ่งจิต คำพูดทั้งเก้าก็จะสะท้อนกลับมาให้ได้ยินแว่วๆ อีกครั้ง
และแล้วเขาก็หยิบลูกแก้วสีดำมาไว้ในมือและจ้องมองด้วยความอยากรู้ไปสองสามนาทีก่อนที่พี่สาวจะถอนหายใจและบอกกับเขา
(*ดูเหมือนเธอจะต้องเพ่งจิตไปที่ลูกแก้วนี่นะ วิชาคงจะถูกบันทึกอยู่ข้างในและแม้แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมันถูกเปิดใช้งาน*)
วาห์นพยักหน้าขณะรับฟังคำพูดของพี่สาว
หลังจากชั่งน้ำหนักเรื่องต่างๆ ในหัวเป็นเวลาสิบนาที วาห์นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเพ่งจิตไปที่ลูกแก้วอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป
แม้จะยังไม่เข้าใจ ‘เดอะพาธ’ ดีนัก แต่วาห์นก็เชื่อว่ามันจะไม่ทำร้ายเขาแน่นอน
—————————————————————————
พอเพ่งจิตไปแล้ว วาห์นก็ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในมิติแปลกประหลาด
พื้นดินเบื้องล่างดูเหมือนจะเป็นสีขาวที่ไม่รู้จบที่ทอดยาวออกไปสุดขอบฟ้า ขณะที่ท้องฟ้าด้านบนเป็นสีดำสนิทโดยไม่มีแม้แต่แสงของดวงดาวหรืออะไรทั้งสิ้น
วาห์นรู้สึกแปลกๆ เมื่อมาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ราวกับว่าเขาเป็นสิ่งที่ไร้ค่าที่สุดในที่ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาและเต็มไปด้วยสีขาวดำ
เขาคิดว่าตอนนี้ตัวเองน่าจะยังอยู่ในลูกแก้ว หรืออย่างน้อยก็มีแค่ความรู้สึกทางจิตวิญญาณที่เข้ามาในนี้
แม้ว่าร่างกายของตัวเองจะรู้สึกเหมือนจริงมาก แต่วาห์นก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันเป็นเหมือนภาพฉายมากกว่าที่จะเป็นสสารจริงๆ
ในขณะที่เขากำลังตรวจสอบตัวเอง เสียงของหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกรังเกียจ ความสนใจ และความโดดเดี่ยวอย่างลึกซึ้งก็ดังขึ้นมาจากรอบทิศ
“เจ้าหนู นายเข้ามาที่นี่ได้ได้ยังไงเนี่ย?”
เนื่องจากเสียงกระจายออกมาจากทุกทิศทาง วาห์นจึงไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหนดี
เขาเดาว่านั่นน่าจะเป็นเสียงของ ‘ราชินีที่ถูกทอดทิ้ง’ ที่ระบบกล่าวถึงและค่อยๆ โค้งอย่างสุภาพไปทางพื้นที่ว่างเปล่าและตอบกลับไป
“ขออภัยที่บุกรุกเข้ามานะครับ ผมได้ลูกแก้วสีดำแปลกๆ มาและพยายามเพ่งจิตเข้าไปดู หลังจากนั้นก็ตื่นขึ้นมาอยู่ที่นี่เลย”
เสียงของหญิงสาวตอบกลับมาแบบซังกะตาย แต่วาห์นก็สัมผัสได้ถึงความเดียวดายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั่น
“บางทีมันอาจเป็นมรดกตกทอดจากตัวฉันในอนาคตล่ะมั้ง…
ก็ได้ ฉันจะตามน้ำไปก่อน ฉันว่านายมาที่นี่เพื่อเรียนวิชาขั้นสุดยอดของฉันสินะ?”
เมื่อเสียงนั่นพูด ร่างสูงของหญิงสาวผมบลอนด์ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าวาห์น
เธอสวมชุดสีดำสวยงามและมีดวงตาสีฟ้าที่ดูเศร้าหมองขณะมองวาห์นด้วยสีหน้าเรียบๆ
หลังจากมองเขาแบบหัวจรดเท้า หญิงสาวก็พูดขึ้นอย่างสับสน
“ฉันรู้สึกได้ถึงพลังเวทมนตร์มหาศาลในตัวของนาย แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นประเภทที่ฉันเคยเจอมาก่อน
นี่นายใช้เวทมนตร์อะไรได้บ้างล่ะ?”
ในฐานะที่อยู่มามานานนับพันปี เธอผู้นี้รู้สึกสนใจในเวทมนตร์แปลกๆ ที่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มมาก
วาห์นพยักหน้าและพูดอย่างสุภาพ
“นอกจากเวทมนตร์แปลงร่างแล้วผมก็ไม่เคยเรียนเวทมนตร์รูปแบบอื่นเลยครับ
พลังงานส่วนใหญ่ของผมถูกใช้ไปกับพลังเขตแดนแล้วก็เอาไว้เสริมพลังให้ร่างกายกับการใช้สกิล”
สาวงามพยักหน้าและพูดพึมพำ
“นายเป็นประเภทที่อาศัยการเสริมพลังให้ร่างกายและแปลงร่างงั้นสินะ… บางทีอาจจะเหมาะกับรูปแบบเวทมนต์ของฉันมากเลยก็ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็ได้แต่ยิ้มด้วยขณะที่ความตื่นเต้นเริ่มผุดขึ้นมาในใจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้แสดงความดีใจออกมามากกว่านี้ หญิงสาวก็โบกมือและทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัววาห์นลดลงอย่างรวดเร็ว
เขาเริ่มขยายพลังเขตแดนและเปลี่ยนเป็นร่างพยัคฆ์ขาวทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีร้ายแรง
ที่ซึ่งเขาเคยยืนอยู่นั้น บัดนี้นี้มีเสาน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่สูงประมาณ 20 เมตรตั้งอยู่แทน
มันปล่อยความเย็นออกมาอย่างรุนแรงจนสัญชาตญาณทั้งหมดของวาห์นกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว
ทันใดนั้นวาห์นก็หมุนตัวขึ้นไปกลางอากาศและพยายามเตะใส่ร่างที่อ้อมมาอยู่ด้านหลังของเขาในทันที
หญิงสาวรับการโจมตีได้อย่างง่ายดายด้วยมือเรียวบางแบบไม่รู้สึกรู้สา
“…น่าสนใจ พลังเขตแดนของนายดูเหมือนทรงพลังมาก และการแปลงร่างนั้นก็ยังช่วยเพิ่มความเร็วให้อีก”
ขณะที่พูด เธอก็จับวาห์นหมุนและขว้างเขาใส่พื้นด้วยความเร็วที่เทียบเท่าได้กับกระสุนปืน
ร่างของวาห์นกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดหลุมยักษ์บนพื้นสีขาวที่เคยไร้ที่ติ
จากปากหลุม เขาได้ยินเสียงเย็นชาขณะที่เธอจ้องมองเขาและพูดต่อ
“หาทางเอาตัวรอดให้ได้ก็แล้วกันนะ
ถ้าฉันไม่พอใจกับความพยายามของนายล่ะก็ นอกจากจะไม่ได้เรียนวิชาแล้ว… นายก็จะไม่มีทางได้ออกไปจากที่นี่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่
นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้มีใครมาคุยด้วย ถ้าไงก็อย่าตายเร็วนักล่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็เริ่มสร้างหอกน้ำแข็งยักษ์กลางอากาศโดยไม่มีการร่ายมนตร์หรือเคลื่อนไหวใดๆ เลย
วาห์นจ้องมองออกมาจากในหลุมและเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
หญิงสาวยังสามารถลอยในอากาศได้อย่างง่ายดายและใช้เวทมนตร์น้ำแข็งที่ทรงพลังมากโดยที่ไม่มีอะไรเป็นตัวบอกเลยว่าจะโจมตีออกมาเมื่อไหร่
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ความแข็งแกร่งและความเร็วของเธอยังเหนือกว่าเขามากแม้วาห์นจะผลักดันร่างแปลงและพลังเขตแดนจนถึงขีดสุดแล้วก็ตาม
เขาต้องพยายามรักษาสมาธิไว้ ไม่งั้นคงจะไม่มีทางตอบโต้เธอได้ทัน
ถึงวาห์นจะได้พบกับเทพและเทพธิดาจริงๆ มาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกทึ่งและตื่นกลัวได้มากขนาดนี้
สาวงามผมบลอนด์ยืนอยู่บนอากาศราวกับเป็นเทพธิดาที่ไม่มีใครแตะต้องได้ ขณะปล่อยแสงสีฟ้าออกมาจากร่างกายซึ่งดูคล้ายกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพ
ทุกอย่างที่อยู่ในเขตแดนน้ำแข็งนั้นเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ และแม้แต่วาห์นเองก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกกดดันอย่างหนัก
หากไม่ใช่เพราะ ‘เพลิงนิรันดร์’ ที่เต้นอยู่ในอกละก็ เขาคงจะแข็งอยู่กับที่ไปแล้ว
หอกน้ำแข็งพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงจนอากาศรอบๆ แตกกระจายขณะที่มันเข้าใกล้วาห์นอย่างไร้ความปรานี
เขาตอบสนองและหลบการโจมตีได้ทันเวลา แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่คืบคลานเข้ามาในร่างกายเรื่อยๆ ขณะยังคงฝืนสู้ต่ออย่างบ้าระห่ำ
พอเห็นเขาหลบทัน คิ้วของหญิงสาวก็เลิกขึ้นเล็กน้อย
“พลังเขตแดนของนายสามารถต้านเขตแดนของฉันได้ด้วยเหรอ?
ฉันนึกว่าป่านนี้นายน่าจะเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปแล้วนะ แต่นี่ยังต้านทานพลังของฉันได้อยู่เลย น่าสนใจเหลือเกิน…”
หลังจากที่พูดจบ ร่างบางก็หายไปจากสายตาของวาห์นขณะไปโผล่ตรงจุดบอดของเขาแทน
หากเป็นการใช้ความเร็ว เขาก็อาจจะพอรับมือได้ แต่ทว่านี่เป็นการเคลื่อนย้ายสสารของจริง
วาห์นไม่เคยเจอกับเทคนิคแบบนี้มาก่อน และขณะรู้สึกขวัญเสียก็ถูกบางอย่างเสียบเข้าไปในร่างอย่างรุนแรง
เลือดพุ่งกระจายออกจากปากของเด็กหนุ่มลงมาบนร่างบางขณะที่เขาได้แต่จ้องมองดาบเวทมนตร์ที่เสียบทะลุร่างของตัวเอง
หญิงสาวดูเหมือนจะไม่สนใจร่างที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนดาบของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะที่วาห์นกระอักเลือดออกมาเต็มไปหมด เธอก็ใช้มือข้างที่ว่างเช็ดของเหลวสีแดงออกจากใบหน้าและเลียมันเข้าไปเล็กน้อยต่อหน้าเด็กหนุ่มที่แสดงสีหน้าเจ็บปวดและมึนงง
ทันทีที่กลืนเลือดนั่นลงไป สีหน้าเย็นชาของเธอก็จางหายไปทันทีขณะจ้องมองร่างไร้เรี่ยวแรงของคนตรงหน้า
พอเธอกำลังจะเอ่ยปากถามบางอย่าง วาห์นก็เปลี่ยนไปเป็นร่างเต่าและทำลายดาบที่กำลังปักท้องอยู่ทันที
ขณะกำลังร่วงลงมาบนพื้น เขาก็ดึงคันธนูออกมาและใช้ 10,000 OP เพื่อซื้อลูกศร [อี้] อย่างไม่ลังเลก่อนจะยิงมันใส่หญิงสาวที่ยังดูตกใจไม่หาย
แม้ตั้งใจที่จะปัดลูกศรออกไปในตอนแรก แต่สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอีกครั้งก่อนจะพยายามใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายเพื่อหลบหลีก
น่าเสียดายที่ดูเหมือนมิติรอบตัวจะถูกผนึกเอาไว้ชั่วคราวจนเธอต้องรับมือกับลูกศรมรณะด้วยพลังเวทแทน
วาห์นกระทบกับพื้นอย่างหนักหน่วงก่อนจะตั้งหลักได้และขึ้นลูกศร [อี้] ดอกที่สองทันที
แม้ตอนแรกเขาจะเข้ามาในนี้ด้วยความตั้งใจที่จะฝึกวิชา แต่ดูเหมือนหญิงสาวคงอยากจะฆ่าเขาซะมากกว่า
ถึงร่างกายนี้จะไม่ใช่ของจริง แต่วาห์นก็รู้ว่าหากพลังวิญญาณของตัวเองสลายหายไปจนหมด ร่างจริงของเขาก็จะตกไปอยู่ในสภาพสมองตายหรือไม่ก็โคม่าแน่นอน
หลังจากที่ ‘หลุมดำ’ ซึ่งเป็นผลมาจากลูกศร [อี้] หายไปแล้ว วาห์นก็ต้องประหลาดเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะสังหารเธอได้สำเร็จ แต่ก็แปลกใจมากที่พบว่านอกจากเสื้อผ้าชุดงามของเธอแล้ว หญิงสาวดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยและกำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดปนสนใจ
เสียงเย็นชาพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“นี่นายเป็นมนุษย์จริงๆ เหรอ?”