Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 139
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วาห์นได้ยินคำถามแบบนี้ จึงไม่รู้สึกตกใจเลยเมื่อถูกถามว่าเขาเป็นมนุษย์จริงๆ หรือเปล่า
มือของเด็กหนุ่มยังคงง้างธนูเอาไว้สุดแขนขณะถามย้อนกลับไป
“ตั้งใจจะฆ่ากันขนาดนี้คงไม่ต้องเสียเวลามาถามแล้วมั้ง?”
เพราะเธอยังไม่ได้เริ่มโจมตีมาอีกระลอก วาห์นจึงไม่ต้องการที่จะเป็นคนเปิดฉากโจมตีก่อน
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากและยังไม่ฟื้นตัวดีนัก
หญิงสาวหรี่ตาและถามย้อนโดยที่ไม่ตอบคำถามของเขาเช่นกัน
“ถ้าฉันอยากทำแบบนั้นจริงๆ คิดเหรอว่านายจะยังมายืนพูดอยู่ได้?”
คำพูดของเธอทำเอาวาห์นเสียวสันหลังวาบขณะเตรียมที่จะปล่อยลูกศรทันทีหากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
แม้จะดูเหมือนกับภาพสโลว์โมชั่ในสายตาของวาห์น แต่เธอก็ยกมือขึ้นมาได้เร็วกว่าที่จะเขาปล่อยลูกศรออกไปได้ทัน
“นีวิส คาซัส” (Nivis Casus) หญิงสาวเอ่ยออกมาเบาๆ
ทันใดนั้น พื้นที่รอบๆ ตัววาห์นในระยะ 300 เมตรก็ระเบิดออกมาเป็นน้ำแข็งและหิมะจำนวนมาก
วาห์นรู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังแห่งธาตุน้ำแข็งขณะที่พวกมันเริ่มเข้ามาแช่แข็งแขนขาแม้ ‘เพลิงนิรันดร์’ จะทำการต่อต้านไปแล้วก็ตาม
เขาหายใจไม่ออกขณะที่ความหนาวเย็นกัดกินเข้ามาอย่างช้าๆ โดยหมายจะแช่แข็งทุกส่วนของเขา
ความหวังลมๆ แล้งๆ ที่จะต่อกรกับหญิงสาวเหือดหายไปในทันที จนเหลือแต่ความหวาดกลัวและความเกรี้ยวกราดที่สุมอยู่ในอก
ขณะที่กำลังจะยอมแพ้ต่อ ‘เทพธิดา’ ตรงหน้า เขาก็รู้สึกถึงแรงกดจากฝ่ามือขณะที่พลังมหาศาลส่งเขากระเด็นออกไปนอกระยะเขตแดนน้ำแข็ง
เขาไถลตามพื้นไปหลายร้อยเมตรก่อนที่จะหยุดลง
เกิดแสงไฟสว่างวาบ และหญิงสาวคนนั้นก็มายืนอยู่เหนือร่างขณะมองลงมาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“คิดว่าฉันตั้งใจจะฆ่านายอยู่ไหม?”
ความกลัวไม่ได้จางหายไปจากจิตใจของวาห์นเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าความเกรี้ยวกลับเพิ่มขึ้นจนเลือดในกายเดือดปุดๆ
หญิงสาวดูเหมือนจะไม่พอใจกับท่าทางของเขาและพยายามผสานน้ำแข็งเข้าไปในพื้นที่โดยรอบอีกครั้งเพื่อบังคับให้เขายอมแพ้
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยอมแพ้ได้แล้วนะเจ้าหนู คงรู้สึกไม่ชอบที่โดนแบบนี้งั้นสิ แต่นายก็ต้องแกร่งกว่านี้มากนะถึงจะมาต่อกรกับฉันได้
ถ้ายังดื้อไม่หยุดล่ะก็ ฉันจะฆ่านายจริงๆ ด้วย”
วาห์นรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้พูดโกหกและไม่ได้พยายามจะฆ่าเขาจริงๆ แต่การที่ถูกอัดไปรอบๆ ตามความพึงพอใจของเธอนั้นกลับทำให้เกิดความกลัวว่าเขาอาจจะตายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
วาห์นพยายามดับความหวาดกลัวนั่นและเปลี่ยนจากเต่าของเขาไปเป็นร่างนกไฟแทน
ทันทีที่ร่างของเขาเปลี่ยนไป น้ำแข็งรอบๆ บริเวณก็สลายไปในทันที และเขาก็ส่งเสาเพลิงขนาดยักษ์ไปทางสาวงามที่มองกลับมาด้วยใบหน้าโกรธเคือง
วงแหวนเวทมนตร์ขนาดมหึมาเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเสาทั้งสองขณะที่เสาไฟของวาห์นชนเข้ากับโครงสร้างน้ำแข็งขนาดมหญ่อย่างรุนแรง
หญิงสาวขมวดคิ้วเพราะเห็นว่าเปลวไฟนั่นกำลังกัดกร่อนคาถาป้องกันของเธอเข้ามาอย่างช้าๆ ก่อนจะเริ่มใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายทันทีที่น้ำแข็งแตกออกและหลอมละลายพื้นที่เธอเคยยืนอยู่
หลังจากเคลื่อนย้ายและตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แสงสีทองก็สว่างขึ้นมารอบตัวและดวงตาของหญิงสาวก็พลันเบิกกว้างด้วยความตกใจหลังจากได้เห็น [เอ็นคิดู] ที่แสนสง่างามเข้ามาล้อมกรอบเธอไว้
เธอพยายามที่จะเคลื่อนย้ายหนี แต่กลับพบว่ามิติรอบๆ กำลังถูกผนึกจนไม่สามารถหนีออกไปจากห่วงโซ่ปิดตายนี่ได้เลย
เธอหันไปทางแหล่งที่มาของโซ่และเห็นวาห์นในสภาพ ‘ลุกไหม้’ ขณะจับ [เอ็นคิดู] ที่โผล่ออกมาจากมือเรื่อยๆ
เขามีสายตาที่เกรี้ยวกราดมากขณะที่กระชาก [เอ็นคิดู] และทำให้ระยะห่างระหว่างโซ่กับหญิงสาวหดหายไป
หญิงสาวรีบสร้างม่านพลังต่อต้านสสารขึ้นทันทีและสามารถต้านทาน [เอ็นคิดู] เอาไว้ได้ แต่ก็รู้ดีว่าคงจะทานเอาไว้ได้เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
เธอเริ่มร่ายคาถาที่ทำให้อากาศสั่นสะเทือนและดูเหมือนยังทำให้อุณหภูมิของมิติลดลงด้วย
ตอนนี้วาห์นได้ใช้พลังงานเกินขีดจำกัดไปแล้วหลังจากใช้ทั้งร่างนกไฟปะร้อมกับ [เอ็นคิดู]
แต่เขาก็ยังไม่ยอมถอยง่ายๆ หากยังไม่ได้สั่งสอนหญิงสาวที่ชอบดูถูกคนอื่นเสียก่อน
ที่จริงวาห์นไม่ค่อยสนใจเรื่องการโดนคนอื่นดูถูกเท่าไหร่ แต่หญิงสาวคนนี้เล่นอัดเขาซะเกือบตายถามยังมากดขี่สารพัดทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกันดี (TL: ภาพสึบากิลอยขึ้นมาเลย ^0^)
เลือดเริ่มไหลออกมาจากจมูกและปากขณะที่วาห์นฝืนสติเอาไว้ก่อนจะพยายามทำให้ [เอ็นคิดู] บีบรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
แม้การนำมันออกมาเรื่อยๆ จะกินพลังงานค่อนข้างมาก แต่พอออกมาแล้วเขากลับไม่ต้องใช้พลังงานเพื่อคงสภาพมันไว้มากเท่าไหร่นัก
หากปิดผนึกหญิงสาวเอาไว้ได้ เขาก็จะสามารถซื้อเวลามากพอที่จะฟื้นตัวและหลบหนีออกไปที่นี่ได้
วาห์นดึงถั่วเซียนออกมาก่อนจะโยนมันเข้าปาก และดูเหมือนจะหยุดสภาพร่างกายที่ย่ำแย่เอาไว้ได้ชั่วคราว
น่าเสียดายที่แม้มันจะฟื้นฟูบาดแผลและพละกำลังของเขา แต่ผลจากการใช้พลังเกิดขีดจำกัดก็คงจะไม่ยอมถูกหยุดลงง่ายๆ
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าม่านพลังเริ่มมีรอยแตกแต่เธอกลับไม่ได้ใส่ใจขณะร่ายคาถาต่อจนเสร็จ
เธอกางแขนออกและตะโกนขึ้น
“คอสไมค์ คาทาสตรอฟ!!!” (Kosmike Katastrofe )
ความมืดจากท้องฟ้าสีดำดูเหมือนจะตกลงมาบนพื้นสีขาวรอบๆ ตัววาห์นขณะที่เขารู้สึกได้ว่าอุณหภูมิทั้งหมดในพื้นที่นั้นลดลงไปหลายร้อยองศา
วาห์นพบว่าลมหายใจของตัวเองดูเหมือนจะถูกหยุดไปแล้ว ขณะที่ไฟตรงแขนขากลับดับมอดและถูกแช่แข็งไว้แทน
เขารู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นอย่างหนักหน่วงขณะพยายามต้านทานความหนาวเย็นแต่กลับแค่ชะลอผลของมันออกไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อความเย็นเข้ามาในแขนและขา วาห์นก็ไม่มีสมาธิพอจะไปทำอะไรอีกต่อไป
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกก็คือน้ำแข็งที่กำลังเข้ากัดกินทุกอย่างแม้แต่ความคิดและจิตใจ
โชคดีที่ดูเหมือนเวทมนตร์นี้จะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากนัก
ในที่สุดวาห์นก็หมดสติไปอย่างช้าๆ พร้อมกับโซ่ทองคำที่สลายหายไปขณะที่หญิงสาวเริ่มเผยสีหน้าหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
ตอนนี้วาห์นไร้ซึ่งทั้งแขนและขาซึ่งป็นผลมาจากเวทมนตร์ที่เธอใช้เล็งไปตรงส่วนที่ไม่ใช่จุดตายของเขา
เธอพอสัมผัสได้ว่าตัวโซ่พยายามที่จะเข้ามาผนึกการเคลื่อนไหวของตนเท่านั้นจึงเปลี่ยนใจไม่คิดจะสังหารวาห์น
เธอใช้เวทเคลื่อนย้ายเข้ามาตรงร่างของเด็กหนุ่มและครุ่นคิดบางอย่างขณะมองมันสลายหายไปในอากาศ
เนื่องจากวาห์นหมดสติไปในมิติแห่งนี้ เขาก็จะได้รับความเสียหายเล็กน้อยในโลกแห่งความเป็นจริง แต่แค่นอนหลับสักตื่นก็คงหายดีแล้ว
เขาน่าจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอาการปวดหัวแต่คงหายดีก่อนจะจบวันเสียอีก
เธอสงสัยว่าเด็กหลุ่มจะกลับมาที่นี่อีกไหมขณะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำที่อยู่ด้านบน
—
วาห์นตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรงขณะฝืนกายลุกขึ้นจากพื้น
เขาใช้ลูกแก้วขณะนั่งอยู่ตรงขอบเตียงและคงหมดสติไปก่อนจะล้มออกจากเตียงหลังจากการเพ่งจิต
เมื่อมองไปทางลูกแล้วสีดำที่กลิ้งลงไปมาอยู่บนพื้น เขาก็เดินไปหยิบมันขึ้นมาในขณะและตรวจสอบพื้นผิวสีดำสนิท
มันชวนให้นึกถึงท้องฟ้าภายในมิตินั่นอย่างน่าประหลาด และวาห์นรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหญิงสาวลึกลับคนนั้นเหลือเกิน
วาห์นเก็บลูกแล้วเข้าไปในไว้ในช่องเก็บของและตัดสินใจที่จะลองสู้กับเธออีกครั้งในอนาคต
ถ้าวิชาที่บรรจุอยู่ในลูกแล้วนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ที่เธอใช้ มันก็จะกลายมาเป็นขุมพลังที่แสนล้ำค่าของเขาในอนาคต
เนื่องจากเธอไม่ได้คิดจะฆ่าเขาจริงๆ วาห์นถึงไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้
ลูกแก้วยังเปิดโอกาสให้เขาได้สู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นและแม้ค่าสถานะทางร่างกายจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ค่าพลังเวทของเขาก็พุ่งสูงขึ้นมาพอสมควร
————————————————————————-
[[สถานะ]]
ชื่อ: [วาห์น เมสัน]
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]
-เลเวล:3(3)
-พลังโจมตี: 1906+(I14)->(I29)
-ความอดทน: 2221+(I44)->(H105)
-ความแม่นยำ: 1807+(I11)->(I52)
-ความว่องไว: 1959+(I21)->(I33)
-พลังเวท: 3562+(G251)->(E498)
ค่าสถานะรวมทั้งหมด:11455+(341)->(717)
ดวงวิญญาณระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
[กรรม]: 3,103
[OP]: 81,309
[วาลิส]: 3,261,630
————————————————————————-
ตอนที่สู้อยู่ในมิตินั้น เขาสามารถใช้พลังทุกอย่างออกมาได้รวมไปถึงการเรียกใช้ระบบด้วย
แต่เพราะสิ่งที่เข้าไปในนั้นมีแค่ดวงวิญญาณ มันจึงไม่ส่งผลต่อร่างกายเท่าไหร่
ถ้าไม่ใช่เพราะ [ร่างจตุรเทพ] ค่าสถานะร่างกายของวาห์นก็คงจะไม่เติบโตได้เร็วแบบที่ผ่านๆ มา
หากวาห์นอยากจะฝึกต่อด้วยวิธีนี้ เขารู้สึกได้เลยความสามารถในการต่อสู้คงจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล
เขารู้อยู่แล้วว่าพลังเขตแดนและสกิล [จิตแห่งราชัน] นั้นมีพื้นฐานมาจากพลังเวท และพวกมันต่างส่งผลโดยตรงกับการเพิ่มขึ้นของค่าสถานะดังกล่าว
หากเขาเพิ่มค่าพลังเวทได้อีก มันก็จะช่วยเสริมค่าสถานะโดยรวมมากขึ้นรวมไปถึงเพิ่มความชำนาญในการใช้สกิลแฝงนี้อีกด้วย
หลังจากดื่มโพชั่นเพื่อฟื้นความเหนื่อยล้าทางจิตใจ วาห์นก็เดินออกจากห้องและพบกับร่างที่เริ่มจะเห็นขนชินตาแล้ว
เขาไม่แปลกใจนักที่เห็นอนูบิส แต่ก็พบว่าว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าตามปกติ
แทนที่จะสวมเครื่องแต่งกายสง่างามเหมือนทุกวัน ตอนนี้อนูบิสเริ่มเปลี่ยนไปใส่ชุดที่เผยให้เห็นเรือนร่างส่วนต่างๆ มากขึ้น
เธอสวมชุดเดรสสีดำประดับทองที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีตซึ่งเผยให้เห็นหน้าท้องและตัดลึกเข้าไปที่ด้านข้างจนเห็นเรียวขาสีน้ำตาลมะกอกคู่งามได้อย่างชัดเจน
รอบคอของเธอมีสร้อยคอสวยงามที่ทำจากทองคำพร้อมประดับไปด้วยอัญมณีสีเขียวและแดงที่พยายามซ่อนคอวีลึกด้านใน
วาห์นมองเห็นสัดส่วนเธอได้อย่างชัดเจนจากชุดสีดำที่ดูตัดกันกับเครื่องประดับ
อนูบิสยืนรออย่างสงบเสงี่ยมและยิ้มนิดๆ ขณะมองเจ้านายที่กำลังตรวจสอบเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอ
แม้ไม่คิดจะสวมชุดแบบนี้ออกไปข้างนอก แต่ตราบใดที่อยู่บ้าน เธอก็อยากจะให้วาห์นมาสนใจมากขึ้น
ชุดทำพิธีจากแดนใต้นั้นทำให้เธอดูมีราศีขึ้นมาแบบผิดหูผิดตา
จากการเผยเนื้อหนังขนาดนี้ ขนาดคนตาบอดมายืนใกล้ๆ ยังสัมผัสได้เลยว่ามัน ‘เด่น’ มาก
หลังจากที่วาห์นจ้องตาลอยไปเกือบหนึ่งนาที อนูบิสก็โค้งคำนับไปข้างหน้าเล็กน้อย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ นายท่าน”
เมื่อเธอโค้งคำนับ วาห์นก็เห็นเครื่องประดับสีทองตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงและเลยไปเห็น ‘ทุกอย่าง’ ที่ไม่น่าจะได้เห็นตามปกติ
แม้เนื้อผ้าจะเป็นแบบรัดรูปนิดๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยล่ะก็… นับเป็นวิวที่คนทั่วไปไม่มีทางจะได้เห็นแน่นอน
วาห์นยังเหม่อลอยอยู่นิดๆ ขณะยื่นมือออกมาและลูบใบหูของเธอ
เขาทักทายกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝงไปด้วยความพึงพอใจ
“อรุณสวัสดิ์นะ อนูบิส… ชุดมาใหม่เหรอ?”
ขณะเพลิดเพลินไปกับ ‘การลูบไล้’ ของวาห์น อนูบิสก็หัวเราะเล็กน้อยและพูดขณะคงศีรษะไว้แบบเดิม
“ฉันอยากจะใส่อะไรที่ทำให้นายท่านพอใจน่ะค่ะ ดูเหมาะกับฉันหรือเปล่าคะ?”
ขณะที่ถาม อนูบิสก็เงยหน้าขึ้นและหมุนตัวไปรอบๆ อย่างน่ารักซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเธอ
ชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องประดับเริ่มส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งขณะที่พวกมันกระทบกันเองเล็กน้อย
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของวาห์นมากที่สุดกลับเป็นบริเวณรอบโคนหางของเธอ
แทนที่จะเป็นผ้าแบบตัดรูให้พวกเชียนโธรปได้สวมแบบไม่ติดขัด ชุดเดรสของอนูบิสกลับเป็นแบบเปิดหลังจนถึงตำแหน่งที่อยู่ล่างโคนหางแทน (TL: แก้ผ้าเถอะ)
วาห์นดูไม่ออกเลยหากมองมาจากข้างหน้า แต่เสื้อผ้าชุดนี้แทบจะไม่ได้ปกปิดด้านหลังของเธอไว้เลย
เขาแทบจะมองเห็นสัดส่วนตรงสะโพกของเธอได้อย่างชัดเขนหากตั้งใจมองมากพอ
เป็นครั้งแรกที่วาห์นได้เห็นจุดที่เชื่อมกับหางได้อย่างถนัดตาและเกือบจะยื่นมือออกไปสัมผัสเข้าแล้ว
อนูบิสส่ายเอวไปมาเล็กน้อยพร้อมกับแกว่งหางไปด้วยขณะดูการตอบสนองของวาห์น
เธอมักจะให้ความสนใจในระหว่างที่วาห์นมีปฏิสัมพันธ์กับเฮเฟสตัส และพอสรุปได้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบสัดส่วนตรงด้านล่างของสะโพกมากกว่าที่อื่นๆ
เธอยังรู้อีกว่าดวงตาของเขามักจะเคลื่อนไปที่หูและหางของเธอกับพวกเด็กๆ ดังนั้นข้อสรุปอีกอย่างก็คือ เขามีแนวโน้มที่จะชอบเผ่าเชียนโธรปมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ
เมื่อเห็นมือที่ยื่นออกมาราวกับอยากจะจับ ‘บั้นท้าย’ ของเธอ อนูบิสก็เผยรอยยิ้มเย้ายวนขณะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเชื้อเชิญ
“มาสิคะ… นายท่าน”
คำพูดของเธอราวกับเป็นการร่ายมนตร์ใส่วาห์น และมือของเขาก็ค่อยๆ ยื่นออกมาทางโคนหางของเธอ
แต่โชคไม่ดีเลย เพราะหางของเธอดันส่ายแรงขึ้นจากความตื่นเต้นจนทำให้วาห์นหลุดจากภวังค์และชักมือกลับด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นมาเล็กน้อย
“อย่าปล่อยให้เด็กๆ รอนานเลยนะ”
พอพูดจบ วาห์นก็เริ่มเดินออกไปตามทางเดินขณะที่อนูบิสมองตามไปอย่าง ‘เศร้าๆ’
เธอถอนหายใจเงียบๆ แบบที่วาห์นไม่มีทางได้ยินและเริ่มเดินตามไปจากทางด้านซ้ายเหมือนปกติ