Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 14
วาห์นยังคงสอดแนมบริเวณรอบๆ พิกัดของหมู่บ้าน/รังก็อบลิน ตลอดสามวันที่ผ่านมา เขาสังหารก็อบลินไปแล้ว 18 ตัวจากค่ายต่างๆ ซึ่งทำให้พวกมันเพิ่มการระวังภัยมากขึ้น แต่ละค่ายต่างเริ่มจับกลุ่มก็อบลินเป็นจำนวน 5-7 ตัวแทนที่จะเป็นกลุ่มละ 3 ตัว วาห์นเริ่มกังวลเนื่องจากเขาไม่คาดคิดว่าจะเจอกลุ่มก็อบลินที่มากกว่าเดิมและกลยุทธ์ของเขาที่จะค่อยๆ จัดการตัดกำลังของพวกมันไปเรื่อยๆ ดูท่าจะได้ไม่คุ้มเสีย
มีครั้งหนึ่งตอนที่เขาพยายามแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ชั้นนอกและสำรวจตำแหน่งของตัวหัวหน้า เกือบจะจบลงด้วยการถูกหน่วยลาดตระเวนฆ่าเสียเอง แม้ว่าจะหลบเลี่ยงกลุ่มลาดตระเวนได้มากมายจนถึงในตอนนั้นแต่เขาก็ถูกจับได้เพราะไม่ทันดูพวกทหารยามตามที่สูงต่างๆ เมื่อพวกมันพบตัววาห์นก็ส่งเสียงคำรามออกมา ทำให้หน่วยลาดตระเวนที่อยู่แถวนั้นรวมตัวกันและตรงไปยังตำแหน่งของเขา
วาห์นต่อสู้กับพวกมันจนฝ่าวงล้อมออกมาได้สำเร็จ แต่เขาก็ต้องจ่ายมันด้วยราคาที่แพงเอาเรื่อง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงต้องกินถั่วเซียนทั้งสองเม็ดในขณะที่กำลังหลบหนี โชคยังดีที่เขาได้รับคริสตัลบางส่วนมาจากการล่าก็อบลินซึ่งทำให้เขาสามารถซื้อถั่วมาเพิ่มได้อีก 3 เม็ดและอุปกรณ์สวมใส่อีก 2 ชิ้น
‘เสื้อคลุมถักเงาไหม’
ระดับ:(D)
ช่อง:2
พลังป้องกัน: 1
พลังป้องกันเวท: 30
เสื้อคลุมที่ถักทอด้วยความปราณีตโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากตัวไหมพิเศษหลากชนิดซึ่งถูกเลี้ยงดูในความมืดท่ามกลางพลังหยินอันรุนแรง แม้มันจะเพิ่มพลังป้องกันเพียงเล็กน้อยแต่ก็ช่วยเพิ่มความสามารถในการอำพรางตัวได้เป็นอย่างดี มันถูกทำขึ้นจากความปราถนาของผู้สร้างที่จะให้ผู้สวมใส่นั้นรอดพ้นจากภัยอันตราย
‘ชุดลายพรางของนักสำรวจ’
ระดับ:(F)
ช่อง:0
พลังป้องกัน: 2
พลังป้องกันเวท: 0
เสื้อคลุมพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบลายของใบไม้ที่พบเห็นได้ง่ายตามภูมิประเทศจำพวกป่าที่แตกต่างกัน เมื่อผู้สวมใส่หยุดนิ่งอยู่กับที่ สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบตัวก็จะไม่สามารถแยกผู้สวมใส่ออกจากสภาพแวดล้อมรวบตัวได้
หลังจากเติมเสบียงเสร็จแล้ว วาห์นก็เดินเข้าไปในป่าพร้อมอุปกรณ์ชิ้นใหม่ สำหรับวิธีการตอบโต้พวกหน่วยลาดตระเวน เขาได้ซื้อทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลและฝังมันลงไปตามเส้นทางที่พวกมันลาดตระเวน หลังจากโดนทุ่นระเบิดไปเป็นจำนวนมาก พวกก็อบลินก็หยุดการลาดตระเวนและเริ่มรวมตัวจับกลุ่มกันที่ตำแหน่งใกล้กับแม่น้ำ พวกมันถึงขนาดเริ่มชุดสนามเพลาะและตั้งมั่นอยู่ในบริเวณใกล้กับแนวต้นไม้ซึ่งเผยให้เห็นถึงโคลนและดินที่อยู่ข้างใต้
เมื่อเห็นการกระทำของพวกมัน วาห์นกลับประหลาดใจในการกระทำอันแสนชาญฉลาดที่พวกมันแสดงออกมา หากเปรียบเทียบกับมอนสเตอร์ที่เขาเห็นในมังงะซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตไร้ความคิดที่เอาแต่พุ่งเข้าชนเมื่อตัวเอกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก็อบลินเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังและการใช้ยุทธวิธี พวกมันแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้
สุดท้ายแล้ววาห์นก็ต้องขายทุ่นระเบิดบางส่วนคืน แต่เขาจะยังฝังพวกมันส่วนใหญ่ตามแนวต้นไม้เพื่อการใช้งานในอนาคต เหตุผลหลักที่เขาไม่ได้ขายทุ่นระเบิดคืนทั้งหมดก็เพราะว่าการขายคืนนั้นจะได้รับแต้มกลับมาเพียง 30% ของราคาซื้อซึ่งทำให้เขาทิ้งความคิดนั้นไป
ในช่วงก่อนวันที่ 5 ในที่สุดวาห์นก็พบตำแหน่งของตัวหัวหน้าเผ่า มันไม่เหมือนกับก็อบลินส่วนใหญ่ที่มีความสูงต่ำกว่า 1 เมตร ตัวหัวหน้านั้นสูงเกือบ 1.5 เมตรและมีรูปร่างคล้ายกับผู้ใหญ่ ผิวหนังลำตัวของมันมีเกล็ดที่ยื่นออกมาและยึดตามแนวผิวหนัง ที่หัวของมันนั้นนอกจากจะมีเขาขนาดใหญ่สองอันแล้วยังมีเขาเล็กๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ร่างกายส่วนล่างของมันประดับไปด้วยขนที่แข็งเมื่อเปรียบเทียบขนปกติของก็อบลินตัวอื่น นอกจากนี้มันยังมีลักษณะที่สะดุดตาสองอย่างก็คือไม้เท้าที่มันใช้เป็นอาวุธและดวงตาของมัน…
ต่างจากดวงตาสีแดงอันโหดเหี้ยมของพวกก็อบลินทั่วไป ตัวหัวหน้ามีดวงตาสีเหลืองซีดซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีเหตุผลและฉลาดเฉลียว มันดูราวกับจะดูถูกดูแคลนก็อบลินตัวอื่นขณะออกคำสั่งไปยังตัวที่อยู่ใกล้เคียง ในมือขวาของมันนั้นถือไม้เท้าที่ดูเหมือนถูกประกอบขึ้นมาใหม่หลังจากที่มันเสียหายไป วาห์นเห็นประกายแสงของอักษรรูนตามลำตัวของไม้เท้า และประกายแสงที่ออกมาจากรอยแตกใกล้กับส่วนหัวไม้เท้าเป็นครั้งคราว
วาห์นเดาว่าไม้เท้าอันนี้คงถูกนำมาจากนักผจญภัยซึ่งหมายความว่าหัวหน้าเผ่าตัวนี้สามารถร่ายเวทมนตร์หรือมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับนักเวทได้…
‘หมู่บ้าน’ ที่หัวหน้าเผ่าอาศัยอยู่คล้ายกับค่ายทหารยิ่งกว่าที่อื่นๆ พวกมันได้สร้างกระท่อมขนาดเล็กที่เกือบเหมือนจะเป็นการเยาะเย้ยมนุษย์และชนชาติที่พัฒนาแล้ว ภายในค่ายทหารมีก็อบลินทั่วไปกว่า 100 ตัว และดูเหมือนจะมีอยู่ 3 ตัวที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นและทำหน้าที่คุ้มกันหัวหน้าเผ่าและช่วยสั่งการ พวกมันแต่ละตัวกำลังกวัดแกว่งกระบองยาวซึ่งบางครั้งก็ใช้แทนแส้และเฆี่ยนก็อบลินที่อ่อนแอกว่าเพื่อให้พวกมันทำงาน
ทั่วทั้งหมู่บ้านดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อพวกมันต่างเร่งรีบที่จะสร้างคันดินที่เป็นเหมือนกำแพงง่ายๆ และล้อมรอบค่ายของพวกมันเอาไว้ วาห์นมองออกว่าหากรอนานเกินไป การต่อสู้กับตัวหัวหน้าก็จะยิ่งยากมากขึ้น เขารู้ว่าการเข้าไปต่อสู้แบบซึ่งๆ หน้านั้นไม่มีทางเอาชนะได้ เนื่องจากความต่างของจำนวนคนและมีความเป็นไปได้สูงที่ตัวหัวหน้าจะแปรขบวนทัพของมันไว้ด้านหน้าขณะที่ตัวมันถอยไปอยู่ด้านหลังหากวาห์นใช้วิธีซุ่มยิงจากระยะไกล
ระยะห่างระหว่างแนวต้นไม้และค่ายทหารคือ 130 เมตร แต่ในระหว่างกลางนั้นจะไม่มีที่กำบังอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าพื้นที่เปิดจะทำให้เขาได้เปรียบในการตัดกำลังก็อบลินที่อยู่ในบริเวณ แต่เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะยิงมันโดนหากไม่ได้เข้าไปใกล้กว่านั้นอีกทั้งยังเป็นการเผยตำแหน่งของตัวเอง ดูเหมือนว่าพวกก็อบลินจะใช้ธนูไม่เป็นแต่ก็สามารถขว้างก้อนหินเล็กๆ แทนได้ การขว้างของพวกมันนั้นมีพลังโจมตีมากพอที่จะทำอันตรายต่อร่างกายได้หากขว้างไปถูกจุดสำคัญ มันเป็นเรื่องน่ารำคาญยิ่งกว่าตอนที่ต้องมาจัดการกับพวกทหารยามบนต้นไม้เสียอีก
เขาเริ่มลองคิดถึงการยิงธนูแบบสุ่มเข้าไปในค่ายและพยายามล่อพวกมันออกมาเป็นกลุ่มเล็กๆ การล่อพวกมันเข้าไปในป่าจะทำให้เขาได้เปรียบในด้านภูมิประเทศซึ่งทำให้การสังหารพวกมันง่ายและปลอดภัยขึ้น แม้พวกก็อบลินจะหยุดการไล่ล่าของหลังจากได้กินทุ่นระเบิดไปบ้าง เขาก็ยังสามารถชิงความได้เปรียบจากการล่าถอยของพวกมันได้ ถ้าหากมีเวลามากกว่านี้ เขาคงจะสามารถค่อยๆ จัดการพวกมันลงทีละตัวและเปลี่ยนให้เป็นการต่อสู้เพื่อตัดกำลังแบบทีละนิด
เขามองไปที่เวลาที่เหลืออยู่ของภารกิจ: 2 วัน 3 ชั่วโมง 17 นาที
สองวันคงไม่พอที่จะดึงพวกมันออกมาจากค่ายได้หมด นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่พวกมันจะเริ่มกินพวกก็อบลินที่อ่อนแอก่อน เพราะร่างของมอนสเตอร์จะไม่หายไปเป็นฝุ่นควันเว้นแต่จะเป็นการโจมตีที่รุนแรงถึงตาย
“พี่สาวมีแผนอะไรบ้างไหม? ผมคิดแผนต่อสู้กับก็อบลินเป็นร้อยๆ ตัวและรอดชีวิตกลับมาได้ไม่ออกเลย แถมยังไม่มีข้อมูลด้วยว่าตัวหัวหน้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน…”
(*ขอโทษด้วยยนะวาห์น ข้อมูลทั้งหมดในตอนนี้บ่งชี้ว่าเธอจะไม่สามารถทำลายค่ายลงได้ด้วยอุปกรณ์และค่าสถานะตามที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ หากเธอมี OP มากกว่านี้ก็อาจจะแก้ปัญหาด้วยร้านค้าได้ แต่ค่า OP ที่เธอมีอยู่ตอนนี้คือ 43 แต้มเท่านั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะเก็บรวบรวมแต้มภายใน 50 ชั่วโมงได้เพียงพอ หากทำได้แล้วมันจะช่วยสร้างความได้เปรียบในสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างมาก*)
“ไม่เป็นไรครับพี่สาว” วาห์นถอนหายใจ “ผมคิดว่าคงต้องพึ่งตัวเองเพื่อแก้ปัญหานี้… แต่ถ้าพี่นึกอะไรออกก็รีบบอกผมมาเลยนะ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะอะไรก็คงมีประโยชน์ทั้งนั้น”
(*เข้าใจแล้ว ฉันจะสร้างแบบจำลองไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางแก้ปัญหาในขณะที่เธอลงมือในขั้นต่อไปนะ*)
เขาพยักหน้าเป็นการตอบรับ วาห์นเริ่มถอยออกมาและมุ่งหน้าไปยังที่มั่นที่สองซึ่งเขาได้สร้างมันขึ้นใกล้กับค่ายของพวกก็อบลิน มันอยู่ในโพรงผุๆ ของซากไม้ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่เขาต่อสู้กับก็อบลินกลุ่มแรก หลังจากเหตุกาณ์ในวันนั้น ที่แห่งนี้ก็กลายเป็นพื้นที่ที่ก็อบลินทั้งหมดหลีกเลี่ยง
พอเอาตอไม้มาบังทางเข้าออกแล้ว วาห์นก็เริ่มพักผ่อนพร้อมพยายามคิดหาทางทำลายการป้องกันของค่ายลงและล่อให้ตัวหัวหน้าเผ่าออกมา…
เขาเริ่มที่จะหมกมุ่นกับแผนการและยุทธวิธีต่างๆ ถึงขนาดย้อนกลับไปคิดถึงแผนการยิงธนูแบบสุ่มเพื่อลดจำนวนพวกมันลง ไม่ว่าอะไรที่ช่วยเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันได้จะกลายมาเป็นตัวเลือกให้กับเขาในการวางแผนเพิ่มขั้นต่อไป นอกจากนี้เขายังคิดไปถึงความพยายามที่จะลอบเข้าไปในค่ายตอนกลางคืนเพื่อฝังทุ่นระเบิด แต่เมื่อนึกถึงระดับการมองเห็นตอนกลางคืนของพวกก็อบลินแล้วเขาจึงทิ้งความคิดนี้ไป
เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มจางหายไป วาห์นก็เริ่มคอตกเนื่องจากความคิดจำนวนมากจนทำให้จิตใจเขาปั่นป่วน เขาไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้และคิดว่าการแก้ปัญหาในตอนที่จิตใจปลอดโปร่งนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“สิ่งแรกที่เราจะทำในพรุ่งนี้เช้า จะลองดึงพวกก็อบลินบางตัวออกมาจากค่ายดู ถ้าเราโชคดี อาจจะสามารถลดจำนวนของพวกมันให้ต่ำกว่าหนึ่งร้อยได้…” เขาถอนใจให้กับความคิดนั้นเพราะแม้จะทำจนหมดเวลา ก็ยังคงเหลือก็อบลินอีก 80 กว่าตัว แถมด้วยพวกตัวใหญ่กับหัวหน้าเผ่าอีก
ในที่สุดเมื่อเขาเริ่มเข้าสู่การหลับใหล ความคิดสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาในหัวของวาห์นคือวิธีที่จะทำลายค่ายของก็อบลินที่กำลังถูกสร้างให้ใหญ่กว่าเดิม ในขณะที่ความง่วงเข้าครอบงำ เขาก็เผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างคาดหวังออกมา…
—————