Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 142
เมื่อวาห์นกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง เขาก็ใช้ระบบสแกนข้อมูลภายในหนังสือและเก็บพวกมันไว้ในจิตใจ
วาห์นสามารถเก็บข้อมูลเข้าไปในระบบและอ่านมันได้ทุกเมื่อซึ่งคล้ายกับเหล่าคู่มือต่างๆ ที่ซื้อมา
อีกทั้งพี่สาวยังเข้าถึงข้อมูลส่วนนั้นได้ด้วย และหากมีบางสิ่งที่วาห์นมองข้ามไป พี่สาวก็จะสามารถเข้ามาช่วยได้อีกแรง
วาห์นไม่ได้มีความทรงจำที่สมบูรณ์แบบ แต่ความทรงจำของเขาบวกกับการสนับสนุนจาก ‘เดอะพาธ’ และพี่สาวนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้นเท่าไหร่
วาห์นอ่านข้อมูลไปเล็กน้อย โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับมารยาททางสังคมและความสัมพันธ์แบบลำดับชั้น
มีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับพิธีการคบหาดูใจ รวมถึงการหาคู่ครองของหนุ่มสาวด้วย
ยิ่งอ่านมันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเข้าใจว่าตัวเองทำพลาดและงานเข้าหนักขนาดไหน
หากมองเรื่องต่างๆ จากมุมมองของนานู เขาเองก็คงเข้าใจผิดเนื่องจากการกระทำของตัวเองเหมือนกัน
วาห์นพยายามนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามลำดับเพื่อจะได้เข้าใจทุกอย่างได้ดีขึ้น…
ทุกอย่างเริ่มต้นตั้งขึ้นแต่ตอนที่เขารับพวกเด็กๆ เข้ามาในบ้านพร้อมกับอนูบิส
เมื่อเขากลายมาเป็น ‘จ่าฝูง’ เด็กทุกคนก็เคารพในตำแหน่งของเขาในทันที แม้จะยังรู้สึกติดใจจากเหตุการณ์คราวก่อนอยู่บ้างก็ตาม
หลังจากจุดนั้นมา วาห์นก็วางตัวแบบกลางๆ และดูมั่นอกมั่นใจมาก เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาอะไรตามมา
ความผิดพลาดแรกของเขาก็คือวิธีที่ปฏิบัติกับเด็กสาวทั้งสองคน (นานูและชีโอน) ซึ่งแตกต่างไปจากพวกเด็กๆ คนอื่น
เนื่องจากวาห์นรู้สึกผิดที่ยิงลูกศรปักเข้าตรงบั้นท้ายของทั้งสอง เขาจึงมักรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้กับพวกเธอ
เขาพยายามทำดีด้วยเพราะอยากจะชดเชยสิ่งที่ทำไว้
โชคร้ายหน่อยที่การกระทำที่ ‘แตกต่าง’ ไปจากเด็กคนอื่นๆ นั้นทำให้สองสาวตีความได้ว่าเขารู้สึกสนใจในตัวพวกเธอแทน
ยิ่งเขาดีกับพวกเธอมากเท่าไร ผลกระทบก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย และก็เป็นเวลาไม่นานก่อนที่หนึ่งในสองสาวจะตอบสนองต่อการ ‘รุกคืบ’ ของเขาอย่างอดไม่ได้
เมื่อนานูได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยของเขาเพราะมีสกิล [ช่างตีเหล็ก] วาห์นจึงต้องปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นนักเรียนแทน
เขาต้องมีความหนักแน่น เพื่อที่เธอจะได้ทำตามคำสั่งอย่างไม่ลังเล
แต่เขากลับให้ความสนใจในความพยายามของเธออยู่เสมอ แม้จะกำลังทำงานของตัวเองอยู่ก็ตาม
ในมุมมองของนานูนั้น สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นเหมือนการ ‘ส่งสัญญาณ’ ว่าเขากำลังสนใจในตัวเธอซึ่งไม่ใช่ในฐานะของนักเรียน แต่เป็นในฐานะคู่ครองที่เหมาะสม
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก่อนหน้านี้ก็คือ ตอนที่อนูบิสช่วยเขาทดสอบผลของ [เอ็นคิดู] ภายในห้องทำงาน
แทนที่จะให้นานูออกไปก่อน เขาดันยอมให้เธออยู่ในห้องด้วยขณะกำลังเล่น SM กับอนูบิส
เนื่องจากอนูบิสมีลำดับชั้นที่สูงกว่า แต่เขาก็ปล่อยให้นานูเห็นความใกล้ชิดของพวกเขาด้วย นั่นเหมือนกับเป็นการบอกว่าเธอเองก็เป็นคนพิเศษเช่นกัน
เมื่อถึงตอนที่อนูบิสเรียกเธอให้ไปหาเพื่อตรวจสอบค่าสถานะ นานูก็ให้ความสนใจกับท่าทีของวาห์นเป็นอย่างมาก
แทนที่จะมองข้ามหรือทำเป็นไม่สนใจ วาห์นกลับจ้องประสานตากับเด็กสาวตลอดทุกกระบวนการ
จากมุมมองของนานู นี่เป็นการบอกกับเธอว่าเขาตกลงที่จะให้เธอมาอยู่ข้างกาย
การที่เขาสบสายตาด้วยและแม้ว่าเธอจะมีลำดับชั้นที่ต่ำกว่า ก็ยังถือให้เป็นการเลื่อนลำดับสถานะของเธอตามธรรมเนียมปฏิบัติ
หลังจากอนูบิสขอตัวออกไปแล้ว แทนที่จะบอกให้เธอใส่เสื้อผ้าทันที วาห์นกลับเข้าสู่สภาวะ ‘ครุ่นคิด’ ทั้งๆ ที่ยังหันหน้ามาหาเธอ
เนื่องจากเขากำลังจินตนาการเรื่องที่หญิงสาวรอบๆ ตัว ‘ตั้งครรภ์’ อยู่ภายในหัว แต่สำหนับนานูแล้ว มันเหมือนกับว่าเขากำลังสำรวจร่างกายของเธอโดยมี ‘เจตนา’ อื่น
แถมการที่วาห์นยิ้มออกมาหลังครุ่นคิดเสร็จนั้นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ทั้งๆ ที่การยิ้มนั่นเกิดจากความตื่นเต้นของเรื่องที่จินตนาการเท่านั้นเอง
เขาจำได้ว่าตอนนั้นนานูกำลังมองมาด้วยสีหน้าเคารพและดูเหมือนจะมีความสุขมากที่เขาอนุญาตในตอนที่สั่งให้เธอสวมใส่เสื้อผ้าอีกครั้ง
ตอนที่ทั้งคู่ทำงานด้วยกัน เขาไม่เคยปล่อยปะละเลยและยังคอยช่วยเหลือเธอตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
จากมุมมองของนานู มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เขาต้องช่วยเธอพัฒนาความสามารถเพื่อทำให้เธอเหมาะสมกับเขามากขึ้น
พอเข้าไปในห้องน้ำ นานูก็เริ่ม ‘ส่งสัญญาณ’ ของตนเองด้วยการถอดเสื้อผ้าต่อหน้าวาห์น
ตามปกติแล้วนับเป็นเรื่องไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีสถานะต่ำกว่าที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า
แต่วาห์นกลับยอมให้เธอทำแบบนั้นและยังเหลือบมองร่างกายของเธอไปครู่หนึ่งด้วย
เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องอาบน้ำ เธอยังคงได้รับอนุญาตให้มาปรนนิบัติเขาได้
เนื่องจากวาห์นคิดว่าเธอกำลังทำตัวในฐานะ ‘ลูกศิษย์’ และอยากจะอวดเบ่งต่อหน้าพวกเด็กๆ คนอื่น
เขาจึงยอมให้เธอทำตามใจชอบ ซึ่งมันกลับเป็นการยืนยันข้อสงสัยของเธอแทน
หากวาห์นตระหนักถึงสีหน้าของเด็กสาวคนอื่นๆ ในเวลานั้น เขาก็อาจจะหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดพวกนี้ไปได้
นี่เป็นแค่การอาบน้ำร่วมกันเป็นครั้งที่สองเท่านั้น เขาจึงไม่รู้เรื่องขนบธรรมเนียมอะไรเลย
นี่จึงเป็นเหตุที่ทำไมเด็กสาวคนอื่นถึงเริ่มทำดีกับนานูมากขึ้น และวาห์นก็ยังอนุญาตให้เธอนั่งลงที่ด้านข้างของอนูบิสในช่วงอาหารเย็นซึ่งเป็นการยืนยันความคิดของทุกคนอีกครั้ง
เมื่อเขายอมให้เธอเป็นผู้ดูแลเรื่องการทำความสะอาดและมอบรางวัลให้กับเธอต่อหน้าทุกคน มันก็เป็นการบอกกับคนทั้งกลุ่มว่าตอนนี้เธอกำลังจะมาเป็นคู่ครองของเขาในอนาคต และทุกคนต้องเคารพเธอให้มากขึ้น
ความเข้าใจผิดทุกอย่างนี้นำไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกฝนในช่วงเช้า
แม้แต่ตอนที่พวกเขาเริ่มฝึกฝนกันในวันแรก เมื่อพวกเด็กๆ จับคู่ซ้อม พวกเขาก็มักจะประลองกับเด็กๆ ด้วยกันเท่านั้น
วาห์นเองก็ต่อสู้กับพวกเขาแบบเป็นกลุ่มในตอนแรก และจะเป็นคนที่เริ่มชักชวนก่อน
เมื่อเด็กๆ แยกกันออกเป็นคู่ๆ นานูก็เดินเข้ามาหาและร้องขอที่จะฝึกด้วยกันกับเขา
ในจังหวะที่วาห์นยอมรับ มันเหมือนเป็นการบอกว่าเขากำลังยอมให้เธอแสดงฝีมือเพื่อทำให้เขาพึงพอใจ
นานูฝืนตัวแบบสุดๆ เพื่อทำให้วาห์นประทับใจแม้ว่าจะต้องใช้พลังเกินขีดจำกัดของร่างกายก็ตาม
หากวาห์นยังไม่บอกให้เธอยอมแพ้ มันก็เหมือนกับเป็นการบอกให้เธอพยายามต่อไปเรื่อยๆ นอกจากว่าเธอจะไม่ไหวขึ้นมาเสียเอง
เธอจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความประทับใจจนกว่าเขาจะปฏิเสธหรือไม่ก็ยอมรับในตัวเธอ
ช่วงเวลาที่เธอใช้การเคลื่อนไหวแบบผาดโผนและได้รับบาดเจ็บ นานูก็คิดว่าเธอทำพลาดไปแล้วและไม่คู่ควรกับฐานะคู่ครอง
นั่นเป็นเหตุผลแท้จริงว่าทำไมเธอถึงมาขอโทษเขาในเวลานั้นพร้อมน้ำตา
แทนที่จะรู้สึก ‘ผิดหวัง’ ในตัวเธอ วาห์นกลับแสดงความกังวลต่ออาการบาดเจ็บและยังช่วยรักษาบาดแผลให้เธอด้วย
นั่นก็เป็นการบอกว่าเขายังคงเต็มใจที่จะให้โอกาส นานูจึงใช้โอกาสนี้เพื่อเริ่มพิธีการยอมรับในขั้นสุดท้ายโดยเผยหน้าท้องออกมา
เธอจะกลายมาเป็นข้ารับใช้อย่างเป็นทางการของวาห์น และในอนาคตก็อาจจะกลายมาเป็นคู่ครองที่เหมาะสมของเขา
เนื่องจากอนูบิสไม่ได้อธิบายให้ละเอียด วาห์นจึงวางมือของตัวเองลงบนหน้าท้องของเธออย่างไม่ลังเล
และนี่ก็เป็นตอนที่เขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุด เพราะตอนที่วางฝ่ามือลงไป เธอก็กลายมาเป็นข้ารับใช้ของเขาแล้ว
แต่แทนที่จะปล่อยให้เธอพักฟื้นเองและน้อมรับกับตำแหน่งใหม่ วาห์นกลับ ‘ไม่ยอมปล่อยมือ’ และยังคงลูบหน้าท้องของเธอต่อไป
สำหรับนานูนั้น วาห์นกำลังบอกกับเธอว่าตอนนี้เธอเป็นของเขาแล้ว และเขาก็ยอมรับเธอในฐานะ ‘คู่ครอง’ ด้วย
วาห์นนึกถึงท่าทางตื่นเต้นของนานูในตอนนั้น และเขาก็ยิ้มให้เพราะคิดว่าเธอกำลังบ้าจี้…
หลังจากที่ทั้งสอง ‘ยอมกับ’ ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคู่ครองกันแล้ว นานูก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นและยังได้รับคำอวยพรจากเด็กคนอื่นๆ อย่างคึกคัก
ภายในจิตใจของเหล่าสุนัขล่าเนื้อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นานูก็ได้กลายมาเป็นคู่ครองของวาห์นอย่างเป็นทางการไปแล้ว
ทุกอย่างหลังจากนั้นก็เป็นเพียงการผสมปนเปจากสิ่งที่เขาทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จนดำเนินมาถึงจุดที่นานูเริ่มทำเกินขอบเขต
รางวัลและความใจดีที่เขามอบให้นั้นทำให้เธอรู้สึกมั่นใจแบบสุดๆ และพยายามทำหน้าที่เป็น ‘คู่ครอง’ ที่เหมาะสมเพื่อทำให้เขาพึงพอใจมากขึ้น
ตอนนี้วาห์นเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่งี่เง่าที่สุดในโลก
มันเหมือนกับว่าเขาตามจีบนานูอย่างหนักตั้งแต่ตอนที่เธอเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ และเขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้าง
ตอนนี้เขามีเด็กสาวเชียนโธรปหนึ่งคนที่คิดอย่างจริงจังว่าเธอเป็นคู่ครองของเขา และตามที่หนังสือระบุเอาไว้ เชียนโธรปจากชนเผ่าทางใต้นั้นจะมีคู่รักได้เพียงคนเดียว
ผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองของบุคคลที่อยู่ตรงจุดสูงสุดในลำดับชั้นจะอยู่ในตำแหน่งนั้นไปตลอดชีวิต
ในฐานะที่เป็น ‘จ่าฝูง’ วาห์นจะมีคนรักกี่คนก็ได้ แต่ในชั่วชีวิตของเธอนั้น นานูจะต้องเป็นของวาห์นแค่คนเดียว
วาห์นเริ่มตระหนักแล้วว่าทำไมจู่ๆ เด็กสาวถึงสร้างแรงกดดันออกมาได้มากขนาดนั้น
จากมุมมองของนานู วาห์นได้กลายมาเป็นจุดศูนย์กลางในโลกของเธอแทน และเขาก็เป็นคนที่เริ่มจีบเธอก่อนด้วย
เรื่องนี้ทำให้เธอประเมินตัวเองไว้สูงจนผิดปกติ และจะยังคงทำทุกอย่างเพื่อเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าวาห์นจะรู้สึกไม่พอใจ
ตามธรรมเนียมนั้น หากคู่ครองถูก ‘จ่าฝูง’ ทอดทิ้ง พวกเธอมีทางเลือกว่าจะจบชีวิตของตัวเองลงหรือไม่ก็แทงแท่งเหล็กร้อนๆ เข้าไปในจุดซ่อนเร้นเพื่อที่จะได้ไม่อาจอุ้มท้องลูกคนอื่นได้อีก
ในวัฒนธรรมของพวกเขา ผู้หญิงประเภทนี้จะถูกพิจารณาว่าเป็นบุคคลที่มีลำดับชั้นต่ำที่สุดในสังคม เพราะพวกเธอเคยได้รับโอกาสที่สูงส่งแต่กลับทำพลาดและถูกตีตราว่าเป็นพวกไร้ค่าแทน
พอนึกถึงภาพที่นานูแทงแท่งเหล็กเข้าไปในตัวเอง ใบหน้าของวาห์นก็พลันขาวซีดและเกือบจะวิ่งออกไปเอาตัวเธอมา
พอนึกถึงท่าทางหดหู่ขณะที่เธอเดินจากไป วาห์นก็กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดและคิดว่าเขาได้ ‘ทอดทิ้ง’ เธอไปแล้ว
โชคดีที่เขายังจำการกระทำของอนูบิสได้ และทำให้เขารู้ว่ามันยังไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น
หากไปหาเธอในตอนนี้ มันอาจจะทำให้เธอคิดว่าเขายอมให้เธอเอาแต่ใจได้เต็มที่ และจะไปทำลายภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของเด็กคนอื่นด้วย
อาจเป็นไปได้ว่าเด็กคนอื่นอาจเริ่มมองนานูเป็น ‘จ่าฝูง’ ในขณะที่วาห์นเป็นเพียงแค่คู่ครองของเธอแทน…
วาห์นทรุดตัวลงบนเตียงและปาดเหงื่อบนหน้าผากออกพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ
น้ำหนักของความเป็นจริงนั้นช่างหนักหนาเหลือเกิน และเขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าการกระทำต่างๆ ของนานูจะส่งผลกระทบได้มากมายขนาดนี้
ถ้าหากเขายังปล่อยปะละเลยต่อไปเรื่อยๆ เรื่องทั้งหมดอาจจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดอีก เขาจึงตั้งใจอ่านหนังสือมารยาททางสังคมอีกครั้งรวมไปถึงวิธีที่ ‘คู่ครอง’ มักจะใช้ปฏิสัมพันธ์กันด้วย
เนื่องจากวาห์นไม่อาจทอดทิ้งเธอได้ เขาจึงต้องทำให้แน่ใจว่าการกระทำของตัวเองนั้นเหมาะสมที่สุด
—
หลังอ่านหนังสือซ้ำไปมาครบสามรอบก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วและวาห์นจึงตัดสินใจว่าคงถึงเวลาที่จะนำลูกแก้วสีดำออกมาเพื่อท้าประลองอีกครั้ง
เขาไม่รู้ว่าเวลาในลูกแก้วนั้นจะไหลไปเรื่อย หรือว่าทุกอย่างจะถูกรีเซ็ตให้มีสภาพเหมือนกับเย็นวันก่อน
วาห์นสูดหายใจเข้าลึกๆ และเพ่งจิตเข้าไปในลูกแก้วก่อนจะลึมตาขึ้นมาในมิติสีขาวที่มีท้องฟ้าเป็นสีดำ
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา สัญชาตญาณของเขาก็เริ่มร้องเตือนในทันทีก่อนที่วาห์นจะได้รับลูกเตะหนักๆ เข้าไปที่ศีรษะในสภาพที่ยังไม่ได้ตั้งตัว
วาห์นกระเด็นไปไกลกว่ายี่สิบเมตรก่อนจะตั้งหลักได้และจ้องมองสาวงามที่แจกตั๋วบินฟรีให้กับเขา
วาห์นเปิดใช้ร่างพยัคฆ์ขาวและกระจายพลังเขตแดนออกไปก่อนจะเริ่มโจมตีเข้าใส่หญิงสาวด้วยความเร็วสูงสุด
หญิงสาวมองมาอย่างเย้ยหยันขณะแตะเท้าเบาๆ ที่พื้นและหายไปจากสายตาของวาห์นทันที
มันไม่เหมือนกับเวทเคลื่อนย้ายที่เธอใช้ก่อนหน้านี้ และวาห์นเข้าใจว่านี่เป็นทักษะที่ใช้ความเร็วของเธอเอง
เขาไม่เข้าใจหลักการเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยให้เธอเข้าสู่ความเร็งสูงสุดได้โดยไม่ต้องเริ่มไล่จากความเร็วจากสภาพหยุดนิ่ง
วาห์นหลบลูกเตะที่เข้ามาทางด้านหลังศีรษะและพยายามถีบกลับไปด้วยขาทั้งสองข้างโดยเล็งไปตรงข้อเท้าอีกข้างของเธอ
เนื่องจากหญิงสาวนั้นโหดเหี้ยมมาก วาห์นจึงตั้งใจโจมตีรุนแรงถึงขั้นที่สามารถหักขาของเธอได้
แต่ก่อนที่เขาจะได้สัมผัสกับร่างของเธอ ทันใดนั้นหญิงสาวก็หายตัวไปอีกครั้งด้วยความเร็วเหลือเชื่อและปรากฏตัวตรงด้านข้างก่อนจะเตะเข้าที่ท้องและทำให้เด็กหนุ่มพุ่งสูงขึ้นไปด้านบนแทน
ขณะที่วาห์นลอยขึ้นไปได้ประมาณสิบเมตร ทันใดนั้นหญิงสาวก็เคลื่อนย้ายมาอยู่เหนือหัวและตอกส้นลงบนแผ่นหลังเข้าให้
วาห์นรู้สึกเหมือนกระดูกสันหลังของตนจะหักจากการโจมตีเมื่อกี้นี้ ขณะที่กำลังพุ่งใส่พื้นด้วยความเร็วมหาศาล
หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก วาห์นก็กลืนถั่วเซียนลงไปและพยายามฟื้นฟูตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวดูเหมือนจะไม่ยอมให้เขาพักขณะพุ่งตัวลงมาราวกับอุกกาบาตและกระแทกกระดูกสันหลังที่เพิ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกรอบ
วาห์นกระอักเลือดออกมามากกว่าเดิมขณะที่หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ครั้งต่อไปที่มาที่นี่ ก็เตรียมตัวให้มันดีกว่านี้หน่อย
การที่เป็นนักสู้แต่ดันแพ้เรื่องการต่อสู้ระยะประชิดให้กับจอมเวท…
นั่นหมายความว่านายยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียนวิชาของฉัน”
ขณะที่เธอพูดจบ วาห์นก็เริ่มหมดสติไปอย่างรวดเร็วแต่ยังได้ยินคำพูดของเธอแบบชัดเจน
ก่อนที่ร่างกายจะสลายหายไปหมด วาห์นก็ขยับปากพูดเล็กน้อย “ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก…”
หญิงสาวจ้องมองอนุภาคแสงที่เคยเป็นร่างของเด็กหนุ่ม และเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทางที่ไม่ต่างไปจากครั้งที่แล้ว
พออนุภาคเล็กๆ หายไปจนหมด เธอก็มองแอ่งเลือดบนพื้นก่อนจะช้อนมันขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง
หญิงสาวก้มหัวลงไปและดื่มเลือดของวาห์นอย่างไม่ลังเล
พอกลืนหมดแล้ว เธอก็เลียมือจนสะอาดก่อนที่จะหันกลับไปที่ท้องฟ้าอีกครั้ง
“สงสัยจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแล้วล่ะ…”