Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 144
หลังอ่านข้อมูลจบแล้ว วาห์นก็อธิบายให้นานูฟังขณะที่เธอใส่เสื้อผ้า
พอฟังจนจบ เธอก็ตื่นเต้นมากที่ได้ยินว่าอัตราการเติบโตจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่มีต่อวาห์น
เธอทั้งหลงใหลและเคารพบูชาเขาอยู่แล้ว และตอนนี้ยังมีโอกาสแข็งแกร่งขึ้นด้วยเรื่องแบบนี้อีก
นานูรู้สึกว่าอนาคตของเธอนั้นช่างสดใสเหลือเกิน
วาห์นพบว่าค่าความชื่นชอบของเธอจู่ๆ ก็เพิ่มมาจนเต็ม 100 เช่นกันและรีบอ่านข้อมูลจากระบบทันที
//นานูมีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//
//ภารกิจสำเร็จ: [ความปรารถนาของหัวใจ: C-SS]//
เกรดความสำเร็จ: B
รางวัล: 10,000 OP, 1x [เครื่องพิสูจน์ความรัก], [ความปรารถนาของหัวใจ: นานู]
รางวัลจากเกรด: 5,000 OP, 1x [คัมภีร์เสริมสกิล: B]
[เครื่องพิสูจน์ความรัก]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: เสกไอเท็มที่ผู้รับต้องการที่สุดในตอนนี้ออกมา
คำเตือน: ไอเท็มจะถูกผูกไว้กับผู้รับทันที
วาห์นสนใจ [เครื่องพิสูจน์ความรัก] มากและตัดสินใจลองใช้มันดูเพราะอยากรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
เกิดแสงสว่างวาบจนทั้งคู่ตกใจ และแล้วก็มีปลอกคอสีแดงปรากฏขึ้นมาอยู่บนมือของวาห์น
มันมีแถบโลหะขนาดเล็กห้อยลงมาจากด้านหน้าและชวนให้นึกถึงสิ่งที่สัตว์เลี้ยงมักสวมใส่
ทันทีที่มันถูกเสกออกมา ดวงตาของนานูก็เริ่มเปล่งประกายราวกับได้พบสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลก
จากนั้นเธอก็เริ่มเขย่งเท้าขณะยกคางขึ้นสูงแบบไม่พูดไม่จา
ปลอกคอชิ้นนี้เกิดจากการที่เขานึกถึงนานูในระหว่างที่ใช้ไอเท็มซึ่งดูสมเหตุสมผลมากหากนึกย้อนถึงเรื่องธรรมเนียมของชนเผ่าทางใต้
มันอยู่ในพิธีการขั้นสุดท้ายของคู่ครองซึ่งฝ่ายที่มีศักดิ์เหนือกว่าจะต้องให้ปลอกคอแก่ฝ่ายที่มีศักดิ์ต่ำกว่า
เพราะวาห์นได้เตียมใจไว้แล้ว เขาจึงนำมันไปสวมไว้ที่คอของนานูทันทีจนเธอได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
หางของเธอส่ายไปมาอย่างแรงจนแทบจะหลุด และวาห์นก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเชียนโธรปไม่เจ็บกล้ามเนื้อกันบ้างเลยเหรอถ้ามันจะส่ายแรงขนาดนี้?
หลังจากติดปลอกคอเรียบร้อย มันก็หดลงและปรับขนาดให้พอดีกับคอของนานูอย่างเบ็ดเสร็จ
เธอยกมือทั้งสองขึ้นมาจับมันไว้ก่อนจะเผยยิ้มกว้างและหันไปพูดกับวาห์น
“ขอบคุณค่ะ นายท่าน มันดูไร้ที่ติจริงๆ”
วาห์นไม่เคยเห็นนานูมีความสุขขนาดนี้มาก่อน เขาจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ และลูบหูของเธอ
เธอเริ่มเอาหัวมาถูกับฝ่ามือของเขาและวาห์นก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอนูบิสในคืนแรกที่พวกเขามาอยู่ที่นี่
ก่อนที่จะมีอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ เขาก็ดึงมือออกโดยนานูได้แต่จ้องตามมันไปอย่างโหยหา
เมื่อนานูได้รับปลอกคอและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มทำงานของวันนี้กัน
เพราะเวลาดูเหมือนจะหยุดเดินทุกครั้งที่เขาใช้มัน วาห์นจึงใช้ [ความปราถนาของหัวใจ: นานู] หลังจากที่เจ้าตัวเดินออกไป
อากาศรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่งและเวลาก็เริ่มเดินช้าลงขณะที่มีภาพแล่นเข้ามาในหัวของวาห์น
แต่น่าแปลกมาก เพราะรอบนี้ดูเหมือนภาพจะต่างไปจากที่แล้วๆ มา
วาห์นกำลังอยู่ในมิติสีดำสนิทและรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนผืนน้ำ
ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขาก็คือเด็กผู้หญิงในสภาพเปลือยเปล่า และวาห์นก็จำได้ว่านั่นเป็นร่างจำลองของนานูตอนปัจจุบันนั่นเอง
เมื่อตรวจสอบตนเอง วาห์นก็พบว่าเขากำลังอยู่ในร่างของตัวเองแทนที่จะมองเห็นผ่านมุมมองของฝ่ายตรงข้าม
นานูเดินเข้ามากอดวาห์นที่เอวและวางศีรษะไว้ตรงแผงอกขณะพูดขึ้น
“ฉันพบสิ่งที่หัวใจปรารถนาแล้วค่ะ นายท่านของฉัน…”
มิติสีดำแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ และวาห์นก็สังเกตว่าชิ้นส่วนเหล่านั้นคือเศษความทรงจำต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงชีวิตในอดีตของนานู
เขาไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับพวกมันเลย เพราะดูเหมือนเธอจะทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังหลังจากที่ยอมรับเขาแล้ว
ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือร่างจำลองที่กำลังโอบเอวของเขาและเอาหน้ามาถูกับแผงอกอย่างรักใคร่
เวลาเริ่มเดินขึ้นอีกครั้งขณะที่อากาศกลับมาเป็นแบบเดิม
วาห์นรู้สึกงุนงงเล็กน้อยขณะจ้องมองด้านหลังของนานูและเห็นว่าหางของเธอยังคงส่ายไปมาอย่างมีความสุข
เขาถอนหายใจแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเครียด แต่เป็นเพราะความน่ารักที่เด็กสาวตรงหน้ากำลังแผ่ออกมา
ถึงจะยังไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่นานูก็หลงเขาจนหัวปักหัวปำไปแล้ว
วาห์นสัญญาไว้ในใจว่าจะทำให้ดีที่สุด และเริ่มเปิดระบบเพื่อตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง
//ความปรารถนาของหัวใจ: นานู] สำเร็จแล้ว ปลดล็อคค่า ‘ความรัก’ แล้ว//
[นานู]: ค่าความรัก 78(อุทิศตัว)
//สายใยผูกพันถูกเชื่อมต่อเข้ากับ [นานู]//
//เริ่มต้นภารกิจเสริม//
[ภารกิจ: ความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว, ทำซ้ำได้]
ระดับ: B – SS
เป้าหมาย: ทำให้นานูตั้งครรภ์ (0) ดูให้แน่ใจว่าการทำคลอดเป็นไปได้ด้วยดี; จำนวนเด็กในปัจจุบัน (0)
รางวัล: 100,000 OP, 1x [ผู้พิทักษ์:(ไร้นาม)]
เงื่อนไขความล้มเหลว: เสียชีวิต, นานูเสียชีวิต, (ไร้นาม) เด็กเสียชีวิต
ผลจากความล้มเหลว: กรรมชั่ว 200 (0)
มันดูคล้ายกับตอนของทีโอน่าไม่มีผิด
วาห์นยังปลดล็อคค่าความรักกับนานูรวมไปถึง ‘ภารกิจเสริม’ ที่ดูเหมือนมักจะมาพร้อมกันค่าๆ นี้
เป็นเวลาครู่หนึ่งที่วาห์นจินตนาการภาพของเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังตั้งท้อง
แต่แล้วสมองของเขาก็สะท้านให้กับภาพแปลกๆ นี้เพราะมันดู ‘ชอบกลๆ’ อยู่
ด้วยความสูงและขนาดปัจจุบันของเธอ ทำให้มันเป็นภาพที่แปลกเอามากๆ และวาห์นมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้นั้นจะต้องรอจนกว่าเธอจะโตมากกว่านี้ก่อน
หลังจัดการเรื่องในระบบเสร็จแล้ว วาห์นก็เริ่มทำงานและตัดสินใจว่ารอบนี้จะลองสร้างหอกขึ้นมาบ้าง
แม้จะไม่ได้เตรียมด้ามหอกเอาไว้ แต่วาห์นก็อยากจะลองทำมันขึ้นมาด้วยโลหะเวทมนตร์และเคลือบมิธริลเอาไว้ด้านนอก
เขาได้ศึกษาเรื่องวงจรเวทมนตร์มาอย่างดีแล้วและยังจำรูปแบบวงจรต่างได้ขึ้นใจขณะที่ค่อยๆ สลักมันลงบนตัวหอกอย่างประณีต
ความผิดพลาดเพียงนิดเดียวในตัวโครงสร้างวงจรก็อาจทำให้หอกระเบิดได้หากมีการใส่มานาเข้าไปมากเกินขีดจำกัด
วาห์นไม่อยากเป็นช่างที่ขึ้นชื่อว่าชอบทำให้ลูกค้าบาดเจ็บหรือพิการ ดังนั้นเขาจึงต้องทำทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
เพราะความพยายามที่มากเป็นพิเศษโดยที่ยังไม่ได้เริ่มทำหัวหอกเลย ตอนนี้วาห์นได้ใช้เวลาไปแล้วเกือบแปดชั่วโมงเพื่อทำด้ามของมัน
ส่วนที่ยากที่สุดก็คือการทำให้มิธริลเป็นแถบบางพอจนสามารถขดไปกับตัวด้ามได้
โชคดีที่หลังจากล้มเหลวไปบ้าง เขาก็ทำมันสำเร็จและได้รับตัวหอกที่ยาว 3 เมตรมาวางอยู่บนโต๊ะ
วาห์นยังไม่ถึงจุดที่สามารถหล่อโลหะให้เป็นรูปร่างซับซ้อนได้ แต่ความเรียบง่ายของตัวหอกก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันดูดีไปอีกแบบ
แม้ว่าเขาจะตกแต่งดาบคู่จากวันก่อนไปมากพอควร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาวุธทุกชิ้นจะต้องดูสลับซับซ้อนอยู่เสมอไป
บ่อยครั้งที่ประสิทธิภาพของไอเท็มนั้นจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้และโครงสร้างภายใน ไม่ใช่ที่ตัวลักษณะภายนอก
ดาบทามาฮากาเนะที่วาห์นมอบให้ไอส์เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของอาวุธที่เรียบง่ายและดูน่าเกรงขามมาก
วาห์นถือหอกสีนิลที่ถูกห่อด้วยแถบมิธริลสีน้ำเงินเข้มและตรวจสอบมันอย่างพึงพอใจ
เขาใช้เวลาที่เหลืออีกสองชั่วโมงก่อนอาหารเย็นเพื่อทำหัวหอกและใช้หลักการที่เพิ่งเรียนรู้มาสดๆ
เขามุ่งเน้นไปที่ความทนทานและประสิทธิภาพแทนการออกแบบที่ซับซ้อน
ผลที่ออกมาก็คือหัวหอกที่มีความยาว 27 ซม. และมีส่วนโค้งเว้าเล็กน้อยก่อนมาบรรจบกับปลายแหลมคม
พอเอามาติดกับด้ามหอกแล้ว ตอนนี้มันดูเป็นหอกสีดำที่ดูเรียบๆ แต่ก็ส่องประกายเล็กน้อยที่ดูอันตรายหากจ้องมันนานเกินไป
วาห์นรู้สึกราวกับตัวหอกจะสามารถทะลุผ่านความมืดและโจมตีเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำหากผู้ใช้มันมีความสามารถมากเพียงพอ
เมื่อนึกถึงภาพใบมีดสีนิลที่สะท้อนแสงจันทร์ วาห์นจึงตั้งชื่อให้กับมันว่า [ทะลวงจันทรา] และได้รับ 1005 OP จากระบบเป็นการปิดท้าย
วาห์นตกใจกับจำนวน OP ที่ได้รับและเริ่มตรวจสอบข้อมูลของ [ทะลวงจันทรา] ในระบบ
————————————————————————-
[ทะลวงจันทรา]
ระดับ: B (เวทมนตร์)
ช่อง: 1
พลังโจมตี: 330+30
พลังโจมตีเวทมนตร์: 441
คุณสมบัติ: เจาะทะลวง (B), ความคงทน (C)
หอกธรรมดาที่รวมเอาความงดงามและเรียบง่ายมาไว้ด้วยกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ภายใต้แสงจันทร์ อาวุธชิ้นนี้จะสะท้อนแสงที่แฝงไปด้วยอันตรายและดึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมันเข้าสู่อ้อมกอดนิรันดร์แห่งราตรีกาล
ผู้ใช้จะได้รับการเสริมพลังเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์
————————————————————————-
เป็นอีกครั้งที่วาห์นสังเกตเห็นว่าความคิดของเขาดูเหมือนจะสะท้อนออกให้เห็นหลังการตั้งชื่อไอเท็ม
เพราะกำลังจินตนาการถึงตัวหอกที่สามารถตัดผ่านแสงจันทร์ขณะตั้งชื่อ มันจึงนำความคิดนั้นมาใช้และพัฒนาตัวเองตามความตั้งใจของเขา
วาห์นรู้สึกสับสนเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใช้ความสามารถในการตั้งชื่อของ [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] แม้มันจะติดคูลดาวน์อยู่ก็ตาม
ถึงจะไม่ได้มีผลที่รุนแรงแบบตอนตั้งชื่อให้ฟาฟเนียร์ แต่วาห์นก็รู้สึกว่าพลังงานของเขาหายไปเล็กน้อยหลังจากทำการ ‘ตั้งชื่อ’ เสร็จ
คอนนี้ก็เกือบจะถึงเวลาอาบน้ำแล้ว นานูกับวาห์นจึงทำความสะอาดห้องทำงานและมีเวลาเหลือนิดหน่อยก่อนที่อนูบิสจะมาตาม
วาห์นตั้งใจว่าจะลับหอกต่ออีกนิด แต่ดูเหมือนนานูอยากใช้โอกาสนี้เพื่อใกล้ชิดเขาให้มากขึ้น
เธอไม่ได้พูดอะไรแต่ก็มายืนอยู่หน้าวาห์นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหางที่ส่ายไปมา
วาห์นยื่นมือออกมาลูบผมบ็อบสั้นและหูแหลมๆ จนนานูเริ่มเอาหัวมาถูมือกลับบ้าง
แม้จะค่อนข้างกังวลว่าเธออาจเกิดสภาวะ ‘เครื่องติด’ แบบอนูบิส แต่วาห์นสังเกตเห็นว่าออร่าของเธอยังดูคงที่เหมือนเดิม
ดังนั้นเขาจึงลูบเธอต่อไปอีกสิบนาทีจนกระทั่งอนูบิสมาถึง
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินตามปกติขณะที่วาห์นอาบน้ำร่วมกับทุกคนแล้วก็ทานอาหารเย็นแสนอร่อย
มันดูต่างไปจากคืนก่อนๆ เพราะอนูบิสสนับสนุนให้เด็กๆ พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปในวันนี้และการที่วาห์นอยู่ในวงสนทนาด้วยนั้นทำให้พวกเขาตื่นเต้นมาก
วาห์นรู้สึกพอใจเพราะการให้คำชมเชยเล็กน้อยก็ทำให้พวกเขาพยายามมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
ทุกคนทำความสะอาดตามปกติและไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ ในขณะที่อนูบิส วาห์นและนานูมุ่งหน้ามาทางห้องนอนของเขา
แม้นานูจะรู้ว่าเธอไม่สามารถอยู่กับเขาตอนกลางคืนได้ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องไปส่งและกล่าวราตรีสวัสดิ์กับผู้เป็นนาย เหมือนกับที่อนูบิสทำก่อนที่เขาจะเข้านอนและหลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
วาห์นลูบหัวเด็กสาวอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่งเธอไปนอน
พอเธอเดินลับตาไปแล้ว อนูบิสก็พูดขึ้น
“ฉันเห็นว่านายท่านให้ปลอกคอกับเธอแล้วสินะคะ”
วาห์นพยักหน้าเพราะมันไม่ได้เป็นความลับอะไร แม้แต่นานูเองยังเอามันไปอวดให้เด็กคนอื่นดูเลย
เด็กสาวอีกสองคนดูเหมือนจะอิจฉานิดๆ และเริ่มส่งสายตาแปลกๆ มาทางวาห์น แต่นานูก็แก้ไขพฤติกรรมของพวกเธอในทันทีและบอกให้ทุกคนตั้งใจทำทุกอย่างให้มากกว่าเดิม
อนูบิสนั้นปิดปากเงียบมาพักหนึ่งแล้วจนวาห์นสงสัยว่าทำไมเธอถึงดูอึมครึมแบบนี้
อนูบิสขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะรวบรวมความกล้าและพูดความในใจออกมา
“นายท่าน ฉันเองก็อยากจะได้ปลอกเหมือนกันนะคะ
ฉันเป็นข้ารับใช้ของนายท่านแล้ว และการไม่มีปลอกคอมันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย
ตอนแรกก็ไม่อยากจะพูดอะไร แต่พอเห็นนานูได้มันไปแล้ว… ฉันทนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ไหวแล้วนะคะ!”
วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับการระเบิดอารมณ์อนูบิส เพราะเธอดูผิดจากที่แล้วๆ มามาก
วาห์นไตร่ตรองคำพูดของเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปลอกคอสีดำจะปรากฏขึ้นในมือของเขา
ตอนแรกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก แต่ตอนนี้สังเกตเห็นแล้วว่ามันมีโทนสีคล้ายกับเสื้อผ้าของอนูบิส และเขาก็ตระหนักว่าเธอคงซื้อปลอกคอนี้มาโดยตั้งใจว่าจะสวมมันในอนาคต
ตอนนี้สภาพของอนูบิสดูเป็นเอาหนักกว่านานูมาก
เธอกำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียดสูงและตื่นเต้นแบบสุดๆ ขณะที่เข้ามาใกล้วาห์นและเงยคางขึ้น
หลังคลายปลอกคอออกแล้ว วาห์นก็เอื้อมมือไปที่ลำคอของอนูบิสและสวมมันเข้าไป
มันต่างจากปลอกคอที่เขาได้รับจากในระบบนิดหน่อย
ปลอกคอสีดำไม่ได้ปรับขนาดแบบอัตโนมัติ ดังนั้นวาห์นจึงต้องเป็นคนรับหน้าที่ปรับมันเอง
และเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรก เขาจึงคำนวณพลาดและทำให้มันแน่นขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นจนอนูบิสร้องครางออกมาเบาๆ
ปกติแล้ววาห์นอาจจะไม่ได้ยิน แต่เพราะอยู่ใกล้กันมาก วาห์นจึงได้ยินเสียงนั่นและทำให้หัวใจของเขาสั่นไปเล็กน้อย
เขาคลายปลอกคอออกก่อนจะพึมพำขอโทษ
อนูบิสที่ยังเงยคางขึ้นเหลือบมองวาห์นด้วยสีหน้า ‘เจ็บปวด’ และกระซิบเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน แน่นกว่านั้นอีกนิดก็ได้นะคะ…”
วาห์นกลืนน้ำลายก่อนจะค่อยๆ กระชับปลอกคอให้แน่นขึ้นอีกครั้ง
ถึงเธออยากจะเชียร์ให้เขาปรับมันเข้ามาอีก แต่วาห์นตัดสินใจว่า ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’ จะดีกว่า และเว้นช่องว่างระหว่างคอของเธอและปลอกคอไว้นิดๆ ก่อนจะติดมันให้เข้าที่
พอทำเสร็จแล้ว อนูบิสก็ดูทั้งดีใจปนเศร้าๆ ในเวลาเดียวกันขณะที่วาห์นสัมผัสได้ถึงความขัดแย้งในใจของตัวเอง
เขาเริ่มลูบหัวของเธอตามปกติ ก่อนจะหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องนอน
หลังจากประตูห้องนอนของวาห์นปิดลง อนูบิสก็ยังคงยืนอยู่กับที่ขณะลูบคลำไอเท็มชิ้นใหม่ด้วยมือทั้งสองข้าง
เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเริ่มเดินเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างมีความสุข
เป็นคืนที่สามแล้วที่วาห์นนอนลงบนเตียงก่อนจะเพ่งจิตเข้าไปในลูกแก้วสีดำ
ทันทีที่มาถึงมิติขาวดำ เขาก็เปิดใช้ร่างพยัคฆ์ขาวและพลังเขตทันทีก่อนจะตรวจสอบบริเวณรอบๆ อย่างรวดเร็ว
มันดูคล้ายกับตอนที่เขาเข้ามาที่นี่ครั้งแรก… มิติอันไร้ที่สิ้นสุดโดยแบ่งออกเป็นสีขาวบนพื้นและสีดำบนท้องฟ้า
วาห์นดูสับสนเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ลดการระวังตัวและคอยสอดส่องเพื่อมองหาหญิงสาวผมบลอนด์
หลังผ่านไปเกือบชั่วโมง เธอก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นและวาห์นเริ่มสงสัยแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติหรือเปล่า
วาห์นคิดว่าเธออาจจะอยากเล่นตลกด้วย ดังนั้นเขาจึงเฝ้าระวังไปเรื่อยๆ จนเหมือนเวลาล่วงเลยผ่านไปครึ่งวัน แต่เขากลับพบว่าเวลาในระบบเพิ่งจะผ่านไปเพียงสิบวินาทีเอง
แม้จะไม่ได้สังเกตเรื่องนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนการไหลเวียนของเวลาในมิตินี้จะต่างไปจากด้านนอกมาก
พอผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดวาห์นก็ลดการป้องกันลงมาและลดระดับออร่าก่อนจะมองไปรอบๆ มิติว่างเปล่า
เขาคาดว่าทันทีที่ทำแบบนี้ หญิงสาวจะลอบโจมตีเข้ามาแน่นอน แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วาห์นนั่งลงและจดจ่อไปกับการฟื้นฟูพลังงานของเขาขณะที่แบ่งสมาธิออกไปดูรอบๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งวันแล้ว หญิงสาวก็ยังไม่ยอมออกมาสักที
วาห์นเริ่มรู้สึกกังวล เพราะแม้จะรู้วิธีเข้ามาในนี้ แต่เขาก็ไม่เคยได้ออกไปแบบปกติๆ
พี่สาวบอกว่าถ้าพยายามมากพอ เขาจะสามารถทำลายมิตินี้ได้ด้วยการใช้สกิล [ทลายพันธนาการ] แต่มันจะทำลายลูกแก้วไปด้วย
วาห์นถอนหายใจและเริ่มเพ่งสมาธิไปยังสกิลที่สองที่เพิ่งได้รับมาเมื่อสองสามวันก่อน (TL: มนตราแห่งอนันตกาล)
แม้จะได้ยินเสียงแว่วๆ ออกมาจากในหัว แต่วาห์นก็ยังฟังมันไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
ไม่นานหลังจากที่เขาเริ่มทำสมาธิ ร่างของหญิงสาวก็ปรากฏออกมาจากอากาศที่ดูบิดเบี้ยว
เธอปิดผนึกพลังของตัวเองอย่างสมบูรณ์ขณะค่อยๆ เดินเข้าหาด้านหลังวาห์นโดยไม่ถูกตรวจจับ
แม้พลังเขตแดนของวาห์นจะขยายออกไปทั่วร่างกาย แต่เขาก็ไม่อาจสัมผัสถึงหญิงสาวที่ลบตัวตนจนเบาบางว่ามิติรอบๆ ได้เลย
ขณะที่พยายามทำความเข้าใจกับเสียงภายในดวงวิญญาณ ทันใดนั้นวาห์นก็รู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อที่คออย่างรุนแรง
เขาลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีแต่กลับพบว่าร่างกายไม่ยอมทำตามที่สมองสั่ง
ความหวาดกลัวของวาห์นพุ่งสูงขึ้นมาอย่างมหาศาล
เขาเริ่มนึกถึงฝันร้ายในอดีตที่มักตามมาหลอกหลอนเป็นครั้งคราว
แม้จะยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแปลกๆ ตรงช่วงไหล่ แต่สิ่งเดียวที่วาห์นสัมผัสได้แจ่มชัดที่สุดก็คือ ‘แรงดูด’ ที่กำลังดึงเลือดของเขาออกมาจากร่างกาย…