Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 145
วาห์นยังคงดิ้นรนต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่ความรู้สึกเย็นสงบเริ่มแผ่กระจายไปทั่วจิตใจของเขา
ความอบอุ่นตรงช่วงไหล่นั้นถูกความหวาดกลัวและความโกรธเข้ามาปิดทับไว้แทน
บางอย่างในใจรวมไปถึงพลังเขตแดนของวาห์นนั้นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ระยะของเขตแดนที่ค้างอยู่ตรงระยะ 99 เมตร นับตั้งแต่เขาฟื้นจากอาการโคม่าเริ่มขยับขึ้นเป็น 100 เมตรทันที
จากนั้นความรู้สึกเย็นสงบในใจของวาห์นก็ระเบิดออกมาด้านนอกและผลักหญิงสาวให้กระเด็นออกไปจากร่างของเขา
หลังจากถูกผลักออกไปแล้ว หญิงสาวก็จ้องมองวาห์นด้วยความทึ่งและสนใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่เริ่มเข้ามาดูดเลือด เธอก็ทำให้ร่างกายของวาห์นขยับไม่ได้หลังใช้ประโยชน์จากการที่เขาไม่ทันระวังตัว
เพราะได้ลิ้มลองมันไปบ้างแล้ว เธอก็เริ่มสงสัยว่าจะเป็นยังไงหากได้ดูดมันจากเจ้าตัวเลย
แล้วเธอก็คาดไว้ไม่ผิด มีพลังงานน่าเหลือเชื่ออัดแน่นอยู่ในเลือดของเด็กหนุ่มซึ่งช่วยฟื้นฟูพลังเวทให้เธอได้อย่างมหาศาล
เธอเผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมาขณะกำลังจะกล่าวชมเชยเด็กหนุ่มที่หลุดจากคาถาของเธอได้
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูด เสียงก็มาติดอยู่ตรงลำคอขณะที่หัวใจรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ
แม้จะคิดไว้แล้วว่าเด็กหนุ่มคงจะโกรธมากจนระเบิดมันออกมาภายนอก แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นอยู่เหนือสิ่งที่คาดเอาไว้มาก
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากำลังขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าน่ากลัว ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและมีน้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ
ในฐานะคนที่เคยถูกทรมานและถูกเหยียดหยามจากสังคมมาหลายร้อยปี เธอนั้นเข้าใจความเจ็บปวดที่เด็กหนุ่มกำลังแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี
มันดูคล้ายกับตอนที่เธอกลายเป็นอมตะไม่มีผิดเพี้ยน และทำให้อารมณ์ที่ซ่อนเร้นมานานเริ่มฟื้นคืนมาอีกครั้ง
แม้จะไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา แต่ก็ตระหนักดีว่าเธอเพิ่งจะทำบางอย่างที่ผิดต่อเด็กหนุ่มคนนี้เอามากๆ
วาห์นเห็นหญิงสาวหายตัวออกไปนอกระยะ 100 เมตรทันทีที่เขาหันมาหา
แต่น่าเสียดายสำหรับเธอ เพราะทันทีที่พลังเขตแดนของวาห์นเพิ่มมาถึง 100 เมตร เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างในใจกำลังแตกออกและทำให้เขตแดนขยายไปเป็น 300 เมตรแทน
เป็นเรื่องยากมากที่จะคำนวณระยะของเขตแดนเมื่อเข้ามาอยู่ด้านในแล้ว หญิงสาวจึงกะระยะคลาดเคลื่อนไป
ขณะที่เธอมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ พื้นที่ภายในเขตแดนก็เปลี่ยนเป็นสีทองอ่อนๆ ตามมาด้วยความกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจเล็กน้อย
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้ง เธอก็รู้สึกเจ็บปวดกับสีหน้านั่นมากและพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ
แต่ก่อนที่จะได้เปล่งเสียงคำแรก โซ่สีทองงดงามก็พุ่งออกมาจากแสงรอบๆ ด้วยความเร็วเหนือเสียง
หญิงสาวประหลาดใจที่เห็นโซ่ปรากฏออกมาในรูปแบบนี้ เพราะครั้งที่แล้วเด็กหนุ่มได้แต่เสกมันออกมาจากมือเท่านั้นเอง
เธอพยายามเคลื่อนย้ายออกไปทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว แต่กลับพบว่ามิติรอบตัวถูกปิดผนึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวตระหนักแล้วว่าทำไมเขตแดนถึงเปลี่ยนเป็นสีทอง เพราะว่าเด็กหนุ่มได้ผสานคุณสมบัติของโซ่เข้ากับเขตแดนนั่นเอง
ในความพยายามครั้งสุดท้าย เธอได้สร้างกำแพงเวทมนตร์หลายชั้นเพื่อสกัดกั้นห่วงโซ่ปลายแหลมที่เล็งตรงมายังท้องของเธอ
โซ่กระทบเข้ากับม่านพลังและหญิงก็ถอนหายใจโล่งอกสั้นๆ ที่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
เธอเฝ้ามองไปมาระหว่างม่านพลังของตัวเองกับเด็กหนุ่มผู้ที่ยังคงมองเธอด้วยใบหน้าโกรธแค้นและเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา
หญิงสาวรู้แล้วว่าถ้าไม่หยุดเขาไว้ เขาก็จะพยายามฆ่าเธออย่างจริงจังต่อไปเรื่อยๆ
แม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาจะบ่งบอกถึงความปวดร้าวและหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ความโกรธของเขานั้นกำลังอยู่เหนืออารมณ์ทุกสิ่งอย่าง
ไม่กี่วินาทีหลังจากที่ปลายโซ่ชนเข้ากับม่านพลัง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมันผ่านเข้ามาได้ราวกับม่านพลังที่เธอร่ายไว้นั้นเป็นแค่กระดา
อย่างไรก็ตาม แม้จะแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งไปทางวาห์น แต่เธอก็ยังมีประสบการณ์การต่อสู้ที่สั่งสมมาแล้วว่าหลายร้อยปี
เธอก้าวเท้าออกไปในอากาศและร่างบางก็มาปรากฏตัวถัดจากวาห์นแทบจะในทันที
เธอตกใจนิดๆ เพราะรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่เคยตามการเคลื่อนไหวของเธอไม่ทัน แต่รอบนี้เขากลับจ้องมองทิศทางที่เธอจะโผล่ออกมาอยู่ก่อนแล้ว
ในช่วงเวลาสั้นๆ จิตใจของหญิงสาวก็คิดอะไรไม่ออกขณะจ้องมองดวงตาสีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
นับตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรก เธอก็ยังไม่เคยได้ถามชื่อของเขาหรือแม้แต่เหตุผลที่เขาสามารถเข้ามาในมิตินี้ได้ด้วยระบบเวทมนตร์แปลกๆ ซึ่งต่างไปจากของเธอเลย
แสงสีทองสว่างขึ้นตรงบริเวณรอบๆ เด็กหนุ่มขณะที่โซ่อีกสี่เส้นโผล่ออกมาด้วยความเร็วสูงและพยายามม้วนตัวไปรอบๆ ร่างของเธอ
เพราะเริ่มจะชินกับรูปแบบการโจมตีนี้แล้ว เธอจึงสามารถหลบหลีกออกมาได้ก่อนที่พวกมันจะเข้ามาตัดทางหนีเอาไว้
เธอเริ่มร่ายคาถาโดยหมายมั่นว่าจะหยุดเด็กหนุ่มบ้าเลือดคนนี้และพูดคุยกับเขาแบบดีๆ แทน
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มดูเหมือนจะถอนหายใจยาวๆ ออกมาซึ่งดูเศร้ามาก ขณะหันหน้าออกจากเธอและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแทน
เธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิม ในขณะที่เขาชูมือขึ้นสูงและเริ่มปล่อยพลังออกมาเป็นจังหวะ
พลังแต่ละจังหวะดูเหมือนจะกระทบเข้ากับมิติว่างเปล่าและทุกอย่างในมิติก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าเด็กหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่
เขากำลังใช้สกิลแปลกๆ เพื่อทำลายมิตินี้ทิ้ง!
เขาคงไม่อยากสู้กับเธอต่อแล้ว รวมไปถึงไม่สนใจเรื่องการเรียนวิชาลับแล้วด้วย
เธอหยุดร่ายคาถาและรีบตะโกนห้าม
“เดี๋ยวก่อน เจ้าหนู! ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้!
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนายนะ!”
แม้ปกติแล้วจะชอบพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเฉยเมย แต่เธอก็ไม่อยากให้มิติที่อยู่มานานต้องถูกทำลายลงไปเพราะเรื่องแบบนี้
ถึงจะเป็นแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นและไม่ใช่คนจริงๆ แต่เธอก็ยังมีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ
หากเด็กหนุ่มคิดจะทำลายที่นี่ เธอก็อาจจะได้รับการปลดปล่อยไปจากความโดดเดี่ยวนี่เสียที แต่มันก็จะหายไปพร้อมกับเป้าหมายที่ค้างคาอยู่เช่นกัน
วาห์นหันหัวมาทางหญิงสาวและเห็นว่าเธอดูตื่นตระหนกมากขณะยื่นมือข้างหนึ่งออกมาทางเขา
เขายังคงใช้สกิล [ทลายพันธนาการ] ต่อไปขณะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง
“ฉันไม่ได้แค่จะลืมเรื่องการเรียนวิชาของเธอเท่านั้น แต่ฉันขอตายดีกว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกครั้ง
คนเห็นแก่ตัวและโหดร้ายแบบเธอ… ฉันไม่มีอะไรจะให้นอกจากความเกลียดชัง
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกโดดเดี่ยวในหัวใจมากมายเหลือเกิน… แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาช่วยเธออีกแล้ว”
แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่หญิงสาวก็รู้สึกปวดร้าวมากหลังจากได้ยินคำพูดของเขา
ถึงทั้งคู่จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เด็กหนุ่มก็มองเธอออกแบบหมดเปลือก
ทั้งหมดที่เธอทำมาตั้งแต่พบหน้ากันก็คือคอยทดสอบเขามาตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะไปเหยียบกับระเบิดอันที่ใหญ่ที่สุดเข้าให้แล้ว
เด็กหนุ่มคนนี้คงมีอดีตที่ผ่านอะไรมามากไม่ต่างไปจากเธอ และมันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเลือดของเขาด้วย
รอยแตกบนท้องฟ้าเริ่มจะเห็นได้ชัดมากขึ้น และหญิงสาวก็พอสรุปได้ว่ามิติน่าจะถูกทำลายลงในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้
แม้จะสามารถส่งเขาออกไปจากที่นี่ได้ แต่เขาก็คงจะทำลายลูกแก้วทันทีที่ออกไป
เธอไม่อยากฆ่าเขาและไม่ต้องการที่จะหายไปโดยที่ยังทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ
หญิงสาวกัดฟันแน่นขณะทำสิ่งสุดท้ายที่คิดว่าอาจจะใช้ได้ผลกับเด็กหนุ่มเจ้าอารมณ์ที่อยู่ตรงหน้า
วาห์นรู้สึกได้ถึงพลังเวทบางอย่างในตัวหญิงสาว ในขณะที่ยังคงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าแบบเดิม
ร่างในชุดสง่างามหายเข้าไปในกลุ่มควันและสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือเด็กสาวที่มีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ และกำลังกอดเสื้อผ้า ‘ผู้ใหญ่’ เอาไว้เพื่อปกปิดร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง
แม้วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับกลอุบายของเธอและหันกลับไปมองท้องฟ้าขณะยังใช้สกิล [ทลายพันธนาการ] ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าแผนของเธอล้มเหลว เด็กหญิงตัวเล็กก็เริ่มกรีดร้องเสียงแหลม
“ไอ้คนงี่เง่า! ฉันไม่เคยคิดจะฆ่านาย แต่ถ้านายทำลายมิตินี้ทิ้ง ฉันก็ต้องหายไปน่ะสิ!
อย่าบังคับให้ฉันทำอะไรที่เราทั้งคู่ต้องมาเสียใจดีกว่านะ!!!”
เด็กสาวร่ายคาถาและชุดผู้ใหญ่สีดำก็กลายเป็นละอองแสงก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นชุดสไตล์โกธิคสีดำบนร่างกายของเธอแทน
เธอดึงดาบสีม่วงอมน้ำเงินขนาดใหญ่ออกมาและเล็งมันมาทางวาห์นด้วยแววตาที่ดู ‘อันตราย’
วาห์นหันหัวกลับมาอย่างช้าๆ เพื่อสบตากับเธอขณะพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
“ฉันบอกไปแล้วไงว่าขอตายดีกว่า… จะฆ่าก็ฆ่าเถอะ แต่ฉันจะหนีออกไปและไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีก”
เมื่อคำพูดของเขาจบลง เด็กสาวตัวเล็กๆ ก็หายไปก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าวาห์นพร้อมดาบในมือ
เธอง้างมันออกไปในแนวเฉียงราวกับจะผ่าวาห์นตั้งแต่ช่วงไหล่ไปจนถึงเอวอีกด้าน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ตัวดาบจะสัมผัสกับคนตรงหน้า เธอก็ยั้งมือเอาไว้แบบเฉียดฉิวจนวาห์นสัมผัสได้ถึงพลังงานจากมีดไปเล็กน้อย
ถึงตอนนี้เธอจะตั้งใจจะฆ่าวาห์นขึ้นมาจริงๆ แต่แล้วสีหน้าและเสียงของเด็กหนุ่มก็มาซ้อนทับกับความทรงจำในอดีตของเธอเอง
เธอจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากที่เธอเริ่มออกเดินทางไม่นาน และเป็นตอนที่เธอรู้สึกยอมแพ้ให้กับทุกอย่าง
หากตอนนั้นสามารถโอบกอดความตายได้ เธอก็คงอ้าแขนรับมันแต่โดยดี
หลังจากต้องตกเป็นเครื่องมือและตัวทดลองของชายผู้นั้น เธอก็สูญเสียทั้งอารมณ์และความรู้สึกทุกอย่างไปจนหมด
เมื่อจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม เธอก็ตระหนักว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกันชายคนนั้นแทน
เพราะรู้สึกสนใจเด็กหนุ่มและเลือดแสนวิเศษ เธอจึงวางแผนล่อลวงเขาเพื่อประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ
เขาดูเหมือนกับเธอในตอนนั้น… เป็นเด็กกำพร้าที่ตกอยู่ภายใต้ความเมตตาของสิ่งที่ไม่มีทางจะเอาชนะได้…
เด็กสาวที่อยู่ด้านหน้าวาห์นจู่ๆ ก็สลายดาบทิ้งไปขณะที่เขายังใช้ [ทลายพันธนาการ] ต่อไปโดยไม่คิดจะหยุดและจ้องมองมาที่ร่างคนตัวเล็ก
ตอนนี้เธอดูน่าสงสารมาก ซึ่งต่างจากสาวงามวัยผู้ใหญ่ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้
ถึงเธอจะดูเหมือนเด็ก แต่วาห์นก็รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กแน่นอน
ในหัวของเขานั้น เธอก็เหมือนกับพวกที่มาทรมานเขาเป็นเวลาสิบสี่ปีเต็มจากในช่วงชีวิตก่อนไม่มีผิด
เขาได้ตายแบบจริงๆ มาแล้ว ก่อนจะได้มายังอีกโลกหนึ่งเพื่อหลบหนีเรื่องในอดีต
ตอนนี้เขาได้มาพบกับสถานการณ์คล้ายๆ กันจนไม่รู้สึกแยแสเลยว่าเธอจะเป็นใครหรือโดนอะไรมาบ้าง
หญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาของเขาเรื่อยๆ ขณะที่มิติแห่งนี้กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายและจะพังทลายในอีกไม่ช้า
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หญิงสาวก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉัน เอวานเจลีน เอ.เค. แม็คโดเวล เป็นแวมไพร์ที่อยู่มาหลายร้อยปีแล้ว
ถึงนายจะเป็นคนทำลายที่นี่ แต่ฉันก็อยากให้นายรู้ว่าฉันเป็นใคร และโปรดรู้ไว้ด้วยว่าฉันรู้สึกผิดแค่ไหนที่ทำกับนายแบบนั้น”
เธอมีสีหน้าเศร้ามากขณะมองสายตาเย็นชาของวาห์น
วาห์นยังคงใช้ [ทลายพันธนาการ] ต่อไป แต่ก็อดรู้สึกเสียใจหน่อยๆ ไม่ได้หลังจากจากการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือของหญิงสาวที่เคยหยิ่งผยอง
แม้จะไม่รู้ว่าร่างไหนคือร่างที่แท้จริงของเธอ แต่เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอรู้สึกเสียใจจริงๆ
ออร่าของเธอซึ่งก่อนหน้านี้เคยดูทรงพลังมากและมีสีน้ำเงินเข้มราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็ง ตอนนี้มันกลับเล็กลงมากและค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ
แทนที่จะเป็นสีน้ำเงินเย็นยะเยือก ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำเงินปนม่วงแทน
วาห์นรู้แล้วว่าตอนนี้เธอคงสู้สึกเศร้าเสียใจจริงๆ
เขาถอนหายใจออกมายาวๆ แบบหงุดหงิดขณะค่อยๆ ดึงพลังงานกลับมาจาก [ทลายพันธนาการ] ก่อนจะนั่งลงกับพื้น
แม้ว่าทุกอย่างจะดูแตกร้าวไปหมด แต่มันก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาในแบบที่เห็นได้อย่างชัดเจนขณะที่เด็กหญิงสาวตัวเล็กจ้องมองวาห์นด้วยความโล่งใจและเสียใจ
วาห์นจ้องเธอกลับและความรู้สึกว่าเย็นสงบในใจก็เริ่มมลายหายไป
พลังเขตแดนของเขาหดเล็กลงจนกระทั่งหายไปอย่างสิ้นเชิงขณะที่วาห์นพูดขึ้น
“ฉันชื่อวาห์น เมสัน… เราจะมาคุยกันหน่อยไหม?”