Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 148
หลังจากช่วยอนูบิสเสร็จเรียบร้อย วาห์นก็ลูบหูของเทพธิดานิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ตั้งแต่ที่เขาลุกออกไปนั้น อนูบิสไม่ได้มีการตอบสนองอะไรกลับมาเลยและได้แต่นอนหลับปุ๋ยราวกับไม่ได้นอนมาหลายวัน
พอออกมาแล้ว วาห์นก็เดินมาที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้าสำหรับตัวเอง
เขาเดินผ่านห้องอาหารและพบกับราซุยกับนัวร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กับโต๊ะ
เมื่อเห็นวาห์นเดินเข้ามา เด็กหนุ่มทั้งสองก็เด้งตัวขึ้นและทักทายเขาด้วยเสียงอันดัง
“อรุณสวัสดิ์ครับ นายท่าน!”
วาห์นพยักหน้ารับและปล่อยให้ทั้งคู่กลับไปอ่านหนังสือต่อ
เขาพบว่าเด็กทั้งสองกำลังอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนและดูเหมือนคงจะอยากเป็นนักผจญภัยแบบเต็มตัวในอนาคตแน่นอน
ทั้งคู่ขึ้นเป็นเลเวล 2 กันแล้ว และด้วยคำแนะนำเล็กน้อย พวกเขาจะมีความสามารถและความรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
แค่การที่พวกเขาใช้เวลาว่างเพื่อศึกษาเพิ่มเติมนั้นก็ทำให้วาห์นรู้สึกมีความสุขมาก
วาห์นเข้าไปในห้องครัวและเริ่มทำอาหารเช้าเบาๆ โดยใช้แค่ข้าวกับไข่
ตอนที่ไปอาศัยอยู่กับสึบากินั้น ทั้งวาห์น ลิลลี่ และนาซ่าก็ได้เรียนรู้วิธีทำอาหารจากเธอมาบ้าง
แม้ว่าสองสาวจะพยายามจัดการทุกอย่างเอง แต่ที่จริงแล้ววาห์นค่อนข้างชอบที่จะทำอาหารเช่นกัน และยังคงฝึกมันต่อเรื่อยๆ ตามโอกาส
ถึงจะไม่ได้เรียนรู้ทักษะทำอาหารใหม่ๆ แต่เขาก็ได้สูตรอาหารจากหนังสือและคู่มือที่ซื้อผ่านระบบมาบ้าง
ขณะที่วาห์นกำลังหุงข้าว ร่างๆ หนึ่งก็เข้ามาในห้องครัวและเดินเข้ามาใกล้จากด้านหลัง
วาห์นรู้ทันทีว่าเป็นนานูเพราะเขาสัมผัสถึงเธอได้ก่อนที่เธอจะเข้ามาในนี้เสียอีก
วาห์นทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริงซึ่งทำให้เด็กสาวกระตุกไปเล็กน้อย
“อรุณสวัสดิ์ นานู ฉันทำเผื่อทุกคนด้วยนะ แต่อาจจะต้องรอหน่อย”
นานูพยักหน้าและรออย่างอดทนอยู่อีกด้านแทนที่จะเดินกลับไปยังห้องอาหาร
หลังจากนั้นไม่นาน พอเห็นวาห์นเริ่มใส่อาหารลงบนจาน เธอก็ถามขึ้นมาเบาๆ
“นายท่านคะ ทำไมวันนี้ถึงแต่งตัวดีจังเลย?”
วาห์นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามขณะสำรวจตัวเองก่อนที่จะหัวเราะและตอบเธอไป
“อ๋อ ฉันยังไม่ได้บอกสินะ พอดีวันนี้ฉันมีนัดเดตกับหญิงสาวที่ชื่อ เอน่า ทูเล่น่ะ
มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ฉันตกลงที่จะไปเดตกับเธอก่อนที่เราจะมาเป็นคู่ครองกันอีกนะ ไม่ต้องคิดมากหรอก”
วาห์นพบว่าเธอดูจะไม่ประหลาดใจกับคำพูดของเขาเท่าไหร่ ขณะเอาแต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เธอรู้อยู่แล้วว่าวาห์นนั้นมีผู้หญิงหลายคน และตราบใดที่เขายังมีที่ให้เธอบ้าง นานูก็จะไม่ว่าอะไรแม้แต่คำเดียว
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย นานูก็ถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“นายท่านไปมีอะไรกับท่านอนูบิสมาเหรอคะ?”
หลังจากที่ได้ยินเสียงราซุยและนัวร์กล่าวทักทายวาห์น นานูก็รีบมาที่ห้องอาหารทันที
แต่เมื่อเข้ามาในห้อง เธอก็พบว่ามันมีกลิ่นแปลกๆ ที่ผสมปนเปอยู่กับกลิ่นนายท่านของเธอ
มันเป็นกลิ่นเข้มข้นของหญิงสาวและคงจะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจากอนูบิสที่อยู่ในสภาพ ‘เครื่องติด’
การได้กลิ่นอันรุนแรงนี่ออกมาจากตัวของวาห์นทำให้นานูรู้สึกเหมือนได้พ่ายแพ้ให้กับอนูบิสไปแล้ว
วาห์นเพิ่งตระหนักว่าทำไมเธอถึงถามออกมาแบบนั้น เป็นเพราะว่าเชียนโธรปมีจมูกและหูที่ดีมากๆ นั่นเอง
เขาส่งจานอาหารใบหนึ่งให้เธอก่อนจะอธิบาย
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเกินเลยหรอกนะ นอกจากนวดแล้วก็ทำให้เธอผ่อนคลายลงเท่านั้นเอง
ตอนนี้เธอกำลังหลับอยู่ในห้องนอน แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะตื่น”
หลังจากพูดจบ นานูก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นและวาห์นอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกันขณะที่วาห์นพูดคุยกับสองหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
เขารู้แล้วว่า ‘อาชีพ’ ที่ทั้งสองเลือกนั้นก็คือนักผจญภัยตามที่เดาไว้ไม่ผิด
ผู้ชายจากชนเผ่าทางใต้นั้น ส่วนใหญ่มักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความแข็งแกร่ง เพราะมันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการหาคู่ครอง
วาห์นพยายามปรับความคิดของทั้งคู่เล็กน้อยและอธิบายความสัมพันธ์แบบทั่วไปของคนในเมืองตามที่เขาพอเข้าใจ
แม้ว่าความแข็งแกร่งอาจจะมีประโยชน์ แต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับความสุภาพอ่อนน้อมและความพยายามที่จะทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ
ทุกคนตั้งใจฟังขณะที่วาห์นอธิบายเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเอง
นั่นรวมไปถึงนานูด้วย ซึ่งหูของเธอจะกระตุกทุกครั้งที่วาห์นพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านๆ มากับผู้หญิงคนอื่น
ขณะที่กำลังอธิบาย วาห์นก็นึกขึ้นได้ว่าสถานการณ์ของตัวเองนั้นไม่ค่อยจะเหมือนกับคนส่วนใหญ่เท่าไหร่
ดังนั้นเขาจึงพยายามพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโคลอี้หรือไม่ก็นาซ่าแทน
เขาบอกพวกเด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องที่จะไปเดต และสองหนุ่มดูเหมือนจะกระตือรือร้นขึ้นขณะฟังวาห์นพูดเรื่องผู้หญิงทุกคนที่เขารู้จัก
จากมุมมองของพวกเด็กๆ ยิ่ง ‘จ่าฝูง’ แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ คู่ครองก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกประทับใจมาก ที่เห็นว่าวาห์นมีคนรักมากมาย
ขณะที่เหล่าเด็กหนุ่มกำลังตื่นเต้นแบบสุดๆ วาห์นก็สัมผัสได้ว่านานูขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นขณะลูบปลอกคอของเธออย่างมีความสุข
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องผู้หญิงคนอื่นเลย และวาห์นก็รู้สึกประทับใจกับความใจกว้างของเธอมาก
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว วาห์นก็ลูบหัวของเธอซึ่งน่าแปลกที่มันเป็นการกระตุ้นให้เด็กหนุ่มทั้งสองรีบถือจานออกไปก่อนจะทิ้งให้วาห์นกับนานูอยู่กันตามลำพัง
หลังจากพวกเขาไปแล้ว นานูก็เริ่มเอาหัวมาถูไถกับฝ่ามือของวาห์นและเอนร่างเข้ามาหาเล็กน้อย
แม้ว่ามันจะไม่ต่างจากครั้งอื่นๆ ที่เธอเคยทำแบบนี้ แต่นานูดูเหมือนว่าจะตั้งใจกับการเอาผมของเธอมาถูกับมือทั้งสองข้างของเขามากเป็นพิเศษ
และถึงกับพยายามขยับมานั่งบนตักหลังจากสูดกลิ่นกายของเขาเล็กน้อย
วาห์นหยุดการกระทำของเธอและถามขึ้น
“ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า?
ฉันแค่อยากลูบหัวเธอนิดหน่อยเพราะเห็นเธอทำตัวน่ารักมากเลย”
หูของนานูกระตุกเมื่อเขาพูดคำว่า ‘น่ารัก’ แต่เธอยังคงพยายามสงบนิ่งเข้าไว้ก่อนจะเริ่มอธิบาย
“ฉันกำลังพยายามกลบกลิ่นของท่านอนูบิสด้วยกลิ่นของฉันเองค่ะ
ทั้งราซุยกับนัวร์เองก็ได้กลิ่นนั้นตั้งแต่ที่นายท่านเดินเข้ามาแล้ว
แถมตอนที่นายท่านเริ่มพูดเรื่องผู้หญิง กลิ่นตัวของท่านก็เริ่มแรงขึ้นและทำให้กลิ่นของท่านอนูบิดูโดดเด่นขึ้นตามไปด้วย”
วาห์นประหลาดใจกับคำพูดของนานูและใช้ร่างพยัคฆ์ขาวทันที
พอเปลี่ยนร่างเสร็จ วาห์นก็พบกับกลิ่นมากมายที่อยู่ในอากาศ รวมถึงกลิ่นหวานปนขมที่มาจากนานูเองด้วย
พอดมที่ฝ่ามือตัวเอง เขาก็ได้กลิ่นหอมประหลาดที่กำลังเข้ามาทับกับอีกกลิ่นหนึ่งซึ่งทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นหน่อยๆ
นานูเฝ้ามองการกระทำของเขาอย่างสนใจและรู้ว่าเขายังไม่คุ้นชินกับการแยกกลิ่นต่างๆ ดังนั้นเธอจึงพยายามอธิบายอีกเล็กน้อย
วาห์นฟังเธออย่างตั้งใจเพราะเขาเองก็สนใจเรื่องนี้มาก
นานูบอกเรื่องวิธีการจับกลิ่นและแม้แต่วิธีการจดจำพวกมันโดยเก็บกลิ่นบางส่วนเอาไว้ตรงส่วนบนของจมูก
เธอยังบอกเขาเกี่ยวกับวิธีการกลบกลิ่นและสาธิตให้ดูโดยนำเส้นผมของเธอเองไปถูกับมือของเขาขณะพยายามขับไล่กลิ่นอื่นๆ ออกไป
หลังจบการสาธิตแล้ว วาห์นก็ดมมือของตัวเองและคิดว่ามันมีกลิ่นเหมือนกับแชมพูผสมกับกลิ่นดินเล็กน้อย
มันต่างจากกลิ่นที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว และยังช่วยทำให้จิตใจสงบขึ้นซึ่งวาห์นคิดว่ามันเป็นอะไรที่พิเศษมาก
“ขอบใจนะนานู การสอนของเธอมีประโยชน์มากเลย
แถมกลิ่นของเธอยังทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายด้วย มันเหมือนกับกลิ่นธรรมชาติบวกกับกลิ่นส้มนิดๆ นะ”
นานูพยักหน้าด้วยความยินดีขณะอธิบายต่อ
“อื้อ ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ นายท่าน
หูของเชียนโธรปจะปล่อยฟีโรโมนซึ่งช่วยทำให้จิตใจสงบและช่วยกลบกลิ่นต่างๆ
เรายังมีฟีโรโมนที่ปล่อยออกมาจากหางซึ่งทำหน้าที่ตรงกันข้าม
แล้วก็ยังมีการปล่อยกลิ่นอีกแบบตอนที่ผู้หญิงรู้สึกตื่นเต้นด้วยค่ะ”
เพื่อสาธิตให้เห็นภาพ นานูจึงหันหลังเล็กน้อยและชูหางของเธอขึ้นมาให้วาห์นดม
วาห์นโน้มตัวไปข้างหน้าและพบว่ามันไม่เหมือนกับกลิ่นก่อนหน้านี้เลย
กลิ่นของหางเธอนั้นเหมือนกับ ‘ความอบอุ่น’ และมันก็ทำให้เขามึนงงไปบ้าง
มันเป็นกลิ่นแปลกๆ ที่เขาไม่สามารถอธิบายได้นอกจากจะบอกออกมาเป็น ‘ความรู้สึก’ หลังจากที่ดมเข้าไป
นานูพยายามทำให้เขาเข้าใจมากกว่าเดิมโดยยืนขึ้นขณะที่วาห์นยังคงนั่งอยู่กับที่
วาห์นเฝ้ามองอย่างสนใจขณะที่เธอเข้ามาใกล้มากขึ้นจนกระทั่งกลิ่นอันรุนแรงพุ่งเข้ามาชนเข้ากับจมูกของเขา
เขาทนไม่ได้จนต้องชักหัวกลับขณะจ้องมองนานูด้วยสีหน้าตกใจ
กลิ่นหวานปนขมที่เขาพอจำได้นั้น จู่ๆ มันก็แรงขึ้นอีกหลายเท่าตัวและวาห์นก็ตระหนักว่ามันกำลังออกมาจากร่างกายส่วนล่างของนานูนั่นเอง
เมื่อเธอยืนขึ้นและหันไปทางวาห์นเล็กน้อย กลิ่นนั้นก็เข้ามาทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนรู้สึกได้ถึงชีพจรที่กำลังสูบฉีดอย่างชัดเจน
นานูดูเหมือนจะพอใจกับปฏิกิริยาของเขาขณะที่เธออธิบายปิดท้าย
“แม้ว่ากลิ่นของผู้หญิงแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่นี่ก็คือกลิ่นเวลาที่ฉันรู้สึกตื่นเต้นค่ะ
โปรดจำมันไว้ให้ดีนะคะ นายท่าน”
หลังจากพูดจบ นานูก็โค้งให้เขาอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้น
วาห์นยังได้กลิ่นหวานปนขมที่ล่องลอยอยู่ในอากาศได้อีกนิดหน่อย และเขารู้สึกว่าสามารถตามหาเธอเจอได้แน่นอนแม้ว่ากลิ่นจะจางไปมากกว่านี้ก็ตาม
ไม่นานหลังจากที่นานูออกไปแล้ว ราซุยและนัวร์ก็กลับมาที่ห้องอาหารก่อนจะดมกลิ่นในอากาศเล็กน้อยและมองไปทางประตูที่นานูเพิ่งเดินออกไป
วาห์นพบว่าสองหนุ่มดูเหมือนจะรู้สึกตื่นเต้นกับกลิ่นนั้นเช่นกัน
แต่หลังจากที่พวกเขาพบสายตากับวาห์น หูที่กำลังตั้งของทั้งคู่ก็หุบลงทันทีก่อนที่ทั้งสองจะออกจากห้องโดยใช้ประตูฝั่งตรงข้ามกับนานู
วาห์นพบว่าทั้งสองมีกลิ่นเป็นของตัวเองเช่นกัน แต่มันแปลกอยู่บ้างเนื่องจากกลิ่นยังบ่งบอกอีกว่าพวกเขา ‘กำลังกลัว’ อยู่เล็กน้อย
ก่อนจะออกจากบ้าน วาห์นก็ไปยังห้องอาบน้ำและชำระล้างร่างกายก่อนจะเริ่มดมกลิ่นตัวเองอีกครั้ง
เขาใช้ความพยายามนิดหน่อยเพื่อขจัดกลิ่นทั้งหมดออกไปจนเหลือแค่กลิ่นของตัวเอง
แม้จะรู้ว่าเธอคงไม่ได้กลิ่นแต่วาห์นก็กังวลอยู่บ้าง หากต้องไปพบเอน่าโดยที่มีกลิ่นของผู้หญิงคนอื่นติดไปด้วย
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปที่ประตูและออกเดินไปยังจุดนัดพบ
เขายังเหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมง แต่เมื่อนึกถึงโคลอี้ที่มารอก่อนจะถึงเวลานัด วาห์นก็ตัดสินใจว่าไปก่อนเวลาบ้างคงไม่เสียหายอะไร
ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ วาห์นก็คิดว่ามันยากขนาดไหนถ้าต้องมาใช้ชีวิตในฐานะเชียนโธรปหรือมนุษย์แมวที่มีสัมผัสไวมาก
เขาเคยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องง่ายเพราะเดี๋ยวก็คงชินไปเอง แต่พอนึกถึงปฏิกิริยาของราซุยและนัวร์แล้ว เขาก็เริ่มไม่มั่นใจเท่าไหร่
ถ้ากลิ่นจะส่งผลกันได้ง่ายขนาดนี้ วาห์นจึงสงสัยว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์จะไปไหนมาไหนได้ยังไงโดยที่ไม่ถูกทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา
พอคิดแบบนั้น วาห์นก็เริ่มนึกถึงเหล่ามนุษย์แมวและเชียนโธรปทุกคนที่เขาเคยเจอ
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ทุกคนดูเหมือนจะตื่นเต้นได้ง่ายกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไปบ้าง
เผ่ามนุษย์แมวมักจะมีนิสัยขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เชียนโธรปดูเหมือนจะมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้ง่ายกว่าเผ่าพันธุ์อื่น
เมื่อคิดถึงความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทันใดนั้นวาห์นก็นึกถึงลิลลี่ที่สามารถแปลงเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้
และแล้วมันก็ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมเธอถึงมักจะอยู่ในสภาวะจิตใจปั่นป่วนอยู่ตลอด
เธอมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับเชียนโธรป มีความอยากรู้อยากเห็นและหึงหวงที่เป็นนิสัยของมนุษย์แมว มีนิสัยจริงจังและเก็บงำอารมณ์เหมือนกับพลูม…
มันเหมือนกับว่าเธอได้รวมเอาทั้งด้านดีและไม่ดีของทุกเผ่าพันธุ์มาไว้ในตัวเอง
วาห์นหวังว่าเมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลิลลี่จะสามารถจัดการกับเรื่องพวกนี้ได้ดีขึ้น
เขาถึงกับคิดว่าจะขอให้เธอฝึกฝนแบบเป็นเรื่องเป็นราวและพัฒนาสกิล [ซินเดอเรลล่า] เพื่อที่จะได้ควบคุมผลเสียมันให้ดีกว่าเดิม
ดูเหมือนว่านั่นอาจเป็นความคิดที่ดี เนื่องจากเธอมักจะรับฟังเขามากที่สุด
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่แล่นเข้ามาจนวาห์นรู้สึกประหลาดใจ
เนื่องจากพวกเธออยู่ใกล้เขามาก แต่ลิลลี่และนาซ่ากลับไม่เคยแวะมาหาเขาเลย
ณ ตอนนั้นเขายังไม่รู้เลยว่าทั้งสองพยายามแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มาเยี่ยม อนูบิสก็จะออกมาแจ้งให้พวกเธอทราบว่าตอนนี้วาห์นกำลังทำงานอยู่ในโรงหลอม
ซึ่งทำให้ทั้งสองต้องกลับออกไปโดยมีสีหน้าที่มุ่งมั่นกว่าเดิม