Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 151
เอน่าจ้องมองแหวนที่วาห์นเอาออกมาให้ด้วยอารมณ์ที่ยากจะบรรยาย
เธอทั้งรู้สึกมีความสุข เสียใจ กังวลและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
ความรู้สึกแต่ละอย่างดูเหมือนจะพยายามแย่งชิงอันดับหนึ่งกันอยู่ในใจขณะที่เธอจ้องแหวนในมือของวาห์นจนตาค้างไปแล้ว
แม้ว่าเธอเพิ่งจะขอให้เขาแต่งงานด้วยไปหยกๆ แต่ก็ไม่คิดเขาจะได้เตรียมแหวนไว้พร้อมสรรพ
ตอนนี้สถานการณ์แห่งความเป็นจริงก็ชนเข้ากับเธออย่างจังขณะค่อยๆ ยื่นมือออกไปด้วยความลังเล
วาห์นเห็นความหวาดหวั่นของคนตรงหน้าและความรู้สึกผิดก็เริ่มแพร่กระจายเข้ามาในจิตใจ
มันเป็นแบบนั้นไปจนกระทั่งเอน่ามาประสานตาด้วย และทั้งคู่ต่างก็จ้องมองกันไปหลายอึดใจจนความรู้สึกผิดของวาห์นมลายหายไปจนหมด
อาจเป็นเพราะเธอได้เห็นความเอาใจใส่และความกังวลของเขา แต่หลังจากที่ได้จับจ้องดวงตาสีน้ำทะเลไปสักพัก เอน่าก็ยิ้มยื่นมือของเธอออกไปอย่างมั่นใจมากขึ้น
แม้วาห์นจะสับสนเล็กน้อย แต่พี่สาวก็กระซิบบอกไปว่าเขาต้องเป็นคนสวมแหวนที่นิ้วนางของเธอ
วาห์นจับมือเรียวบางของเอน่าขณะสวมแหวนให้อย่างช้าๆ ด้วยความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เขาค่อนข้างแปลกใจที่มันมีขนาดพอดีเป๊ะ
“นี้นายรู้ขนาดนิ้วของฉันด้วยเหรอ” เอน่าเองก็อดถามขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
หลังจากที่วาห์นสวมแหวนให้แล้ว เธอก็ยังคงจ้องมองมันด้วยอาการเหม่อลอย
สมองของวาห์นทำงานอย่างรวดเร็วก่อนจะได้ข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดที่พอจะคิดออก
“บางทีอาจเป็นชะตาก็ได้นะ ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะพอดีได้ขนาดนี้”
เอน่ามองวาห์นหลังจากที่เขาพูดจบแล้วและพยายามไตร่ตรองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนจะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้างาม
เธอหรี่ดวงตาสีเขียวมรกตของขณะเอามือมานาบแก้มตัวเอง
“บางทีนายก็ปากหวานเป็นกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย…”
จากนั้นราวกับว่าเพิ่งจะตระหนักถึงบางอย่างได้ เอน่ามองวาห์นและถามด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
“แล้ว… จะให้ฉันเรียกนายว่ายังไงดีล่ะ? วาห์น สามี ที่รัก หรือว่าอย่างอื่น?”
คำถามของเธอทำเอาวาห์นช็อคไปเลย และรูปแบบการเรียกแต่ละอย่างนั้นก็เข้ามากระทบจิตใจของเขาอย่างแรงราวกับโดนค้อนทุบ
วาห์นพิจารณาคำถามนั่นไปครู่หนึ่งจนกระทั่งเอน่าเริ่มหัวเราะ เขาถึงจะตอบกลับไปในสภาพมึนๆ
“วาห์นก็ดีอยู่แล้ว… แต่ใช้ ‘ที่รัก’ ก็ได้ถ้าเราอยู่กันสองต่อสอง…”
ในตอนที่พูดมันออกมาเอง เขาก็อดเขินจนหน้าแดงไม่ได้ในขณะที่เอน่าเอาแต่มองด้วยแวววาวเปล่งประกายและรอยยิ้มกว้าง
ทั่งคู่อยู่ใกล้กันมาก ดังนั้นเอน่าจึงเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและกระซิบใส่หูของวาห์น
“ที่ร้าก~” เธอลากเสียงให้มากกว่าปกติ
วาห์นตระหนักว่ากำลังโดนแกล้งและอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงหลายๆ ครั้งที่เขาพยายามแกล้งเธอ
ดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังพยายามทำให้อีกฝ่ายไปต่อไม่ถูก หรือบางทีเอน่าก็แค่พยายามทำหน้าที่ให้สมบทบาทของคู่หมั้นที่ดี
และแม้วาห์นจะชอบเอน่าที่เป็นแบบนี้ เขาก็ยังอยากสัมผัสกับความเคอะเขินของเธออยู่
เมื่อเห็นว่าเธอหายช็อคจากการที่ได้รับแหวนแล้ว เขาก็เลยงัดไม้เด็ดออกมาบ้าง
ในขณะที่เธอกำลังกระซิบกระซาบอยู่นั้น วาห์นก็เลียหูแหลมๆ ของเอน่าเข้าไปหนึ่งที
เอน่าสะดุ้งโหยงราวกับถูกไฟดูดขณะเอามือปิดหูของและมองวาห์นด้วยสีหน้า ‘เคืองๆ’ ปนประหลาดใจ
พอตระหนักว่าเพิ่งจะโดนอะไรไป สีแดงบนใบหน้าของเธอก็กระจายมาที่พวงแก้มและใบหูแบบเต็มๆ
เธอรู้สึกว่าหูทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าว โดยเฉพาะหูข้างซ้ายที่ถูก ‘คู่หมั้น’ ชิมไปนิดหน่อย
เอน่าใช้เวลาหลายนาทีในการสงบจิตใจขณะที่ยังคงรู้สึกรำคาญอยู่เล็กน้อยทุกครั้งที่หันไปเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของคนตรงข้าม
พอจำที่เด็กหนุ่มบอกได้ว่าเขาชอบแกล้งเธอมาก เอน่าก็อดห่วงหัวใจของตัวเองขึ้นมาไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง
หลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว เอน่าก็สลับมาคุยเรื่องทั่วไปและให้ความสนใจกับท่าทางของวาห์นมากขึ้น
ทั้งสองเพลิดเพลินไปกับปิกนิกเหมือนคู่รักจริงๆ ซึ่งควรจะเป็นแบบนั้นเพราะตอนนี้พวกเขาก็หมั้นกันแล้ว
วาห์นรู้สึกมีความสุขกับช่วงเวลาในตอนนี้มากแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลนิดๆ
หลังจากที่ค่าความชื่นชอบของเธอเพิ่มขึ้นเป็น 93 แต้มก่อนจะหยุดลง
แม้ว่าเขาจะแกล้งต่ออีกหน่อยและพยายามทำให้เธออารมณ์ดี แต่ดูเหมือนว่าตัวเลขนั่นจะไม่ยอมขยับขึ้นมาอีกแม้แต่แต้มเดียว
เมื่อทานเสร็จแล้ว วาห์นก็เตรียมที่จะพาเธอไปยังสถานที่ต่อไป แต่เอน่ากลับหยุดเขาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“วาห์น ถ้าเราจะแต่งงานกัน มีหลายเรื่องที่เราต้องไปจัดการตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ
นายมีผู้หญิงรอบข้างอยู่ไม่ใช่น้อยๆ บวกกับสัญญาที่ให้ไว้อีกเพียบ
การเก็บเรื่องของเราไว้เงียบๆ จะยิ่งทำให้ปัญหาในอนาคตเพิ่มขึ้น
เนื่องจากตอนนี้เฮเฟสตัสดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาย เราก็ควรจะไปพบและอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟังโดยเร็วที่สุด”
วาห์นไม่คิดว่าเอน่าจะเข้าสู่โหมดสั่งสอนได้ไวขนาดนี้ เขาจึงได้แต่ยืนข้างๆ และฟังเธออย่างตั้งใจ
เขาไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากเห็นด้วยว่าเธอพูดมีเหตุผลและรู้ว่าอาจเกิดปัญหาขึ้นแน่ ถ้าพวกสาวๆ ที่คบอยู่รู้เรื่องที่เขาจะแต่งงานเข้าจากคนอื่น
วาห์นรู้สึกเหมือนคงต้องอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ผู้หญิงทุกคนฟังในแบบที่ชัดเจนและด่วนที่สุด
วาห์นเห็นด้วยกับคำพูดของเอน่าและเริ่มจูงมือเธอไปที่โรงหลอมของเฮเฟสตัส
แม้เธอดูจะสงวนท่าทีมากขึ้น แต่วาห์นก็เกือบจะคิดถึงช่วงเวลาที่เธอเข้ามากอดแขนกันอย่างสนิทสนม
การได้จับมือกันมันก็ดี แต่วาห์นพบว่ายิ่งอยู่กับเธอนานเท่าไหร่ เขาก็อยากจะสัมผัสใกล้ชิดกับเธอให้มากกว่าเดิม
เขาพยายามเข้ามาโอบเอวบาง แต่เอน่ากลับตีมือออกก่อนจะจับมันไว้อย่างแน่นหนา
เธอมองมาอย่างจริงจังขณะพูดเตือน
“วาห์น จะทำอะไรก็ต้องดูหน่อย จากนี้ไปนายต้องรู้จักควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้นะ
ตอนนี้เรากำลังเดินอยู่บนถนนสาธารณะ ดังนั้นแค่จับมือกันก็พอแล้ว ตอนนี้ต้องทนไปก่อน เข้าใจไหม?”
วาห์นผงกหัวให้กับคำพูดของเธอและพยายามไตร่ตรองในหัวขณะที่ยังคงเดินนำต่อไป
พอนึกขึ้นได้ว่าการกระทำของตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสัมผัสคนอื่นนั้นมักจะสร้างปัญหาอยู่เสมอ วาห์นก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่เอน่าพูดอย่างจริงจัง
หากไม่ยอมเรียนรู้ที่จะสงวนท่าทีและเอาใจใส่กว่านี้ เขาก็อาจจะสร้างปัญหามากขึ้นอีกและดูเหมือนว่าเอน่าพยายามที่จะช่วยเขาแก้ไขเรื่องนี้อยู่
การวางตัวของเธอ พร้อมกับพยายามช่วยเขาไปด้วยนั้นทำให้วาห์นรู้สึกมีความสุขและสบายใจขึ้นมาก
ขณะที่วาห์นเดินนำ เอน่าก็ให้ความสนใจกับการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางของเขามากเป็นพิเศษ
ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ตัว แต่เอน่ารู้ว่าวาห์นไม่ได้พยายามปกปิดความคิดด้วยการแสดงออกทางสีหน้าที่มากกว่าคนปกติ
เช่นเดียวกับที่เขาปราศจากตัวกรองในกับรับมือกับคนอื่น เขายังไม่สามารถควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าและความรู้สึกของตัวเองได้ดีเช่นกัน
เอน่าเห็นว่าเขากำลังพิจารณาคำพูดของเธออย่างจริงจังและดูเหมือนจะพอใจหลังจากได้ข้อสรุปในใจแล้ว
เธอตระหนักว่าแม้หนทางในการฟื้นฟูนั้นจะยังอีกยาวไกล แต่ความเปิดกว้างของวาห์นก็เผยให้เห็นความหวังว่าเขาจะดีขึ้นและใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ในเร็ววัน
เมื่อทั้งคู่เลี้ยวเข้ามาในตรอกเล็กๆ เอน่าก็หยุดเท้าลงและทำให้วาห์นหยุดไปด้วย
เขามองมาอย่างสงสัยก่อนที่เธอพูดขึ้น
“นายอดทนได้ดีมาก ฉันคงต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว”
พอพูดจบ เอน่าก็เอนตัวไปข้างหน้าและหอมแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ
แม้อยากจะจูบที่ริมฝีปาก แต่เธอก็ลังเลในตอนสุดท้ายและตัดสินใจหอมแก้มแทน
วาห์นตกใจเล็กน้อยจากการกระทำของเธอและอ้าปากหวอขณะจ้องมองสาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่มีท่าทางเขินอาย
หลังจากที่จูบเข้าไปหนึ่งฟอด เอน่าก็เริ่มเขินนิดๆ และพยายามรักษาท่าทางให้สงบและจ้องประสานตากับวาห์น
แม้จะเป็นแค่การหอมที่แก้ม แต่วาห์นกลับรู้สึกมีความสุขมากจนยิ้มไม่หุบและยังคงเดินนำทางต่อไป
เอน่ายอมให้เขาลากเธอไปและถอนหายใจโล่งอกหลังจากเห็นปฏิกิริยาของวาห์น
เธอตระหนักว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรที่มัน ‘เลยเถิด’ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี ดังนั้นเธอจึงหวังว่าทุกอย่างน่าจะดำเนินไปได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้
เมื่อทั้งสองเข้าใกล้โรงหลอมของเฮเฟสตัสมากขึ้นเรื่อยๆ วาห์นก็อดรู้สึกกดดันขึ้นมาไม่ได้
ทั้งเขาและเอน่าต่างก้าวช้าลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าทุกฝีก้าวจะยิ่งหนักขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
แม้จะเชื่อมั่นว่าเฮเฟสตัสคงเข้าใจ แต่วาห์นก็ยังกังวลว่าเธออาจจะรู้สึกผิดหวัง
ในบรรดาผู้คนที่เข้ามาในชีวิต สีหน้าโศกเศร้าของเฮเฟสตัสนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุด
เขาอยากให้เธอมีความสุขอยู่ตลอดและไม่อยากให้เธอต้องมากังวลกับเรื่องเศร้าๆ หรือความรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
วาห์นอาจคิดว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังเดินช้าลง แต่เอน่ารู้ดีว่าคนที่รู้สึกกดดันจริงๆ นั้นคือตัววาห์นเอง
เธอแค่ปรับความเร็วให้เท่ากับเขาเท่านั้น และตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนจะกลายเป็นคนเดินนำซะมากกว่า
เอน่าตระหนักว่าภาระของวาห์นนั้นใหญ่กว่าที่เธอคาดเอาไว้มาก หรืออย่างน้อยก็แค่สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่
พอรู้ว่าอาจจะทำให้เฮเฟสตัส ‘เสียใจ’ วาห์นก็เริ่มลังเลและเธอยังเห็นความกลัวและความกังวลบนใบหน้าของเด็กหนุ่มด้วย
เธอจับมือของเขาให้แน่นขึ้นอีกและเริ่มเดินนำไปตลอดระยะทางที่เหลือ
พอพวกเขามาถึงด้านนอกโรงหลอมแล้ว ใบหน้าของวาห์นก็เริ่มซีดแบบไม่สนใจว่าตนจะมีผิวสีแทนหรือเปล่า
เอน่ารู้สึกได้ว่ามือของเขาเริ่มเปียกชื้นและเย็นลงกว่าเดิมมาก
ทั้งสองยืนเงียบๆ อยู่หน้าประตูทางเข้าขณะที่คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองพวกเขาแบบแปลกๆ ที่ไปยืนขวางประตูอยู่แบบนั้น
จนกระทั่งมีลูกค้าออกมาจากอาคารและเกือบจะชนเข้ากับวาห์นจนทำให้สติกลับคืนมา
จากซ้ายของเขา เอน่าเริ่มถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“นายเชื่อมั่นในตัวเธอหรือเปล่า?”
ดวงตาของวาห์นเบิกกว้างเล็กน้อยขณะหันไปมองดวงตาสีเขียวมรกต
เขาเห็นว่าเธอกำลังมองมาด้วยความกังวลและพอได้ยินคำถาม วาห์นก็พูดขึ้นก่อนที่จะได้ทันคิดเสียอีก
“แน่นอนว่าต้องเชื่อสิ”
คำพูดของตัววาห์นเองเริ่มชะล้างความคิดวุ่นวายในใจขณะตระหนักได้ว่าไม่น่าคิดให้เสียเวลาเลย
เมื่อเห็นเอน่าพยักหน้าและยิ้มให้ วาห์นก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องมาลังเลอะไรอีกแล้ว
ภาระต่างๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉุดเขาลงแต่กลับเป็นสภาพจิตใจของเขาที่ใช้จัดการกับปัญหาพวกนั้นต่างหาก
วาห์นตระหนักว่าทุกครั้งที่ลังเลหรือรู้สึกหลงทางก็จะมีใครสักคนที่เข้ามาดูแลและพาเขากลับมาสู้ทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ
คนแรกคือคริสช่า จากนั้นก็พี่สาว… หลังจากนั้นก็เป็นเฮเฟสตัส… และเขายังจำที่สึบากิ ‘อัด’ เขาเมื่อเร็วๆ นี้ได้เป็นอย่างดี
วาห์นถอนหายใจหลังรู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่ห่วงใย
วาห์นมองเข้าไปในดวงตาของเอน่าและสังเกตเห็นว่าเธอกำลังยิ้มให้ด้วยสีหน้าขอบคุณขณะพูดขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทันเอ่ยปาก
“ฉันรู้แล้ว วาห์น ไปกันเถอะ…”
วาห์นอยากจะขอบคุณเธอที่ช่วยให้เขาตระหนักถึงความผิดพลาด แต่เธอรู้ว่าจริงๆ แล้วคนที่วาห์นควรจะขอบคุณเสียบ้างก็คือตัวของเขาเอง
เธอแค่ช่วยดันเขานิดหน่อย เพื่อให้เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลก็เท่านั้นเอง
ทันใดนั้นวาห์นรู้สึกถึงความอบอุ่นที่กระจายอยู่ในใจขณะเดินตามหญิงสาวเข้าไปข้างในเพื่อพบกับเทพธิดาที่ทำเพื่อเขามาตลอด
เธอเป็นเทพธิดาที่วาห์นรู้สึกเคารพและชื่นชมมากกว่าใครๆ ทั้งหมดในเรคคอร์ดนี้
แม้จะยังไม่แน่ใจว่าการรักคนๆ หนึ่งอย่างแท้จริงนั้นมันเป็นแบบไหน แต่วาห์นเชื่อว่าสักวันจะต้องได้คำตอบแน่นอน
โดยเฉพาะหลังจากได้เรียนรู้กับสาวแกร่งอย่างเฮเฟสตัสและเอน่าที่ช่วยชี้ทางสู่อนาคตให้กับเขาอย่างสุดหัวใจ