Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 153
หลังจากที่ทุกอย่างเริ่มลงตัวแล้ว วาห์น เฮเฟสตัส และเอน่าก็ย้ายมานั่งคุยกันตรงโซฟาซึ่งเป็นที่เดียวที่ทั้งสามจะนั่งด้วยกันได้
วาห์นจบลงด้วยการถูกขนาบข้างจากหนึ่งลูกครึ่งเอลฟ์และหนึ่งเทพธิดา
แม้จะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ตอนนี้พวกเขาก็หมั้นกันแล้วและวาห์นรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ความตื่นเต้นของเขาส่งผลต่อเฮเฟสตัสเช่นกัน ซึ่งทำให้เอน่ารู้สึกหงุดหงิดนิดๆ จนต้องถามออกมาให้รู้เรื่อง
“ท่านเฮเฟสตัสคะ ทำไมถึงดูตื่นเต้นเวลาอยู่ใกล้วาห์นมากขนาดนี้ด้วยล่ะ?
ฉันเข้าใจนะว่าท่านรักเขา แต่แบบนี้มัน…”
เพื่อเป็นการตอบคำถาม เฮเฟสตัสจึงอธิบายเรื่องสัมผัสเชื่อมโยงระหว่างเธอกับวาห์น
พวกเธอยังคุยกันเรื่อง ‘ต้นกำเนิด’ ของวาห์นและเอน่าก็ต้องรู้สึกประหลาดใจสุดๆ เมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองนั้นมีความเป็นเทพมากกว่ามนุษย์
เอน่าหันไปหาวาห์นและถามเขาบ้าง
“ขอดู ‘พลังศักดิ์สิทธิ์’ ของนายหน่อยได้ไหม?
ฉันอยากรู้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของคนที่ไม่ใช่เทพเต็มตัวจะออกมาเป็นแบบไหน”
วาห์นซึ่งนั่งอยู่ระหว่างทั้งสองอย่างเงียบๆ หันมาพยักหน้าให้และเริ่มขยายพลังเขตแดนออกไปเล็กน้อย
ทันทีที่เขาทำแบบนั้น ทั้งเอน่าและเฮเฟสตัสต่างก็จ้องมองเขาอย่างตกใจ
แม้วาห์นจะไม่ได้เล็งเป้าไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เฮเฟสตัสก็รู้สึกได้ว่าพลังของเขานั้นทรงพลังขึ้นกว่าเดิมมาก
เอน่าที่เคยสัมผัสกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพโอรานอสมาก่อนก็ตกใจมากเช่นกัน เมื่อพบว่าพลังของวาห์นนั้นให้ความรู้สึกกดดันมากกว่าหัวหน้าของเหล่าเทพเสียอีก
เพราะเปิดใช้งาน [จิตแห่งราชัน] อารมณ์ของวาห์นจึงเริ่มสงบลง แล้วก็ทำให้เฮเฟสตัสสงบตามไปด้วย
เอน่าสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนั่นและถามต่อ
“พลังศักดิ์สิทธิ์ของนายส่งผลกับอารมณ์ด้วยเหรอ”
วาห์นพยักหน้าและเริ่มอธิบายผลของพลังเขตแดนโดยเลี่ยงส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ‘เดอะพาธ’
ทั้งสองสาวโดยเฉพาะเฮเฟสตัส รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อวาห์นบอกว่าเขาสามารถผสานสกิลลงไปในพลังเขตแดนได้ด้วย
เขาสาธิตโดยใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] และผสานพลังงานอบอุ่นจนมันกระจายไปทั่วห้องและทำให้ทุกคนรู้สึกสบาย
เฮเฟสตัสรู้สึกสนใจและอยากรู้มากว่าวาห์นสามารถทำอะไรได้อีก ก่อนจะเริ่มถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
วาห์นเล่าเหตุการณ์ในช่วงสี่วันที่ผ่านมาและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของอนูบิสและนานู
เนื่องจากเอน่าพอได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้วก็เลยไม่ได้ถามอะไร แต่เฮเฟสตัสกลับรู้สึกสับสนและถามต่อไปว่าทำไมเหตุการณ์ถึงพัฒนาไปเร็วแบบนี้
วาห์นประหลาดใจกับคำถามของเธออยู่บ้างและเริ่มไตร่ตรองสิ่งที่จะพูดต่อไป
เขาอธิบายรายละเอียดทั้งหมดรวมถึงความเข้าใจผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนานู และการที่ตัวเร่งปฏิกิริยานั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องทำงานระหว่างเขากับอนูบิส
วาห์นเริ่มดึง [เอ็นคิดู] ออกมาจากฝ่ามือท่ามกลางสายตาทึ่งๆ ของหญิงสาวทั้งสอง
แม้วาห์นตั้งใจว่าจะพูดเรื่องนี้ทีหลัง แต่พอเห็นว่านี่เป็นโอกาสเหมะ เขาจึงอธิบายออกมาตอนนี้เลย
“โซ่พวกนี้ก็ปรากฏขึ้นมาและมีพันธะบางอย่างกับดวงวิญญาณของฉัน
มันทำให้ฉันปิดผนึกได้เกือบทุกทุกสิ่งอย่าง รวมไปถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพและเทพธิดาด้วย
ฉันขอให้อนูบิสช่วยลองทดสอบผลของมัน เหตุการณ์นั้นก็ทำให้นานูเกิดความเข้าใจผิดครั้งใหญ่มาก แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…”
วาห์นลังเลไปครู่หนึ่งขณะที่หญิงสาวทั้งสองจ้องมองเขาด้วยสีหน้าใคร่รู้
วาห์นกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกขณะจ้องประสานตากับเฮเฟสตัสและพูดต่อ
“ตามที่อนูบิสบอก…ถ้าฉันใช้ [เอ็นคิดู] ฉันก็จะเปลี่ยนเทพ… หรือเทพธิดา… ให้กลายเป็นมนุษย์ได้”
เอน่าดูประหลาดใจแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมีท่าทางแปลกๆ ด้วย
เธอมองอ้อมตัววาห์นเพื่อดูว่าเฮเฟสตัสมีปฏิกิริยาต่อคำพูดของเขาอย่างไร และสังเกตเห็นว่าเทพธิดาผู้มีดวงตาสีทับทิมนั้นกำลังเบิกตากว้างแบบสุดๆ
เมื่อเห็นว่าเทพสาวเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ วาห์นก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและพูดต่อ
“อนูบิสบอกว่าถ้าฉันใช้โซ่นี่กับเทพธิดา… ก็มีโอกาสที่พวกเธอจะสามารถตั้งครรภ์ได้”
เฮเฟสตัสมองโซ่ราวกับว่าพวกมันคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลก โดยที่คราวนี้ก็เป็นตาของเอน่าที่จะเบิกกว้างบ้าง
หากสิ่งที่วาห์นพูดเป็นความจริง เหล่าเทพธิดาจะต้องกรูกันเข้ามาหาเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน
เอน่าเริ่มตระหนักแล้วว่าเรื่องที่เธอรับประกันว่าวาห์นจะสามารถใช้ชีวิตปกติได้นั้นอาจจะยากกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ดูเหมือนว่าเฮเฟสตัสยังไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เลย ขณะที่เธอเอาแต่หยิบโซ่ขึ้นมาจากมือของวาห์น
ในฐานะเทพธิดาที่มีชีวิตอยู่มานับหลายล้านปี เธอและเทพธิดาองค์อื่นๆ เกือบทุกองค์นั้นประสงค์อยากจะมีลูกมาตลอด
นอกเหนือจากเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์และชีวิตแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เทพธิดาจะตั้งครรภ์ แม้ว่าพวกเธอจะใช้ไอเท็มเข้าช่วยด้วยก็ตาม
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเทพและเทพธิดาส่วนใหญ่ที่มีแฟมิเลียจะเรียกสมาชิกของตนว่า ‘เด็กๆ’
โซ่ที่เธอกำลังถืออยู่ในมือนั้นคือความหวังที่เธอไม่เคยอาจเอื้อมมาก่อน ขณะค่อยๆ มองมาที่วาห์นด้วยความคาดหวังและหวาดกลัวนิดๆ
“นายอยากให้ฉันท้อง… แล้วก็เลี้ยงลูกด้วยกันกับนายเหรอ?
เพราะมันเป็นสิ่งที่วาห์นคิดไว้หลายรอบแล้ว เขาจึงพยักหน้าแทบทันทีและพูดแบบจริงแท้แน่นอน
“แน่นอน ตั้งแต่ที่รู้วิธีใช้ [เอ็นคิดู] ฉันก็คิดถึงมันมาตลอดเลย”
แม้จะไม่ได้โกหก แต่วาห์นก็เล่าข้ามหรืออาจจะลืมอีกเรื่องหนึ่งไป
เขาไม่ได้คิดเรื่องที่เฮเฟสตัสจะท้องแค่คนเดียวแต่ยังรวมไปถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วย
พอเฮเฟสตัสได้ยินน้ำเสียงมั่นใจและออกจะ ‘กระตือรือร้น’ ของเขา มือที่กำลังถือ [เอ็นคิดู] อยู่ก็เริ่มสั่นไม่หยุด
เธอนำพวกมันมาแนบอกและก้มตัวลงเล็กน้อย ขณะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาหาวาห์น
“ได้โปรด… รีบสร้างไอเท็มให้เสร็จสักทีสิ นี่ฉันจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วนะ…”
เฮเฟสตัสเผยให้เห็นแววตาที่ดูจริงจังมากจนราวกับว่าพวกมันกำลังลุกไหม้ ในขณะที่เธอจ้องมองวาห์นด้วยใบหน้าที่แดงสุดๆ
เอน่าเป็นห่วงว่าทั้งสองอาจจะเริ่มนัวเนียกันอีกครั้ง และก็โล่งใจหลังจากเห็นว่าเฮเฟสตัสอดกลั้นมันไว้ได้
เอน่าและคนอื่นๆ เกือบทั้งเมือง รู้เรื่องคำสาบานที่เฮเฟสตัสให้ไว้ในอดีต
คำสาบานนั้นจะมีพันธะกับดวงวิญญาณ และแม้แต่เฮเฟสตัสเองก็ไม่อาจฝืนสิ่งที่ลั่นวาจาเอาไว้ได้ มิฉะนั้นเธออาจจะถูกผลสะท้อนกลับแทน
ในกรณีที่เลวร้ายสุดๆ เธออาจโดนคำสาปและสูญเสียพลังทั้งหมดไป หรือไม่ก็ถูกบังคับให้กลับสวรรค์
สายตาของเฮเฟสตัสทำให้วาห์นรู้สึกเจ็บปวด ก่อนที่เขาพูดขึ้นด้วยความมั่นใจและกังวลนิดๆ
“ฉันสาบาน… ว่าจะเร่งมือกว่านี้ ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องรอนานอีกแล้ว…”
จากนั้นวาห์นก็ก้มลงมาจูบเฮเฟสตัสอย่างทะนุถนอมเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้
เนื่องจากยังคงเปิดพลังเขตแดนอยู่ เขาจึงสงบจิตใจลงได้โดยไม่ไปส่งผลกับเทพสาวมากนัก
หลังจากนั้น ทั้งสามก็คุยกันเรื่องต่างๆ รวมไปถึงงานแต่งด้วย
ทั้งเฮเฟสตัสและเอน่าต่างมีเรื่องที่ต้องพิจารณาและจัดการก่อนที่พวกเธอจะแต่งงานได้
เฮเฟสตัสจะต้องแจ้งความประสงค์ที่งานประชุมเดนาตัสและประกาศเรื่องแต่งงานต่อหน้าเหล่าทวยเทพอย่างเป็นทางการ ขณะที่เอน่ายังติดเรื่องสัญญาว่าจ้างของทางกิลด์
เอน่าไม่สามารถลาออกแบบปุบปับและมาอยู่กับวาห์นเลยได้
เธอต้องใช้เวลาไปกับการหาคนมาแทนและฝึกอบรมจนกว่าพนักงานใหม่จะทำงานได้
วาห์นปฏิเสธเรื่องนี้และอยากให้เธอทำงานที่กิลด์ต่อไป
แม้อยากจะยืนกรานเรื่องนี้แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าวาห์นดูจริงจังมาก และในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้กับสายตาของเด็กหนุ่ม
วาห์นบอกเธอว่านี่เป็นงานที่เหมาะกับเธออยู่แล้ว และเขาเชื่อว่าเธอจะต้องช่วยนักผจญภัยมือใหม่ไว้ได้อีกหลายคนหากเปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลของกิลด์แทน
ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจกันได้ว่างานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นหลังจากที่มอนสเตอร์ฟีเรียจบลง ซึ่งงานดังกล่าวนั้นจะมีขึ้นหลังเดนาตัส
วาห์นสาบานว่าก่อนเวลานั้นจะมาถึง เขาจะต้องพัฒนาสกิล [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] และสร้างไอเท็มที่ทำให้เฮเฟสตัสพึงพอใจได้อย่างแน่นอน
เขาต้องการให้เธอเข้าร่วมเดนาตัสอย่างมั่นใจขณะที่พูดเรื่องนี้กับเทพองค์อื่นๆ
พวกเขาคงจะกล่าวหาว่าเธอกำลังจะหมั้นกับเด็กหนุ่มที่ไร้คุณสมบัติตามคำสาบาน และวาห์นตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้เธอต้องอับอายเด็ดขาด
หลังจากนั้นเขาก็เสนอตัวเพื่อพาเอน่าไปส่งบ้าน แต่เธอกลับเป็นฝ่ายส่งเขาออกไปจากห้องทำงานขณะบอกว่ายังมีหลายสิ่งที่เธอต้องคุยกับเฮเฟสตัสในฐานะผู้หญิงด้วยกัน
เฮเฟสตัสเห็นด้วยกับเอน่า ก่อนจะเข้ามากอดและจูบกับวาห์นไปครู่ใหญ่ๆ เพื่อเป็นการบอกลา
หลังจากกอดกันเสร็จแล้ว เฮเฟสตัสก็ส่งสายตาให้กับเอน่าซึ่งทำให้สาวลูกครึ่งเอลฟ์หน้าแดงนิดๆ
เธอรวบรวมความกล้าและเข้าไปสวมกอดวาห์น แต่ก็ใช้เวลาน้อยกว่าเฮเฟสตัสอยู่บ้าง
วาห์นออกจากโรงหลอมของเฮเฟสตัสโดยรู้สึกว่าแต่ละก้าวนั้นเบากว่าตอนขามามาก แถมยังมีรอยยิ้มแป้นบนใบหน้าอีกด้วย
ขณะที่เขาเดินผ่านเซฟฟ์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่น พวกเขาต่างก็เฝ้ามองเด็กหนุ่มอย่างเหลือเชื่อหลังจากที่ได้เห็นท่าทางของเขา
แม้แต่เซฟฟ์ที่มีสีหน้าจริงจังเกือบตลอดเวลายังจ้องมองวาห์นราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
พอเห็นวาห์นแล้ว เซฟฟ์ก็พอเข้าใจว่าเขาคงโน้มน้าวให้เฮเฟสตัสให้ยอมรับความสัมพันธ์ของตัวเองกับสาวลูกครึ่งเอลฟ์คนนั้นได้เป็นที่เรียบร้อย
ถ้าพวกเขารู้ว่าวาห์นกำลังจะได้ทั้งสองมาเป็นภรรยาล่ะก็… ผู้ชายทุกคนตรงนั้นคงจะช็อคจนเป็นลมหมดแล้ว
ทุกคนตระหนักถึงความสัมพันธ์ของวาห์นกับทีโอน่าและไอส์ แต่ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ตอนนี้เขายังได้หมั้นกับเทพธิดาที่ทรงอำนาจและสาวสวยที่เป็นลูกครึ่งเอลฟ์ด้วยงั้นเหรอ!?
—
หลังจากที่วาห์นออกไปแล้ว สองสาวต่างก็จ้องมองกันอย่างเงียบๆ ไปหลายนาที
ดวงตาสีเขียวมรกตของเอน่านั้นช่างดูตรงกันข้ามกับดวงตาสีแดงทับทิมที่สวยงามของเฮเฟสตัสมากเลย
ตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้มาอยู่ในระดับที่แทบจะเท่าเทียมกันแล้ว แม้ว่าอำนาจและฐานะของแต่ละคนจะแตกต่างกันมากก็ตาม
พวกเธอได้มาร่วมมือกันผ่านทางวาห์น และตอนนี้ก็กำลังทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของว่าที่สามีในอนาคต
เอน่าซึ่งเป็นคนเสนอแนวคิดนี้ตั้งแต่แรก เริ่มพูดขึ้นมาก่อน
“ท่านเฮเฟสตัสคะ…”
ในตอนที่เธอพูด เฮเฟสตัสก็ส่ายหัวและพูดแทรกขึ้น
“ถ้าเราอยู่กันตามลำพังหรือมีวาห์นอยู่ด้วย… แค่เรียกเฮเฟสตัสเฉยๆ ก็พอ… เรื่องสรรพนามด้วย”
เอน่าหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและเริ่มพูดใหม่
“เฮเฟสตัส ฉันว่าเราต้องรวบรวมผู้หญิงทั้งหมดที่รอบๆ ตัววาห์นและประกาศจุดยืนของเราโดยเร็วที่สุด
แล้วก็ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่คบเขาอยู่ในตอนนี้อย่างเดียว ทุกคนที่มีความสัมพันธ์แบบคลุมเครือก็ไม่ต้องเว้น
ถ้าเราทำให้ทุกคนร่วมมือกันไม่ได้ เรื่องที่จะคุมพฤติกรรมของวาห์นก็จะยากขึ้นไปอีก”
เฮเฟสตัสมองกลับมาด้วยสีหน้าจริงจังขณะพิจารณาคำพูดของเอน่า
หลังผ่านไปเกือบนาที เธอก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ช่วงสุดสัปดาห์น่าจะจองสถานที่ได้ง่ายหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราส่งข้อความให้ทุกคนมารวมตัวเลยก็แล้วกัน
เธอรู้ละเอียดไหมว่าตอนนี้ทั้งหมดมีใครบ้าง?
ฉันพอมีบันทึกเก็บไว้อยู่ เพราะทางกิลด์เคยตรวจสอบข้อมูลของเขาไปบ้างแล้ว”
เอน่าพยักหน้าและเล่าทุกอย่างที่เธอคุยกับวาห์นในระหว่างปิกนิกกัน
แม้เฮเฟสตัสจะดูไม่แปลกใจนัก แต่เธอก็อดทำเครื่องหมาย ‘!’ ในหัวไม่ได้เมื่อรู้จำนวนสาวๆ ทั้งหมดของวาห์น
เธอตัดสินใจว่าสำหรับแผนการพักฟื้นของวาห์นนั้น เธอจะต้องแนะนำเขารู้จักกับเพื่อนผู้ชายที่ดูเป็นแบบอย่างที่ดีไว้บ้าง
หลังจากเสนอเรื่องนี้กับเอน่า เอลฟ์สาวก็เห็นด้วยและทั้งคู่จึงเริ่มลงรายละเอียดกันอย่างจริงจัง
—
เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์น่ายินดีมาหมาดๆ วาห์นจึงเดินอย่างได้อย่างรวดเร็วและกลับมาบ้านของตัวเองในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
หากเดินตามปกติ การเดินทางนี้ควรใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมง
เมื่อเขาเข้ามาถึงลานหน้าบ้าน อนูบิสก็แทบจะออกมารับไม่ทันเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าปกติของวาห์น
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ นายท่าน” อนูบิสพูดพลางโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ
วาห์นสังเกตเห็นว่าเธอยังคงสวมใส่ชุดผ้ายืดสีดำและผูกผ้าขาวไว้รอบเอวพร้อมกับริบบิ้นสีทองแบบในตอนเช้า
เพราะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองมาแล้ว เขาจึงลูบหัวอนูบิสเบาๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานทันที
เขามีแผนที่จะทำตามสัญญาให้ได้ไว้แล้ว และรู้สึกตื่นเต้นมากจนแทบรอไม่ไหว
เมื่อเห็นว่าเขาแค่ลูบหูของเธอตามปกติ อนูบิสก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะเดินตามไป
เธอหวังว่าจะสานต่อเรื่องเมื่อเช้าอีกครั้งด้วยชุดแสนเย้ายวน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างภูมิต้านทานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
หากเขาแกะริบบิ้นอีกรอบ คราวนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยให้วาห์นหนีไปได้ง่ายๆ แน่นอน
ความทรมานที่ได้รับจากตอนก่อนหน้านี้ได้เข้ามาฝังลึกอยู่ในร่างกาย และอนูบิสก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหายจากอาหารฟุ้งซ่านหากวาห์นยังปฏิบัติกับเธอแบบนี้ต่อ
การที่เขาพาเธอขึ้นสู่จุดสุดยอดไปครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าครึ่งชั่วโมงนั้นทำให้อนูบิสรู้สึกทรมานและต้องการที่จะแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว
—
วาห์นไม่รู้เลยว่าเขาได้ ‘ฝัง’ อะไรไว้ที่ร่างกายและจิตใจของอนูบิสบ้าง และเริ่มเข้าไปในห้องวัตถุดิบเพื่อเก็บพวกมันส่วนใหญ่มาใส่ในช่องเก็บของ
เพราะว่ามีพื้นที่จำกัด เขาจึงต้องนำสิ่งของบางอย่างออกมาเพื่อสร้างที่ว่างให้กับวัตถุดิบของเฮเฟสตัส
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว วาห์นก็ตรวจสอบ OP และสังเกตเห็นว่าเขายังมีอยู่ 114,618 OP
พอเห็นว่ามันมากพอตามความต้องการ เขาก็เดินจากห้องทำงานอย่างฮึกเหิม
ในระหว่างทาง วาห์นก็พบกับอนูบิสที่ดูเหมือนว่ากำลังรอเขาอยู่ตรงทางเดิน
เขาเห็นหูตกๆ ตั้งขึ้นมาทันทีที่เขาก้าวออกมาจากห้อง แต่เธอก็ไม่อาจแก้ไขออร่าของตัวเองได้ ดังนั้นวาห์นจึงมองออกว่าเธอกำลังรู้สึกหดหู่
วาห์นรู้สึกไม่ดีนัก ก็เลยตัดสินใจว่าจะอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟัง
อนูบิสประหลาดใจมากเมื่อรู้ว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงที่ออกไปข้างนอก เขาก็ได้ภรรยามาไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นถึงสองคน
ความทรมานของเทพสาวเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้งและเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองวาห์นอย่าง ‘เคืองๆ’ ในขณะที่เขาเล่าเหตุการณ์ต่อไปเรื่อยๆ
วาห์นสังเกตว่าอนูบิสดูเหมือนจะหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม และเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อให้อารมณ์ของเธอดีขึ้น
หลังจากที่ได้คุยกับเฮเฟสตัสและเอน่า วาห์นก็ตระหนักว่าตัวเองมักจะสร้างความเข้าใจผิดจากการเก็บงำความคิดและไม่พูดออกมาให้ชัดๆ
เขาอยากแก้นิสัยนี้มาก ดังนั้นจึงมองไปทางอนูบิสและถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อนูบิส ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรทำให้เธอไม่สบายใจ ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าเธอเป็นอะไร?”
หูของอนูบิสกระตุกจากคำถามของผู้เป็นนาย ขณะจ้องมองใบหน้าจริงจังและสังเกตว่าเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับล่าสุดที่เจอกัน
เธอพอเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะเฮเฟสตัสและผู้หญิงที่ชื่อเอน่าซึ่งตนยังไม่เคยพบมาก่อน
เมื่อคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสดี อนูบิสจึงรวบรวมความกล้าและสารภาพออกมาตามตรง
“นายท่านคะ… ร่างกายของฉันจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว…”
เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงโหยหา
“ฉันอยากเป็นของนายท่าน…”
วาห์นตกใจกับคำพูดของเธออยู่บ้าง แต่จะว่ากันก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นคนที่ถามเธอเอง
เธอมักจะสงวนท่าทีอยู่ตลอด แต่หลังจากที่ใช้คำสั่งกับเธอในครั้งนั้น เขาก็รู้ว่าเธอมักเก็บเรื่องต่างๆ ไว้กับตัวและไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือปรารถนาอยู่เสมอไป
ตอนนี้เธอกำลังท้าชนเขาตรงๆ แม้จะไม่ได้ถูก ‘สั่ง’ ซึ่งทำเอาวาห์นไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน
เฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่นๆ อนูบิสนั้นคุ้นเคยกับการแสดงออกทางสีหน้าของวาห์นเป็นอย่างดี
เธอเห็นว่าหลังจากที่พูดความต้องการออกไปแล้ว วาห์นก็แสดงอารมณ์ต่างๆ ออกมามากมาย สีหน้าแรกที่เธอเห็นก็คือความประหลาดใจ แต่แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นเข้าใจ จากนั้นก็กล่าวโทษและในที่สุดก็เป็นการไตร่ตรองอย่างสับสนเล็กน้อย
อนูบิสรู้ว่าเขากำลังพิจารณาคำพูดของเธออย่างจริงจัง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากพร้อมกับหวังว่าวาห์นจะผ่อนปรนให้เธอบ้าง
วาห์นมองดูอนูบิสและสังเกตเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองสีหน้าของเขาแบบใกล้ชิดขณะเฝ้ารอคำตอบ
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร สีหน้าของเทพสาวก็ดูเศร้าลงอีกครั้งพร้อมกับใบหูที่ตกลงมา
วาห์นถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น
“อนูบิส ทั้งเฮเฟสตัสและเอน่าอยากจะให้ฉันฝึกเรื่องความอดกลั้นให้มากกว่านี้นะ
ฉันจะไม่โกหกว่าไม่ได้สนใจร่างกายของเธอ… แถมยังมีเรื่องที่แล้วๆ มาอีก
แต่จนกว่าจะแยกแยะเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่านี้ ฉันจะไม่ล้ำเส้นและไปมีอะไรกับเธอเด็ดขาด”
อนูบิสพยักหน้าด้วยสีหน้าเศร้าๆ แต่แล้วดวงตาเธอก็เบิกออกพร้อมกับหูที่กลับมาตั้งขึ้นอีกครั้ง
วาห์นสับสนกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอนูบิสจนกระทั่งได้ฟังประโยคต่อมา
“ถ้างั้น นอกจากเรื่องนั้นแล้ว อย่างอื่นก็น่าจะพอทำได้ใช่ไหมคะ?”
แรงผลักดันของเธอทำให้วาห์นอ้ำอึ้ง แถมตอนนี้เธอยังเข้ามาใกล้มากจนหน้าแทบจะชิดกันขณะจ้องมองเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
วาห์นถามเสียงเรียบ
“นี่เธอคิดอะไรอยู่เหรอ…?”
พอถามออกไป อนูบิสก็เข้าใกล้ขึ้นอีกและจับมือของเขาเอาไว้
เธอจ้องมองใบหน้าของวาห์นด้วยดวงตาส่องประกาย
“ฉันอยากให้นายท่านทำแบบเมื่อเช้าอีกรอบค่ะ
ถึงเราจะมีอะไรกันไม่ได้ แต่แค่นั้นก็คงจะพอแล้วสำหรับตอนนี้”
อนูบิสเริ่มหายใจแรงขึ้นขณะนำมือของวาห์นมานาบไว้ที่อกตัวเองราวกับมันเป็นของล้ำค่า
หลังจากพิจารณาคำพูดของเธอแล้ว วาห์นก็คิดว่าแค่นี้คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ก่อนที่เขาจะตอบ หางของอนูบิสก็เริ่มส่ายอย่างรุนแรงอีกครั้ง
วาห์นหัวเราะให้กับการทำตัวน่ารักของเธอก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ
“ก็ได้ แต่แค่นิดเดียวนะ แล้วก็เฉพาะตอนช่วงหัวค่ำด้วย
ถ้ามาหมดสติตอนกลางวัน เรื่องงานกับเรื่องเวลานอนของเธอก็จะรวนไปกันใหญ่”
อนูบิสพยักหน้าอย่างตื่นเต้นขณะที่ยังกอดมือของเขาต่อไปและเริ่มหัวเราะออกมาเหมือนคนเมา
วาห์นไม่คิดเลยว่าจะมีคนสนใจวิชานวดของเขามากขนาดนี้ และนั่นก็ทำให้ตัวเองรู้สึกภูมิใจอยู่บ้าง
ยังมีอีกหลายอย่างในคู่มือของ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ที่เขาอยากจะลอง และตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาได้ผู้ช่วยที่เต็มใจมาช่วยทดลองซะแล้วสิ