Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 160
เพราะว่าใช้แรงมากเกินขีดจำกัด วาห์นจึงต้องหยุดพักไปเกือบสองชั่วโมงเพื่อฟื้นพลัง
พอทดลอง [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] เสร็จก็ปาเข้าไปถึงช่วงเวลาอาหารกลางวันแล้ว และวาห์นก็ต้องสับสนเล็กน้อยเพราะทุกคนยังไม่กลับมากันเลย
เนื่องจากถูกบอกไม่ให้ทำงานในช่วงสุดสัปดาห์ วาห์นจึงตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นในเมืองก่อนมุ่งหน้าไปยัง ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ เพื่อทานมื้อบ่ายๆ
เมื่อพิจารณาถึงเวลาที่อยู่ในดันเจี้ยน เก้าวันที่โคม่า และหกวันหลังจากตื่นขึ้นมานั้นนับว่านานมากนับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ได้ไปที่นั่น
มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายหลังจากตอนนั้น และวาห์นก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พบกับโคลอี้อีกครั้ง
หลังเปิดข่ายคุ้มกันตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว วาห์นก็เดิมไปตามทางและมาหยุดอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ของสึบากิ
เขาไม่ได้พบนาซ่ากับลิลลี่มาเกือบสัปดาห์แล้วและอยากจะชวนสองสาวไปทานข้าวด้วยกัน
น่าแปลกมาก เพราะประตูหน้าที่มักจะเปิดอยู่ตลอดของสึบากินั้นถูกล็อคเอาไว้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น วาห์นจึงขยายพลังเขตแดนเพื่อดูว่ามีใครอยู่หรือเปล่า
แต่ไม่ว่าพยายามมากแค่ไหน เขาก็สัมผัสถึงใครไม่ได้เลย
วาห์นขมวดคิ้วอย่างลังเลเพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ช่วงเดียวที่สึบากิจะไม่อยู่บ้านก็คือตอนที่ออกไปนำเฮเฟสตัสแฟมิเลียเพื่อสำรวจดันเจี้ยน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นวาห์นก็มั่นใจว่าเธอคงจะแจ้งให้เขาทราบล่วงหน้า
และมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ลิลลี่กับน่าซ่าจะไม่อยู่ด้วยเช่นกัน
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครมาบอก แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะเกี่ยวข้องกับสมาชิกจากคฤหาสน์ทั้งสองหลังโดยที่ไม่มีเขารวมอยู่ด้วยเนี่ยนะ?
หลังจากรออยู่ตรงนั้นเกือบยี่สิบนาที วาห์นก็ได้ยินเสียงท้องร้องราวกับเป็นการเตือนว่า ‘หิวแล้วนะ!’
เขาถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวและคิดว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นโดยเฉพาะเมื่อมีจอมโหดอย่างสึบากิอยู่ด้วย
วาห์นดึงเนื้อตากแห้งปรุงรสออกมาแทะเล่นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม
เขายังคิดเผื่อไว้ว่าเดี๋ยวค่อยแวะไปหาเฮเฟสตัสเพื่อรอฟังคำตอบจากเธอโดยตรงก็ได้
เพราะไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก วาห์นจึงใช้เวลาไปกับกานเดินเฝ้าดูผู้คนและชมทิวทัศน์รอบเมืองอย่างเรื่อยเปื่อย
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ใช้เส้นทางนี้ แต่ทุกอย่างก็ดูต่างไปจากเดิมเมื่อวาห์นมีประสาทการรับรู้และสายตาที่เฉียบคมมากขึ้น
ออร่าของทุกคนนั้นชัดเจนกว่าเมื่อก่อนมาก และวาห์นยังสามารถระบุความแข็งแกร่งโดยประมาณของแต่ละคนได้ด้วยการมองแบบผ่านๆ
พอมองเห็นว่าบางคนที่ดูธรรมดาแต่กลับมีออร่าขนาดใหญ่ผิดปกติ วาห์นก็รู้ทันทีว่าพวกเขาน่าจะเป็นเทพและเทพธิดาจากแฟมิเลียอื่นนั่นเอง
วาห์นไม่เคยรู้เลยว่าในเมืองจะมีคนเก่งๆ มากมายก่ายกองขนาดนี้ และนั่นทำให้เขารู้สึกสั่นคลอนไปบ้างเหมือนกัน
ในระหว่างทางยังมีสาวๆ หลายคนที่เรียกหาเขา แต่วาห์นก็แค่ยิ้มให้และพยักหน้าอย่างสุภาพก่อนจะเดินทางต่อไป
เมื่อเทียบกับสายตาที่สาวๆ มองเขาในอดีต วาห์นสังเกตเห็นความหลงใหลจากสีหน้าและออร่าของพวกเธอได้อย่างชัดเจน
แม้จะรู้ว่าพวกเธอไม่ได้คิดจริงจัง แต่วาห์นก็รู้สึกภูมิใจและทึ่งความเนื้อหอมของตัวเองอยู่บ้าง
เขาเองก็รู้ตัวว่าร่างกายนั้นกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งน่าจะเป็นเพราะตนอยู่ในช่วงโตเร็ว
หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมง วาห์นก็มาถึง ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ และหยุดอยู่นอกประตูเหมือนกับทุกครั้ง
กลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากประตูนั้นทำให้เขารู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่มาทานอาหารเย็นที่นี่เหลือเกิน
นานมากแล้วนับตั้งแต่ที่วาห์นมาร้านนี้คนเดียว เขาจึงหวังว่าจะได้พบและพูดคุยกับโคลอี้เป็นการส่วนตัว
เมื่อเข้าไปในร้านอันแสนคุ้นเคย วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหน้าบานขณะเฝ้ามองบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงอดีต
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสัยแทน เมื่อเขาเห็นสองสาวที่กำลังดูแลลูกค้าอยู่ในขณะนี้
แม้จะยังไม่พบโคลอี้ แต่วาห์นก็พบสาวหน้าใหม่สองคนที่เขารู้สึก ‘คุ้นหน้า’ มากและเคยนึกสงสัยว่าพวกเธอหายไปไหนกันมา
หนึ่งในสองคนนั้นคือสาวงามผู้มีดวงตาและเรือนผมสีเทาอ่อนซึ่งเธอเพิ่งจะสังเกตเห็นเขาก่อนจะแสดงสีหน้าสงสัยและเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
เขาจำได้ทันทีว่าเธอคือ ‘ซีล โฟลว่า’ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครจากมังงะนั่นเอง
วาห์นอยากรู้เหลือเกินว่าเธอหายไปไหนมาตั้งนาน แต่จะถามออกไปก็คงไม่ใช่เรื่องเพราะตอนนี้เขายัง ‘ไม่รู้จัก’ กับเธอมาก่อน
เมื่อซีลเข้ามาใกล้วาห์น เธอก็เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ยินดีต้อนรับสู่เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อมค่า~
คุณลูกค้าจะทานที่นี่เลยหรือเปล่าคะ?”
ขณะที่ถาม ซีลก็กำลังสอดส่องวาห์นด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนไปพร้อมกัน
พอวาห์นเห็นคนยิ้มให้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ แต่แทนที่จะตอบคำถาม เขากลับถามเธอกลับแทน
“วันนี้โคลอี้ไม่มาทำงานเหรอครับ”
ซีลเอียงศีรษะไปด้านข้างขณะนำนิ้วชี้มาไว้ที่คางและส่งเสียง ‘หืมมมม?’ ก่อนจะถามต่อ
“คุณลูกค้ารู้จักโคลอี้ด้วยเหรอคะ?
อย่าบอกนะว่าคุณคือวาห์น เมสัน?”
เมื่อเธอถามคำถามนี้ วาห์นก็รู้สึกเหมือนมีประกายแวววาวในดวงตาของหญิงสาวและเขาก็สังเกตเห็นออร่าที่ขยายใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย
การตอบสนองครั้งนี้ทำเอาวาห์นตกใจอยู่บ้าง เพราะเขาไม่เคยเห็นมนุษย์ที่มีออร่าขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน
เมื่อสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของวาห์น ซีลก็เดาว่าเขาคงสับสนว่าทำไมเธอถึงรู้เรื่องของเขาจึงต้องรีบแก้ต่าง
“อ๊ะ อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันได้ยินเรื่องของคุณตั้งเยอะจากพวกสาวๆ
หลายเดือนที่ผ่านมานี้ฉันไปอยู่ที่เมเล็นชั่วคราวเพื่อช่วยดูแลร้านสาขาใหม่น่ะค่ะ (TL: เมเล็น – หมู่บ้านเล็กๆ ที่ติดทะเลและอยู่ไม่ไกลจากโอราริโอ้)
พอกลับมาที่นี่ ฉันก็ได้ยินข่าวลือของคุณเยอะไปหมด
ไม่ใช่แค่จากสาวๆ อย่างเดียวด้วย เพราะพวกลูกค้าเองก็พูดแบบเดียวกัน
คุณนี่ดังใช่ย่อยเลยนะ วาห์น”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็รู้สึกภูมิใจนิดๆ ขณะชวนเธอคุยต่อ
“ดูเหมือนคุณจะรู้จักผมแล้ว แต่ผมขอถามบ้างได้ไหมครับว่าคุณคือ…?” วาห์นพยายามพูดอย่างสุภาพขณะถามออกไปพร้อมรอยยิ้ม
ซีลเป็นหนึ่งในคนที่วาห์นอยากพบในตอนที่มาถึงเมืองใหม่ๆ และในที่สุดเขาก็ได้เห็นความงามอย่างมีเอกลักษณ์ของเธอด้วยตาตัวเอง
ทุกครั้งที่พบตัวละครจากในมังงะแบบตัวเป็นๆ วาห์นมักจะรู้สึกเหมือนได้กลับมาพบกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว
ซีลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความ ‘คุ้นเคย’ และความ ‘เรื่อยๆ’ ของวาห์นแม้พวกเขาเพิ่งจะได้พบกันครั้งแรกก็ตาม
เมื่อเทียบกับผู้หญิงส่วนใหญ่แล้ว เธอเป็นคนที่อ่านคนอื่นได้เก่งมากและรู้สึกว่าวาห์นนั้นทำท่าเหมือนจะรู้จักกับเธออยู่ก่อน
เธอย้อนถามเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าอ่อนโยนและยิ้มนิดๆ
“คุณไม่เคยได้ยินชื่อของฉันมาก่อนเลยเหรอคะ?”
ขณะที่หญิงสาวถาม วาห์นก็เห็นประกายจากดวงตาคู่งามอีกครั้ง
วาห์นส่ายหน้า แต่ก็พูดเสริมไปอีกหน่อย
“ผมเคยได้ยินแต่ว่า… ที่ร้านนี้มีสาวสวยผมเทาอยู่ด้วย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พบเธอมาก่อนเลย”
วาห์นหันไปมองสาวๆ คนอื่นและพูดต่อ
“คนที่ผมไม่รู้จักจริงๆ น่าจะเป็นสาวเอลฟ์คนนั้นมากกว่า”
แม้ซีลจะสัมผัสได้วาห์นไม่ได้พูดความจริงไปหมดซะทุกอย่าง แต่ก็มีส่วนที่ดู ‘จริงใจ’ อยู่ด้วยซึ่งทำให้เธอสับสนมาก
ซีลหันตามสายตาของเด็กหนุ่มและพบกับ ‘ริว ไลอ้อน’ เอลฟ์สาวที่ไปเมเล็นพร้อมกันกับเธอ
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ซีลหันไปหาวาห์นและเริ่มอธิบายให้ฟัง
“ฮื่มม ชื่อของเธอคือ ริว ไลอ้อน ส่วนฉัน ซีล โฟลว่า ค่ะ”
พอแนะนำตัวเสร็จ ซีลก็เห็นว่า ‘ความคุ้นเคย’ ในสายตาของวาห์นนั้นยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณโฟลว่า” วาห์นตอบแบบยิ้มๆ
เมื่อได้ยินวิธีที่วาห์นพูดกับเธอจนถึงตอนนี้ รวมถึงการเน้นชื่อเธอแบบแปลกๆ ซีลก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และหรี่ตามองวาห์น
เพราะความ ‘คุ้นเคย’ แบบแปลกๆ ของเขาที่มีต่อเธอ พอถูกเรียกด้วยนามสกุลแบบนี้มันก็เลยดูแปลกไปกันใหญ่
หลังจากหัวเราะไปหนึ่งจบ ซีลก็ยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง
“พอเถอะวาห์น เรียกซีลเฉยๆ ก็ได้ ฉันได้ยินเรื่องของนายมาเยอะมาก มากจนเหมือนเราเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว
ต่อไปก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ~”
วาห์นพยักหน้าให้ก่อนจะยิ้มตอบ
“ได้สิ ซีล”
พอได้ยินเด็กหนุ่มเปลี่ยนมาเรียกชื่อแทน ซีลก็เกือบหัวเราะเป็นครั้งที่สองก่อนจะพาเขาไปนั่งที่บูธ
อย่างที่เธอเดาไว้ไม่ผิด วาห์นพูดชื่อของเธออย่างคุ้นเคยซึ่งต่างจากตอนที่เขาเรียกด้วยนามสกุลมาก
ตอนนี้ซีลยืนยันได้แล้วว่าวาห์นรู้เรื่องของเธอมาก่อน แต่เธอก็ค่อนข้างสงสัยว่าเขาไปรู้มาจากไหนและทำไมถึงต้องอยากรู้เรื่องของเธอด้วย
ไม่ว่าหญิงสาวจะดูยังไง คนตรงหน้าก็ดูซื่อมากจนไม่น่าจะตบตาหลอกใครได้
ราวกับว่าเขาเป็นแค่เด็กเล็กๆ ที่เพิ่งจะถูกปล่อยออกมาดูโลกภายนอกเป็นครั้งแรก
หลังจากรับออเดอร์ของเขาเรียบร้อยแล้ว ซีลก็สลับไปดูแลลูกค้าคนอื่นและพูดคุยกับทุกคนอย่างสุภาพ
วาห์นมองตามเธอเป็นระยะๆ และสังเกตเห็นว่าเธอเป็นสาวเสิร์ฟที่ได้รับความนิยมแบบสุดๆ ในหมู่ลูกค้าขาประจำ
เธอดูจะจำชื่อของทุกคนในร้านได้หมดและทำให้บรรยากาศครื้นเครงกว่าปกติมาก
มีอยู่สองสามครั้งที่ซีลจ้องกลับมาและยิ้มแบบใสๆ ให้กับวาห์น
วาห์นสั่งสปาเก็ตตี้ที่เขาเคยทานตั้งแต่ครั้งแรกที่มาที่นี่ และนั่นก็ทำให้เขานึกถึงความหลังขณะเพลิดเพลินไปกับซอสเนื้อหอมกรุ่นและเส้นอันเหนียวนุ่มของมัน
เมื่อได้พบสมาชิกของเจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อมจนครบทุกคนแล้ว วาห์นก็เริ่มนึกย้อนถึงเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
เขารู้ว่าตัวเองได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกคาดหวังไปกับอนาคตที่เดาไม่ถูกอยู่ดี
แม้มีความตั้งใจว่าจะแต่งงานกับเฮเฟสตัสและเอน่า แถมยังคิดที่จะรักษาความสัมพันธ์กับตัวละคนที่สำคัญๆ อย่างไอส์และเอน่า แต่วาห์นเองก็มีเป้าหมายในใจที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาในเรคคอร์ดนี้เช่นกัน
เขายังอยากที่จะเข้าร่วมกับเฮสเทียแฟมิเลียและร่วมผจญภัยกับเบลล์ในอนาคตด้วย
แม้ตอนนี้วาห์นจะแข็งแกร่งกว่าเบลล์และเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่เขาก็ยังอยากที่จะรู้จักกับ ‘ตัวเอก’ คนนี้เหมือนเดิม
วาห์นชื่นชอบลักษณะนิสัยของเบลล์มากและคิดว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุขขณะเพลิดเพลินไปกับอาหารแสนอร่อยและจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
มีหลายเรื่องที่เปลี่ยนแปลงวาห์นไปจากเดิม และยังมีหลายอย่างบนโลกใบนี้ที่เขาอยากจะเห็นและสัมผัส
ขณะที่ตกอยู่ในห้วงความคิด เขาก็สัมผัสได้ว่ามีออร่าเข้ามาใกล้และหันไปเห็นซีลที่กำลังเดินพาริวมาทางนี้พอดี
วาห์นเห็นว่าออร่าของเอลฟ์สาวนั้นดูเนือยๆ และแทบจะไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาซึ่งสอดคล้องกับใบหน้านิ่งๆ ของเธอมาก
ซีลผลักริวไปข้างหน้าเล็กน้อยขณะเริ่มแนะนำตัวให้ทั้งสองได้รู้จักกัน
“ริว นี่คือ ‘วาห์น เมสัน’ เด็กหนุ่มตามข่าวลือ
วาห์น นี่ ‘ริว ไลอ้อน’ เธอทำงานที่นี่มาสองสามปีแล้วและลูกค้าสาวๆ ก็ชอบเธอมากเลย~”
เพราะสองสาวเข้ามาหาถึงที่ วาห์นจึงอยากสร้างความประทับใจโดยลุกขึ้นจากที่นั่ง
เนื่องจากได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมและประเพณีมามากมายหลายเล่ม วาห์นจึงใช้การทักทายตามหลักธรรมเนียมของเอลฟ์โดยโค้งคำนับเล็กน้อยให้กับริวและยื่นมือขวาออกไปจับมือซ้ายของเธอก่อนจะพูดขึ้น
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณไลอ้อน”
ตาของซีลเบิกกว้างเมื่อเห็นวาห์นจับมือของเพื่อนสาว ในขณะที่ริวเองก็จ้องมองจุดที่ฝ่ามือสัมผัสกันก่อนจะเบือนหน้าหนีเล็กน้อยและพูดตอบกลับไป
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะ วาห์น เมสัน”
หลังจากพูดจบ เธอก็ดึงมือออกก่อนจะรีบกลับไปทำงานต่อทันที
วาห์นมองตามเธอไปและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงเตือนจากระบบ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อวาห์นได้รู้จักกับใครสักคนเป็นครั้งแรก พวกเขาก็จะมีค่าความชื่นชอบที่ 50 แต้ม(เป็นกลาง)
แต่หลังจากที่เขาจับมือริวเพื่อเป็นการทักทาย ค่าความชื่นชอบของเธอก็เด้งขึ้นมาอีก 21 แต้มในคราวเดียว
เขาไม่รู้ว่าการทักทายทั่วไปจะส่งผลกับริวได้ขนาดนี้ แต่ก็รู้สึกดีใจที่มันเป็นแบบนั้น
แม้ว่าเนื้อเรื่องในมังงะจะยังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้มากนัก หรืออย่างน้อยก็ในเล่มที่วาห์นอ่านถึง แต่เขาพอรู้มาบ้างว่าริวนั้นมีอดีตที่น่าสลดเช่นกัน
หากมีโอกาสในอนาคต เขาก็อยากจะช่วยให้เธอก้าวข้ามมันไปให้ได้
ซีลมองวาห์นด้วยสีหน้าสงสัยแบบสุดๆ ขณะที่สายตาของเด็กหนุ่มยังคงติดตามแผ่นหลังของริวต่อไป
เธอเห็นว่าเขาปฏิบัติกับริวด้วย ‘ความคุ้นเคย’ แบบเดียวกันกับเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและน่าสนใจมาก
เธอยังสงสัยว่าเขาอาจจะรู้เรื่องที่ริวไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัว และการที่ริวให้ความสำคัญกับผู้ชายที่เข้ามาจับมือมากเป็นพิเศษ
หากไม่ใช่เพราะแววตาและใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มล่ะก็ ซีลคงคิดว่าวาห์นเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปแล้ว
แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็สัมผัสถึงความเจ้าเล่ห์จากคนตรงหน้าไม่ได้เลย และนั่นทำให้หญิงสาวยิ่งสนใจในตัววาห์นมากขึ้นเรื่อยๆ