Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 165
เฮเฟสตัสถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองเข้าไปในดวงตาที่เบิกกว้างและตื่นเต้นของโลกิ
ตั้งแต่ที่พวกเธอทำพิธีสาบานเสร็จ โลกิก็จ้องมองมาราวกับงูขณะรอให้เธอเริ่มพูด
เนื่องจากไม่มีทางเลยที่เธอจะปกปิดข้อมูลนี้ได้ในอนาคต เฮเฟสตัสจึงเริ่มอธิบายให้ฟัง
“วาห์นมีไอเท็มที่ปรากฏขึ้นในดวงวิญญาณของเขาไม่นานหลังจากได้พบกับทีโอน่าและไอส์
เขาได้รับห่วงโซ่ทองคำแปลกๆ ที่สามารถผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพและเทพธิดาได้อย่างสมบูรณ์
จากข้อมูลที่อนูบิสให้มาและสิ่งที่วาห์นเล่า ตัวโซ่นั้นมีแนวโน้มว่าสามาถทำให้เทพและเทพธิดากลายเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริงเป็นเวลาชั่วคราว… ฉันมั่นใจว่าเธอคงเข้าใจความหมายของมันนะ”
ดวงตาริบหรี่ของโลกิเบิกกว้างทันทีขณะที่รอยยิ้มประจำที่อยู่บนใบหน้าได้เปลี่ยนได้เป็นอ้าปากค้างอย่างตกใจ
เธอรู้แน่ล่ะว่าเฮเฟสตัสหมายถึงอะไร และความหมายของมันอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เธอเคยได้ยินมา
วาห์นน่าจะเป็นเทพประมาณ 75% และตอนนี้เขายังสามารถทำให้เทพธิดา ที่ไม่ใช่เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ตั้งครรภ์ได้ด้วยงั้นเหรอ?
แม้ว่าจะไม่มีหลักประกันใดๆ เลย แต่ลูกๆ ของเขาน่าจะมีโอกาสมากถึง 87.5% ในการพัฒนาสิ่งที่คล้ายพลังศักดิ์สิทธิ์และอาจมีศักยภาพสูงกว่าเหล่าลูกครึ่งเทพทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกอีกด้วย
ความคิดของโลกิเริ่มหมุนเร็วขึ้นขณะพยายามคิดหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้ให้มากที่สุด แต่คำสาบานที่ให้ไว้นั้นถือได้ว่าเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของเธอ
เรื่องที่ลำบากยิ่งกว่าก็คือวิธีที่วาห์นปฏิบัติกับเธอตั้งแต่แรก
โลกิรู้ว่าแม้เธอจะพยายามเข้าหาและเข้าใกล้เขามากขึ้น มันก็คงเป็นการยากในการฝ่ากำแพงที่วาห์นสร้างขึ้นมาให้เธอโดยเฉพาะ
แม้จะพยายามใช้ความเห็นอกเห็นใจของเด็กหนุ่มและทำให้เขาสงสารเธอ มันก็อาจจะมีอุปสรรคอื่นๆ อยู่ด้วย… เช่นหญิงสาวสองคนที่มาอยู่ตรงหน้านี่แหละ
สีหน้าของโลกิเริ่มจริงจังขณะถามต่อ
“การที่มาบอกกันตอนนี้… รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเรื่องนี้คงเก็บไว้ไม่ได้นานนัก
อยากให้ฉันช่วยปกป้องวาห์นและข้อมูลที่เกี่ยวกับสายเลือดของเขาตลอดช่วงที่เธอท้องล่ะสิ?”
โลกิเชื่อจริงๆ ว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้น แต่เฮเฟสตัสกลับขัดจังหวะความคิดของเธอ
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหนนะ โลกิ
ถ้าไม่ทำแบบนี้ เธอก็คงจะวางแผนชิงตัววาห์นทันทีที่รู้ว่าฉันท้อง
สถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ เธออาจใช้เทพและเทพธิดาคนอื่นๆ เพื่อมากดดันวาห์นกับฉัน”
โลกิขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่มีทางที่จะปฏิเสธคำพูดของเฮเฟสตัสได้เลย
ความสามารถของวาห์นในการทำให้เทพธิดาตั้งครรภ์ได้นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก มากเสียจนเธอไม่อาจทนนิ่งดูดายอยู่ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ต้องทำเรื่องอย่างว่าด้วยตัวเอง แต่โลกิรู้ว่าเหล่าทวยเทพจำนวนมากจะต้องมาเสาะหาเขาทันทีที่ข่าวนี้รั่วไหลออกไป
เธอไม่รู้ว่าเฮเฟสตัสวางแผนที่จะปกป้องวาห์นยังไง แต่คิดว่ามันคงจะเกี่ยวข้องกับเธอด้วย
“นี่คงคิดเอาไว้หมดแล้วใช่ไหม?” ขณะที่พูด โลกก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแย้มราวกับปีศาจ
เฮเฟสตัสรู้สึกเคืองๆ กับคำพูดของเทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์ แต่เธอก็ทำได้แค่กัดฟันก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติตัวเอง
หลังจากนั้นเธอก็อธิบายต่อ
“ฉันไม่ใช่แค่รู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน แต่ยังรู้ด้วยว่าวาห์นเป็นคนแบบไหน
หลังจากได้ปรึกษากับเอน่าแล้ว เราเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะเป็นการดีที่สุดหากรวมเธอเข้ามาในแผนเพื่อรับประกันความปลอดภัยของวาห์นด้วย
การที่เธอให้เขาทำพิธีสาบานเพื่อเข้าร่วมการสำรวจดันเจี้ยนนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้เธอมากเกินไป
แม้ว่าวาห์นอาจจะไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่ฉันมั่นใจว่าในที่สุดเขาก็คงหนีไม่พ้นแผนของเธอเพราะความเห็นอกเห็นใจแน่นอน”
โลกิขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะดูเหมือนเธอจะโดนผู้หญิงสองคนนี้อ่านออกจนหมดไส้หมดพุง
“แล้วพวกเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?” เธอถามเสียงเรียบ
“คงรู้นะว่าไม่มีทางที่ฉันจะหลีกเลี่ยงการเข้าหาวาห์นหลังจากได้ข้อมูลใหม่นี้มา”
โลกิจ้องมองดวงตาที่เย็นยะเยือกของเฮเฟสตัสในขณะที่ทั้งสองประสานตากันไปหลายอึดใจ
ในที่สุดเฮเฟสตัสก็ตอบเธอกลับไป
“ฉันต้องการให้เธอสาบานว่าจะให้วาห์นเป็นคนตัดสินใจเองโดยไม่ไปกดดันเขา
เธอไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเขาหรือบงการความคิดของเขาโดยใช้สาวๆ รอบตัวเป็นเครื่องมือได้…”
คำพูดของเฮเฟสตัสทำให้โลกิเผยสีหน้าโมโหสุดๆ ขณะตอกกลับด้วยน้ำเสียงแหลมคม
“แล้วฉันจะได้อะไรจากการสาบานนี้เล่า!?
คิดว่ายุติธรรมมากเหรอที่มีแต่เธอและกับยัยเทพสุนัขนั่นที่สามารถมีลูกได้!
มีเทพธิดานับไม่ถ้วนที่อยากมีลูกจนใจจะขาดตั้งแต่อดีตมาจนถึงตอนนี้
เธอจะมาทำเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ได้นะ เฮเฟสตัส!”
แม้มันจะไม่สมกับเป็นเธอเลย แต่โลกิก็อดไม่ได้ที่จะพูดสวนเฮเฟสตัสหลังได้เห็นสายตาเย็นชาและได้ฟังคำพูดของเธอ
เรื่องนี้ทำให้เธอเสียเปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เพราะวาห์นไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ในขณะที่โลกิกำลังรู้สึกปั่นป่วนในใจ เฮเฟสตัสก็ยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาแบบเดิมจนกระทั่งเทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์เริ่มใจเย็นลง
พอสติของเธอกลับมาแล้ว เฮเฟสตัสจึงพูดต่อ
“เธอน่าจะรู้จักวาห์นดีแล้ว… ถึงอาจจะยอมมีลูกกับเธอ คิดเหรอว่าเขาจะยอมให้เธอเลี้ยงเด็กคนนั้นได้ตามใจชอบ?”
ขณะที่เฮเฟสตัสพูด โลกิก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและนึกย้อนไปถึงตอนที่วาห์นเผชิญหน้ากับเธอได้อย่างง่ายดาย
ออร่าของเขาแข็งแกร่งพอที่จะกดดันเธอได้ และไม่มีทางเลยที่พลังของเขาจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น
แม้จะมีลูกด้วยกัน แต่มีโอกาสสูงมากที่เขาจะต่อต้านวิธีการเลี้ยงของเธอ
พอจินตนาการถึงภาพที่ลูกถูกพรากไปจากเธอ โลกิก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองมากกว่าครั้งไหนๆ
เป็นเวลาชั่วครู่ที่เธอรู้สึกเกลียดพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองที่บังคับให้เธอมีบุคลิกแบบนี้
แม้แต่ตอนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะวางแผน คิดวิธี และค้นหาช่องโหว่จากสถานการณ์ตรงหน้า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คิดออกมาได้แต่ละอย่างนั้นไม่มีทางรับประกันได้เลยว่าเธอจะได้อุ้มท้องลูกของวาห์น
เพราะแผนที่มีโอกาสสำเร็จสูงสุด ก็คือเกลี้ยกล่อมให้เหล่าทวยเทพกักขังวาห์นและทำเหมือนกับเขาเป็นพ่อพันธุ์ซึ่งน่าจะมีหลายฝ่ายที่ออกมาต่อต้าน
ขณะที่เธอกำลังคิดวนไปวนมาอยู่ในใจ เฮเฟสตัสก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ตราบใดที่เธอทำพิธีสาบาน ฉันขอรับประกันว่าเธอจะได้เลี้ยงดูลูกของตัวเองแน่นอน
หากแฟมิเลียของเราและสาวๆ คนอื่นร่วมมือกัน เราจะสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ของวาห์นในสภาพแวดล้อมเดียวกันได้
เธออาจจะไม่ได้รับสิทธิ์ขาดในตัวเด็กที่จะเกิดออกมา แต่เธอก็จะมีอิทธิพลในชีวิตของพวกเขามากขึ้น”
คำพูดของเฮเฟสตัสทำให้ฟันเฟืองในหัวของโลกิหยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่พวกมันจะเริ่มหมุนอีกครั้งเพื่อไตร่ตรองข้อมูลใหม่
ถ้าเธอทำพิธีสาบาน การต่อต้านก็จะเหลือเพียงเล็กน้อย
เพราะวาห์นคงไม่อาจมางัดข้อกับเธอได้ง่ายๆ หากเสียงสนับสนุนของพวกสาวๆ นั้นอยู่ข้างเดียวกับเธอ
เธอยังมีโอกาสได้พบกับลูกๆ คนอื่นของวาห์นซึ่งน่าจะอัดแน่นไปด้วยศักยภาพเช่นกัน
ความคิดและความรู้สึกด้านลบทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในใจของเธอก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นสำหรับอนาคตที่จะมาถึง
หากเดินเกมถูก ไม่เพียงแต่เธอจะมีเด็กๆ ที่ทรงพลังเท่านั้น แต่เธออาจใช้ความสัมพันธ์กับสาวๆ คนอื่นเพื่อขยายอิทธิพลไปยังลูกพวกเธอได้ด้วย
โลกิมองมาทางเฮเฟสตัสและเอน่าด้วยรอยยิ้มกวนๆ อีกครั้ง
“ก็แค่พิธีสาบานเองนี่นะ? ข้อจำกัดนิดๆ หน่อยๆ จะมาเทียบกับวาห์นผู้ที่ร้อยล้านปีจะโผล่มาสักครั้งหนึ่งได้ยังไงกัน~?”
ขณะที่เธอคิดแบบนั้น จิตใจของโลกิก็ล่องลอยไปหาเด็กหนุ่มที่สร้างความสนใจให้กับตัวเองได้อย่างไม่รู้จบ
ตอนนี้เธอรู้เกี่ยวกับอดีตของเขาแล้ว และเธอสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนั้นเพื่อช่วยกำหนดอนาคตของพวกเขาทั้งสองได้ด้วย
แม้ว่าเธอจะต้องตกหลุมรักเด็กหนุ่มอย่างจริงจังเพื่อทำให้เขายอมรับ มันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่จะตามมาในอนาคต…
เพราะเธอสามารถหลอกคนอื่นได้… ทำไมเธอถึงจะหลอกหัวใจของตัวเองไม่ได้ล่ะ?
—
ในที่สุดวาห์นก็หายจากอาการมึนงงขณะที่เขาค่อยๆ มุ่งหน้ากลับบ้าน
ตอนนี้เขายืนยันได้แล้วว่าโลกิเองก็เข้าร่วมการประชุมเช่นกัน และเดาได้เลยว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
เพราะค่าความชื่นชอบของเธอคงจะไม่ขึ้นมาเต็มร้อยเพราะเรื่องเล่นๆ
หลังพิจารณาจากสิ่งที่เขารู้ในตอนนี้ สาเหตุเดียวที่เป็นไปได้ก็คือเธอรู้เรื่อง [เอ็นคิดู] ของเขาแล้ว
วาห์นเข้าใจดีว่าอาจจะมีเทพธิดาหลายองค์เข้าหาเขาเพื่อใช้ประโยชน์จากไอเท็มชิ้นนี้ โดยเฉพาะหากมันสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ
(TL: ยังไม่มีใครทดลองจริงจัง สิ่งที่พูดๆ กันนี่ยังเป็นแค่ทฤษฎี)
เขารู้สึกเห็นใจต่อความปรารถนาที่จะมีลูกของพวกเธอจริงๆ และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาซื้อหนังสือมาหลายเล่มเพื่อศึกษาเรื่องนี้
แม้คาดไว้แล้วว่าเทพธิดาแสนซนจะรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วแบบนี้
ตอนนี้วาห์นคงต้องเตรียมตัวรับมือกับแผนของเธอ ไม่งั้นเขาอาจตกหลุมพรางที่ไม่มีวันกลับออกมาได้ง่ายๆ
ตอนนี้ความกังวลหลักๆ ของวาห์นคือควรจะใช้ [ความปรารถนาของหัวใจ: โลกิ] ที่เพิ่งได้รับมาดีหรือเปล่า
ทุกครั้งที่เขาคิดจะใช้มัน สัญชาตญาณของตัวเองก็ร้องเตือนจนเขารู้สึกกลัวที่จะเห็นความปรารถนาของเทพธิดาองค์นี้
วาห์นรู้สึกว่า หากได้เห็นว่าสิ่งที่เธอปรารถนาอย่างแท้จริงแล้ว เขาจะไม่สามาถกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก
เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าคนปลิ้นปล้อนที่วัดค่าคนอื่นตามผลประโยชน์นั้นจะมีอะไรอยู่ในใจบ้าง
กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ใกล้ 6 โมงเย็นแล้วและเกือบถึงเวลาที่จะเข้าสู่ลูกแก้วได้อีกครั้ง
ที่จริงเขาจะเข้ามันจากที่ไหนก็ได้เพราะมันกินเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ไม่รู้ว่าในนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หากถูกเอวานเจลีนอัดจนเละในนั้น ตอนที่วาห์นออกมาก็คงจะสลบไปเลย
ภาพที่ตัวเองล้มลงกลางถนนหรือในตรอกข้างทางและทำลูกแก้วหล่นหายนั้นทำให้วาห์นรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
หลังจากใช้พลังเขตแดนตรวจสอบรอบบ้านแล้ว วาห์นก็พบว่ามันยังว่างเปล่าเช่นเดิม
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้ากลับห้องและใช้โอกาสนี้เข้าไปในลูกแก้ว
อย่างน้อยเขาก็จะได้นอนอยู่บนเตียงของตัวเองหากไปทับหางและถูกแวมไพร์ตัวน้อยอัดจนสลบเหมือด
หลังจากนอนผ่อนคลายอยู่บนเตียงแล้ว วาห์นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเพ่งจิตเข้าไปในลูกกลมๆ สีดำ
เมื่อลืมตาขึ้นก็ตระหนักว่าเขากำลังอยู่บนเตียงที่อยู่ภายในมิติขาวดำ
เพราะเขานอนตอนอยู่ข้างนอก ร่างกายของเขาในนี้จึงนอนอยู่ในสภาพเดียวกันและพบว่าข้างๆ ยังมีใครอยู่ด้วย
พอหันไปก็เห็นดวงตาสีฟ้าเย็นตาเย็นยะเยือกของเอวานเจลีนที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความตกใจ
แทนที่จะแต่งตัวแนวโกธิคสีดำพร้อมริบบิ้นแบบทุกครั้ง ตอนนี้เธอสวมชุดนอนหลวมๆ กึ่งโปร่งใสสีดำและกำลังมองเข้าไปในดวงตาของเขา
ช่วงเวลาที่วาห์หันไปตรวจสอบชุดนอนนั่น เธอก็พุ่งมาจับเขาเหวี่ยงออกไปนอกเตียง
เอวานเจลีนใช้ผ้าห่มปกปิดร่างกายไว้ขณะตะโกนใส่วาห์นซึ่งยังไม่ตกถึงพื้นและลอยอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร
“อย่ามาจ้องแบบนี้นะ ไอ้เด็กบ้า! แล้วทำไมถึงมาสาย ฮ้ะ! งี่เง่า บ้ากาม สมองลา!”
วาห์นไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ขณะพยายามกลับตัวกลางอากาศเพื่อที่จะได้ไม่ลงไปในสภาพหัวปักพื้น
หลังจากเท้าถึงพื้นและไถลต่อไปอีกสองสามเมตร เขาก็มองเข้าไปในดวงตาของเอวานเจลีนผู้ที่ใช้เวทเคลื่อนย้ายมาอยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าน่ากลัว
เธอกลับมาใส่ชุดปกติอีกครั้งและวาห์นรู้สึกว่าตนต้องถูกตะเพิดออกไปแน่ๆ หากพูดไม่เข้าหูแม้แต่นิดเดียว
แม้อยากจะถอนหายใจ แต่วาห์นก็ยังคงสีหน้าไว้แบบเดิมขณะจ้องมองดวงตาที่ดูเอาเรื่องของแวมไพร์ตัวน้อยและยิ้มให้หน่อยๆ
“ขอโทษนะเอวานเจลีน ฉันรีบมาเร็วที่สุดแล้ว”
จากนั้นก่อนที่เธอจะได้ตอบโต้ วาห์นก็ใช้ท่าไม้ตายและซื้อ [ช็อตเค้กสตรอว์เบอร์รีสุดหรู] ที่มีราคาถึง 100 OP จากระบบ
เขายื่นเค้กสามชั้นซึ่งถูกตกแต่งด้วยครีมและสตรอเบอร์รี่อย่างไร้ที่ติออกมาข้างหน้าราวกับเป็นการกราบไหว้บูชา
สายตาตำหนิในของเอวานเจลีนสลายหายไปทันทีขณะจ้องมองเค้กชิ้นใหญ่ที่วาห์นถืออยู่
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็โบกมือและใช้พลังจิตยกเค้กขึ้นก่อนจะหันกลับไปหาวาห์น
“ก็ได้ รอบนี้ฉันจะยกโทษให้ ต่อไปห้ามให้ฉันรอนานอีกนะ…”
พอพูดจบ เอวานเจลีนก็หายตัวไปพร้อมกับเค้กก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงโต๊ะทำงานและว่างมันลงข้างๆ หนังสือกองใหญ่
วาห์นถอนหายใจก่อนจะเดินไปรอบๆ และสำรวจความเละเทะที่เธอสร้างไว้ตอนเขาไม่อยู่
เขาหยิบหนังสือเล่นหนึ่งขึ้นจากโต๊ะและดูตรงหน้าปก
ในขณะที่ทำแบบนั้น วาห์นก็ต้องมานึกเสียใจในทันทีเพราะดวงตาของเอวานเจลีนเบิกกว้างขึ้นขณะที่เธอจ้องมาด้วยใบหน้าติดแดงๆ
หนังสือที่วาห์นหยิบขึ้นมา รวมไปถึงหนังสืออีกหลายเล่มที่วางอยู่รอบโต๊ะนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับวงศาวิทยา การตั้งครรภ์ และการเพิ่มอัตราการเกิดทั้งสิ้น
เมื่อหันไปสบตากับแวมไพร์ตัวเล็ก เขาก็รู้สึกว่าอุณหภูมิแถวนั้นลดลงไปหลายองศาก่อนที่เธอจะตะโกนเสียงดัง
“อย่ามองแบบนั้นนะ ไอ้งี่เง่า! ลืมแล้วเหรอว่าใครเป็นคนให้หนังสือพวกนี้มา!”
ก่อนจะพูดจบ เธอก็ส่งวาห์นขึ้นไปบินเล่นเป็นครั้งที่สองของวันนี้