Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 167
ขณะที่วาห์นทำการทดสอบไอเท็มชิ้นใหม่ เอวานเจลีนก็ใช้พลังของเธอตรวจสอบการไหลเวียนของมานาเพื่อดูโครงสร้างการทำงานของมัน
เธอสังเกตได้จากตอนที่ใช้อาวุธขนาดยักษ์ก่อนหน้านี้ว่าวงจรเวทมนต์และการทำงานของมันนั้นต่างจากโลกของเธออย่างสิ้นเชิง
ถ้าไม่ใช่เพราะวาห์นออกแบบมันมาให้ใช้งานง่าย เธอก็คงจะปล่อยพลังแบบเมื่อกี้ไม่ได้แน่นอน
ขณะที่วาห์นยังคงกระโดดโจมตีอากาศไปมา เอวานเจลีนก็ยังคงเฝ้าสังเกตการกระทำของเขาและพยายามทำความเข้าใจกับความแตกต่างนั้นอยู่เรื่อยๆ
แม้จะอ่านหนังสือที่วาห์นให้ไปหนึ่งพันเจ็ดร้อยสิบแปดเล่มแล้ว แต่เกือบครึ่งนั้นเป็นเนื้อหาที่คลุมเครือ ขณะที่เล่มอื่นๆ ก็เกี่ยวข้องกับความรู้ทั่วไป ประวัติศาสตร์ และตำนานเทพนิยายบางอย่าง
เธอไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับโครงสร้างเวทมนตร์ที่แท้จริงของโลกใบนี้เลย และยังไม่รู้ว่าจะสอนเด็กหนุ่มอย่างไรเพราะไม่มีสิ่งใดมารับประกันได้ว่า ‘บัญญัติ’ ที่อยู่เบื้องหลังเวทมนตร์ของเธอนั้นจะสามารถนำมาใช้ในโลกของวาห์นได้
เอวานเจลีนวางปากกาลงและลุกขึ้นจากเก้าอี้แสนสบายก่อนจะหายตัวไปจากตรงนั้น
วาห์นเพิ่งจะชกหมัดออกไปเต็มกำลังถึงกับต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ เอวานเจลีนก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า
แม้จะพยายามเบี่ยงการโจมตีออกไปแล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะเอวานเจลีนมาคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนจะจับเขาทุ่มไปอีกด้านในลักษณะที่คล้ายกับสึบากิ
ถึงจะเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมากแต่มันก็เป็นสิ่งที่วาห์นเคยประสบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ดังนั้นเขาจึงสามารถบิดเอวและวางเท้าลงไปก่อนที่เธอจะทุ่มได้สำเร็จ
เอวานเจลีนที่คาดว่าวาห์นต้องหน้าจุ่มพื้นแน่นอน กลับต้องเบิกตาเล็กน้อยในขณะเอ่ยชม
“โอ้ ไม่เลวนี่”
“ทำอะไรของเธอเนี่ย?” วาห์นที่จู่ๆ ถูกเธอเล่นที่เผลอก็รีบถามกลับด้วยสีหน้าบึ้งๆ
“ก็นายมาโจมตีใส่ฉันก่อนทำไมล่ะ?” เอวานเจลีนเอียงหน้าและให้คำตอบที่วาห์นคิดว่ามัน ‘ตลกสิ้นดี’
“ฉันก็แค่ใช้เวทเคลื่อนย้ายเขามาถามคำถามนิดหน่อยเอง
อย่ามาโทษคนอื่นเพียงเพราะว่านายหละหลวมเรื่องการควบคุมพลังของตัวเองสิ”
คำพูดของเอวานเจลีนนั้นเจ็บแสบมาก และเธอก็พูดราวกับเป็นการสั่งสอนวาห์นไปในตัว
วาห์นจึงได้แต่ส่ายหัวและปลดการแปลงร่างก่อนจะถามต่อ
“อยากถามอะไรก็ว่ามาสิ”
เมื่อได้ยินวิธีที่วาห์นใช้พูด เอวานเจลีนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทุกครั้งที่ไม่ยอมเรียกฉันว่ามาสเตอร์ นายจะโดนบทลงโทษเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างเมื่อถึงเวลาฝึกจริง
ปรับทัศนคตินั่นซะจะได้ไม่ต้องมาลำบากทีหลัง… หรือว่านายอยากทดสอบความอดทนของฉันตั้งแต่ตอนนี้เลย?”
วาห์นถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินไปทางห้องทำงานของตัวเอง
แม้จะเห็นว่าเธอไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาอยากมาต่อล้อต่อเถียงด้วยเลย
วาห์นไม่เคยรู้เลยว่าการมองเห็นออร่าของคนอื่นนั้นจะสร้างความลำบากให้มากขนาดนี้
หากมองไม่เห็นมัน เขาคงจะโกรธเธอและอาจยอมทำตามเพื่อทำให้ชีวิตในนี้ง่ายมากขึ้น
แต่เนื่องจาก ‘เห็น’ ว่าเธอไม่ได้อารมณ์เสียจริงจัง วาห์นจึงคิดว่ามันน่าออกจะเบื่อหน่ายมากกว่าดูน่ากลัว
พอเห็นวาห์นเดินออกไป เอวานเจลีนก็ได้แต่กัดฟันเสียงดังและอยากจะอัดไอ้เด็กนี่ให้น่วมเสียเหลือเกิน
เธอพร่ำบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะจ่ายคืนให้อย่างงามเมื่อการฝึกเริ่มต้นขึ้น
แต่ว่าในตอนนี้ เธอคงต้องกลืนความโกรธลงไปก่อนและเรียกหาเขาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิวาห์น ฉันมีเรื่องจะถาม”
วาห์นหยุดเท้าลงและหันกลับไปก่อนจะถามเสียงเรียบ
“จะถามอะไรล่ะ เอวานเจลีน?”
พอได้ยินวาห์นเรียกเธอว่า ‘เอวานเจลีน’ แทน ‘มาสเตอร์’ เอวานเจลีนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
หลังจากเย็นลงแล้ว เธอก็ถามขึ้น
“นายไม่มีพวกหนังสือเวทมนตร์หรือพวกคัมภีร์ให้ฉันใช้ศึกษาเลยเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามที่ดูจริงจังขึ้นมาหน่อย วาห์นก็หันกลับไปแบบเต็มๆ ก่อนจะตอบข้อสงสัยของหญิงสาว
“ไม่ใช่ว่าหาไม่ได้เลย แต่มันออกจะเป็นการยากสักหน่อย
มีหนังสือไม่มากที่เกี่ยวกับเวทมนตร์โดยตรงเพราะส่วนใหญ่พวกมันจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ในโลกของฉัน เวทมนตร์ที่ผู้คนใช้กันมักจะเป็นสกิลที่เกิดขึ้นมาเองโดยไม่ได้รับการศึกษามาก่อน
เอวานเจลีนพยักหน้าราวกับ ‘คาดไว้แล้ว’ ขณะมองไปที่วาห์นและถามต่อ
“ฉันอยากให้นายสร้างไอเท็มและทิ้งไว้ให้ฉันใช้ศึกษาสักชิ้นสองชิ้นน่ะ
ดูเหมือนนายจะมีความรู้เรื่องอักษรรูน สัญลักษณ์ และวงจรมานาอยู่ด้วยนี่
จนว่าจะหาหนังสือเวทมนตร์มาได้ก็สร้างไอเท็มให้ฉันใช้แก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน”
เอวานเจลีนจับคางของตัวเองและทำท่าไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ขอเป็นคทาก็แล้วกันนะ”
วาห์นตระหนักว่าวิธีที่เธอใช้ขอนั้นไม่ใช่การถามแต่ดูเหมือนเป็นคำสั่งซะมากกว่า
เขาบอกได้เลยว่าเธอกำลังคาดหวังว่าเขาจะยอมสร้างมันให้ทันทีที่เอ่ยปากขอ
จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาทำให้ไม่ได้ เพราะเธอเองก็ทำประโยชน์ให้เขามากมาย แต่ครั้งนี้วาห์นกลับไม่ยอมง่ายๆ
เขาส่ายหัวและหันไปจ้องประสานตากับเธอ
“ขอปฏิเสธ ฉันก็ทำให้ได้อยู่หรอกนะถ้าเธอพูดดีๆ ด้วย แต่ถ้าจะมาสั่งกันห้วนแบบนี้ก็ลืมไปได้เลย”
วาห์นไม่รออยู่ฟังคำตอบของหญิงสาวและมุ่งหน้ากลับห้องทำงานทันที
เอวานเจลีนจ้องมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกขุ่นมัว
เธอเกลียดการที่เขามาเมินใส่กันแบบง่ายๆ ราวกับว่าอ่านการกระทำของเธอออกหมดและทำให้เอวานเจลีนรู้สึกหงุดหงิดสุดๆ เพราะเธอไม่อาจลดศักดิ์ศรีของตัวเองให้กับผู้ที่จะมาเป็นลูกศิษย์ของเธอได้
แม้เธอจะทำหลายๆ อย่างเพื่อช่วยเขา แต่วาห์นก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของตัวเองมากกว่าและไม่คิดจะใส่ใจกับความพยายามของเธอเลย
เอวานเจลีนยังคงจ้องมองแผ่นหลังของเขาไปเรื่อยๆ จนคนตรงหน้าเริ่มสร้างไอเท็มชิ้นต่อไป
พอได้ยินเสียงค้อนกระทบกับโลหะ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นขณะใช้เวทเคลื่อนย้ายเพื่อกลับมานั่งที่เก้าอี้
พอนั่งลงแล้ว เอวานเจลีนจึงหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มทำการวิจัยต่อไปพร้อมกับพยายามไม่สนใจลูกศิษย์ที่ดู ‘ไม่แยแส’ ของเธอ
ช่วงที่เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อทำงานต่อนั้น น้ำตาก็หล่นลงมาเปรอะหน้ากระดาษที่กำลังขีดเขียนอยู่
ทันทีที่หญิงสาวเห็นคราบน้ำตานั่น เธอก็หายตัวไปจากเก้าอี้และเข้าไปซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าทันที
วาห์นยังคงทำงานต่อไปโดยไม่ใส่ใจว่าเอวานเจลีนกำลังทำอะไรอยู่
ตอนนี้เขามีถุงมือคู่ใหม่แล้ว วาห์นจึงต้องการที่จะทำเกราะขาต่อ
แม้จะไม่ได้โจมตีด้วยการการเตะบ่อยอะไรนักแต่ก็ไม่ใช่ว่าวาห์นจะไม่เคยรับการโจมตีด้วยขามาก่อน เขาจึงอยากทำให้แน่ใจว่าพวกมันได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี
เนื่องจากวาห์นมักจะพึ่งพาความคล่องตัวเพื่อต่อกรกับศัตรู การป้องกันขานั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
เพราะกระบวนการดังกล่าวคล้ายกับวิธีที่ใช้สร้างเกราะแขน วาห์นจึงทำออกมาเสร็จเรียบร้อยด้วยเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
เมื่อพิจารณาว่าขนาดของมันนั้นใหญ่ว่าเกราะแขน การใช้เวลาทำพอๆ กันเป็นสัญญาณว่าเขากำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขามีเกราะขาติดเกล็ดสีดำมาเชยชมแล้ว วาห์นจึงอยากลองสิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ดู
เขานึกถึงดาบคู่ที่เป็นผลงานชิ้นแรกและอยากลองทำแบบเดียวกันอีกครั้ง
ขณะกำลังจะตั้งชื่อให้มัน เขาก็พยายามเพ่งจิตเพื่อทำให้แน่ใจว่าผลที่ออกมานั้นตรงตามความต้องการ
[เกราะขาเต่าทมิฬ]
ระดับ: A (เวทมนตร์)
ช่อง: 0
พลังป้องกัน: 598+120
พลังป้องกันเวท: 680+136
คุณสมบัติ: ดูรันดัล(A), ดูดซับแรงกระแทก(B), บีบอัดพลังงาน(B), ผลจากชุดเซ็ตเต่าทมิฬ(20%)
เกราะขาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘เต่าทมิฬ’ หนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนที่ห่างไกล
ได้รับพลังส่วนหนึ่งจากเต่าทมิฬและทำให้ผู้ใช้เลียนแบบพลังอำนาจของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ได้
เสริมความสามารถในการป้องกันของไอเท็มภายในเซ็ตเต่าทมิฬ
วาห์นได้รับ 1,519 และ 1,517 OP ตามลำดับและรู้สึกดีสุดๆ เมื่อเห็นความสามารถ ‘ชุดเซ็ตเต่าทมิฬ’
อย่างที่คาดไว้เลย ตราบใดที่ทำการสร้างไอเท็มและใส่เจตนาเข้าไปตอนตั้งชื่อ เขาก็จะสามารถสร้างผลที่เกื้อหนุนกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้ซึ่งไม่เคยปรากฏที่ไหนในเรคคอร์ดนี้มาก่อนเลย
แม้จะยังห่างไกลกับการสร้างไอเท็มเพื่อให้เฮเฟสตัสประทับใจ แต่ตอนนี้วาห์นก็รู้สึกมีความหวังมากขึ้น
หลังจากสวมใส่ไอเท็มผ่านเมนูอุปกรณ์แล้ว วาห์นก็กำลังนำพวกมันไปทดสอบก่อนจะชำเลืองมองไปที่โต๊ะทำงานของเอวานเจลีน
เขาเพิ่งสังเกตว่าเธอหายไปจนต้องหันไปที่เตียงเพื่อดูว่าเธอกำลังหลับอยู่หรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยู่จากเตียงเช่นกัน วาห์นก็เริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อตามหาร่างของแวมไพร์สาวตัวน้อย
วาห์นมองหายังไงก็ไร้วี่แววจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนขณะเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเธอ
วาห์นดูบันทึกและต้นฉบับงานวิจัยต่างๆ ที่เอวานเจลีนเขียนขึ้นก่อนจะพบสิ่งแปลกประหลาด
มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกเปิดทิ้งไว้พร้อมกับปากกาที่เอวานเจลีนใช้ประจำรวมไปถึงถาดใส่น้ำหมึกบนโต๊ะไม้
วาห์นคว้าปากกาขนนกมาวางไว้ในถาดหมึกก่อนจะตรวจสอบหนังสือที่เอวานเจลีนอ่านค้างอยู่
เมื่อไล่ดูเนื้อหาบนหน้ากระดาษ วาห์นก็พบส่วนที่น้ำหมึกดูจางลงไปซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากมีของเหลวหกใส่
วาห์นขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ บริเวณนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่และมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
แม้เธอจะทำให้เขารำคาญ แต่วาห์นก็ไม่ใช่คนประเภทที่ทำผู้หญิงร้องไห้แล้วจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
เขารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายและเมื่อกี้ก็แค่ทำซึนมากไปหน่อยเท่านั้นเอง
ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองพูดออกไปนั้นทำให้เธอเสียใจจนวาห์นอดไม่ได้ที่จะตามเอาใจเธอเสียหน่อย
ถึงในใจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่วาห์นรู้ตัวดีว่าเขายอมลำบากดีกว่าปล่อยให้คนอื่นเสียเพราะการกระทำของเขาเอง
แม้อยากจะหยุดพักหลังทดสอบเกราะขาเสร็จ แต่วาห์นก็หยิบค้อนขึ้นมาและเริ่มสร้างอุปกรณ์ชิ้นใหม่ทันที
โลหะที่เขาใช้มีส่วนประกอบของมิธริลกับโอริแคลคัมเพื่อรับประกันว่าไอเท็มชิ้นนี้จะมีคุณสมบัติเป็นสื่อนำเวทมนตร์ที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยสร้างมา
เนื่องจากเขาอยากให้ตัวโลหะมีสีดำ-ทองตัดกันสวยงาม วาห์นจึงนำโลหะสองชนิดนี้มาพันกันเป็นเกลียวและใช้อะดาแมนไทน์เป็นแกนกลางเพื่อทำให้แน่ใจว่าไอเท็มที่ออกมานั้นจะมีความคงทนแบบสุดๆ
เนื่องจากความซับซ้อนของงานชิ้นนี้ วาห์นจึงใช้เวลาไปเกือบสิบสามชั่วโมงเพื่อปรับแต่งตรงส่วนหัวของไอเท็มให้เป็นเกลียวคล้ายกับมีมังกรมาหมุนอยู่รอบๆ แกนคริสตัลสีน้ำเงินเม็ดโต
ผลที่ออกมาก็คือคทาเวทมนตร์สูงเกือบสองเมตรที่มีมังกรดำและมังกรทองขดกันไปมาก่อนจะบรรจบกันที่ตรงหัวคทา
วาห์นยังแกะสลักรายละเอียดตรงส่วนหัวของมังกรอย่างประณีตเพื่อทำให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น
แกนกลางที่เขาใช้นั้นคือวัตถุดิบที่มีชื่อว่า ‘ดวงตามังกรน้ำแข็ง’ แม้ว่ามันจะไม่ได้ดวงตามังกรจริงๆ ก็ตาม
มันเป็นแร่หายากที่สามารถพบได้ในส่วนที่ไกลที่สุดของไอร่อนฮิลล์ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของโอราริโอ้
วาห์นเหนื่อยแบบสุดๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจกับงานที่ออกมา
เขายังถือว่ามันเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเนื่องการสร้างคทาอันนี้มีความซับซ้อนยิ่งกว่า [อเมซอนเริงระบำ] เสียอีก
หลังจากเพ่งจิตไปเล็กน้อย วาห์นก็จินตนาการถึงภาพของแวมไพร์ตัวเล็กที่สวมชุดคล้ายกับสีของคทา
เธอมีเรือนผมสีทองและสวมชุดสีดำซึ่งดูเข้ากับไอเท็มชิ้นนี้เป็นอย่างมาก
ในภาพนั้นเธอกำลังยืนอยู่บนท้องฟ้าที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเสาน้ำแข็ง
วาห์นอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าเธอเป็นเหมือนจักรพรรดินีที่ยืนอยู่เหนือคนอื่น
พอคิดแบบนั้น เด็กหนุ่มก็ยิ้มขณะพูดเสียงเบา “แกจะมีชื่อว่า [จักรพรรดินีแห่งน้ำแข็ง]”
เพราะอยู่ในสภาพหมดแรงอยู่ก่อนแล้ว วาห์นเลยรู้สึกว่าพลังงานหยดสุดท้ายในร่างของตนกำลังถูกดูดออกไปจนหมด ก่อนจะใช้สติที่ยังเหลืออยู่เข้าตรวจสอบไอเท็ม
[จักรพรรดินีแห่งน้ำแข็ง]
ระดับ: A (เวทมนตร์)
ช่อง: 2
พลังโจมตี: 411
พลังโจมตีเวทมนตร์: 1337
คทาที่ถูกหล่อหลอมด้วยความใส่ใจในรายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยนำมิธริลและโอริแคลคัมมาทำเป็นมังกรสองตัวซึ่งขดอยู่รอบๆ แกนอะดาแมนไทน์
แกนกลางของคทาจะช่วยเสริมพลังให้กับเวทมนตร์ธาตุน้ำแข็งและทำให้ผู้ใช้สามารถแช่แข็งทุกอย่างในใต้หล้าได้หากเขา/เธอคู่ควร
หากผู้ใช้ไม่คู่ควรหรือมีฐานะต่ำต้อย คทาจะทำให้เลือดในกายของเขา/เธอจับตัวกันเป็นน้ำแข็งโทษฐานที่มักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว
หลังจากอ่านคำอธิบายแล้ว วาห์นก็นั่งและฟุบตัวลงไปกับโต๊ะทำงาน
เขาถือไม้เท้าไว้ในมือขณะกระซิบไปที่ความว่างเปล่า
“นี่สำหรับเธอนะ เอวานเจลีน… เลิกงอแงได้แล้วน่า”
พอพูดถึงตรงนั้น วาห์นก็หมดสติไปขณะที่มีร่างของสาวน้อยคนหนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
เอวานเจลีนให้ความสนใจกับวาห์นตั้งแต่ตอนที่เขาเดินมาตรงโต๊ะทำงานแล้ว และเกือบจะออกไปเก็บหนังสือมาจากใต้จมูกของเขาก่อนที่ ‘หลักฐาน’ จะถูกเปิดโปง
โชคไม่ดีที่ขณะลังเลอยู่นั้น วาห์นก็พบหนังสือและสังเกตเห็นคราบน้ำตาด้วยการมองคร่าวๆ
พอเห็นเขาถอนหายใจ เอวานเจลีนก็รู้สึกอายสุดๆ จนแทบอยากจะดีดวาห์นออกไปจากมิติ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอคาดไว้มาก
แทนที่จะพยายามพูดกับเธอหรือบ่นอะไรออกมา วาห์นกลับมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานและเริ่มสร้างไอเท็มชิ้นใหม่ทันที
เนื่องจากเข้าใจว่าก่อนหน้านี้วาห์นกำลังจะทำการทดสอบไอเท็มใหม่ เอวานเจลีนจึงรู้สึกสนใจสิ่งที่เขากำลังทำอยู่แทนที่จะดำเนินการทดสอบตามแผนเดิม
แม้ตอนแรกเธอจะยังไม่รู้ว่าไอเท็มชิ้นนี้คืออะไร แต่ไม่นานก็รู้ว่าวาห์นกำลังสร้างคทาเวทมนตร์ขึ้นมา
เอวานเจลีนรู้สึกว่าหัวใจนั้นเจ็บแปลบขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกอยากจะร้องไห้เริ่มถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
การเฝ้าดูวาห์นทำงานอย่างหนักและผลักดันตัวเองจนเกินขีดจำกัดขณะลงรายละเอียดให้กับตัวคทามากขึ้นเรื่อยๆ นั้นทำให้เอวานเจลีนรู้สึกเสียใจกับวิธีที่เธอปฏิบัติกับเด็กหนุ่มมาตลอด
เมื่อเขาทำเสร็จและตั้งชื่อให้มันเรียบร้อย เอวานเจลีนจึงตัดสินใจว่าจะทำดีกับ ‘ลูกศิษย์งี่เง่า’ ให้มากกว่าเดิม
ขณะที่เขาทรุดนั่งลงไปและเรียกชื่อเธอออกมานั้น เอวานเจลีนก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เป็นครั้งที่สามก่อนจะเดินออกจากความว่างเปล่าและจ้องมองร่างไร้สติของคนตรงหน้า
เธอใช้พลังจิตยกร่างของวาห์นขึ้นและนำไปวางไว้ที่เตียงอย่างนุ่มนวล
แม้ร่างของเด็กหนุ่มจะเต็มไปด้วยเหงื่อและเขม่าควัน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะทำให้เตียงเลอะหรือเปล่า
เมื่อมองไปที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ เอวานเจลีนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขามีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา
เธอเช็ดเหงื่อให้ด้วยมือของตัวเองและจะกระซิบเบาๆ
“ถึงนายออกจะงี่เง่าแต่ก็มีด้านดีเหมือนกันนะ…
ถ้าได้เจอกับร่างจริงของฉัน นายคงจะช่วยเธอได้แน่ๆ”
เอวานเจลีนถอนหายใจอย่างเศร้าๆ ก่อนจะโน้มตัวไปที่ใบหน้าของวาห์นและจูบตรงริมฝีปากอย่างแผ่วเบาพร้อมกับปีนขึ้นไปบนเตียงและนอนพักอยู่ข้างกายเด็กหนุ่ม