Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 173
กว่าวาห์นจะมาถึงจัตุรัสบาเบล เขาก็เริ่มคิดแล้วว่าควรจะกลับบ้านดี หรือว่าควรไปเยี่ยมสาวๆ คนอื่นต่อดี
เกือบสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่พบกับทีโอน่าและไอส์ครั้งล่าสุด แต่วาห์นก็อยากทำให้แน่ว่าตนจะอยู่ในสถานที่ปลอดภัยเมื่อเข้าไปในลูกแก้ว
การมาสายเพียงไม่กี่วินาทีนั้นเทียบได้กับเวลาหลายวันของเอวา ซึ่งวาห์นอยากจะเลี่ยงกรณีแบบนั้นหากเป็นไปได้
เนื่องจากใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว วาห์นจึงตัดสินใจมุ่งหน้ากลับบ้านและเลื่อนการเยี่ยมสาวๆ คนอื่นต่อไปเป็นวันหลัง
พอเดินไปอีกประมาณสี่สิบนาที วาห์นก็กลับมาถึงบ้าน
หลังเปิดประตูเข้ามาก็เจอกับอนูบิสและทีน่าที่รอเขาอยู่
วาห์นสงสัยมาพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นในระหว่างที่เดินเข้ามา เขาจึงขยายเขตแดนออกไปเพื่อดูว่าพวกเธอจะตอบสนองต่อกลิ่นของเขาได้ไวขนาดไหน
เขาไม่คิดว่าทั้งสองจะตรวจจับมันได้ง่ายขนาดนั้น เนื่องจากกลิ่นของเขาไม่น่าจะผ่านผนังหรืออะไรแบบนั้นเข้าไปได้
พอเดินมาถึงทางเดินหน้าบ้าน วาห์นก็สัมผัสได้ถึงออร่าสองกองที่แยกตัวออกมาจากกองอื่นๆ และมาหยุดรออยู่ตรงห้องโถง
เพราะวาห์นรู้สึกสงสัยมากจริงๆ เขาจึงเอ่ยปากถามทันทีที่เห็นทั้งสอง
“ทำไมพวกเธอถึงออกมารับทันตลอดเลยล่ะ เพราะกลิ่นของฉันเหรอ?
อนูบิสยิ้มให้กับคำถามของวาห์นในขณะที่ทีน่าเอาแต่หน้าแดงและก้มหน้าหนีราวกับอายที่จะตอบคำถาม
วาห์นยิ่งสงสัยขึ้นไปอีกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร อนูบิสก็ชิงพูดก่อน
“เป็นเพราะฟีโรโมนค่ะ
นายท่านอาจจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ท่านได้ถูกใครหลายคน ‘ทำเครื่องหมาย’ ไว้แล้ว
สำหรับเชียนโธรป ประสาทรับกลิ่นของเราจะดีกว่าเผ่ามนุษย์ถึงห้าสิบเท่า ในขณะที่เผ่ามนุษย์แมวจะดีกว่าประมาณสามสิบเท่าค่ะ
นอกจากว่าจะกลบกลิ่นเอาไว้ ทันทีที่นายท่านเข้ามาในระยะไม่กี่ร้อยเมตร พวกเราจะสามารถจับกลิ่นของท่านได้ทันทีค่ะ”
วาห์นยังไม่หายข้องใจจึงเปลี่ยนเป็นร่างพยัคฆ์ขาวและเริ่มดมกลิ่นของตัวเองทันที
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็ได้กลิ่นหอมคล้ายมะนาวผสมกับกลิ่นหญ้าอ่อนๆ ออกมาจากร่างของตัวเอง
แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้ได้ยังไง แต่เขาก็รู้ว่านั่นเป็นกลิ่นของโคลอี้
แต่นอกเหนือจากกลิ่นนั้นและกลิ่นตัวปกติของตัวเองแล้ว วาห์นก็ไม่เห็นว่าจะมีกลิ่นอะไรอีก
อนูบิสหัวเราะให้กับท่าทางของเขาขณะอธิบายต่อ
“ผู้ชายจะไวต่อกลิ่นของผู้หญิงมากกว่าค่ะ ในขณะที่ผู้หญิงจะไวต่อทั้งกลิ่นของผู้ชายและของผู้หญิงเอง”
ขณะพูด เธอก็เอนกายไปข้างหน้าและสูดดมเล็กน้อย
“ฉันได้กลิ่นของโคลอี้จากตัวนายท่าน รวมถึงกลิ่นของคนอื่นๆ อีกเล็กน้อยค่ะ
ทีน่าพยักหน้าก่อนจะพูดเสริม
“ใช่ๆ แถมกลิ่นของโคลอี้ก็แรงมากด้วย… นี่นายไปทำเรื่องไม่ดีมาใช่ไหม~เมี๊ยว?”
ขณะที่พูด ทีน่าก็ทำหน้า ‘ดุๆ’ ด้วยใบหน้าน่ารักของเธอ
วาห์นรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนอบรมเพิ่ม เขาจึงอธิบายสถานการณ์ให้ทั้งสองฟังอย่างรวดเร็ว
พอได้ยินว่าวาห์นเข้าหาโคลอี้ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในพื้นลับตาคน ทีน่าจึงไม่ได้เอาเรื่องเด็กหนุ่มมากนัก
เธอบอกเขาว่าแม้จะเป็นพื้นที่ ‘ลับตาคน’ แต่มันก็อยู่ในสถานที่สาธารณะซึ่งอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้
หลังจากการสนทนาสั้นๆ จบลง วาห์นก็ขอตัวกลับห้องนอนเพื่อไป ‘เปลี่ยนเสื้อผ้า’
เขาขอให้พวกเธอดูให้แน่ใจว่าเด็กๆ ทุกคนอาบน้ำเรียบร้อย และบอกว่าต่อไปพวกเขาควรเริ่มเวลาอาหารเย็นให้เร็วกว่าเดิม
อนูบิสพยักหน้ารับ แต่ทีน่ากลับตามเขาไปที่ห้องด้วย
โชคยังดีเพราะแทนที่จะเข้ามาในห้อง เธอกลับยืนอยู่ด้านนอกเพื่อรอเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า
เพราะยังมีเวลาอีกประมาณสองนาทีก่อนจะเข้าไปในลูกแก้วได้ วาห์นจึงเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วพร้อมกับนอนลงบนเตียงและดึงลูกแก้วออกมา
ทันทีที่ถึงเวลา วาห์นก็เพ่งจิตเข้าไปในลูกแก้วอย่างไม่รีรอ
เอวากำลังรออยู่บนเตียงซึ่งเป็นที่ที่เธอรู้ว่าเขาจะโผล่ออกมา
เมื่อร่างของเด็กหนุ่มปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า เธอก็ขึ้นมาประจำที่บนท้องของเขาและจูบเข้าที่ริมฝีปากโดยไม่พูดให้มากความ
วาห์นรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ แต่การกระทำของเธอก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาเท่าไหร่นัก
แม้มันอาจดู ‘กระทันหัน’ ไปบ้าง แต่ความจริงก็คือแวมไพร์น้อยไม่ได้พบหน้าเขามาเป็นเวลาสี่ปีเต็ม
ทุกครั้งที่เขากลับเข้ามา ความรู้สึกของเธอก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อได้กอดร่างกายที่โหยหาอีกครั้งเพื่อบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวที่สะสมมาตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน
ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เอวาได้สำรวจทั้งลำคอ ใบหน้า และลำตัวของเขาด้วยริมฝีปากของเธอเองขณะดูดเลือดวาห์นเป็นระยะๆ และใช้นิ้วเรียวบางลูบไล้ไปทั่วร่างกำยำ
ทว่าวาห์นเองก็ไม่ได้นอนอยู่เฉยๆ เช่นกัน แม้จะต้องหักห้ามใจไว้บ้างและสัมผัสเรือนร่างของเธอพร้อมกับใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ไปด้วย
เขาไม่ได้แตะต้องส่วนที่อยู่ตรงชุดชั้นในของเธอเลย และให้ความสนใจกับแผ่นหลัง ด้านข้างลำตัว และส่วนเอวของเธอแทน
เมื่อรู้สึกพอใจขึ้นมาบ้างแล้ว เอวาก็จูบวาห์นเป็นการปิดท้ายก่อนจะแยกตัวออกไปจากร่างของเขาพร้อมกับใบหน้าที่แดงเล็กน้อย
วาห์นเริ่มขยับตัวและเตรียมลุกจากเตียงก่อนจะสังเกตเห็นความแตกต่างของสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว
เนื่องจากถูกเบนความสนใจในช่วงก่อนหน้านี้ วาห์นจึงไม่ได้สังเกตสภาพรอบตัวมากนักและเพิ่งจะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ภายในตัวอาคาร
เอวาเห็นสีหน้างงๆ นั่นและอธิบายว่าเธอใช้เวลาช่วงที่เขาไม่อยู่ไปกับการสร้างบ้านจนเสร็จเรียบร้อย
จากการใช้เวทมนตร์ของตัวเอง เธอใช้เวลาเพียงสามวันในการสร้างบ้านทั้งหลังซึ่งประกอบไปด้วยห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องครัวและห้องน้ำ
แน่นอนว่ามันไม่มีส้วมหรืออะไรแบบนั้น เพราะทั้งสองเป็นแค่ร่างวิญญาณและไม่จำเป็นต้องถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
สิ่งที่อยู่ในห้องน้ำนั้นก็คืออ่างอาบน้ำเล็กๆ ที่ดูลึกมากเท่านั้นเอง
เธอพาเขาไปดูรอบๆ บ้านและพอวาห์นได้เห็นอ่างอาบน้ำ เอวาก็พูดขึ้นมาทันที
“…ไว้มาอาบน้ำกันก่อนนายพักผ่อนนะ
แค่เอาผ้ามาเช็ดตัวแบบที่นายทำอยู่ตอนนี้… มันออกจะดูเถื่อนไปหน่อยนะ”
วาห์นพยักหน้าให้ก่อนจะตามเธอไปรอบๆ และจบลงที่ห้องทำงานของตัวเอง
หลังได้ออกมาจากตัวบ้าน วาห์นก็สังเกตเห็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่หลังที่สองซึ่งเป็นที่ที่ห้องทำงานของเขาเคยตั้งอยู่
เมื่อเข้าไปข้างใน วาห์นพบว่าวัตถุดิบและเครื่องมือทั้งหมดนั้นได้รับการจัดวางอย่างเรียบร้อยเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม
ตอนที่ตั้งห้องทำงานครั้งแรก เขาแค่วางวัตถุดิบแต่ละอย่างไว้เป็นกองๆ เท่านั้นเอง
เอวาจัดทุกอย่างเอาไว้พร้อมสรรพและทำให้ห้องทำงานดูสะอาดสะอ้านและเป็นมืออาชีพมาก
วาห์นยังสังเกตเห็นพื้นที่ส่วนเล็กๆ ซึ่งถูกปูพื้นและอยู่สูงกว่าส่วนของทำงานเล็กน้อย
มันประกอบไปด้วยโต๊ะทำงานของเอวาและชั้นหนังสือมากมายที่เต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ ที่เขาเคยให้เธอไว้
เมื่อเห็นว่าเธอใส่ความพยายามมากแค่ไหนกับการสร้างและจัดระเบียบอาคารทั้งสองหลัง วาห์นก็เข้าใจว่าเอวาคงรู้สึกเบื่อสุดๆ ในช่วงที่ต้องอยู่คนเดียว
หากเธอสร้างบ้านเสร็จภายในสามวันแรก งั้นเวลาที่ใช้สร้างห้องทำงานของเขาก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
การที่เธอจัดการทุกอย่างแบบเรียบร้อยสุดๆ นั้นทำให้วาห์นรู้สึกเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของเธอขึ้นมาหน่อยๆ
วาห์นตัดสินใจว่าจะซื้อวัสดุและสิ่งของอีกหลายอย่างเพื่อทำให้เธอมีงานอดิเรกมากกว่านี้
การตัดสินใจที่ใหญ่ที่สุดของเขา และเป็นเรื่องที่เอวารู้สึกขอบคุณมากที่สุดก็คือเรื่องการซื้อดินจำนวนมาก
วาห์นสามารถซื้อดินจำนวน 1 ลูกบาศก์เมตรได้ด้วยการใช้ OP เพียงแต้มเดียว ดังนั้นเขาจึงซื้อมันออกมามากพอที่จะใช้ถมที่ขนาดใหญ่และขอให้เอวาก่อกำแพงไว้รอบๆ
แม้กระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาไปเกือบยี่สิบชั่วโมง แต่วาห์นและเอวาก็สามารถสร้างพื้นที่อุดมสมบูรณ์ภายในมิติขาวดำได้สำเร็จ
เกิดเรื่องน่าตื่นตาขึ้นอีกครั้ง เมื่อเอวาใช้พลังจิตของเธอเคลื่อนย้ายบ้านทั้งหลังมาไว้บนที่ดินผืนนั้นด้วย
จากนั้นเธอก็พยายามทำแบบเดียวกันกับอาคารหลังที่สอง แต่วาห์นโน้มน้าวให้เธอปล่อยมันไว้ข้างนอกเพื่อไม่ให้มันมาเบียดพื้นที่ทำสวนที่ทั้งสองวางแผนเอาไว้
หลังจากซื้อเมล็ดพันธุ์หลากชนิดและทำการปรับพื้นที่กับหน้าดินเรียบร้อยแล้ว วาห์นกับเอวาก็กลับไปพักในบ้านและตัดสินใจอาบน้ำก่อนเข้าพักผ่อน
เพราะเธอมักจะใส่ชุดนอนหลวมๆ สีดำอยู่ตลอด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่วาห์นได้เห็นเอวาในสภาพเปลือยเปล่า
เธอเริ่มสลายซื้อผ้าออกไปตอนอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
แม้จะรู้เรื่องอายุร่างกายของเธออยู่ก่อนแล้ว (TL: ร่างเด็กอายุ 10 ปี) แต่วาห์นไม่รู้ว่าก่อนเอวานั้นดู ‘เด็ก’ ขนาดไหนจนกระทั่งได้เห็นเธอแบบเต็มสองตา
เธอสูงเพียง 130 ซม. ซึ่งน้อยกว่าเขาเกือบ 32 ซม. หน้าอกของเธอนั้นไม่ถือกับแบนราบ แต่พวกมันก็มีขนาดเพียง 67 ซม. พร้อมกับช่วงเอว 48 ซม. และสะโพก 63 ซม.
โดยรวมแล้วเธอเป็นเด็กสาวที่ดูตัวเล็กบอบบางมาก และนั่นทำให้วาห์นรู้สึกเกลียดชัง ‘จอมเวทต้นกำเนิด’ มากกว่าเดิมจากการทำสิ่งที่โหดร้ายกับเธอในอดีต
เอวาสังเกตเห็นความเศร้าและความโกรธได้จากสายตาของเด็กหนุ่ม เธอจึงเข้ามาใกล้และกอดรอบเอวของเขาไว้
“ฉันดีใจนะที่นายรู้สึกโกรธแทน… แต่อย่าเศร้าแทนด้วยเลยนะ
ตอนนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆ ดังนั้นนายก็ควรมีความสุขไปกับฉันด้วย”
คำพูดของเธอแน่นอนว่าไม่ไม่ได้ทำให้ความโกรธของเขาลดลง วาห์นเลยต้องใช้ [จิตแห่งราชัน] เพื่อเข้าช่วยอีกแรง
เขาเอื้อมมือไปโอบรอบหลังของเธอและค่อยๆ ลูบผมสีทองยาวสลวยอย่างนุ่มนวล
จากนั้นทั้งสองก็อาบน้ำด้วยกันโดยที่เอวานั่งลงบนตักและเอนหลังไปกับแผงอกของวาห์น
เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยตอนที่วาห์นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ทำให้หญิงสาวได้เห็นบางที่ทำให้เธอรู้สึกหลอนๆ แต่ก็โล่งใจในขณะเดียวกัน
ถึงวาห์นจะไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เขาก็รู้สึกว่าเอวานั้นโล่งใจที่พวกเขาไม่สามารถมีอะไรกันได้… อย่างน้อยก็ในตอนนี้
มันไม่ได้หยุดยั้งเธอจากการพยายาม ‘หยอก’ เขาเล่นนิดหน่อย และนั่นทำให้เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถในการควบคุมตัวเองของวาห์นมาก
วาห์นเข้าใจเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว นั่นคือถ้าเขาไม่ได้มีเจตนาหรือความต้องการของตัวเอง ร่างกายก็จะไม่ตอบสนองไปตามสิ่งเร้าที่อยู่รอบตัวเท่าไหร่นัก
ช่วงเวลาที่เหลือในลูกแก้ว วาห์นใช้เวลาไปกับการพัฒนาสกิลและแสดงความใกล้ชิดกับเอวาทุกครั้งที่หยุดพัก
เธอทำตัวต่างไปจากครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันมาก และตอนนี้วาห์นรู้สึกเหมือนเธอได้กลายมาเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่ชอบถูกตามเอาใจแทน
นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับโลกที่เธอจากมาและค้นพบชื่อของเรคคอร์ดหลังจากให้พี่สาวตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ
เนื่องจากคนในเรคคอร์ดไม่มีทางรู้ชื่อเรคคอร์ดของตัวเองอยู่แล้ว วาห์นจึงต้องเก็บข้อมูลหลายอย่างเพื่อใช้เป็นเบาะแส
หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับอาณาจักรเวทมนตร์ เขาก็พบตำราประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องจากร้านค้าภายในระบบ
พอได้ศึกษาและระบุตัวบุคคลสำคัญต่างๆ วาห์นก็มองหาไอเท็มกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจนค้นพบข้อมูลของชายหนุ่มที่มีชื่อว่า ‘เนกิ สปริงฟิลด์’ ซึ่งเป็นผู้ใช้วิชามาเกียเอเรเบียเช่นกัน
ข้อมูลระบุไว้ว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของ ‘ราชินีแห่งความมืด เอวานเจลีน เอเค แม็คโดเวล’ ซึ่งทำให้วาห์นเข้าใจทันทีว่าตนค้นหาถูกทางแล้ว
หลังจากวิเคราะห์ต่ออีกเล็กน้อย วาห์นก็ไล่ดูรายชื่อเรคคอร์ดต่างๆ จนพบโลกที่ที่มีชื่อว่า [เนกิมะ 1 – 5]
ถึงจะไม่สามารถบอกเธอเรื่องการมีอยู่ของ ‘เรคคอร์ด’ ได้ แต่วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะโอบกอดเอวาไว้ในอ้อมแขนด้วยความความตื่นเต้น
ตอนนี้อาจจะยังไปที่นั่นไม่ได้ แต่สักวันเขาจะสืบหาจนพบร่างต้นของหญิงสาวอันแสนโดดเดี่ยวและช่วยปลดปล่อยเธอจากเรื่องน่าเศร้านี้ให้จงได้
วาห์นรู้ว่าโลกที่มีระดับดวงวิญญาณ 1 – 5 นั้นไม่ใช่หมูๆ แน่นอน และเขาจะต้องเตรียมรับมือกับ ‘จอมเวทต้นกำเนิด’ เมื่อเวลานั้นมาถึง
เอวาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ วาห์นถึงรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็พอบอกได้ว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องของเธอ
เธอจึงตรึงเขาไว้กับเตียงขณะที่สวมชุดนอนตัวโปรดพร้อมสวมกอดและพรมจูบใส่วาห์นในช่วงสองชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่เด็กหนุ่มจะถูกดีดออกไปนอกลูกแก้ว
วาห์นเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ ให้เธอโจมตีได้ตามใจชอบ และเริ่มลูบไล้ร่างกายของเอวาโดยเน้นไปที่จุดอ่อนต่างๆ เพื่อพัฒนาสกิล [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ให้ดียิ่งกว่าเดิม
ก่อนที่ร่างจะสลายหายไปจนหมด วาห์นก็รวมพลังงานไว้ที่นิ้วชี้และเริ่มใช้วิธีแบบเดียวกับที่เคยแกล้งสึมากิในอดีต
เขาเริ่มจากส่วนที่อยู่ใต้สะดือของเธอ ก่อนจะลากนิ้วขึ้นไปที่กะบังลมจนหญิงสาวรู้สึกสั่นสะเทือนไปทั่วเรือนร่าง
เอวาได้แต่กรีดร้องแบบไร้เสียงขณะจ้องมองไปยังที่ที่วาห์นหายตัวไปพร้อมกับดวงตาที่สลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย