Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 175
(A/N: ปัญหาใหญ่ๆ ในการเขียนเกี่ยวกับดันมาจินะครับ เพราะตัวเนื้อเรื่องดั้งเดิมนั้นยังไม่จบและมีปริศนาลึกลับที่ซ่อนอยู่มากมายหลายอย่าง รวมไปถึงเนื้องเรื่องเกี่ยวกับภูมิหลังของตัวละครหลายๆ คน
เพื่อทำให้นิยายเรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น ผมจึงต้องขออนุญาตสร้างสรรค์โลกและตัวละครออกไปในทิศทางที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับนิยายเรื่องนี้ครับ
จากตรงนี้ไป นอกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ผู้อ่านไม่ควรเปรียบเทียบนิยายเรื่องนี้กับเนื้อหาต้นฉบับนะครับ~!
หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับสิ่งที่เกิดนะครับ (O, … , O) _b)
(TL: เอาง่ายๆ เลยครับ ผู้แต่งจะเริ่มเสริมเนื้อหาและข้อมูลบางอย่างเข้าไปเอง
เรื่องความลับบางอย่าง ผู้แต่งก็ต้องคิดเพิ่มเอาเองครับว่าจะให้มันออกมาแบบไหน เพราะจะรอให้นิยายเล่มใหม่ออกมาก็คงไม่ทันการ ดังนั้นข้อมูลบางส่วนจะเอาไปเทียบกันไม่ได้แล้วนะครับ ขอบคุณครับ)
‘นี่มันตัวน่ารักอะไรกันเนี่ย!’ วาห์นอดคิดขึ้นมาไม่ได้หลังเห็นท่าทางของซีล
เมื่อความคิดนี้แล่นผ่านเข้ามาในหัว วาห์นก็รู้สึกเหมือนเเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนและเริ่มเปรียบเทียบหญิงสาวตรงหน้ากับเลฟิย่าจอมขี้อาย
ใบหน้าแดงก่ำที่แหงนมองขึ้นมานั้นทำเอาสมองของวาห์นลัดวงจรไปครู่หนึ่งเลย
เขารู้สึกว่ายิ่งมองเข้าไปในดวงตาหยาดเยิ้มคู่นั้นนานเท่าไหร่ ความรู้สึกว้าวุ่นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
วาห์นส่ายหัวและพยายามขจัดความรู้สึกนั้นออกพร้อมกับใช้ [จิตแห่งราชัน] ผสานกับ [อำพรางตัว] เพื่อช่วยเสริมอีกแรง
ทันทีหลังจากใช้พลังเขตแดน วาห์นก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสงบที่เข้ามาขับไล่ความรู้สึกแปลกๆ ออกไป
โชคร้ายหน่อยเพราะทันทีที่สติกลับมาอีกครั้ง วาห์นก็ได้รับการแจ้งเตือนอันใหม่จากระบบ
//[ซีล โฟลว่า] มีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//
//ภารกิจสำเร็จ: [ความปราถนาของหัวใจ:C-SS]//
เกรดความสำเร็จ: A
รางวัล: 10,000OP, 1x[ความปราถนาของหัวใจ: ซีล โฟลว่า]
รางวัลจากเกรด: 1x [สารสกัดแอมโบรเซีย], 1x [มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์], 8,000OP
[สารสกัดแอมโบรเซีย]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: น้ำมันหอมที่มีฤทธิ์เป็นยากระตุ้นอย่างรุนแรง ผลของมันแรงมากจนแม้แต่เหล่าทวยเทพก็ไม่อาจต้านทานได้
ระยะเวลา: 8 ชั่วโมง
[มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: เมื่อนำมาวางไว้เหนือครรภ์ ไอเท็มจะสร้างตราประทับขึ้นเพื่อเป็นการรับประกันว่าผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์แน่นอน โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านอื่นๆ
ระยะเวลา: 8 ชั่วโมง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วกว่าที่วาห์นจะประมวลได้ทันจนทำได้แค่จ้องหญิงสาวท่าทางเขินอายที่มองกลับมาด้วยแววสนใจสุดๆ แบบไม่คิดจะปิดบัง
พอถูกวาห์นถามคำถามเด็ดเข้าไป ความสนใจของซีลก็พุ่งขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา
ถึงจะเก็บทั้งสีหน้าและเจตนาไว้อย่างมิดชิด แต่เธอก็รู้แล้วว่าวาห์นคงมองทุกอย่างออกหมด
เมื่อเด็กหนุ่มเอ่ยถาม ซีลก็บอกได้เลยว่ามันดูเหมือนเป็นการถามเพื่อยืนยันสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วมากกว่าการถามเอาคำตอบ
หญิงสาวรู้สึกว่ามานาในร่างกายของตัวเองกำลังถูกกระตุ้น ขณะที่วาห์นเริ่มได้รับผลจาก ‘เสน่ห์’ ของเธอเข้าไปเต็มๆ
เธอนึกว่าเขาจะทำตัวว้าวุ่นหรือไม่ก็พยายามเข้ามาแตะต้องตัว แต่การตอบสนองของเขานั้นทำให้เธอรู้สึกช็อคมาก
แทนที่จะแสดงสีหน้าหลงใหลและพยายามเข้ามาทำสิ่งที่เธอคิดไว้ เขากลับส่ายหน้าแรงๆ และต้านทานพลังของเธอไว้ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดูเหมือนเขาจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น และยังคงมองเธอด้วยสีหน้าคุ้นเคยเหมือนเดิม แม้จะดูงงๆ อยู่บ้าง
ซีลรู้สึกว่ามีบางอย่างในใจกำลังสั่นไหว แถมมันยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้สบตากับเด็กหนุ่ม ‘ไร้เดียงสา’ ที่อยู่ตรงหน้า
วาห์นยังคงพยายามประมวลข้อมูลในหัวและตระหนักว่าจู่ๆ ค่าความชื่นชอบของซีลก็เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดและทำให้ภารกิจ ‘ความปรารถนาของหัวใจ’ เสร็จสิ้นไปอีกหนึ่งอัน
ไอเท็มที่ได้รับนั้นทำให้เขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปบ้างขณะที่ซีลยังคงจ้องมองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด
ผ่านไปพักใหญ่ๆ เธอก็เอ่ยปากถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“อยากรู้จังว่า… ในนั้นจะมีที่เหลือให้ฉันด้วยหรือเปล่านะ~?”
คำถามนั่นมาพร้อมกับกระแสพลังอบอุ่นที่ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของวาห์นซึ่งถูกพลังของเขาขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอดูมีความสุขยิ่งว่าเดิมหลังเอ่ยปากถาม แต่วาห์นเองก็ไม่แน่ใจว่าจะตอมคำถามนี้ยังไง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหลบสายตาที่มองมาและพยายามไตร่ตรองสิ่งที่จะพูดต่อไปอย่างถี่ถ้วน
พอเห็นท่าทางของเด็กหนุ่ม ซีลจึงกลับไปนั่งตัวตรงและเฝ้ารอคำตอบของเขาโดยไม่พูดอะไรต่อ
การเคลื่อนไหวของเธอยิ่งทำให้วาห์นรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม เพราะไม่เข้าใจว่าเธอเปลี่ยนท่าทีภายในเวลาสั้นๆ แบบนี้ได้ยังไง
ตอนนี้เธอกลับมามีท่าทางร่าเริงขณะจ้องมองเขาด้วยสายตาคาดหวังอีกครั้ง
รอยยิ้มที่เคยทำให้วาห์นรู้สึกดี ตอนนี้มันกลับทำให้เขาสัมผัสถึงอันตรายขึ้นมาหน่อยๆ
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าอาการงุนงงก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้เกิดจากสภาวะทางอารมณ์ของตัวเอง
เพื่อป้องกันไม่ให้เธออ่านออก วาห์นจึงใส่พลังเข้าไปใน [จิตแห่งราชัน] ให้มากกว่าเดิมขณะหลับตาลงและทำให้จิตใจสงบ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วาห์นก็สงสัยว่ามีมางอย่างที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของตัวเอง
การที่หญิงสาวตรงหน้ามีค่าความชื่นชอบเต็มร้อยนั้นมันก็เรื่องนึง แต่วาห์นคิดว่ามันฟังดูแปลกๆ ที่ซีลรู้เรื่องของเขากับโคลอี้เป็นอย่างดี
ตอนที่ขอให้เธอชี้แจงเรื่องนี้ ค่าความชื่นชอบของซีลก็เพิ่มขึ้นมาโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ
จากนั้นภายในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่ตนกำลังตกอยู่ในสภาวะแปลกๆ ค่าความชื่นชอบของเธอก็เต็มซะอย่างนั้น…
ถึงอยากจะตีว่าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญและเธอแค่ชอบเขาเฉยๆ แต่วาห์นก็ไม่อาจคลายความสงสัยลงได้
เขายังคงรู้สึกดีๆ ด้วยเพราะเธอเป็นคนที่งดงามและใจดีมากคนนึง… แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกำลังรบกวนจิตใจของเขาอยู่
หากไม่มีความสามารถในการมองเห็นออร่า วาห์นคงจะไม่มองว่าทุกอย่างดูแปลกขนาดนี้
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็จ้องมองไอเท็มชิ้นหนึ่งในช่องเก็บของที่เพิ่งได้มา
เพราะคาดว่ามันน่าจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น วาห์นจึงใช้ [ความปราถนาของหัวใจ: ซีล โฟลว่า]
แม้ว่าจะหลับตาอยู่ แต่วาห์นก็รู้สึกได้ถึงกระแสเวลาที่หยุดลงขณะที่ภาพต่างๆ เริ่มแล่นเข้ามาในหัว…
—
ซีลเกลียดทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ นับตั้งแต่ที่จำความได้ เธอก็รู้สึกขยะแขยงไปกับพวกงี่เง่าที่อยู่รอบตัวเธอมากเหลือเกิน
ถึงพวกเขาจะปฏิบัติกับเธออย่างดี แต่ก็เห็นชัดว่าทุกคนต่างพยายามหลอกใช้เธอ
เด็กทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามักจะหลีกเลี่ยงเธอ บางคนถึงกับเรียกเธอลับหลังว่าเป็นเป็นปีศาจหรือไม่ก็แม่มด
แม้จะแกล้งทำเป็นหูทวนลม แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเมื่ออยู่ตัวคนเดียว
เธอเกลียดชังพ่อแม่ที่ทอดทิ้งเธอไว้กับพวกคนเลวร้ายนี่
แม้ว่าภายนอกนั้นพวกเขาจะทำดีด้วย แต่เธอก็อ่านทุกอย่างออกหมดและรู้ด้วยว่าคู่สามีภรรยาแสนใจดีที่เป็นเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นขายเด็กสาวบางคนให้กับซ่องโดยหลอกพวกเธอว่ากำลังจะมีคนมารับไปเลี้ยง
เธอยังจำได้ว่าพี่สาวผมบลอนด์ที่ดู ‘ใจดี’ และ ‘สวยมาก’ พยายามหลอกเธอเช่นเดียวกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ทันทีที่ร่างกายของเธอดูโตขึ้น
วิธีเดียวที่เธอสามารถป้องกันตัวเองได้ก็คือการออกไปอยู่ในที่ที่พวกเขาหาไม่เจอ
เธอยังยอมอดมื้อกินมื่อเพื่อชะลอการเติบโตของร่างกายและยับยั้งไม่ให้พวกสายตาต่ำช้าหันมาพิศวาสในตัวเธอ
แม้เธอจะพยายามอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นจุดสนใจ แต่แล้วชายคนที่ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากลับพยายามที่จะขืนใจเธอแทน
เธอต่อสู้อย่างดุเดือดขณะที่ชายคนนั้นกล่าวหาอยู่เรื่อยๆ ว่าเธอเป็นฝ่ายยั่วเขาเอง
เขายังเรียกเธอด้วยชื่อที่โหดร้ายต่างๆ นาๆ เช่น ‘อีตัว’ และ ‘นังร่าน’ ขณะพยายามข่มเหงเธอต่อไป
โชคดีเพราะก่อนที่เขาจะพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปได้ ผู้หญิงตัวใหญ่ก็พุ่งเข้ามาซ้อมจนกระดูกของชายคนนั้นแตกไปทั่วตัว
ซีลได้แต่ขดตัวและร้องไห้ออกมาหลังจากเหตุการณ์นั้นสิ้นสุดลง
ผู้หญิงตัวใหญ่ที่เธอรู้ในภายหลังว่าชื่อ ‘มีอา แกรนเด้’ นั้นเกิดความสงสารและพาเธอออกไปจากขุมนรกแห่งนี้
หลายเดือนต่อมา ในที่สุดเธอก็เริ่มรู้สึกปลอดภัยอีกครั้งเมื่ออายุย่างเข้าเก้าขวบ
เธอใช้เวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาไปกับการหมกตัวอยู่ในบ้านของมีอาและไม่ยอมพูดจากับใครเลย
ทุกคนยกเว้นมีอานั้นดูชั่วร้ายในสายตาของเธอ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่มองเห็นความน่าขยะแขยงซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้ ‘หน้ากาก’ เหล่านั้น
แม้แต่เพื่อนของมีอาที่พยายามพูดคุยกับเธอก็มีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั่นเช่นกัน
สถานที่เดียวที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยก็คือภายในบ้านที่มีแค่เธอกับมีอาเพียงสองคน
อยู่มาวันหนึ่ง เทพธิดาที่มีอารับใช้ได้มาปรากฏตัวที่บ้านและเป็นครั้งแรกที่ซีลอ่านคนตรงหน้าไม่ออก
สิ่งเดียวที่เธอเห็นในแววตาสีเงินแสนงดงามของเทพธิดาองค์นี้ก็คือความสนใจซึ่งแฝงไปด้วยความกังวล
แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่ซีลก็รู้สึกคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้มาก และจู่ๆ ความรู้สึกอบอุ่นก็แล่นผ่านเข้ามาในใจของเธออยู่พักหนึ่ง
นับจากนั้น แม้ว่ามีอาจะพยายามคัดค้านอย่างหนัก แต่ซีลก็ได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเทพธิดาอย่างเป็นทางการ
ซีลมารู้ทีหลังว่าเทพธิดาผู้งดงามองค์นั้นมีชื่อว่าเฟรย่า และยังได้รู้ด้วยว่าตนมีพลัง ‘เสน่ห์’ ที่ดึงดูดให้คนมาหลงใหลและชื่นชอบไม่ต่างไปจากเทพสาวผู้เป็น ‘อาจารย์’ ซึ่งข้อแตกต่างเดียวก็คือพลังของซีลนั้นเบาบางกว่าของเฟรย่ามาก
นั่นทำให้ซีลรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะฝันร้ายที่ชายคนนั้นพร่ำบอกว่าเธอเป็นฝ่าย ‘ยั่ว’ เขาก่อนเริ่มกลับมาส่งผลอย่างรุนแรง
เธอเริ่มกลัวว่าคำพูดของชายหนุ่มจะเป็นความจริงและสาเหตุที่ทำให้ตนเกือบถูกข่มขืนนั้นอาจมาจากการกระทำของตัวเอง
เฟรย่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้เธอหยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเริ่มสอนเกี่ยวกับวิธีนึกคิดและการกระทำของคนอื่นๆ
ภายใต้การฝึกสอนของเทพสาว ซีลได้เรียนรู้ความสามารถในการมองเห็น ‘ความจริง’ ที่อยู่เบื้องหลังความคิดและความรู้สึกของคนอื่นซึ่งเธอถูกชี้แนะให้ใช้ความสามารถเหล่านี้เพื่อค้นหาคนที่คู่ควรกับความรักของเธอ
หลายปีหลังจากการพบกันครั้งนั้น ซีลได้รับการสอนสั่งจากเฟรย่าอยู่หลายครั้ง และยังถูกบังคับให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย
เธอต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อมองธาตุแท้ของคนอื่นให้ออก และค่อยๆ เรียนรู้วิธีใช้ ‘เสน่ห์’ ของตัวเอง
เธอรู้แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนรู้สึกสนใจและหากเธอสบตาด้วยนานๆ พวกเขาก็จะเข้าสู่สภาวะ ‘หลงเสน่ห์’ ทันที
แม้จะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับเทพธิดาผู้เป็นอาจารย์ แต่มันก็ยังเป็นความสามารถที่มีประโยชน์มาก
ทว่าเมื่อเธออายุครบสิบสองปี ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นซึ่งทำให้ซีลรู้สึกหวาดผวาอีกครั้ง
เฟรย่าต้องการทดสอบเธอเป็นครั้งสุดท้ายและสั่งให้เธอไปเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มผู้มีอิทธิพลซึ่งเป็นกัปตันของแฟมิเลียขนาดเล็ก
แม้ว่าจะเป็นเพียงแฟมิเลียระดับ B แต่กัปตันคนนั้นก็เป็นถึงนักผจญภัยเลเวล 4 ที่มากด้วยความสามารถ
เขายังหนุ่มยังแน่นและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ หลายคน ซึ่งเฟรย่าต้องการให้ซีลขโมยเขาจากใต้จมูกของพวกเธอ
เธอสอนซีลว่าทางเดียวที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข ก็คือต้องสร้างโลกที่เธอสามารถควบคุมผู้คนรอบตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การที่จะทำแบบนั้นได้ก็ต้องใช้อำนาจ และถ้าหากสร้างอำนาจขึ้นมาเองไม่ได้… เธอก็ต้องไปแย่งมันมาจากคนอื่น
หากสามารถขโมยหัวใจของนักผจญภัยที่เก่งกาจมาได้ เธอก็จะไม่มีอะไรต้องกังวลอีก
แม้ว่าซีลจะรู้สึกฝืนๆ และไม่ได้ชอบชายหนุ่มคนนั้นด้วยเลยซ้ำ แต่เธอก็ลองเข้าไป ‘ยั่วยวน’ ตามที่ถูกสอนมา
โชคร้ายหน่อยที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผนและเธอได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าจริงๆ แล้วชายหนุ่มมีนิสัยแบบไหน
แม้ว่าเขาจะปฏิบัติกับผู้หญิงทุกคนอย่างสุภาพ แต่ซีลก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกด้านลบแบบเดียวกับชายหนุ่มจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ลางสังหรณ์ของเธอนั้นไม่ทำให้ผิดหลังจริงๆ เพราะในวันเดียวกับที่ได้รู้จักกัน เขาก็แอบวางยาและพยายามเข้ามาขืนใจในระหว่างที่เธอหลับ
เพราะมีร่างกายพิเศษกว่าคนอื่น ซีลจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ลดละความพยายามและดูเหมือนจะยิ่งตื่นเต้นจากท่าทีขัดขืนของเธอ
ยังดีที่มีอารู้เรื่องนี้เข้าและรีบบุกไปที่นั่นก่อนจะหักแขนของชายหนุ่มอยู่หลายรอบและบดขยี้ตรงกล่องดวงใจเป็นการปิดท้าย
แม้ชายหนุ่มจะแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นๆ แต่เขาก็ยังห่างชั้นกับมีอาและถูกเธอ ‘บดขยี้’ จนไม่เหลือชิ้นดี
ซีลได้รู้ในภายหลังว่าเหตุผลที่สาวๆ จำนวนมากดูชื่นชอบเขา ก็เพราะชายหนุ่มได้ข่มขู่หลังจากที่พวกเธอโดนบังคับขืนใจคล้ายกับในกรณีของเธอเอง
จากนั้นเป็นต้นมา ซีลก็เริ่มรู้สึกเกลียดชังเฟรย่าและแยกทางกับเทพสาวเพื่อไปทำงานกับมีอาในผับที่ชื่อว่า ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ แทน
เธอสาบานกับตัวเองว่าจะไม่พึ่งพาพลัง ‘เสน่ห์’ อีก และจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขณะพยายามค้นหาและทำความรู้จักกับคนที่ทำดีและอ่อนโยนกับเธอ
เธอไม่สนใจเรื่องการสร้างกลุ่มที่ทรงพลังแบบแฟมิเลียของเฟรย่าเพื่อ ‘รับประกันความสุขของตัวเอง’
เธอแค่อยากเจอใครสักคนที่ทำดีด้วยเท่านั้นเอง…
ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะพยายามเปลี่ยนตัวเองมากแค่ไหนแต่นิสัยเก่าๆ บางทีก็อยากที่จะแก้ได้
สุดท้ายแล้วเธอก็กลับไปใช้พลังอีกครั้งหนึ่ง
ถึงจะไม่ได้พยายามเข้าควบคุมและบงการชีวิตคนอื่น แต่เธอก็ใช้มันเพื่อส่งเสริมร้านของมีอา
จำนวนลูกค้าประจำของร้านนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และซีลรู้สึกมีความสุขมากกับบรรยากาศครึกครื้นที่ตามมา
เธอมีโอกาสได้พบนักผจญภัยที่แข็งแกร่งมากมาย และยังได้ฟังเรื่องราวการผจญภัยอันแสนอัศจรรย์ต่างๆ
เธอพบว่าชายหนุ่มทุกคนนั้นไม่ได้ชั่วร้ายหรือต่ำช้าแบบเดียวกันหมด แต่เธอก็ยังปฏิเสธทุกคนที่พยายามเข้ามาจีบ
แม้จะไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ แต่ซีลก็ยังเชื่อในเรื่องๆ หนึ่งที่เฟรย่าสอน
นั่นก็คือ ‘ผู้ชายที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้นั้นย่อมดีกว่าผู้ชายที่เอาแต่ทำดีด้วย’
หากมีเรื่องเกิดขึ้น คนอ่อนแอซึ่งไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็ตาม คงไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของเธอได้แน่ๆ
เธอต้องการชายหนุ่มเข้มแข็งที่มีอายุไล่เลี่ยกัน หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ที่มีศักยภาพมากพอสมควร
เพื่อค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอจึงเริ่มฟังข่าวลือต่างๆ จากพวกแขกและพยายามใช้วิธีต่างๆ นาๆ เพื่อเชิญชวนคนในข่าวลือให้มาที่ร้าน
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่พบใครที่อยู่ในเกณฑ์ของเธอเลย
ทุกคนมักมีบางอย่างเก็บซ่อนเอาไว้ และยิ่งได้คุยกันไปเรื่อยๆ สิ่งผู้ชาย ‘ดีๆ’ ได้เก็บซ่อนเอาไว้ก็ยิ่งโผล่หัวออกมาจนเธอรู้สึกขยะแขยงสุดๆ
ความปรารถนาของซีลก็คือได้พบผู้ชายที่ใจดี แข็งแกร่ง มีความสามารถ และทำดีกับเธอโดยไม่มาพว้าพะวงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก
เขายังต้องมีจิตใจหนักแน่นมากพอที่จะต้านทานพลัง ‘เสน่ห์’ ของเธอได้และต้องไม่กลัวเรื่องอุปสรรคกับความยากลำบากที่อาจต้องเผชิญในอนาคต
ที่ขอนี่มันดูมากไปงั้นเหรอ?
แต่ซีลไม่คิดเช่นนั้น และเธอก็จะไม่หยุดจนกว่าจะได้พบ ‘เจ้าชายรูปงาม’ ของตัวเอง