Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 177
ในช่วงไม่กี่วันก่อนจะถึงวันศุกร์ วาห์นได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปมาระหว่างลูกแก้ว บ้าน และเจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม
เหตุการณ์สำคัญๆ ในช่วงเวลานี้ก็คือการที่หลายๆ คนปฏิบัติกับเขา
เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปเจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม วาห์นก็ไปนั่งในบูธส่วนตัวเหมือนเดิม แต่แทนที่จะมีแค่โคลอี้ สาวๆ ทุกคนกลับเริ่มหมุนเวียนกันมาดูแลและเสิร์ฟอาหารให้เขาแทน
ดูเหมือนว่าจะมีข้อตกลงกันระหว่าง โคลอี้ ซีล และ ริว ซึ่งทำให้วาห์นมีโอกาสได้ใช้เวลากับหญิงสาวทั้งสามเป็นการส่วนตัว
เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่กับโคลอี้ เธอก็จะแสดงท่าทางรักใคร่และชอบให้มาเอาใจซึ่งวาห์นว่ามันทำให้เขารู้สึกดีมาก
การมีผู้หญิงมานอนอยู่บนตักขณะทำตัวร่าเริงพร้อมกับหยอกล้อและให้เขาป้อนอาหารให้นั้นเป็นสิ่งที่น่าเย้ายวนอย่างประหลาด
แถมเธอยังยอมให้เขาทำอะไรหลายๆ อย่างซึ่งทำให้วาห์นสนุกกับช่วงเวลานี้จริงๆ
เมื่อถึงตาของซีล หญิงสาวก็ทำตัวทางร่าเริงแต่ก็ดูจะสงวนท่าทีน้อยกว่าแต่ก่อนมาก
แม้จะเข้าใจดีว่าตอนนี้วาห์นยังไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์อะไรมากไปกว่านี้ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการหยุดยั้งเธอจากการนั่งถัดจากเขาอย่างใกล้ชิดจนขาของทั้งสองสัมผัสกัน
การบริการของซีลนั้นต่างไปจากโคลอี้มาก เพราะเธอพยายามเอาอกเอาใจวาห์นถึงขั้นเป็นฝ่ายป้อนอาหารที่เขาสั่งมาด้วยตัวเอง
ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอจะชวนเขาคุยเล่นแบบสั้นๆ และวาห์นรู้สึกว่าทุกครั้งที่ซีลทำแบบนั้น เวลาของเธอก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยอยู่เสมอ
จากหญิงสาวทั้งสามคน ริวนั้นดูแปลกกว่าใครเพื่อนเมื่อเธอเข้ามาในบูธส่วนตัว
เธอดูสงวนท่าทีมากขณะนั่งตรงข้ามจากวาห์นและรับฟังเรื่องราวของเขาอย่างเงียบๆ
นานๆ ทีเธอก็จะถามคำถามเกี่ยวกับการเดินทางในอดีตของเขาและสิ่งที่เขาอยากทำในอนาคตซึ่งวาห์นก็ตอบแต่ละข้อด้วยความกระตือรือร้นพอสมควร
เนื่องจากมองเห็นออร่าของเธอ วาห์นจึงเข้าใจว่าเธอกำลังสนุกกับช่วงเวลานี้เพราะมันเริ่มเปลี่ยนเอลฟ์สาวที่ดูนิ่งๆ ให้มีท่าทางร่าเริงมากขึ้น
เพราะริวมักจะวางมือของเธอไว้บนโต๊ะ วาห์นเลยอยากหยอกล้อเธอเล็กน้อยและพยายามจับมือเรียวบางเพื่อดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไม แต่การแกล้งเหล่าเอลฟ์สาวดูเหมือนจะอยู่ในสัญชาตญาณของเขาและเด็กหนุ่มอยากจะทำลายหน้ากากนิ่งๆ นั่นมากเป็นพิเศษ
การหยอกล้อนั่นทำให้สีหน้าสงบของเธอเปลี่ยนไปบ้างขณะที่ดวงตาสีฟ้าพลันเบิกกว้างขึ้นมาอีกเล็กน้อย
เธอค่อยๆ เอามือออกมาจากมือของเขาก่อนจะหันใบหน้าสีแดงจางๆ หนีไปทางด้านข้าง
เขาคิดได้อย่างเดียวว่าเธอดูน่ารักมากและพูดเสริมไปอีก
“เธอดูน่ารักมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่เป็นแบบนี้น่ะ”
แม้จะมองแทบไม่ออก แต่สีแดงบนใบหน้าของริวก็ดูเข้มขึ้นอีกหน่อยขณะที่เธอ ‘เมิน’ คำชมของเด็กหนุ่มและยกชามาเติมให้เพื่อเป็นการแก้เขิน
“ขอบใจนะริว” วาห์นรับถ้วยชาแบบยิ้มๆ ก่อนจะจิบไปหนึ่งที
ผ่านไปอีกไม่กี่อึดใจ สายตาของริวก็ดูอ่อนโยนขึ้นก่อนที่เธอจะตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่เป็นไรหรอก วาห์น”
หลังจากนั้นวาห์นก็เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและคุยเล็กกันบ้าง… พร้อมกับหยอกล้อเธอเป็นระยะๆ
ถึงริวจะไม่เคยตอบสนองมากมายอะไรนัก แต่ทุกอย่างที่เธอทำก็มักจะสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กหนุ่มอยู่เสมอ
นอกเหนือจากช่วงที่ไปเจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม วาห์นจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในโลกจริงที่บ้านและสอนนานูเกี่ยวกับการหลอมสร้างหรือไม่ก็เข้าเรียนกับเด็กคนอื่นๆ
เป็นที่รู้กันดีแล้วว่าตอนนี้ทีน่าคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับที่สองของบ้าน เพราะแม้แต่อนูบิสก็ยังต้องรู้สึกยำเกรงมนุษย์แมวตัวน้อย
เด็กๆ ทุกคนได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและวาห์นหวังไว้สูงมากว่าชีวิตในอนาคตของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสำเร็จ
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่สำคัญมากก็คือสภาพของทีน่าหลังจากมาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วัน
เธอไม่ได้รู้สึกตึงเครียดและตื่นเต้นอยู่ตลอดแบบก่อนหน้านี้แล้ว แถมยังดูเขินอายต่อหน้าวาห์นน้อยลงด้วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งสองกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ทีน่าก็ไม่ได้อายหรือรู้สึกกังวลขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก
พอถึงเวลาเข้านอน เธอก็จะคลานเข้าไปหาวาห์นอย่างรวดเร็วและมาซุกอยู่ข้างๆ ก่อนจะหลับไปพร้อมกับใบหน้าที่มีความสุขและพึงพอใจ
วาห์นสังเกตเห็นว่าเด็กสาวไม่ได้ฝันร้ายเหมือนแต่ก่อนและความเชื่อใจของเธอที่มีต่อเขาก็เพิ่มขึ้นมาก
วาห์นรู้สึกอยากปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนการควบคุมตัวเองของเขาก็ดีขึ้นมากในช่วงที่มีเธออยู่ด้วย
ตอนนี้ เมื่อไหร่ที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงแบบอนูบิสหรือนานู วาห์นก็จะไม่โดนการตอบสนองของพวกเธอในระหว่างที่ถูกลูบหัวเข้าเล่นงานอีก
เขาแสดงความเอ็นดูและรู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่กับพวกเธอโดยไม่มีอะไรเกินไปมากกว่านั้น
พวกเธอดูเหมือนจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของวาห์นและเริ่มแสดงสีหน้ามีความสุขทุกครั้งที่เขาเกาหูให้
แม้พวกสาวๆ จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนแปลงไปเร็วขนาดนี้ แต่วาห์นก็ตระหนักดีว่ามันเกิดจากสถานที่ที่เขาใช้ด้วยมากที่สุดนั่นเอง
เมื่อไหร่ก็ตามที่วาห์นเข้าไปในลูกแก้ว เขาก็จะมีเวลาเพิ่มขึ้นมาอีก 6 วันจากทุกๆ 1 วันในโลกจริง
นั่นหมายความว่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้ วาห์นได้ใช้เวลาไปแล้วหลายเดือนเพื่อจัดระเบียบความคิดตัวเองและพยายามปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิต
ช่วงไม่กี่วินาทีสั้นๆ ในโลกจริงที่เขาจะใช้ไปกับเอวานั้น วาห์นได้ปลดปล่อยอะไรหลายๆ ออกไปจากระบบของตัวเอง
ทุกๆ คนตั้งแต่เอวา เหล่าหญิงสาวจากเจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม และสมาชิกภายในบ้านนั้นได้เปลี่ยนแปลงลักษณะนิสัยของวาห์นไปอย่างรวดเร็ว
เอวาเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกันในช่วงที่เธอกับวาห์นได้ทำตัวใกล้ชิดกันมากขึ้น
แทนที่จะใส่ชุดโกธิคสีดำแบบที่เธอชอบ ตอนนี้เอวาเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าน่ารักและดูวับๆ แวมๆ ขณะพยายามยั่ววาห์นในช่วงที่เขาไม่ยุ่งเกินไปนัก
ทันทีที่วาห์นวางเครื่องมือลง เธอก็จะลากเขาไปอาบน้ำทันทีและได้รับการปรนนิบัติจากเด็กหนุ่มไปอีกสองสามชั่วโมงในระหว่างที่ทั้งสอง ‘พักผ่อน’
วาห์นพบว่านับวันเธอจะยิ่งแสวงหาความรักจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ และเด็กหนุ่มก็ตามเอาใจทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของเธอ
จากการ ‘ต่อสู้’ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งของทั้งคู่ ตอนนี้สกิลและทักษะของวาห์นก็ก้าวหน้าไปมาก
ในที่สุดระดับของ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ก็เพิ่มขึ้นจาก A เป็นระดับ S แล้วและนั่นทำให้เขาได้เปรียบแวมไพร์จอมอหังการขึ้นมาหน่อยๆ
แม้ว่าเธอจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างฉับพลัน แต่วาห์นก็สามารถใช้วิชาต่างๆ ได้อย่างช่ำชองและต่อเนื่องจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูกไปชั่นขณะและทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งสองพบกันที่วาห์นสามารถโค่นเอวาลงได้จนถึงขั้นที่หน้าท้องของเขานั้นเต็มไปด้วยของเหลวแปลกๆ ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่ว
โชคร้ายหน่อยที่ดูเหมือนเธอจะไม่พอใจกับการกระทำของเขามากจนต้องเปิดคอมโบทุบหน้าอกใส่ไปอีก 5 นาทีก่อนที่จะถูกจับกอด
แม้เธอจะสงบลงเล็กน้อยเมื่อโดนอีกฝ่ายกอด แต่นั่นกลับมาทำร้ายวาห์นทีหลังเพราะเอวานั้นถือคติ ‘สงบลง = ถึงเวลาโจมตีสวนกลับ’
เป็นเวลาเกือบสี่ชั่วโมงเต็มหลังจากนั้นที่เอวาทรมานร่างกายของวาห์นจนถึงจุดที่เขาต้องเปิดใช้ [จิตแห่งราชัน] เพื่อหลบหนีจากเงื้อมมือของเธอ
ถึงมันจะทำให้เขารู้สึกละอายใจหน่อยๆ ที่ต้องรีบเผ่นหนี แต่วาห์นก็ยังหัวเราะร่าขณะชิ่งออกจากเตียงและมุ่งหน้าไปทางห้องทำงาน
เพราะเนื่องจากลงกับคนไม่ได้ เขาก็เลยต้องไปลงกับโลหะแทน
แม้จะหยุดเขาไว้ด้วยพลังจิตก็ยังได้ แต่เอวาเพียงแค่ยิ้มๆ ขณะหรี่ตามองการล่าถอยอย่างไปเป็นขบวนนั่น
หลังจากที่เด็กหนุ่มออกไปแล้ว เธอก็นอนลงบนเตียงและเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นที่หลงเหลือจาก ‘ศึกหนัก’ เมื่อครู่และนอนหลับไปอย่างสงบ
และนั่นก็คือกิจกรรมทั้งหมดที่วาห์นทำไปในช่วงระยะเวลาเกือบ 35 วันในลูกแก้วและ 7 วันในโลกจริง
เมื่อเช้าวันเสาร์มาถึง วาห์นก็เริ่มทำพิธีแก้ท่านอนและเสื้อผ้าของทีน่าอย่างเคยพลางจูบเธอที่หน้าผากก่อนจะกลับเข้าไปในลูกแก้วด้วยความรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ
วันนี้ก้าวสำคัญในเส้นทางสู่อนาคตของเขา และวาห์นแทบรอไม่ไหวที่จะดูว่าทฤษฎีของตนนั้นถูกต้องหรือเปล่า
ทันทีที่ลืมตาขึ้นภายในมิติขาวดำ เขาก็เตรียมอ้าแขนเพื่อรอรับหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่เคยปล่อยให้เขารอเก้อ
เนื่องจากเอวาสัมผัสได้ทันทีที่วาห์นเข้ามาในมิตินี้ เธอจึงเริ่มติดนิสัยลอยตัวอยู่เหนือที่ที่เขาปรากฏตัวก่อนจะตกใส่แบบพอดิบพอดี
วาห์นพบว่าครั้งนี้เอวาสวมชุดชั้นในสีขาวที่ขับเน้นผิวขาวผุดผ่องและเส้นผมสีทองของเธอ
เขาตระหนักแล้วว่ายิ่งพวกเขาใกล้ชิดมากเท่าไหร่ ชุดของเธอก็จะน้อยชิ้นขึ้นตามไปด้วย
ตอนแรกนั้นเธอจะเริ่มต้นด้วยเสื้อผ้าสีดำ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นสีต่างๆ เช่นสีแดง สีน้ำเงิน และสีม่วง จนกระทั่งในที่สุดเธอก็เริ่มใส่น้อยลงและไล่ตามสีเช่นเดิม ก่อนจะเปลี่ยนไปใส่สีทอง สีชมพูและตามมาด้วยสีขาว (TL: อ่านแล้วนึกถึงวิธีบรรลุในนิยายจีนหน่อยๆ)
พอเขาชี้ข้อเท็จจริงนี้ให้หญิงสาวฟัง เอวาผู้ที่หน้ากลายเป็นสีแดงก่ำก็เลยซ้อมเอาๆ จนวาห์นรู้สึกหายสงสัยในพริบตา
ตลอดช่วงที่เธอลงไม้ลงมือนั้น วาห์นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและหยอกล้อท่าทางน่ารักของเธอ
หลังจากทำให้คนถูกซ้อม ‘ยกธงยอมแพ้’ ได้อีกครั้ง เธอจึงอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่าที่ทำไปนั้นก็เพื่อทำให้เขารู้สึกไม่เบื่อและพึงพอใจมากขึ้น
วาห์นพยักหน้ารับเพราะเขามักจะกล่าวชมเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ละครั้งและพูดเสริมว่าเธอดูเข้ากับชุดสีอ่อนมาก
หลังจากถูกเอวาปล่อยตัวออกมาจากห้องนอนแล้ว ในที่สุดวาห์นก็เดินไปที่ห้องทำงานด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
เอวาสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ นั่นและเดินตามมาด้วยเพื่อดูว่าเด็กหนุ่มคิดจะทำอะไรกันแน่
เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มทำงานตามปกติ เอวาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“นี่นายทำไมถึงทำหน้างี่เง่าแบบนั้นล่ะ คิดจะทำอะไรกันแน่?”
วาห์นคุ้นเคยกับ ‘คำสบประมาท’ ของเอวามาพักใหญ่ๆ แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ก่อนจะตอบกลับไป
“ฉันสามารถผสาน ‘ตำนาน’ ของชื่อเข้าไปในอะไรก็ตามที่ไม่มีชื่อได้ด้วย
ถึงจะมีเวลาคูลดาวน์ที่นานมาก แต่ภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้มันก็จะกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
ฉันอยากลองใช้มันกับดาบเพื่อดูว่าผลของมันจะออกมาแบบไหนน่ะ”
ดวงตาของเอวาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอรีบถามต่อ
“นี่นายมีเวทมนต์ตั้งชื่อด้วยเหรอ!? นั่นเป็นหนึ่งในระบบเวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุดซึ่งปกติแล้วมีแค่เทพและสิ่งที่เทียบเคียงเทพเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้เชียวนะ”
หากสิ่งที่วาห์นพูดนั้นเป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าเขามีศักยภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้มาก
เธอรู้อยู่แล้วว่าวาห์นน่าจะเข้ากันได้ดีกับวิชามาเกียเอเรเบียเพราะเขาใช้เวทมนตร์ ‘แปลงร่าง’ ได้ และตอนนี้เขายังมีหนึ่งในเวทมนตร์ที่หายากที่สุดจากโลกของเธอและพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่สลักสำคัญอะไรนัก
วาห์นพยักหน้าและวางโลหะลงที่เตาเพื่อส่งต่อมันให้กับ ‘เพลิงนิรันดร์’ ขณะที่เขาดึงคริสตัลสีรุ้งสวยงามออกมา
ก่อนที่เอวาจะได้ถามต่อ วาห์นก็พูดขึ้น
“ตามมาสิ ฉันจะให้เธอดูอะไรเจ๋งๆ”
ทั้งสองออกจากห้องทำงานและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่เปิดโล่งเพราะวาห์นจะไม่ต้องมากังวลเรื่องอุบัติเหตุและความเสียหายต่างๆ
เขาเริ่มใส่พลังงานเข้าไปในก้อนคริสตัล และไม่นานมันก็เริ่มเปล่งประกายด้วยสีสันสวยงามก่อนที่หมอกสีม่วงจะระเบิดออกมาจากคริสตัลอย่างรวดเร็วในขณะที่วาห์นขว้างมันออกไปด้านหน้า
มังกรดำตัวใหญ่ที่มีความยาวเกือบ 7 เมตร โผล่ออกมาจากคริสตัลและบินขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะปล่อยเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วมิติสีขาวดำ
เอวารู้สึกประหลาดใจเมื่อมีมังกรโผล่ออกมาและถามขึ้น
“เวทมนตร์อัญเชิญงั้นเหรอ?”
วาห์นส่ายหัวเป็นการตอบขณะเริ่มอธิบายเรื่องที่เขาพบและฝึกเจ้าไวเวิร์นตอนอยู่ในดันเจี้ยน
หลังจากนั้นเขาก็ใช้ ‘เวทมนตร์ตั้งชื่อ’ โดยใช้ชื่อของมังกรในตำนานซึ่งเป็นผลให้มันวิวัฒนาการจากไวเวิร์นสีชมพูที่ดูอ่อนแอจนกลายเป็นเป็นมังกรดำทรงพลังที่กำลังบินวนรอบหัวทั้งคู่อยู่ในขณะนี้
เอวาฟังคำอธิบายของวาห์นแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะถ้าสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดเป็นความจริง (ซึ่งก็น่าจะเป็นแบบนั้น) นั่นก็หมายความว่า ‘เวทมนตร์ตั้งชื่อ’ ของเขาน่าจะมีพลังมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้
เธอสัมผัสได้ว่ามังกร ‘ฟาฟเนียร์’ มีพลังงานแบบเดียวกับวาห์น แม้ว่าออร่าของทั้งสองจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม
สำหรับเธอนั้นมันดูเหมือนเป็นเวทมนตร์อัญเชิญ แต่เอวาก็รู้ว่าวาห์นคงไม่โกหกเธอแน่นอน
นั่นก็หมายความว่าเขาเป็นผู้ครอบครองเวทมนตร์ ‘ระดับตำนาน’ ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวก็ดูจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทันใดนั้นหญิงสาวก็นึกถึงสัญญาที่เด็กหนุ่มเคยให้ไว้ว่าจะช่วยทั้งร่างต้นของเธอและตัวเธอเองด้วย… มันอาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้