Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 179
วาห์นตื่นขึ้นมาในโลกจริงและจ้องมองเพดานด้วยความงุนงงอยู่หลายนาทีก่อนที่สติจะกลับมาอีกครั้ง
‘รางวัล’ที่เอวาเตรียมไว้ให้เด็กหนุ่มก็คือการเปลี่ยนเป็นร่างผู้ใหญ่ในสภาพเปลือยเปล่าและทรมานเขาแบบเดียวกับที่ชอบทำในช่วงนี้
ร่างผู้ใหญ่นั้นทำให้ความสูงของเธอเพิ่มขึ้นจาก 130 ซม. เป็น 173 ซม. ดังนั้นแทนที่จะนั่งบนท้องของ เธอจึงมานั่งอยู่ที่เอวของเขาแทน
วาห์นต้องหักห้ามตัวเองอยากหนักเพื่อไม่ให้ทำอะไรเกินเลยขณะปล่อยให้บั้นท้ายอวบอิ่มเข้ามาทาบกับอาวุธของตนเล็กน้อย
ทุกอย่างเริ่มแย่ลงเมื่อจู่ๆ ก็มีของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมาจากจุดที่หญิงสาวนั่งทับเอาไว้ด้วย…
วาห์นยังอยู่ในสภาพเหม่อลอยต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทีน่าละเมอเข้ามากอดจากด้านข้างและทำให้เขาตื่นจากภวังค์
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ เด็กสาวตัวน้อยจึงไม่จำเป็นต้องรีบตื่นและตอนนี้วาห์นเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่
เขาลงไปนอนข้างทีน่าจนเกือบจะ 8 โมงเช้าจนกระทั่งเด็กสาวเริ่มตื่นขึ้นมาเอง
เนื่องจากยังงัวเงียอยู่ ทีน่าจึงจ้องมองวาห์นอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเอาหน้าไปถูไหล่ของเด็กหนุ่มและพยายามกลับไปนอนต่อ
วาห์นหัวเราะการกระทำนั่นและเป่าลมใส่หูของเธอเบาๆ เพื่อเป็นการหยอกล้อ
หูของทีน่ากระตุกทุกครั้งที่เขาทำแบบนั้น จนในที่สุดเธอก็ตื่นขึ้นเพราะทนต่อไปไม่ไหว
“อย่ามาเป่าลมใส่หูกันสิ วาห์นเมี๊ยว~!” เธอมองมาทางเขาแบบงอนๆ
วาห์นบีบจมูกเพื่อแกล้งเด็กสาวน่ารักเป็นการปิดท้ายก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“ทีน่า วันนี้ฉันจะออกไปข้างนอกนะ
ว่าจะไปหาเฮเฟสตัสกับเอน่าก่อนจะแวะไปที่โลกิแฟมิเลียสักหน่อย
เธออยากให้ฉันพากลับโรงแรมตอนนี้หรือว่าจะออกไปเองทีหลังล่ะ?”
ที่ประชุมนั้นได้เห็นพ้องต้องกันแล้วว่าวาห์นควรใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่โรงแรมฮาร์ธเอ็มเบรสเพื่อให้ทีน่าได้มีเวลาอยู่กับแม่ของเธอบ้าง
มันยังเปิดโอกาสให้วาห์นได้หยุดพักเรื่องของอนูบิสแฟมิเลียและทำให้เขาไปอยู่ใกล้กับโรงหลอมของเฮเฟสตัสและอพาร์ทเมนต์ของเอน่าอีกด้วย
ทีน่าถอดชุดนอนสีเหลืองออกโดยไม่สนใจสายตาที่มองของวาห์น ก่อนจะหันหลังให้เขาและเริ่มเลือกชุดที่จะใส่ในวันนี้
เพราะหันหน้าหนีไม่ทัน วาห์นจึงสังเกตเห็นว่าเธอกำลังสวมกางเกงในลายการ์ตูนรูปลูกสุนัขซึ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามัน ‘ผิดคาด’ ไปมาก
พอหันหลังให้แล้ว วาห์นก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา
“เดี๋ยวฉันไปกับนายเลย แล้วเราจะได้แวะหาของทานข้างทางก่อนไปถึงโรงแรม
…อย่ามั่วเถลไถลนานนักล่ะ แล้วก็ต้องกลับมาให้ทันก่อนมื้อเย็นด้วย
แม่อยากให้พวกเราทานข้าวแบบพร้อมหน้าด้วยกันสักครั้ง เพราะเมื่อก่อนนายไม่ค่อยได้ทานอาหารที่โรงแรมเลย”
วาห์นให้สัญญาว่าเขาจะไม่ไปสายก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกมาตรงทางเดิน
อนูบิสกำลังรอพวกเขาอยู่เช่นเคย และวาห์นก็เริ่มอธิบายว่าเขาจะพาทีน่ากลับบ้านขณะลูบหัวของเธอไปพร้อมกัน
หลังจากทิ้งเงินไว้ให้เธอใช้พาพวกเด็กๆ ออกไปชอปปิ้งในภายหลัง วาห์นและทีน่าก็ออกจากบ้านและมุ่งหน้าไปที่ฮาร์ธเอ็มเบรสซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตัวเมือง
ทีน่าเลือกใส่กระโปรงสีน้ำตาลที่มีลายเส้นสีขาวซึ่งดูคล้ายกับกับตารางหมากรุกและผูกริบบิ้นสีขาวไว้ที่โคนหาง
เธอสวมเสื้อสีครีมที่มีขอบระบายสีดำและเผยให้เห็นแผงคอเล็กน้อย
แม้ว่าเด็กสาวมักจะสวมใส่เสื้อผ้าน่ารักอยู่เสมอ แต่วาห์นคิดว่าครั้งนี้ทีน่าแต่งตัวได้เหมาะสมกับวาระโอกาสจริงๆ จนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเธอ
เธอรู้สึกเขินหน่อยๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ขยับเข้ามาจับมือของเขาไว้
วาห์นยิ้มให้ก่อนจะเดินจูงมือเด็กสาวเข้าไปในเมือง
แม้จะรู้ว่าเธอคิดกับเขาเกินน้องสาวแน่นอน แต่วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังพาเด็กกลับบ้านไปหาแม่
เนื่องจากช่วงก้าวของทีน่านั้นสั้นกว่าของตนมาก วาห์นจึงไปถึงที่นั่นได้ช้ากว่าปกติและยังสัมผัสได้ว่าเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงด้านนอกของโรงแรม ทีน่าก็แทบจะเป็นฝ่ายดึงมือของวาห์นเข้าไปข้างในก่อนจะร้องเรียกผู้เป็นแม่เสียงดังเพื่อบอกให้รู้ว่าพวกเขามาถึงแล้ว
มิลานกำลังดูแลเคาน์เตอร์ที่ห้องอาหารอยู่ในขณะนั้น เธอจึงสังเกตเห็นทันทีที่ทั้งสองเปิดประดูเข้ามา
เมื่อเห็นบุตรสาวของตนจับมือลากเด็กหนุ่มมาด้วย มิลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและหัวเราะให้กับภาพที่เห็น
พอเห็นสีหน้าอึดอัดนิดๆ ของวาห์น มิลานจึงรู้สึกว่าเขาเหมือนกับพ่อที่กำลังตามเอาใจลูกสาวซะมากกว่า
ความคิดนั่นทำให้รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นอีกขณะเดินอ้อมเคาน์เตอร์เพื่อออกมารับทั้งสอง
หลังจากที่มิลานเข้ามาใกล้ ทีน่าก็ปล่อยมือวาห์นก่อนจะโผกอดรอบเอวและเอาหน้าไปถูกับอกของผู้เป็นแม่
มิลานนั้นเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้และทันทีที่โดนลูกสาวกอด เธอก็พูดขึ้นมาทันที
“ตายจริง~? นี่โดนวาห์นแกล้งมาใช่ไหมเนี่ย~?”
ขณะพูด เธอก็จ้องไปที่วาห์นด้วยสีหน้าซุกซน
ทีน่านั้นไม่ได้สังเกตเลยว่ามิลานกำลังแกล้งเธออยู่ เธอจึงรีบส่ายหัวและตอบด้วยเสียงขาดๆ ที่คล้ายกับจะร้องไห้
“ไม่ใช่นะคะ วาห์นเมี๊ยวดีกับหนูมาก… หนูแค่คิดถึงแม่เฉยๆ”
วาห์นเฝ้าดูแม่ลูกพูดคุยกันและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความอบอุ่นในทรวงอกเมื่อได้เห็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของครอบครัวนี้
แม้จะปฏิบัติกับทีน่าอย่างรักใคร่และพยายามทำให้เด็กสาวเชื่อใจ แต่วาห์นก็รู้ว่าเขาคงแทนที่สมาชิกครอบครัวจริงๆ ของเธอไม่ได้
ตอนนี้เธอกับแม่ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง เด็กสาวที่ใจกล้ามาโดยตลอดจึงเริ่มส่อแววงอแงขณะที่ผู้เป็นแม่ยังคงลูบหลังเพื่อปลอบเธอไปเรื่อยๆ
หลังจากที่ทีน่าสงบลงแล้ว เธอก็เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเก็บของก่อนจะเปลี่ยนไปใส่ชุดทำงานแทน
ทีน่าตั้งใจว่าจะช่วยแม่ของเธอบริหารโรงแรมในช่วงสุดสัปดาห์ ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้วาห์นและมิลานนั่งกันอยู่ตามลำพังในห้องอาหาร
วาห์นนั่งที่เคาน์เตอร์ขณะที่มิลานเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆ ให้เขาทาน
หลังจากเพลิดเพลินกับขนมและเครื่องดื่มอยู่ครู่นึง วาห์นก็มองหญิงสาวที่กำลังจ้องเขากลับมาด้วยสายตาอบอุ่น
“มิลาน คือฉันอยากจะขอโทษ…”
คิ้วของมิลานขมวดขึ้นเล็กน้อยขณะที่เธอเผยสีหน้าสงสัย
“หืม~? นายทำอะไรผิดเหรอ ถึงต้องมาขอโทษแบบนี้น่ะ?”
วาห์นถอนหายใจก่อนจะยื่นมือออกมาและวางดาบที่โค้งงอลงบนเคาน์เตอร์
มิลานรู้สึกสับสนในตอนแรก แต่พอจำลวดลายบนตัวดาบได้ เธอก็ได้แต่ทำหน้าเศร้าๆ
สีหน้าของเธอนั้นทำให้หัวใจของวาห์นเจ็บปวดมาก ก่อนที่เขาจะเริ่มอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ดาบมีสภาพเป็นแบบนี้
พอเล่าจบ สีหน้าเศร้าๆ ของมิลานก็ดูดีขึ้นมาหน่อยก่อนที่เธอจะถอนหายใจโล่งใจ
“ฉันดีใจนะที่มันปกป้องนายไว้ได้ แค่นายกลับมาหาเราอย่างปลอดภัยนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ขณะพูด มิลานก็ลูบ [ความทรนงแห่งราชสีห์] ที่พังไม่เหลือชิ้นดีด้วยสีหน้าเศร้าๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความดีใจ
วาห์นทนเห็นเธอเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาก็เลยคว้ามือเรียวบางที่กำลังลูบดาบมาไว้ในมือตัวเอง
มิลานรู้สึกประหลาดใจแต่วาห์นก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“มิลาน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ
หากไม่ได้พบเธอกับทีน่า ชีวิตในเมืองของฉันก็คงจะไม่ได้ดีแบบทุกวันนี้แน่นอน
แถมเธอยังมอบสมบัติที่ช่วยให้ฉันรอดตายหวุดหวิดอีก…”
จากนั้นวาห์นก็มองจ้องเข้าไปในดวงตาเศร้าๆ ของหญิงสาวตรงหน้าซึ่งทำให้คิ้วเธอขมวดเล็กน้อย
“ในอนาคต ฉันอยากตอบแทนทุกอย่างที่เธอทำให้
พอทุกอย่างสงบลงแล้ว ฉันอยากจะให้เธอกับทีน่าย้ายมาอยู่ด้วย…”
วาห์นสังเกตเห็นว่าค่าความชื่นชอบของมิลานเพิ่มขึ้นจาก 64 เป็น 68 หลังได้ยินคำพูดของเขา
แต่เธอกลับแสดงสีหน้าขอโทษก่อนจะพยายามดึงมือออก
เมื่อเห็นว่าวาห์นไม่ยอมปล่อย เธอจึงถอนหายใจและเริ่มอธิบาย
“วาห์น นายมีผู้หญิงอยู่แล้วตั้งหลายคนนะ
ทั้งคนที่ยังสาวกว่า หรือมีอำนาจมากกว่า… แม้แต่พวกเทพธิดาก็ยังต้องเป็นฝ่ายติดตามนายแทน
ตราบใดที่ทำให้ลูกสาวของฉันมีความสุขได้ นายก็ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก”
วาห์นส่ายหัวก่อนจะตอบกลับทันที
“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้
รู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงพอรู้ว่าเธอต้องนอนอยู่ที่นี่คนเดียว ถ้าต้องมาเห็นเธออยู่แบบนี้ต่อไปล่ะก็…
เธอยังดูสาวมากนะ สวยก็สวย หุ่นก็ดี ดังนั้นเลิกใช้อายุมาเป็นข้ออ้างได้แล้ว”
วาห์นสังเกตเห็นว่าขณะที่เขาพูดไปเรื่อยๆ หางของมิลานก็เริ่มกระตุกตามอยู่บ้าง
เขายิ้มและพูดต่อไป
“มิลาน นอกจากว่าเธอจะไม่ชอบฉันเป็นการส่วนตัว โปรดให้ฉันได้ดูแลเธอกับลูกสาวด้วยเถอะ”
มิลานรู้สึกตื่นเต้นกับข้อเสนอของวาห์น แต่เธอก็ยังคงส่ายหน้าเหมือนเดิม
“นายโตขึ้นมากเลยนะ… แต่ฉันไม่อยากมาเป็นภาระของนายกับทีน่าหรอก
ถึงอยากจะอยู่กับนาย แต่ไม่มีทางที่ฉันจะอยู่กินกับผู้ชายที่ลูกสาว-”
ก่อนที่มิลานจะได้พูดอะไรต่อ ทีน่าก็พุ่งผ่านประตูที่เธอใช้แอบฟังเข้ามาอย่างรวดเร็วและพูดตัดหน้า
“แม่! ทำไมถึงงี่เง่าแบบนี้ล่ะ~เมี๊ยว!”
เพราะจับสัมผัสของเด็กสาวได้ตั้งนานแล้ว วาห์นจึงไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ แต่ดวงตาของมิลานพลันเบิกกว้างขณะพยายามดึงมือออกจากการจับกุมของวาห์นอย่างเร่งรีบ
แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น ทีน่าก็วิ่งไปจับมือของทั้งสองด้วยนิ้วมือเล็กๆ ของเธอเองและมองไปทางมิลานด้วยสีหน้าที่ใกล้จะร้องไห้เต็มที
“เราต้องอยู่ด้วยกันสิคะ~! นับจากนี้และตลอดไปเลยด้วย~เมี๊ยว!”
เมื่อเห็นสีหน้างอแงของลูกสาวและสัมผัสจากฝ่ามืออันแข็งแกร่งของวาห์น มิลานก็เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
เธอรู้สึกกดดันสุดๆ จากการโจมตีแบบคอมโบของคู่หนุ่มสาวและเกือบจะยอมแพ้อยู่แล้ว
ทว่าเธอกลับคุมสติเอาไว้ได้ขณะมองไปมาระหว่างทั้งสองขณะพยายามหาเหตุผลมาค้าน
ทีน่าเห็นปฏิกิริยาของแม่และถามขึ้นพร้อมเสียงสะอื้น
“แม่คะ… แม่ไม่ชอบวาห์นเหรอ?”
พอได้ยินคำถามของบุตรสาว เธอก็ส่ายหัวและพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่ใช่แบบนั้นนะทีน่า… คือว่าเรื่องนี้…”
ก่อนที่เธอจะได้พูดจนจบ ทีน่าก็ถามต่ออีกครั้ง
“แม่เองก็เสียใจมากตอนที่รู้ว่าเขาบาดเจ็บไม่ใช่เหรอ?
แม่ไม่ได้คาดหวังอะไรจริงๆ เหรอคะ? แล้วที่ปล่อยให้วาห์นจับหูของแม่ล่ะ?”
การโจมตีต่อเนื่องด้วยคำถามเป็นชุดๆ ทำให้มิลานไปต่อไม่ถูกขณะพยายามคิดหาคำตอบที่ลูกสาวตัวแสบอย่างรู้เสียเหลือเกิน
ทีน่าพูดต่อไปอีกโดยไม่เปิดโอกาสให้แม่ตามทัน
“หนูรู้นะ… ว่าแม่ทำอะไรตอนอยู่คนเดียว… หนูได้ยินแม่เรียกชื่อวาห์นด้วย…”
แม้จะสับสนอยู่บ้าง แต่มิลานก็เข้าใจทันทีว่าลูกสาวกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่ำก่อนจะพยายามแกะมือของตัวเองออกอีกครั้ง
วาห์นไม่ปล่อยให้เธอหนีรอดไปได้ง่ายๆ ขณะที่ทีน่ายังบุกหนักต่อไป
“หนูรู้นะว่าแม่ชอบวาห์น… แล้วทำไมแม่ต้องพยายามดึงตัวเองออกมาด้วย?
ทำไมพวกเราถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะคะ?”
ตอนนี้น้ำตาของทีน่าก็ไหลออกมานิดหน่อยแล้ว ขณะที่เด็กสาวยังคงอ้อนวอนต่อผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าอมทุกข์
วาห์นพูดเสริมขึ้นเพื่อช่วยทีน่าอีกแรง
“มิลาน… ถึงเธอจะไม่อยากอยู่กับฉันเป็นการส่วนตัว แต่ฉันก็ยังอยากให้เราได้อยู่พร้อมหน้ากันในอนาคตนะ
อย่าอยู่ที่นี่คนเดียวและใช้เวลาที่เหลือไปกับการดูแลคนอื่นเลย”
เป็นอีกครั้งที่มิลานส่ายหัว
“ฉันทำไม่ได้… มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
วาห์นรู้สึกสับสนและเริ่มร้อนใจขึ้นมาหน่อยๆ ก่อนจะถามต่อ
“บอกหน่อยสิว่าเพราะอะไรกัน? ทำไมถึงบอกว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะ?”
ตอนนี้ทีน่าเริ่มร้องไห้ออกมาแล้วและกำลังจ้องมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างสุดซึ้งขณะเฝ้ารอคำอธิบาย
สีหน้าของมิลานดูแย่ลงทุกขณะก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“เพราะว่า…” มิลานดิ้นรนกับคำพูดของตัวเองก่อนจะถอนหายใจแรงๆ
“เพราะว่าฉันไม่เชื่อใจตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรเลย
ฉันไม่ได้อยู่กับผู้ชายมาตั้งนานแล้ว และถ้าให้ไปอยู่ด้วยกันกับนาย…คงจะมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ”
วาห์นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ แต่ทีน่ากลับพูดขึ้นมาก่อน
“ใคนสนกันเล่า!? เหตุผลของแม่นี่ฟังไม่ขึ้นเลยนะ~เมี๊ยว!
ถ้าแม่กับวาห์นอยากทำแบบนั้น แล้วทำไมต้องลังเลด้วยล่ะ~เมี๊ยว!?”
คำพูดของทีน่าทำเอาทั้งวาห์นและมิงานถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
เด็กสาวยังคงยืนกุมมือของทั้งสองขณะพูดต่อไปด้วยเสียงสะอื้น
“ทำไมพวกเราถึงมีความสุขด้วยกันไม่ได้ล่ะ…?”
ทีน่าเริ่มร้องไห้หนักก่อนจะก้มหน้าและปล่อยให้น้ำตาหยดลงไปตรงจุดที่มือของทั้งสามคนกำลังเชื่อมต่อกันอยู่
ทั้งวาห์นและมิลานต่างรู้สึกเจ็บปวดในใจขณะจ้องมองเด็กสาวตัวน้อยที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
วาห์นหันมาทางมิลานด้วยรอยยิ้มเครียดจัดก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนซึ่งทำให้ความรู้สึกประหม่าในท้องของมิลานเข้าสู่ขั้นวิกฤติ
มาถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ชี้ชัดแล้วว่าเธอชอบวาห์นตั้งแต่ตอนพบกันใหม่ๆ
พอได้เห็นวาห์นที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งทางร่างกายและจิตใจ มิลานก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแอยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลูกสาวของเธอเองอยากอยู่เคียงข้างเด็กหนุ่มคนนี้ มิลานก็คงจะไม่มีอะไรต้องมาลังเลอีก
ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อไปเธอกับวาห์นก็จะได้เลี้ยงดูลูกสาวของ ‘พวกเขา’ และอยู่กินกันตามภาษาคู่รักทั่วไป
ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้หันเหไปในทิศทางนั้นเลย แถมเธอยังรู้ด้วยว่าทีน่านั้นอยากอยู่กับวาห์นจริงๆ และมีแนวโน้มว่าทั้งสองอาจมีอะไรกันทันทีที่เด็กสาวย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
มิลานรู้สึกหวั่นใจกับสถานการณ์ตอนนี้เหลือเกิน แถมเธอก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับมันได้ง่ายๆ
วาห์นเห็นความลังเลในสายตาของมิลาน รวมไปถึงออร่าสีม่วงของหญิงสาวซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เขาถอนหายใจเศร้าๆ และตัดสินใจว่าจะไม่พยายามกดดันเธออีก ก่อนจะวางมือบนหัวของทีน่าและเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อช่วยปลอบเธอ
ทีน่ารู้สึกถึงฝ่ามือที่แสนคุ้นเคยและหันไปหาวาห์นด้วยสีหน้าสับสน
วาห์นยิ้มให้และกระซิบบอกเธอเบาๆ
“เราจะบังคับเธอแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ… คงต้องหาวิธีอื่นที่จะทำให้เธอมีความสุขแทนแล้วล่ะ ไว้หาวิธีอื่นก็แล้วกัน…”
ทีน่าไม่ชอบคำพูดของวาห์นในตอนนี้เลย ขณะหันกลับไปมองไปที่มิลานอีกครั้ง
“แม่คะ… ได้โปรดเถอะ…”
คำพูดของเธอนั้นฟังดูคล้ายกับคำวิงวอนที่สิ้นหวังสุดๆ ขณะยังคงเฝ้ามองผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าเคล้าน้ำตา
มิลานเริ่มสบายใจเมื่อเห็นวาห์นเข้าปลอบทีน่า แต่เพราะลดความระวังตัวลงไปบ้าง คำพูดอย่างกระทันหันของบุตรสาวจึงเหมือนกับโดนคนเอาอิฐมาปาใส่หัว
เมื่อเห็นใบหน้าเสียใจของทีน่าและสีหน้าอ่อนโยนของวาห์นที่พยายามปลอบเด็กสาว มิลานก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าตัวเองกำลังทำผิดกับทั้งสองอย่างมาก
ตอนนี้ดูเหมือนว่าวาห์นจะเป็นคนที่มาปลอบลูกสาวแทน ขณะที่เธอกำลังทำให้ทั้งคู่ต้องมาเจ็บปวดเพราะความกลัวและความลังเลของตัวเอง…
เป็นอีกครั้งที่มิลานถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะมองดูลูกสาวด้วยสีหน้าอ่อนโยนซึ่งทำให้เธอหยุดร้องไปชั่วขณะ
ดวงตาของทีน่าเริ่มเบิกกว้างราวกับว่าได้เห็นความหวังขึ้นมาริบหรี่ ขณะจ้องมองมิลานที่หันไปทางวาห์นแทน
“ก็ได้ๆ ฉันเข้าใจแล้ว เอาก็เอา…”
ราวกับว่าความลังเลก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
มิลานเริ่มกลับมาร่าเริงอย่างรวดเร็วขณะจ้องมองเข้าไปในแววตาของวาห์นด้วยสีหน้าที่ดูเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความรักใคร่
“ถ้าจะเสียใจตอนนี้ล่ะก็ มันสายไปแล้วนะ..วาห์น”