Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 183
หลังจากที่โลกิทิ้งเขาไว้ในห้องคนเดียว วาห์นก็นั่งลงบนโซฟาเพื่อนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ตอนนี้เขาเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมเทพและเทพธิดาถึงทำในสิ่งที่พวกเขาทำ และวาห์นก็สงสัยว่ามีวิธีที่จะช่วยพวกเขาได้บ้างหรือเปล่า
แย่หน่อยที่เขาในตอนนี้นั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติของ ‘เรคคอร์ด’ และแก้ไขการทำงานของพลังศักดิ์สิทธิ์ได้
[เอ็นคิดู] อาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่การใช้มันก็มีจำกัดและแน่นอนไม่ใช่วิธีที่จะเอามาใช้แก้ปัญหาในระยะยาว
มันเหมือนกับพวกสกิลแฝงของเขาที่อยู่เหนือข้อจำกัดของ ‘เรคคอร์ด’ และมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันมาก
วาห์นไม่สามารถสร้างของที่เลียนแบบผลของมันได้ เว้นแต่ว่าไอเท็มชิ้นนั้นจะมีพลังที่อยู่เหนือดวงวิญญาณระดับ 4 ซึ่งอาจเป็นการทำลายเรคคอร์ดนี้แทน… (TL: ระดับพลังดวงวิญญาณที่สามารถอยู่ในดันมาจิได้คือ 1 – 4 *อ้างอิงจากตอนที่ 5)
วิธีเดียวที่พอ ‘พอเป็นไปได้’ ก็คือการหาทางลดทอนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพให้มากกว่าตอนที่พวกเขาจุติลงมายังโลกมนุษย์
การที่พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพถูกจำกัดอย่างหนักเมื่อเทียบกับตอนอยู่บนสวรรค์นั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าทฤษฎีนี้พอจะมีทางเป็นไปได้
ปัญหาก็คือ ตอนนี้วาห์นยังไม่มีวิธีที่จะทำแบบนั้นและแม้จะทำได้จริงๆ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าผลระยะยาวจากการยับยั้งพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานานนั้นจะออกมาเป็นแบบไหน
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากยกเลิกการยับยั้งหลังผ่านไปนานมากๆ พวกเทพอาจสลายหายไปเพราะไม่ได้กลับมาเติมเต็ม ‘จุดมุ่งหมาย’ ของตัวเองในระหว่างนั้นเลย
อีกวิธีหนึ่งที่วาห์นคิดไว้ก็คือเพิ่มชนิดของศักดิ์สิทธิ์ให้มากกว่าเดิมแทนที่จะยับยั้งมันไว้
เนื่องจากเทพสามารถมีพลังศักดิ์สิทธิ์ได้มากกว่าหนึ่งชนิดและพัฒนามันต่อไปได้เรื่อยๆ วาห์นจึงคิดว่าเขาอาจจะหาทางสับขาหลอกบทบัญญัติและสร้างจุดมุ่งหมายใหม่ให้กับพวกเทพแทน
ด้วยวิธีนี้แม้ว่าผลจากพลังศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิมจะหายไป พวกเขาก็จะไม่ถูกทำลายเพราะยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์สำรองมาคอยค้ำจุนดวงวิญญาณเอาไว้
ทฤษฎีนี้ดูมีความเป็นไปได้สูงมากและยังอาจช่วยเพิ่มระดับของ ‘เรคคอร์ด’ ให้สูงขึ้นกว่าเดิมด้วย
ปัญหาก็คือ แม้บทบัญญัติพื้นฐานของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับวิธีนี้ แต่ขั้วอำนาจต่างๆ บนโลกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบทบัญญัติดังกล่าว
ไม่เพียงแต่จะมีเทพ ‘ชั้นสูง’ กว่าเดิมมาอยู่บนโลก แต่พวกมนุษย์เองก็อาจได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อและกะทันหันมากด้วย
แม้อาจยังต้องดูเรื่องปัจจัยอื่นๆ แต่ ‘เรคคอร์ด’ นี้อาจจบสิ้นแน่นอนหากปัจจัยส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลา
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ว่าวาห์นควรจะช่วยใครบ้าง
ถ้าเอาแบบยุติธรรมที่สุดก็คือช่วยเทพและเทพธิดาทุกองค์ ซึ่งรับประกันได้เลยว่าหายนะแน่นอน
แต่ถ้าเขาช่วยเฉพาะบางคน ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่
แม้ว่าเทพที่เขาช่วยอาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ก็อาจเกิดสงครามขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจต่างๆ
เนื่องจากแพนธีออนนั้นดำรงอยู่มากว่าหกร้อยล้านปีแล้ว พวกเบื้องบนคงจะไม่ยอมให้เทพอลค์อื่นๆ เข้ามายึดอำนาจโดยที่ตนไม่ทำอะไรเลย
(TL: แพนธีออน : กลุ่มของเทพที่แบ่งตามเขตปกครอง/ตำนานต่างๆ เช่นเทพกรีก เทพนอร์ส เทพของตะวันออก)
หากเป็นแบบนั้น นอกจากวาห์นจะสิ้นชีพอย่างรวดเร็วแล้ว คนที่เขาห่วงใยก็อาจโดนลูกหลงและตกเป็นศัตรูของพวกเทพแทนด้วย
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พวกเธออาจถูกสังหารหรือคุมขังในขณะที่ลูกๆ ของวาห์นจะโดนจับและถูกนำไปทดลองเพื่อศึกษาพลังของเขา
วาห์นรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่เกิดมาพร้อมกับความพิเศษนั้นจะได้รับการปฏิบัติที่ต่างไปจากคนทั่วไปซึ่งประสบการณ์ตรงจากในอดีตนั้นก็บอกเขาว่ามันไม่ดีเอาซะเลย
พอนึกภาพลูกๆ ถูกทดลองเหมือนกับตนเองในอดีต พลังเขตแดนของวาห์นก็กระจายออกมาเพราะความโกรธโดยที่เจ้าตัวไม่อาจหักห้ามมันได้
ราวกับว่าเป็นการตอบสนองต่อ ‘การระเบิด’ ของเขา โลกิกลับเข้ามาพร้อมขวดไวน์และแก้วสองใบขณะจ้องมองวาห์นด้วยสายตาสงสัย
วาห์นสังเกตเห็นเธอและรีบเก็บพลังเขตแดนก่อนจะตรวจสอบชุดที่เทพสาวกำลังใส่อยู่
ยี่สิบนาทีที่เธอหายไป โลกิกลับมาพร้อมชุดลำลองที่ดูต่างไปจากชุดปกติของเธอมาก
เธอกำลังสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพร้อมกระโปรงสั้นสีน้ำเงินเข้ม
พอเห็นเขามองมา เธอก็ยิ้มตอบและอธิบายให้ฟัง
“ถึงต้องเปลี่ยนชุด แต่ฉันก็ไม่ชอบพวกกางเกงขายาวหรอกนะ
ชั้นบนอาจดูไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ชั้นล่างนี้ยังพอเอามาอวดได้บ้างใช่ไหมล่ะ~?”
ขณะพูด เธอก็หันข้างไปเล็กน้อยโดยหวังว่าวาห์นจะดูออกว่าเธอมีดีที่ตรงไหนบ้าง
แม้กระโปรงจะคลุมต้นขาเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ซ่อนส่วนโค้งเว้าของเธอเลยแม้แต่น้อย
วาห์นสังเกตเห็นว่าแท้จริงแล้ว บั้นท้ายของโลกินั้นดูงอนขึ้นและเข้ารูปสุดๆ
พอเห็นว่าวาห์นมองถูกจุด รอยยิ้มของโลกิก็กว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะมานั่งลงข้างๆ และวางของลงบนโต๊ะ
ขณะกำลังเทของเหลวสีแดงลงไปในแก้ว เธอก็ถามอย่างเจ้าเล่ห์ “เป็นไง? ดีขึ้นไหม?”
วาห์นถอนหายใจข้างในและตัดสินใจว่าคงต้องชมเธอเสียหน่อย
“ดู ‘แปลกตาดี’ แล้วก็เข้ารูปมากๆ”
โลกิได้ยินแล้วก็ต้องหัวเราะขณะคิดว่ามันเป็นคำชมที่แปลกจริงๆ
เธอบอกได้ว่าเขาพูดมันอย่าง ‘จริงจัง’ แต่นั่นก็ทำให้มันน่าขันเพราะมันเป็นวิธีชมที่ทำให้คนส่วนใหญ่คงได้แต่ยิ้มแหยๆ
“อยากลองจับดูหน่อยไหม? ไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่ฉันมั่นใจว่านายต้องประหลาดใจแน่นอน” เธอลองหยอกเขาต่ออีกหน่อย
แม้จะหยุดคิดไปพักหนึ่ง แต่วาห์นก็ส่ายหน้าพร้อมกับปฏิเสธแก้วไวน์ที่เธอยื่นให้ด้วย
คิ้วของโลกิขมวดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่วางยาหรืออะไรแบบนั้นหรอก”
เพื่อเป็นการพิสูจน์ โลกิจึงกระดกมันเข้าไปก่อนจะร้อง ‘ฮ่า~’ อย่างมีความสุข
วาห์นพยายามอธิบายว่าเขาจะไม่พยายามเคยดื่มนอกบ้านของตัวเอง นอกจากว่ามันจะเป็นงานฉลองที่มีสหายอยู่ด้วยหลายคน
โลกิพยายามโน้มน้าวว่านี่เป็นการฉลองวันเกิดให้กับลูกในอนาคตของพวกเขา แต่วาห์นก็ยังปฏิเสธหัวชนฝาจนกระทั่งเทพสาวหวดไปคนเดียวกว่าครึ่งขวดแล้ว
โลกิออกอาการเมาอย่างรวดเร็วและเริ่มเข้ามาเกาะแกะขณะที่วาห์นต้องเอามือของเธอออกจากตัวอยู่บ่อยครั้ง
โชคไม่ดีเพราะยิ่งเธอเมา เธอก็ยิ่งใจกล้ามากขึ้นจนวาห์นตัดสินใจที่จะจัดการขั้นเด็ดขาด
เขาหันไปหาเทพธิดาแสนใจกล้าและถามเรียบๆ
“โลกิ… อยากให้ฉันนวดให้ไหม?
หลายคนบอกว่าฉันนวดเก่งมาก แม้แต่เฮเฟสตัสกับ… อนูบิสยังออกปากชมไม่หยุดเลย”
วาห์นเกือบจะหลุดชื่อเอวาออกไปแล้ว เพราะเธอเป็นคนที่ช่วยเขาลับฝีมือจนเหนือกว่าเดิมอีกขั้น
โลกิตื่นเต้นกับข้อเสนอนี้มากและรีบนอนคว่ำลงบนโซฟาอย่างรวดเร็ว
“ได้โปรด อ่อนโยนกับฉันหน่อยนะ~” เธอมองเขาอยากเย้ายวนและพูดแบบเมาๆ
แน่นอนว่าวาห์นไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น
เขาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและวางฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนลำตัวของเธอ
แม้โลกิจะหัวเราะคิกคักในตอนแรก แต่ทันทีที่วาห์นเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เพราะวาห์นอยากให้เธอสงบลง เขาจึงนวดแบบเดียวกับที่เคยทำให้เฮเฟสตัสและอนูบิส
แม้เสื้อของเธอจะทำให้มองเห็นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้ไม่ชัดเจน แต่ก็มันก็ไม่ได้ลดทอนความสามารถของเขาลงไปมากนัก
ช่วงเวลาที่วาห์นวางมือบนแผ่นหลังของเธอ โลกิก็เริ่มตกใจก่อนจะสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว
เธออดคิดไม่ได้ว่าวาห์นนั้นได้ใช้เวทมนตร์แปลกๆ กับเธอ แต่เมื่อมือของเขาค่อยๆ ลากผ่านร่างกายและกดลงที่กล้ามเนื้อ เธอก็ยิ่งรู้สึกดีและสบายยิ่งขึ้น
โลกิสร่างจากอาการเมาทันที ขณะกัดฟันเพื่อหยุดยั้งความรู้สึกที่กำลังสร้างความปั่นป่วนไปทั่วร่างกาย
เธอพยายามหันกลับมามองเพื่อบอกให้เขาหยุด แต่ดูเหมือนว่าวาห์นนั้นกำลังเพ่งสมาธิไปที่การนวดเพียงอย่างเดียว
เพราะวาห์นไม่เคยใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ระดับ S กับใครมาก่อนนอกเหนือไปจากเอวา เขาเลยไม่รู้ว่าประสิทธิภาพของมันนั้นรุนแรงแค่ไหน
เนื่องจากร่างกายของเอวามีความต้านทานสูงอย่างไม่น่าเชื่อแถมยังฟื้นตัวได้แทบจะทันที วาห์นจึงคุ้นเคยกับการใช้ ‘คอมโบ’ แบบต่อเนื่อง รวดเร็ว และรุนแรง
ไม่ถึงนาทีหลังจากที่เขาเริ่มนวดตรงแผ่นหลัง ร่างของโลกิก็มีอาการชักเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเงียบไป
วาห์นได้ยินเสียงร้องเล็กน้อยและเห็นว่าเทพสาวกำลังกัดฟันแน่นเพื่อพยายามต่อต้านอย่างสุดความสามารถ
เขาหัวเราะในใจก่อนจะเสริมพลังที่นิ้วและใช้มันลากผ่านกระดูกสันหลังของเธอพร้อมกับเข้าเล่นงานจุดรวมประสาทตรงซี่โครงและหัวไหล่ด้วยมืออีกข้าง
ร่างกายของโลกิเริ่มสั่นสะเทือนอย่างหนักจนวาห์นรู้สึกได้ซึ่งก็หมายความว่าการนวดของเขานั้นกำลังไปได้สวย
เขายังคงนวดแผ่นหลังของเธอต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงมาจัดการกับส่วนที่เธอแสนภูมิใจนักหนา
ทว่าวาห์นกลับไม่ได้โจมตีมันโดยตรง เขาอยากแหย่เธอเล็กน้อยด้วยการลงไปเริ่มตรงกล้ามเนื้อส่วนต้นขาซึ่งก็ได้รับการตอบสนองอย่างรุนแรงจากเทพสาว
ตอนนี้โลกิหยุดกัดฟันของตัวเองลงแล้วพร้อมกับทำสีหน้าเหม่อลอยและอ้าปากพะงาบๆ คล้ายกับปลาที่ออกมาจากในน้ำนานเกินไป
วาห์นใช้นิ้วโป้งกดที่ต้นขาของเธอและส่งพลังงานของเขาลึกลงไปในกล้ามเนื้อซึ่งทำให้มันกระตุกไม่หยุด
เมื่อพอใจกับผลลัพธ์ที่เห็น วาห์นก็เลื่อนมือไปยังปราการด่านสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวสติของโลกิเอาไว้
เขาเริ่มกดลงที่กลุ่มประสาทรอบๆ บั้นท้ายของเธออย่างรุนแรง
วาห์นต้องยอมรับว่าเรื่องที่เธอโม้ไว้ก่อนหน้านี้นั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
บั้นท้ายของโลกิให้ความรู้สึกที่แน่นแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนนุ่ม
มันไม่เหมือนกับของเฮเฟสตัสที่นุ่มไปหมดและให้ความรู้สึกดี หรือของอนูบิสที่แน่นจนเด้งสู้กับแรงจับได้
บั้นท้ายของโลกินั้นเป็นส่วนผสมระหว่างทั้งสองแบบซึ่งทำให้มันเป็นอะไรที่น่าเย้ายวนและชวนให้อยากสัมผัสไปเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที วาห์นก็เตรียมหยุดมือเพราะดูเหมือนว่าโลกิจะไม่มีแรงทำอะไรต่อแล้ว
เธอนิ่งเงียบขณะนอนตายอยู่บนโซฟาพร้อมกับใบหน้าที่จมอยู่ในน้ำลายกองใหญ่
ขณะค่อยๆ หยุดมือลงนั้น วาห์นก็สัมผัสได้ว่ามีคนมากมายกำลังเดินตรงมาที่ห้อง
เขายกมือออกและเพ่งมองที่ประตูจนเห็นออร่าสองจุดที่มีสีชมพูเล็กน้อยซึ่งน่าจะเป็นของทีโอน่ากับไอส์
อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด ทีโอน่า ไอส์ ทีโอเน่ กับเลฟิย่าเดินเข้ามาในห้องและเห็นวาห์นกำลังคร่อมร่าง (ศพ) ของโลกิจากด้านข้าง
ทีโอเน่และเลฟิย่ามองเด็กหนุ่มแบบแปลกๆ ขณะที่ทีโอน่ากับไอส์นั้นมีปฏิกิริยาที่ต่างออกไปเล็กน้อย
ทีโอน่าดูเหมือนจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเขา รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เจ้าตัวแทบจะกระโดดเข้าไปหาวาห์น
ทว่าไอส์กลับจ้องไปที่มือของเขาด้วยความสนใจหน่อยๆ เพราะเธอน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าวาห์นเพิ่งจะทำอะไรลงไป
เพราะเขาหยุดมือลงแล้ว โลกิจึงได้สติกลับมาอีกครั้งก่อนจะมองไปทางสาวๆ ทั้งสี่ที่เพิ่งเข้ามาในห้อง
“ชช่วยย ด้วยย~ มะ-มันยังไม่หยุดเลยย~” เธอยื่นมือออกแล้วพูดราวกับเพิ่งโดนฉีดยาชาที่ลิ้น
ถึงตอนนี้ร่างกายของโลกิก็ยังไม่หยุดสั่นลงเลย
เธอประเมินความสามารถของวาห์นไว้ต่ำเกินและอยากจะหนีให้พ้นเงื้อมมือของเด็กหนุ่มก่อนที่จะเสียสติไปจริงๆ
ทีโอน่าเริ่มหัวเราะให้กับท่าทางขอความช่วยเหลือของโลกิก่อนจะพูดจาหยอกล้อ
“แม้แต่ท่านโลกิก็ต่อกรกับ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ของวาห์นไม่ได้สินะคะ”
เธอหัวเราะไม่หยุดราวกับเพิ่งจะค้นพบเรื่องที่น่าสนใจมาก พร้อมกับที่ไอส์เดินไปดูร่าง (ศพ) ของโลกิและพูดสั้นๆ
“กรรมตามสนอง”
เนื่องจากโลกิมักจะแหย่คนอื่นไปทั่วและบางครั้งก็พยายามลวนลามเธอด้วย ไอส์เลยรู้สึกว่านี่เป็นการแก้เผ็ดที่เจ็บแสบดี
พอเลฟิย่าที่กำลังหน้าแดงหนักได้ยินสิ่งที่ไอส์พูด เธอก็จ้องมองร่าง (ศพ) ของโลกิด้วยแววตาสะใจนิดๆ
เนื่องจากเอลฟ์สาวเป็นเป้าหมายที่ถูกแกล้งได้ง่ายที่สุด เธอจึงตกเป็นเหยื่อของโลกิอยู่บ่อยครั้ง
หน้าอกของเลฟิย่านั้นถูกลูบคลำมาไม่รู้กี่รอบซึ่งแม้แต่เธอเองก็เลิกนับมันไปนานแล้ว
การเห็นโลกินอนเละอยู่บนโซฟาทำให้เธอรู้สึกเคารพวาห์นมากขึ้นอีกนิด
คนเดียวที่ดูเหมือนจะสับสนอย่างแท้จริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นคือทีโอเน่ซึ่งกำลังมองดูฉากตรงหน้าด้วยความมึนงง
เธอหันสายตาออกจากวาห์นกับโลกิก่อนจะสบตากับผู้เป็นน้องและถามขึ้น
“ทีโอน่า นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”
ทีโอน่าตอบคำถามของทีโอเน่แบบติดตลก
“วาห์นมีวิชานวดที่สุดยอดมากเลยล่ะ~!
แค่แตะนิดๆ หน่อยๆ แม้แต่ชาวอเมซอนก็ต้องลงไปนอนครางเหมือนกับพวกมนุษย์แมว~!”
แม้ทีโอเน่จะยังสงสัยอยู่ แต่เธอก็เห็นว่าไอส์นั้นพยักหน้าให้กับคำกล่าวของทีโอน่าทันที
แววตาของของทีโอเน่ดูสนใจมากยิ่งขึ้นก่อนจะหันกลับมามองมือของวาห์นและโลกิที่ยังลุกไม่ขึ้นแม้จะผ่านไปพักหนึ่งแล้ว
เธอสงสัยจริงๆ ว่าฝีมือของวาห์นนั้นจะดีแค่ไหนกันเชียว
ในอนาคตอันใกล้ ทีโอเน่จะนึกย้อนกลับมาถึงช่วงเวลานี้และอยากเตือนตัวเองเหลือเกิน… ว่าเรื่องบางเรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์ก็ได้ว่ามันจะจริงหรือเปล่า
น่าเสียดายที่เธอในตอนนี้นั้นยังไม่ได้รู้ถึงความน่ากลัวอย่างแท้จริงของบุคคลที่อยู่ตรงหน้า…